ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1030
บทที่ 1030 คำนวณได้ทั้งหมด
“หลังจากฉันพิจารณาเสร็จแล้วค่อยบอกกับคุณ ทนายของฉันจะพูดคุยกับคุณ”
เจิ้งซินเลียนแบบน้ำเสียงกับสีหน้าของเขาเมื่อกี้ คืนกลับอย่างสง่างามหนึ่งที
ตู้หลิงเซวียนไม่รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด พยักหน้าอย่างเยือกเย็น “ได้ ผมรอคำตอบของคุณ ผมเชื่อว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง”
เจิ้งซินหยิบกระเป๋าขึ้นมา หางตาพินิจพิเคราะห์เชี่ยวชาญสิ่งที่อยู่ต่อหน้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหลงเซียวที่ใช้มาเมื่อกี้ คนเดินออกไปไกลแล้ว กลิ่นยังเหมือนมีดั่งไม่มี เวลาที่อยากจะไล่จับก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนอีก
ถ้าหากว่าได้อยู่ด้วยกันกับหลงเซียวจริงๆ คงจะเดี๋ยวได้รับเดี๋ยวเสียไปมั้ง?
เจิ้งซินก้มหัวลง อารมณ์ที่กวาดผ่านสายตาไม่ได้หลบพ้นสายตาของตู้หลิงเซวียน
“สิ่งที่คุณเห็นไม่ใช่ความฉลาดของฉัน แต่เป็นฐานะของฉันมั้ง?” หนึ่งคำพูดของเจิ้งซินเปิดโปงเขา
ตู้หลิงเซวียนก็ไม่ได้โต้กลับด้วย “เช่นกัน เช่นกัน”
เจิ้งซินดึงเก้าอี้ออกลุกขึ้นมา “เสพสุขกับอาหารเที่ยงของคุณต่อเถอะ”
ตู้หลิงเซวียนผลักยูเอสบีไปยังฝั่งโน้นของเธออีกครั้งผลักแล้วผลักอีก “เพื่อที่จะแสดงถึงคำพูดของผม อันนี้มอบให้กับคุณ จะเปิดโปงหรือไม่คุณตัดสินใจเองไม่ว่าสิ่งที่คุณเลือกคืออะไรผลลัพธ์ล้วนเป็นผมรับผิดชอบ อย่าลืมล่ะ วันหลังพวกเราเป็นสามีภรรยากัน”
เหอะๆ!
สามีภรรยากันหรือ?
เขาช่างเข้าสู่บทบาทเร็วนะ
เพียงแค่ทุกครั้งเขาย้ำสองคำนี้ ล้วนยิ่งเพิ่มความรู้สึกคลื่นไส้จากใจของเจิ้งซิน ผู้ชายคนนี้สามารถพูดถึงการแลกเปลี่ยนประโยชน์ได้สมเหตุสมผลขนาดนั้นได้ยังไงหรือ!
เจิ้งซินหยิบยูเอสบีขึ้นมาดูแล้วดูอีก “ได้สิ! ฉันเก็บไว้แล้ว!”
ยังไงก็ตามหลงเซียวรู้แล้วว่าตู้หลิงเซวียนทำขึ้นมาเอง ถึงแม้ว่าเธอเปิดโปง หลงจื๋อก็จะเพียงแค่มาหาตู้หลิงเซวียนคิดบัญชี จะไม่พัวพันถึงตัวของเธอ!
จ้องมองเจิ้งซินออกไป ตาที่มืดดำของตู้หลิงเซวียนยิ่งเข้มมืดลงหลายส่วน
นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาจับแก้วไวน์ไว้ เงยหน้าดื่มไปคำใหญ่หนึ่งที ของเหลวที่เย็นเข้าไปในคอ เย็นจนถึงในใจ
อืด อืด
มือถือที่อยู่ในกระเป๋าอยู่ดีๆสั่นไปหนึ่งที ตู้หลิงเซวียนขมวดระหว่างคิ้วแน่น จ้องมองหมายเหตุที่อยู่บนหน้าจอ สงบสักหน่อยจึงรับสาย
“แด๊ดดี้”
“เควิน แผนของเมืองเจียงเฉิงผมได้ยินมาแล้ว การหมุนพลิกในท้ายที่สุดสนุกมาก”
นิ้วมือตู้หลิงเซวียนกดทับขมับไว้ กลับห้ามเส้นเลือดเขียวที่เต้นตุกๆไว้ไม่อยู่ “ดึกขนาดนี้แล้ว แด๊ดดี้ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ?”
