ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1046
บทที่ 1046 กล้ามาก
“หลายปีนี้ ฉันมีศัตรูตัวฉกาจอยู่คนหนึ่ง เพื่อเล่นงานฉัน ใช้วิธีต่างๆนานา แต่ฉันคิดว่าเขาคงไม่ถึงขั้นลงมือกับหมอแอนน่า เพราะสถานะของแอนน่าค่อนข้างพิเศษ”
Merrickอยากพูดชื่อMAX แต่คิดแล้วคิดอีก MAXไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่รู้สถานะของแอนน่าเหรอ?
หลงเซียวไม่ใช่คนกินเจ
เกาจิ่งอานนวดขมับอย่างอ่อนแรง ความอดทนของเขามาถึงสุดขีดแล้ว “Merrick ผมให้คุณพูดสาระสำคัญ ไม่ได้ให้คุณเล่านิทาน”
บ้าเอ้ย ต้องให้เขาโมโหใช่ไหม?
เขาดูว่างมากใช่ไหม?
Merrickยิ้มแห้ง “คนคนนี้ชื่อ MAX”
ได้ยินชื่อฝ่ายตรงข้าม มือที่กำลังนวดขมับก็หยุดชะงัด จ้องหน้าMerrickอย่างไม่ค่อยแน่ใจ มองใบหน้าอาการป่วยของเขาตั้งแต่ใบหน้าคิ้วถึงคาง แล้วจากคางถึงหน้าผาก “คุณบอกว่า ศัตรูของคุณคือMAX?”
มันจะบังเอิญเกินไปไหม?
Merrickมีเรื่องในครอบครัวบางอย่างที่เป็นเรื่องน่าอายที่จะให้คนนอกรู้ “ใช่ ก็คือเขา ถ้ามีคนกล้าทำเรื่องถึงขั้นนี้ ผมว่าคงมีแค่เขาแล้ว”
ถ้ายิ่งคิดถึงสาเหตุต่างๆ เขายิ่งแน่ใจว่าเป็นMAX
หลายวันก่อนแอนน่าไปดูคฤหาสน์เขา หรือว่าเขารู้แล้ว จากนั้นก็เป็นเขาที่ลงมือกลับ ถึงมีเหตุการณ์วันนี้
เบาะแสทุกอย่างรวมกัน ทำให้Merrickรู้สึกเสียวสันหลัง คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดนี้
“เขาอยู่ไหน?” เกาจิ่งอานถามคำถามที่ไม่อาจมีคำตอบได้
คำตอบตามคาด Merrickไม่รู้
“ขอโทษด้วย พวกเราไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแล้ว ฉันไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเขาเลย ฉันอยู่ที่แจ้ง เขาอยู่ที่ลับ ถ้าอยากหาเขาให้เจอ ก็ต้องล่อเสือออกจากถ้ำ”
จุดยืนของMerrickชัดเจน เขายืนข้างแอนน่า ไม่ได้จงใจปกป้องMAX เพียงแค่เกาจิ่งอานยังไม่รู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ไม่มีความรู้สึกอะไร
“ล่อเสือออกจากถ้ำเป็นวิธีที่ดี แต่จะใช้อะไรล่อ? ถ้าเขาเป็นคนไหวพริบดีขนาดนั้น สามารถหลบบอดี้การ์ดได้……” เกาจิ่งอานมองหน้าบอดี้การ์ดอย่างไม่แน่ใจ คิดในใจว่าเขาเป็นเด็กใหม่หรือเปล่า ?
บอดี้การ์ดที่รู้สึกผิดอยู่แล้ว พอถูกเขามองแบบนี้ ยิ่งอยากเอาหัวมุดลงไปในพื้น
“พอดูออกว่าเขาพอมีฝีมือ เพราะฉะนั้นวิธีปกติคงไม่ได้ผล ต้องคิดหาวิธีที่รอบคอบ ไม่อย่างนั้นจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้าหากเขาไม่เก็บคนไว้…..” เกาจิ่งอานถูกความคิดตัวเองทำให้ตกใจจนขนลุก
Merrickคิดไปสักพัก พูดขึ้นเสียงเรียบ “เขาไม่ใช่คนแบบนั้น ในเมื่อเป้าหมายเขาคือฉัน เหยื่อที่ดีที่สุดก็คือฉัน”
เกาจิ่งอานกะพริบตา “คุณ?”
