ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1082
บทที่ 1082 ถูกหลานสาวทำร้ายไม่ไหว
ลั่วหานปิดหนังสือ มองตามหลงเจ๋อเข้าไปแล้วจึงบอก “คุณแกล้งเขาหรือเปล่าเนี่ย”
หลงเซียวหัวเราะ “ในเมื่อเขาอยากหาเรื่อง ก็ให้เขาได้ลองลำบากบ้าง ตอนเขามีลูกจะได้มีประสบการณ์”
ลั่วหานหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก ผลักอกเขาเบาๆ “คุณนี่ร้ายจริงๆ ขนาดน้องชายก็ไม่เว้น”
“ครั้งนี้จะโทษผมก็ไม่ได้นะ”
หลงเซียวเหลือบตาไปมองข่าวข่าวหนึ่ง เปรียบเทียบโดยละเอียดระหว่างMBKและบริษัทยักษ์ใหญ่ในจิงตู
ปัจจุบันMBKได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำที่แน่นอนได้ด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยความอิ่มตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เกิดธุรกิจต่างๆขนาบข้างขึ้นมา
ด้วยความเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศ บริษัทภาพยนตร์แนวหน้าเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา อีกทั้งยังมีทุนเทียบกับฮอลลีวูดได้เลย
หนึ่งในนั้นที่กำลังมีชื่อเสียงได้ดึงดูดสายตาของหลงเซียวได้
มันคือผลงานที่มีชื่อเสียงประจำปี《หู้โก๋ฟืนหยูน》นั่นเอง ซึ่งไม่อาจมีใครมาเทียบได้
“หนังเรื่องนี้ฉันดูแล้ว ถ่ายได้ไม่เลวเลย ตอนนี้ถ้าพูดถึง《หู้โก๋ฟืนหยูน》นั้นถือว่ามีคุณธรรมในสายอาชีพมากแล้ว คะแนนเรทติ้งได้ 9.2 มากกว่าภาพยนตร์รักชาติทั่วไปด้วยซ้ำ”
ลั่วหานเก็บหนังสือ มองเห็นนิตยสารของหลงเซียว
หลงเซียวพยักหน้า “งั้นคงไม่เลว”
ปกติเขายุ่งมาก การเข้าไปดูภาพยนตร์ในโรงหนังนับว่าเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ภาพยนตร์ที่ดีและยิ่งใหญ่ในประเทศยังหาได้ยาก ยังมีข่าวอื้อฉาวฉ้อโกงออกมา หลงเซียวเองก็ไม่ได้สนใจแวดวงภาพยนตร์เป็นพิเศษ
แต่เมื่อภรรยาพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาบ้าง
“ไม่เลวเลยค่ะ เหล่าหมอพยาบาลโรงพยาบาลเราต่างก็ไปดู ช่วงนี้ในโรงพยาบาลพูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น นักแสดงสมทบหญิงกระโดดจากอันดับที่สิบแปดมาอยู่อันดับหนึ่ง เห็นว่าเนื้อเรื่องก็ไม่เลว นักแสดงสมทบหญิงคนนี้ยังอายุน้อยอยู่ด้วยค่ะ”
คำชื่นชมไม่หยุดปากของลั่วหานทำให้หลงเซียวสนใจขึ้นมา “อืม บางทีแอมบาสเดอร์ของจูหลินเทียนเซี่ยอาจจะจ้องเชิญพวกเขา”
“ได้นะคะ คนของวงการหนังจื๋อซื่อน่าจะคุยไม่ยาก”
ลั่วหานปิดปากหาว เธอง่วงแล้ว
หลงเซียวเองก็วางนิตยสารลง ไม่คิดถึงเรื่องแอมบาสเดอร์และงานของพรุ่งนี้แล้ว “เราไปนอนกันเถอะ”
ลั่วหานอิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาท่าทางขี้เกียจ ออดอ้อนเขาอยู่แบบนั้น “ง่วงแล้ว เดินไม่ไหว คุณอุ้มฉันขึ้นไปหน่อยสิคะ”