อเมริกาฝั่งโน้นเป็นคืนดึก นึกไม่ถึงแด๊ดดี้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้อยู่?
หลังจากที่เขาถอยออกจากการบริหารของบริษัทแล้ว น้อยมากที่จะเข้าแทรกเข้าร่วมการเคลื่อนไหวของวงการธุรกิจ อยู่ดีๆทำไมสนใจถึงโครงการล่ะ?
ตู้เฉิงเย่นั่งอยู่ห้องหนังสือของตู้หลิงเซวียนในบ้านที่อยู่อเมริกา บนโต๊ะวางรูปถ่ายรวมทั้งสามคนในครอบครัว ตู้หลิงเซวียนที่อยู่ในนั้นเพิ่งจบด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บนกายสวมใส่ชุดปริญญาโทอยู่ บนใบหน้าที่หล่อสดใสเต็มเปี่ยมด้วยแสงอาทิตย์
“เควิน แกไม่จำเป็นต้องแย่งชิงโครงการของเมืองเจียงเฉิง แพ้แล้วก็ไม่เป็นไร กิจการของบริษัทหลันเทียนมีพอสมควรแล้ว”
หลังจากได้ยินข่าว ตู้เฉิงเย่พลิกไปพลิกมายากที่จะนอนหลับสุดท้ายก็ยังตัดสินใจโทรหาลูก
ตู้หลิงเซวียนอมยิ้มหนึ่งที
แพ้แล้วหรือ? ไม่เป็นไรหรือ?
เขาไปมาอยู่ในวงการธุรกิจหลายปีขนาดนี้ สิ่งที่ไม่ยอมที่สุดก็คือแพ้!
“โครงการของเมืองเจียงเฉิงผมจัดเตรียมอย่างเต็มเปี่ยม แผนของผมใช้ได้ตามจริงที่สุด บริษัทอึนเคอฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ ระดับความยากที่จะดำเนินการเป็นจริงที่จริงแล้วใหญ่มาก เรื่องนี้ผมมีความบันยะบันยัง แด๊ดดี้วางใจได้”
ความคิดของตู้หลิงเซวียนกับบิดาแตกต่างกันอย่างมาก
บิดาเป็นคนที่สบายๆคนหนึ่ง หลังจากถอยออกจากอำนาจสูงสุดก็ไปใช้ชีวิตที่สบาย แต่เขาไม่เหมือนกัน เขาได้ฝึกฝนความสามารถที่ฝืนทวนความยากขึ้นไปมานานแล้ว ไม่กลัวการท้าประลองใดๆ!
ตู้เฉิงเย่ก็ไม่เหมาะที่จะพูดยืนหยัดมากเกินไป นิสัยของลูกเขาก็รู้ “เควิน แกก็ไม่เด็กแล้ว เรื่องของตนเองก็ควรเลือกวันไว้แล้วล่ะ?”
แท้ที่จริงแล้วยิ่งอยากจะพูดว่า อย่าไปติดพันกับแอนน่าจนไม่ยอมปล่อยมือมาโดยตลอด
แต่กลัวว่าจะสะเทือนบาดแผลของลูก ไม่ได้พูดออกจากปาก
“ใกล้แล้ว แด๊ดดี้สามารถปรึกษาหารือกับหม่ามี๊ว่าจะจัดเตรียมงานแต่งได้ยังไง”
คำพูดตู้หลิงเซวียนไม่ทำให้คนตื่นตกใจจนตายคงไม่ยอม พูดจนคนที่อยู่โทรศัพท์ฝั่งโน้นอึ้งชะงักแล้ว
“งานแต่งงานหรือ?”
แม้แต่คู่ก็ยังไม่มี จัดงานแต่งงานกับใครล่ะ?