ดูไม่ออกว่านายคนนี้ก็ใจกล้าไม่เบา กล้าใช้ชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยง
“ใช่ แอนน่าเป็นหมอของผม ผมมีหน้าที่ต้องปกป้องเธอ เป็นเพราะผม เธอถึงถูกศัตรูผมจับตัวไป ผมต้องช่วยเธอออกมาอยู่แล้ว”
และสาเหตุสำคัญคือ เจมส์จะมาอังกฤษแล้ว เขาไม่มีคนให้ ต้องจบไม่สวยแน่
ตายในมือของราชวงศ์ น่าเกลียดกว่าตายในมือMAXอีก
เกาจิ่งอานไม่เข้าใจความหมายนี้ เพราะฉะนั้นจึงให้คะแนนMerrickในใจสูงพอสมควร คิดไม่ถึงว่าคนอังกฤษก็มีสัจจะเหมือนกัน
หยุดความคิดไว้ก่อน ต่อมาต้องวางแผนการอย่างละเอียด จะทำยังไงให้MAXติดกับ จะเอาคนกลับบ้านยังไงอย่างปลอดภัย ห้ามผิดพลาดแม้แต่ก้าวเดียว
——
“คุณพูดอะไร?”
ซุนปิงเหวิน มือที่ถือโทรศัพท์กระตุกจนเห็นเส้นเลือด กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุกด้วยอาการโกรธ กาแฟในมือก็ขว้างลงพื้น แตกเป็นชิ้นเล็กๆ
“ฉันพูดชัดเจนแล้ว คนของเราพลั้งมือ ระหว่างนั้นมีคนอื่นโผล่มา ไม่เพียงพาฉู่ลั่วหานไป ยังเอาคนของเราไปด้วย”
คนทางโน้นพ่นควันออกไป ทำเสียง แล้วถอนหายใจยาว
ซุนปิงเหวินก้นกระโดดนั่งบนเก้าอี้ สองเขาที่ไร้ความรู้สึกเหมือนมีอาหารเจ็บขึ้นกะทันหัน ตั้งแต่ขาถึงฝ่าเท้า เจ็บเหมือนถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทง
พลาด
คนกลับถูกจับไป
ถ้าอย่างนั้น……สิ่งที่เขาทำก็จะถูกหลงเซียวรู้ จากนิสัยและฝีมือหลงเซียว……
ซุนปิงเหวินค่อยๆก้มหน้ามองขาของตัวเอง มือที่เปียกจากกาแฟวางบนขา มือของเขากำลังสั่น
ชีวิตของเขายังรักษาไว้ได้ไหม?
บริษัทของเขา ทุกอย่างของเขา ครอบครัวชีวิตของเขา แล้วก็โม่หรูเฟยกับลูกในท้องของเธอ จะต้องสูญเสียไปหรือไม่?