ยังไงซะห้องรับแขกก็ไม่มีใคร ไม่งั้นลั่วหานคงพูดมันไม่ออก
หลงเซียวก้มลงอุ้มลั่วหานขึ้นมา น้อมรับคำสั่ง “ครับ คุณผู้หญิง”
……
“แง แง”
เวลาประมาณตีหนึ่ง เสียงร้องไห้ในคฤหาสน์พลันดังขึ้น
“สวรรค์ ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
หลงเจ๋อกำลังหลับสบาย ถูกเสียงร้องไห้เสียดหูปลุกให้ตื่นขึ้นมา
ใช้เวลาเกือบสองวินาทีกว่าจะมีสติกลับมา รีบวิ่งลงจากเตียง เปิดไฟ “ชูชู ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้อง เดี๋ยวอาจะชงนมให้นะครับ เด็กดี เด็กดี”
แต่ไหนเลยชูชูจะฟังอะไรแบบนี้ ทำเพียงร้องไห้อย่างน่าสงสารเสียงดัง เด็กน้อยตัวเล็ก ร่างกายมีเนื้อนุ่มนิ่ม ทว่าร้องไห้เสียงดังจนน่าตกใจ ปอดน่าทึ่งกว่าผู้ใหญ่ซะอีก
หลงเจ๋อรีบร้อนไปหานมผง เขาจำได้ว่าป้าหลันได้ชงนมเอาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อต้องหาว่าขวดไหน หลงเจ๋อก็แทบจะร้องไห้
เขาลืมเอาขวดนมเก็บในกล่องเก็บอุณหภูมิ ตอนนี้มันเย็นแล้ว
อันนี้ อันนี้ อันนี้ ทำไงดี
เปลี่ยนน้ำร้อนเหรอ
นั่นนมจะไม่เจือจางไปเหรอ สารอาหารน่าจะไม่พอ
ชงนมใหม่เหรอ
งั้นต้องใช้เวลานานแค่ไหนล่ะ น้ำร้อนมีแต่ร้อนมากๆเท่านั้น
กว่าน้ำจะอุ่นพอดี ลำคอของชูชูคงแตกพอดี
“อุ๊แง อุ๊แง อุ๊แง”
สองมือเล็กของชูชูถูกยกขึ้น ร้องไห้อย่างน่าสงสาร เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น จนหลงเจ๋อว้าวุ่น
หลงเจ๋อเดินเท้าเปล่ากลับไปมาข้างๆเตียงเด็ก “ชงนมเหรอ หรือว่าเติมน้ำ”
“ชูชู ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เดี๋ยวคุณอาจะชงนมให้นะครับ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เด็กดี…”
การปลอบโยนของหลงเจ๋อไม่เพียงไม่ได้ผล แถมยังทำให้ชูชูร้องไห้หนักยิ่งขึ้น ดังขึ้น
บนตึก ลั่วหานรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงร้องไห้ของชูชู พลิกตัวงัวเงีย
หลงเซียวเองก็ตื่นแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ลงไป “หืม”
ลั่วหานขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลงเซียว “ชูชูร้องไห้แล้ว เสี่ยวเจ๋อจะรับมือไหวหรือเปล่าคะ”
หลงเซียวใช้มืออุดหูของลั่วหานเอาไว้ กั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ได้บ้าง “เขาต้องเผชิญกับมันบ้าง ปล่อยให้เขาจัดการ ไม่งั้นเขาจะไม่รู้ว่าอะไรคือเด็ก”
ลั่วหานหัวเราะออกมา “เด็กอะไรคะ ตอนนี้ชูชูคงจะเป็นปีศาจน้อย”
หลงเซียวหัวเราะ “อืม ปีศาจน้อยของเรากำลังลงโทษคุณอาของเธอ”
ลั่วหานขมวดคิ้วดึงผ้าห่มคลุมศีรษะ ปิดหูตัวเองเอาไว้ “คุณไม่ลงไปดูจริงๆเหรอ ชูชูไม่ได้โอ๋ได้ง่ายๆขนาดนั้นหรอกนะ”