“ใช่ครับแด๊ดดี้ ผมน่าจะใกล้แต่งงานแล้ว อย่างน้อยจะหมั้นไว้ก่อน” ตู้หลิงเซวียนเหมือนไม่รู้ตัวถึงว่าคำพูดของตนเองพูดออกมากะทันหันขนาดไหน ทำให้ท่านปู่ตื่นตะลึงขนาดไหน!
ลูกชายของเขา เป็นคนที่อายุสามสิบต้นๆแล้ว มีการคบรักกับใครจริงๆก็เพียงแค่ครั้งเดียว กับแอนน่าก็ไปถึงขั้นที่พูดคุยเรื่องการแต่งงานด้วยแล้ว แต่ว่า…….
แต่หลายปีที่ผ่านมานี้เขาล้วนไม่เคยมีความรักเกิดขึ้นมาอีก ทำให้พวกเขาคู่สามีภรรยาเป็นห่วงไม่น้อยจริงๆกลัวว่าลูกชายของตนเองจากนี้ไปจะสูญเสียความสนใจกับผู้หญิงอย่างมาก การสืบตระกูลของตระกูลตู้พบกับคอขวดนึกไม่ถึงลูกชายอยู่เงียบๆไม่เอ่ยอะไรทำเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง!
“ใครหรือ? สาวบ้านไหนหรือ?”
“ลูกสาวของเจิ้งเฉิงหลิน เจิ้งซิน แด๊ดดี้น่าจะคุ้นเคยนะ”
“…….” ฝั่งโน้นเงียบไปอีกหนึ่งที “เธอ…….ไม่ใช่มีเรื่องกับหลงเซียวอย่างสับสนอลหม่านหรือ? พวกแกทำไม……..” พูดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
“เป็นข่าวลือเท่านั้น เชื่อถือไม่ได้ เดี๋ยวผมจะพาเธอไปพบกับท่านและหม่ามี๊ ดึกเกินไปแล้ว แด๊ดดี้พักผ่อนเถอะ”
“แก…….ได้ล่ะ แกเป็นคนที่รู้จักพอเหมาะพอควร แด๊ดดี้ไม่พูดมากแล้ว”
……
ชั้นบนสุดของโรงแรม
“พี่ชายใหญ่ วิดีโอเปิดโปงออกไปไม่ได้นะ ถ้าหากแชร์ออกไป เสี่ยวจื๋อก็จะกลายเป็นขโมยแล้ว ผลสะท้อนเลวร้ายเกินไป ถึงแม้ว่าพวกเราทำการประชาสัมพันธ์ฉุกเฉิน เกรงว่าก็จะสร้างความเสียหายอย่างมากด้วย”
เกาจิ่งอานเต้นกระโดดอย่างไฟไหม้ถึงคิ้ว ส่วนหลงเซียวกลับนั่งอยู่บนโซฟาอ่านเอกสาร
“ความสัมพันธ์ของตู้หลิงเซวียนกับเจิ้งซิน ดูเหมือนไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” อยู่ดีๆหลงเซียวโผล่ออกมาประโยคหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
“แน่นอนแล้ว! พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันมานานแล้ว ไม่งั้นเจิ้งเฉิงหลินจะช่วยเขาได้ยังไงล่ะ?”
“วันนี้ตอนที่กินข้าว เจิ้งซินก็อยู่ในร้านอาหารเช่นกัน” หลงเซียวเงยหน้าขึ้นอมยิ้ม
เกาจิ่งอาน “……..”
มีหรือ? ทำไมเขาไม่รู้ล่ะ?
“เจิ้งซินกับตู้หลิงเซวียนล้วนรู้เรื่องของวิดีโอ พวกเขาเอาวิดีโอมาคุกคามผม พูดได้ว่านอกจากนี้แล้วพวกเขาไม่มีวิธีที่สองแล้ว”
อีกทั้ง เจิ้งซินอยู่ในนั้น……..เหอะๆ!
หลงเซียวจ้องมองนาฬิกาข้อมือหนึ่งที นับเวลา เธอน่าจะใกล้มาถึงแล้ว
เกาจิ่งอานเกาหัวต่อๆกัน “พี่ชายใหญ่ คุณพูดชัดเจนกว่านี้อีกหน่อยได้ไหม?”