ซุนปิงเหวินไม่กล้าคิด
“เงินฉันจ่ายไปแล้ว พวกแกทำงานพลาด ความรับผิดชอบก็อยู่ในตัวพวกแก ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแม้แต่น้อย”
ซุนปิงเหวินคอแข็ง น้ำเสียงแข็งทื่อ
คนทางโน้นสูบบุหรี่อีกคำ “คุณซุน ตามหลักแล้ว พวกเราไม่ขายคุณอยู่แล้ว แต่คนของผมอยู่ในมือพวกเขา พวกเขาจะใช้วิธีอะไรในการบังคับ ผมก็ไม่รู้ พวกเขาสองคนจะทนกับการทรมานไหวแล้วปิดความลับอยู่ไหม ผมก็ไม่แน่ใจ”
ซุนปิงเหวินโกรธจนกัดฟัน “พวกแกรับเงินทำงาน จำเป็นต้องช่วยคนจ้างงานปกปิดความลับอยู่แล้ว”
“คุณซุน ไม่มีอะไรคือจำเป็น อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ แบบนี้ งานพลาด คุณจัดการคนแค้นไม่ได้ ผมก็เสียวนักฆ่าไปสองคน ถือว่าจบกัน สำหรับเงินของคุณ ต้องขอโทษจริงๆประธานซุน ลูกน้องสองคนมีทั้งคนแก่ทั้งลูกที่ต้องเลี้ยง ผมขอขอบคุณครอบครัวพวกเขาแทนคุณ”
คนทางโน้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดความจริง แต่ซุนปิงเหวินก็เอาอะไรมาคัดค้านไม่ได้
คนสังคมแบบนี้จะหาสัจจะกับความซื่อสัตย์ที่ไหน
บ้าเอ้ย สัตว์นรกทั้งพวก
เพร้ง
ซุนปิงเหวินโมโหขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ห้องหนังสือมีคนเปิดประตูเข้ามา
“เป็นอะไร? เมื่อกี้คุยโทรศัพท์เสียงดังขนาดนั้น ฉันอยู่ข้างนอกยังได้ยิน
โม่หรูเฟยเข้ามาก็เห็นแก้วกาแฟบนพื้น กาแฟสาดเต็มพื้น
ซุนปิงเหวินดึงเนกไทออกอย่างโมโห ใช้แรงเกินไป กระดุมเม็ดบนถูกดึงหลุดลงมา “คนไม่ตาย”
โม่หรูเฟยตะลึง รีบปิดประตู หลังพิงที่ประตู ท้องที่นูนขึ้นใหญ่มากแล้ว “คุณว่า……ฉู่ลั่วหานไม่ตาย?”
ซุนปิงเหวินใช้มือขยี้หน้าอย่างแรง “อือ พวกเขาทำพลาด มีคนช่วยฉู่ลั่วหานไว้ นักฆ่าก็โดนจับตัวไป”
โม่หรูเฟยสีตาเหมือนคนตาย ร่างทึกทักรับน้ำหนักไม่ไหว “งั้น…..จะเป็นหลงเซียวหรือเปล่า?”
ซุนปิงเหวินหลับตา นิ้วมือเสียบเข้าไปในผม หวีผมไปข้างหลัง เห็นหน้าผากที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดชัดเจน “น่าจะไม่ใช่ ถ้าเป็นหลงเซียว เขาคงปรากฏตัวแล้ว”
ฉันยังนั่งอยู่นี่ได้ไหม?
โม่หรูเฟยลื่น รองเท้าข้างซ้ายโดนเธอเตะไปทางหนึ่ง เท้าข้างหนึ่งเดินเท้าเปล่า ร่างทรุดลงไปอย่างอ่อนแรง ปากก็พึมพำเอง “อย่างนั้น……พวกเราแย่แน่ใช่ไหม?”
ซุนปิงเหวินมือสองข้างประสานกันแน่นทำอะไรไม่ถูก แล้วปล่อยออก แผนการวันนี้เกรงว่าจะ……
เขาขยับรถเข็น มาถึงหน้าโม่หรูเฟย มือสองยกหน้าเธอขึ้นมา จับคางเธอ ใบหน้าที่ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นจนเปลี่ยนสี ล้างเครื่องสำอางออกแล้ว ไม่ได้สวยไร้ที่ติเหมือนตอนแต่งหน้าแล้ว
“ที่รัก คุณไม่รอดูผมตายหรอก ใช่ไหม?”
โม่หรูเฟย มองสายตาเขาอย่างไร้จุดหมาย ไม่แน่ใจว่าที่สั่นกะพริบนั่นเป็นแสงน้ำหรือไม่ “คุณ……หมายความว่ายังไง?”
ซุนปิงเหวินจับหน้าเธออย่างรักใคร่ จากนั้นก็ลูบท้องที่นูนขึ้นของเธอเบาๆ “ไม่ได้หมายความว่ายังไง ผมจะหมายความว่าอะไรได้อีก?”