ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1008
บทที่ 1008 ลางสังหรณ์ของผู้หญิง
ดวงตาสีดำมืดของหลงเซียวมองไปที่นอกหน้าต่าง นิ้วมือที่เรียวยาวถือโทรศัพท์ไว้ แววตาเป็นแววตาแห่งความลึกที่ไม่สามารถแยกออกได้
“เซียวเอ๋อ เป็นอะไรรึเปล่า?”
เธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของลูกชาย หยวนชูเฟินเดินเข้ามาถาม
ตั้งแต่ที่เมื่อสักครู่นี้ได้พูดคุยยาวๆ กับลูกชายแล้ว หยวนชูเฟินก็ไม่กล้าคุยกับลูกชายอีก ตอนนี้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่ เธอกลัวว่าถ้าหากเธอพูดอะไรมากไปกลับจะทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่อคติและรำคาญ
อันที่จริงแล้ว หลงเซียวควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีมาก ขณะที่เขาหันกลับมา ดวงตาของเขาก็กลับมาสงบลงแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ อีกสักพักผมก็จะกลับไปที่เมืองหลวง”
หลงเซียวมองดูหยวนชูเฟิน เมื่อเห็นใบหน้าอันเหนื่อยล้าของเธอ เขาก็รู้สึกเจ็บใจขึ้นมาทันใด
สิ่งที่เธอต้องแบกรับ มันมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย เสียดายความเก่งมากที่เขามี แม้แต่คนใกล้ตัวที่ใกล้ชิดกันมากที่สุดเขาก็ดูไม่ออก
“ไม่อยู่พักสักหนึ่งคืนแล้วค่อยกลับเหรอ? หรือว่ามีเรื่องด่วนต้องกลับวันนี้เลย?”
หยวนชูเฟินอยากใช้เวลาอยู่กับลูกชายให้นานกว่านี้ แต่เธอเองก็เข้าใจว่าลูกชายงานยุ่ง เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แล้วก็กำลังจะเตรียมตัวเริ่มงานชิ้นต่อไป
ต้องโทษเธอ เพราะว่าเร่งด่วนเกินไปเธอจึงไม่ได้คำนึงถึงร่างกายของลูกชาย
“ไว้วันหลังผมค่อยมาเยี่ยมคุณใหม่ พรุ่งนี้เป็นวันนัดสืบพยานของหลงถิง ผมกลับไปที่เมืองหลวงคุยเรื่องรายละเอียดกับทนาย” หลงเซียวอธิบายเหตุผลที่กลับไปอย่างคร่าวๆ
หยวนชูเฟินได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า “โอเค นายไปเถอะ ใช้หลักฐานที่นายมีอยู่ล้มเขาให้ได้! เซียวเอ๋อ ฝากความหวังไว้ที่นายแล้วนะ”
ในที่สุดก็จะถึงวันนัดสืบพยานสักที!
ใช่ เธอนึกออกแล้ว ช่วงเร็วๆ ที่ผ่านมานี้แหละ
ตามสไตล์การทำงานของหลงเซียวแล้ว ถ้าไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอ เขาไม่น่าจะโจมตีแรงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นหยวนชูเฟินจึงไม่ได้ถามต่อ เธอเชื่อว่าลูกชายของเธอสามารถจัดการได้เรียบร้อย
มือใหญ่ๆ ของหลงเซียวกอดไปที่ไหล่หยวนชูเฟิน เงาร่างที่สูงใหญ่กอดคุณแม่ที่ผอมลงไว้ในอ้อมแขน พร้อมพูดอย่างแน่วแน่และหนักแน่นว่า “แม่ไว้ใจได้เลย เรื่องนี้ให้ผมจัดการก็พอ”
“อ๊ายหย๋า เซียวเซียวมาได้ยังไงเนี่ย?”
หลงเซียวหยิบเสื้อกันลมบนโซฟาขึ้นมา เพิ่งใส่เข้าไปก็ได้ยินเสียงที่มีความสุขของส้งชิงเซวี๋ยน
เสียงที่ตามมานั้นเป็นเสียงของเจมส์ที่ไม่ค่อยดีใจสักเท่าไหร่ “หลงเซียว นายก็มาร่วมสนุกด้วยเหรอ”
หลงเซียวไม่ได้สนใจคำพูดของเจมส์ เขาทำเหมือนว่าเขาไม่อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ เขาแค่พยักหน้าต่อส้งชิงเซวี๋ยน “สองสามวันนี้รบกวนคุณลุงส้งช่วยดูแลคุณแม่ของผมหน่อยนะครับ วันหลังผมจะเลี้ยงน้ำชาคุณลุงนะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็ชี้ไปที่ประตู “อย่าบอกนะว่านายกำลังจะไป? ในเมื่อจะดื่มชากัน หาวันนัดใหม่สู้ดื่มวันนี้เลย ดื่มวันนี้เลย ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ทะเลสาบตะวันตก ก็ต้องดื่มทะเลสาบตะวันตกชาหลงจิ่งสักแก้วสิ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ส้งชิงเซวี๋ยนอยากดึงหลงเซียวไว้นั่งดื่มชาพูดคุยกันมากๆ ทัศนคติของทั้งคู่ค่อนข้างเหมือนกัน หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือหลงเซียวพูดสนทนากับผู้คนเก่งมาก สามารถชวนเขาคุยจนมีความสุขได้ทุกวันเลย
หลงเซียวยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ชาหลงจิ่งผมขอติดไว้ก่อน มารอบหน้าเราจะดื่มกันให้สาสมใจ”
ส้งชิงเซวี๋ยนจับไปที่คางอย่างรู้สึกเสียดาย “ดูเหมือนว่าวันนี้คงรั้งนายไว้ไม่อยู่แล้วสิ ก็ได้ นายกลับไปก่อน ที่นี่ฉันดูแลเอง นายวางใจได้เลย!”