“อย่ารีบร้อน อีกสักครู่แกก็รู้เอง ไปรออยู่ในห้องนอนก่อน” หลงเซียวลูบใต้คางให้เกาจิ่งอานหาห้องนอนเข้าไปหลบอยู่
เกาจิ่งอาน “……..”
เหมือนอย่างที่คิด ในเวลานี้เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้ว
เกาจิ่งอานจ้องมองประตู จ้องมองพี่ชายใหญ่ “……..”
มีญาณรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าหรือ?!
“เข้ามา”
หลงเซียววางเอกสารลง เอ้อระเหยนั่งอยู่ที่นั่น
เจิ้งซินผลักประตูเข้ามา รูปร่างที่อรชรอ้อนแอ้นบุคลิกดีไม่มีที่สิ้นสุด เส้นผมหมัดหนึ่งไหลลงสู่กระดูกไหปลาร้า ลักษณะที่ตั้งใจตกแต่งมามีเสน่ห์อย่างมาก “ดูเหมือนคุณคาดเดาได้ว่าฉันจะมา”
ไร้สาระ ไม่งั้นเธอจะรู้หมายเลขห้องของเขาได้ยังไง
เขาตั้งใจทำให้การ์ดของห้องนอน “ตกอยู่” ใต้จานของโต๊ะอาหาร โผล่มุมออกมาด้านหนึ่ง เจิ้งซินติดเบ็ดแล้วจริงๆ
เจิ้งซินจับการ์ดใบนั้นอยู่ในมือ “คุณเหลืออันนี้ไว้ คือตั้งใจเตือนฉันใช่ไหม?”
“ใช่หรือไม่ สำคัญหรือ? คุณเจิ้งยืนอยู่ที่นี่แล้ว” สีหน้าหลงเซียวเย็นชา ใบหน้าดั่งแกะสลักห่างเหินราบเรียบ
เจิ้งซินโยนการ์ดห้องนอนไว้บนโต๊ะ “ในเมื่อคุณคาดเดาได้ว่าฉันจะมา น่าจะคาดเดาจุดประสงค์ที่ฉันมาได้”
หลงเซียวไม่พูดสักคำ “โอ๊ะ?”
“ไม่ต้องแกล้งทำแล้ว คุณไม่ใช่รออันนี้อยู่หรือ?”
เจิ้งซินเปิดกระดุมในกระเป๋าออก หยิบยูเอสบีที่ตู้หลิงเซวียนให้กับเธออยู่ข้างใน เปลือกโลหะหักเหแสงแดดที่แวววาว แสงอาทิตย์ สะท้อนถึงนัยน์ตาเธอ
หลงเซียวหมุนตา แอบยิ้ม “ดังนั้นล่ะ?”
“ตู้หลิงเซวียนเอายูเอสบีให้ฉันแล้ว ความหมายของเขาชัดเจนมาก ให้ฉันช่วยเขาเปิดโปง” เจิ้งซินจับยูเอสบีอย่างแน่น สายตาสับสนจ้องมองหลงเซียว
“อืม?”
เสียงแหบเข้มต่ำของหลงเซียว เปล่งออกมาแค่คำเดียว
แต่จงใจจะทำให้คนหลงใหลแทบตาย น่าฟังแทบตาย
เจิ้งซินกัดฟัน “ฉันสามารถเอายูเอสบีให้คุณ แต่เป็นการแลกเปลี่ยน คุณจะต้องเอาหลักฐานที่จับกุมอยู่ในมือ มอบให้กับฉัน”
เกาจิ่งอานติดกับประตูเอียงหูตั้งใจฟัง หลักฐานอะไรหรือ?
ยังมีอีก เจิ้งซินได้ยูเอสบีมาได้ยังไงหรือ?
ตาที่ลึกล้ำของหลงเซียวไม่มีลูกคลื่น นิ้วมือดั่งหยกเคาะหัวเข่าต่อๆกัน “ฟังแล้ว ดูเหมือนไม่ค่อยคุ้มมาก”