“อีกสักพักเถอะ ให้เสี่ยวเจ๋อได้ลองดูหน่อย อีกสักพักป้าหลันจะไป” หลงเซียวมองนาฬิกาในโทรศัพท์ ตีหนึ่งครึ่ง
“อืม พรุ่งนี้ฉันเวรเช้า ต้องนอน”
หลงเซียวห่มผ้าให้ดี สองมือปิดหูของเธอ “นอนเถอะ”
ลั่วหานอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างวางใจ ปิดตาลงอีกครั้ง ราวกับเมื่อสักครู่นั้นกำลังฝัน
หลงเจ๋อที่อยู่ด้านล่างนั้นแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ชงนมใหม่อีกครั้ง ตัวเองลองชิมเล็กน้อย เกือบจะโดนลวกแล้ว ได้แต่เขย่าขวดนมไม่หยุดเพื่อให้มันเย็นเร็วขึ้น
“ชูชู อากำลังจะให้นม หนูช่วยให้ความร่วมมือหน่อยได้ไหม”
ชูชูไม่สนใจเขา “อุ๊แง๊…..แง๊ แง๊”
หลงเจ๋อเองก็แทบอยากร้องไห้ “ชูชู อาขอร้องล่ะ หนูอย่าพึ่งร้องไห้ อาจะร้องเพลงให้หนูฟัง…คนที่รักหนูที่สุดคือฉัน ทำไมหนู…ไม่ใช่สิ ในโลกนนี้มีเพียงแม่ที่ดี เด็กน้อยมีแม่เหมือน….”
เสียงร้องของหลงเจ๋อนั้นไม่มีท่วงทำนองเลยสักนิด
“กระต่ายน้อยเด็กดี เปิดประตูออก…รีบเปิดประตู ฉันจะเข้าไป…”
แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เสี่ยวชูชูยิ่งร้องไห้หนักขึ้นในอ้อมแขนของเขา ร้องจนใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
หัวใจของหลงเจ๋อรวดร้าว ใบหน้าแทบจะร้องไห้บอก “ชูชู หนูอยากฟังเพลงอะไร…”
“เอ่อ…จิงเกอเบล…จิงเกอเบล…”
หลงเจ๋อจนปัญญา ร้องไปเจ็ดแปดเพลง ในที่สุดก็ถูกเพลงที่ชูชูชอบแล้ว เสียงร้องไห้พลันเบาลง
“สวรรค์ สวรรค์ ฉันนี่เก่งสุดยอดไปเลย”
หลงเจ๋อดีใจจนอยากกระทืบเท้า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ผม…”
เอาล่ะ ตอนที่เขาสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมากลับไม่มีผู้ชมแม้แต่คนเดียว
ดังนั้น จึงบอกได้ว่าเหงาที่สุด
หลงเจ๋อขับขานเพลงจิงเกอเบล ในที่สุดเด็กน้อยก็หยุดร้องไห้
เสี่ยวเจ๋อกลืนน้ำลาย กระทั่งเหงื่อที่หน้าผากก็ไม่มีเวลาเช็ด “เด็กดี นมได้แล้ว มาเร็วมา ดื่มนมกันนะครับ”
อะไรคือหมดพลังงาน มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ด้านนอก
ป้าหลันกลืนน้ำลาย เอ่ยเสียงเบา “คุณชายรองคะ ฉันไม่ต้องเข้าไปจริงๆใช่ไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ป้าหลันพยักหน้า “งั้น…ฉันไปนอนก่อนนะคะ”
“ครับ”
เหลือหลงเซียวเพียงคนเดียว คอยเฝ้าดูหลงเจ๋อกำลังให้นมชูชู รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นมา
ชูชูดื่มนมแล้ว ขยับปากเล็กอย่างเชื่อฟัง แล้วหลับไปอีกครั้ง
หลงเจ๋อทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ มองขวดนมในมือ ยกมือเช็ดหน้าผากถามตัวเอง :อยู่ดีๆไม่ชอบเหรอ ทำไมถึงรนหาที่ตาย
ไม่ไม่ไม่ ดูแลหลานสาวไม่เรียกว่ารนหาที่ตาย
มีความสุขมากที่สุด
ในที่สุดก็ได้นอนแล้ว…สวรรค์