หลงเซียวพยักหน้าพร้อมอมยิ้ม
ใช่ เขาวางใจได้
ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกหรือเหตุผลเขาไม่มีอะไรต้องห่วง ถ้าเป็นไปตามที่ลั่วลั่วพูด คุณลุงส้งมีความรู้สึกบางอย่างต่อคุณแม่จริงๆ พอมาคิดเอาตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยคุณแม่ยังมีคนคอยดูแลเธออยู่ข้างๆ อย่างจริงใจ
เมื่อเจมส์เห็นว่าเขากำลังจะไป เขาก็เริ่มรู้สึกงอแงไม่อยากให้เขาไป “นี่ นายจะไปจริงๆ เหรอ?”
หลงเซียวทำตาโตมองไปที่เขา “ทำไมเหรอ? มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
เจมส์ทำคอแข็งๆ ไว้พร้อมพูดอย่างปากแข็งว่า “ไม่มีเรื่องอะไรนิ รีบไปเถอะ อย่ามาแย่งคุณน้าหยวนกับผมนะ”
แววตาของหลงเซียวไม่เปลี่ยนไป แต่ถ้ามองดูดีๆ จะเห็นว่ามีรอบยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ไอ้หนุ่มนี่……ยังถือว่ามีประโยชน์อยู่
คิดไปสักพัก หลงเซียวก็เดินมาถึงหน้าประตูของวิลล่าแล้ว เขาโน้มตัวลงแล้วขึ้นรถไป
จี้ตงหมิงรอเขาอยู่ข้างนอก เขาคิดว่าจะได้รับคำสั่งพิเศษอะไรเสียอีก ไม่คาดคิดว่าบอสเดินออกมาโดยตรงเลย
“บอสครับ ตรงไปที่สนามบินเลยไหมครับ?”
“อืม นั่งไฟล์ทบินที่ไวที่สุดกลับเมืองหลวง นัดหลินเค่อเฟยมาเจอกันคืนนี้”
“ครับ”
จี้ตงหมิงติดต่อบริษัทการบินไปโดยตรง เพราะเป็นลูกค้าVIPสูงสุดของพวกเขา ก็ได้รับสิทธิ์ทำการซื้อตั๋วเครื่องบินก่อน อีก1ชั่วโมงครึ่งก็จะมีไฟล์ทบินบินไปยังเมืองหลวง
จากนั้น จี้ตงหมิงก็โทรหาหลินเค่อเฟย
หลินเค่อเฟยกำลังดูหลักฐานที่มีอยู่ กำลังคิดว่าจะเอายังไงกับการสู้คดีของวันพรุ่งนี้ดี บนโต๊ะทำงานมีเอกสารวางเต็มไปหมด มีหมายเหตุเขียนเต็มหน้ากระดาษไปหมด
คดีที่ซับซ้อนวุ่นวายนี้ ยุ่งยากพอๆ กับข้อพิพาทของธุรกิจสากล คนสองคนที่สู้กันก็คือคนทั้งสองที่มีค่าตัวหมื่นล้านแสนล้าน
“ครูครับ ครูแน่ใจเหรอครับว่าหลงถิงเป็นฆาตกร?”
ตรงข้ามโต๊ะทำงาน ศิษย์รักของหลินเค่อเฟยROSAถามคำถามออกมา
หลินเค่อเฟยเงยหน้าขึ้น แล้วดันแว่นตรงสันจมูก “เธอมีความเห็นอื่นหรือ?”
ROSAเคยช่วยลั่วหานสู้คดีเรื่องการซิ่งรถจนชนะไป ก็เลยได้รับความเอ็นดูจากหลินเค่อเฟย เพราะฉะนั้นจึงให้เธอมาเป็นผู้ช่วยของตนในคดีนี้
แม้ว่าเธอจะยังสาว แต่ความคิดของเขารอบคอบมากไม่มีจุดโหว๋อ ไม่ว่าจะมองเรื่องหรือคนเธอก็ดูออกได้แม่นมาก
จุดนี้กำหนดไว้ว่าเส้นทางทนายของเธอจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน
“ฉันไม่กล้าแน่ใจว่าหลงถิงเป็นฆาตกรโดยตรงในคดีครั้งนี้หรือไม่ แต่ถ้ามองตามเอกสารและท่าทีของหลงถิงแล้วเนี่ย ฉันคิดว่าอย่างน้อยไม่ใช่แค่หลงถิงคนเดียวที่สามารถทำการฆาตกรรมที่มันรอบคอบขนาดนี้ได้”
หลินเค่อเฟยพยักหน้า เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อ
“ครูยังจำคดีที่เราสู้กันเมื่อปีที่แล้วได้ไหม? มองผิวเผินมันดูเป็นการฆาตกรรมที่ป้องกันตัวจากความรุนแรงภายในครอบครัว ทั้งผู้พิพากษาและเหล่าคณะลูกขุนต่างก็มองว่าผู้เสียชีวิตสมควรเสียชีวิต แต่เมื่อพวกเราขุดคดีนี้ลงไปเรื่อยๆ เราก็เจอข้อบกพร่อง”
ดวงตาที่ใจเย็นและใสสะอาดของROSAมองไปที่หลินเค่อเฟย ใช้สายตาของตัวเองเตือนให้เขาคิดเกี่ยวกับคดีนี้ให้ดีๆ
มือทั้งสองข้างของหลินเค่อเฟยวางไว้บนโต๊ะ เขาครุ่นคิด
คดีนั้น่าจดจำจริงๆ ตอนนั้นลูกค้าขอให้พวกเขาไปเป็นทนายแก้ต่าง หลังจากที่หลินเค่อเฟยเห็นหลักฐานแล้วก็ปฏิเสธทันที นั่นเป็นคดีที่ไม่ต้องสู้ก็รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว
ขณะที่โดนทำร้ายร่างกาย เพราะความหวาดกลัวภรรยาจึงใช้มีดหั่นผักฆ่าสามีตัวเองเพื่อป้องกันตัว
ครอบครัวของผู้ตายยืนยันว่าลูกชายของตนไม่มีทางใช้ความรุนแรงทางครอบครัว แต่หลักฐานทุกอย่างแสดงออกว่าเขาเคยมีคดีใช้ความรุนแรงในครอบครัว
หลังจากที่ROSA ฟังคำให้การของทางครอบครัวจบ เธอก็ดูหลักฐานและพูดกล่อมให้เขารับคดีนี้ไว้
หลังจากนั้นพวกเขาก็สืบหาหลักฐาน ถึงขั้นที่ใช้วิธีพิเศษถึงได้ทราบว่า เพราะภรรยาของผู้ตายมีชู้ สามีโกรธมากจึงลงมือตบตีเธอ เธอก็เลยเล่นตามแผนแล้วเล่นเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่
แล้วบีบบังคับให้ผู้ตายลงมือรุนแรงในขณะที่อารมณ์ไม่คงที่ เธอจึงฉวยโอกาสตัดสินใจฆ่าคน
หลินเค่ยเฟยคิดย้อนกลับมาได้ แล้วเขาก็มองดูหลักฐานอีกครั้ง “คุณรู้สึกว่าหลงถิงไม่ใช่ฆาตกร?”
ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า พวกเขากำลังจะแพ้คดีนี้?
ROSA เบะปาก แล้วเอามือจับไปที่แก้มอย่างใจเย็น แล้วเดินไปมาอยู่ในห้องทำงาน “ถ้าฆ่าคนต้องมีเหตุจูงใจในการฆ่าที่แน่วแน่ แต่ฆ่าคนทั้งครอบครัว10กว่าคนในทีเดียว มันต้องมีเหตุจูงใจการฆ่าที่หนักแน่นกว่านี้ หลงถิงเพื่อแค่ต้องการเงินของมู่เส้าเอินเท่านั้นเหรอ? ถึงขั้นที่ต้องฆ่าทั้งครอบครัวเลยเหรอ? เขาไม่ได้โง่สักหน่อย ฆ่าคนแล้วต้องชดใช้เป็นเรื่องปกติ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้”
หลินเค่อเฟยเคยคิดถึงจุดนี้ “แต่คนเราทุกคนก็มีตอนนี้ความโลภมันกลืนกินเราจนเราเสียสติ แล้วอีกอย่างตอนนั้นเขายังหนุ่ม คุณอย่าลืมนะ คุณหยวนชูเฟินเป็นว่าที่ภรรยาของมู่เส้าเอินก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนะ สิ่งที่หลงถิงต้องการมีผู้หญิงของเขาด้วย”
เงิน ผู้หญิง
มากพอที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเป็นบ้า
ROSA ส่ายหน้า พยักหน้า แล้วส่ายหน้าอีกที “ฉันรู้สึกว่ามันไม่ง่ายแค่นั้น”
“เหตุผล?”
“ลางสังหรณ์ของผู้หญิง”