ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1086
บทที่ 1086 ลองคาดเดาด้วยความกล้าสักหน่อยเถอะ
“เจ้านายครับ ผมจะลองทายดูสักหน่อย คุณว่า ตู้หลิงเซวียนเองก็เกี่ยวข้องกับมาเฟียไหมครับ”
จี้ตงหมิงไม่วางใจกับการคาดเดาของตัวเอง แต่เมื่อลองๆคิดดู ดูจะไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นเลย
เขาพูดจบ พบว่าเจ้านายเย็นชาของเจ้านายนั้นคลี่ออก เหมือนว่า…เจ้านายกำลังยิ้ม
รอยยิ้มของหลงเซียวทำให้จี้ตงหมิงรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา “เจ้านายครับ คุณคิดว่าผมพูดถูกไหมครับ”
ใครจะรู้ สิ่งที่ตอบเขากลับมายังคงเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลงเซียว
ครั้งนี้ไม่ต้องให้เขาบอก จี้ตงหมิงเข้าใจแล้ว เจ้านายเห็นด้วยกับการคาดเดาของเขา บางทีตู้หลิงเซวียนอาจจะข้องเกี่ยวกับพวกมาเฟียอยู่ก็ได้
เฮ้ย
โลกมันแคบเกินไปหรือเปล่า ถึงได้วนเวียนอยู่แบบนี้ ทุกคนเป็นตั๊กแตนที่ก็อยู่บนเรือลำเดียวกัน ตอนนี้ตั๊กแตนตัวนั้นยังอยากกัดตั๊กแตนตัวอื่นอีกด้วย
เหอะ เจ้านายของเขาไม่ใช่ตั๊กแตนซะหน่อย
ด้านใน
สองมือของเจิ้งซิ่วหยากำลังควงปากกาเล่นไปมา “อิตาลีเหรอคะ คุณรู้ดีจังเลยนะคะคุณตู้”
ตู้หลิงเซวียนไม่เผยความรู้สึก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตำรวจแล้ว ผมแค่ทำหน้าที่ประชาชนธรรมดาทั่วไป”
“ฮ่าๆ คุณตู้ยังถ่อมตัวอีกนะคะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปเขาทำสักหน่อย สิ่งที่คุณพูด หลักฐานที่คุณมีมันไม่ธรรมดาเลยสักนิด”
เจิ้งซิ่วหยาจดบันทึกข้อมูลล่าสุดเรียบร้อย “ทางตำรวจจะตรวจสอบให้ถึงที่สุดค่ะ จากหลักฐานทั้งหมดที่คุณมี ถ้ามีอะไรอีกหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากคุณตู้ด้วยนะคะ”
เจิ้งซิ่วหยายื่นมือออกไป รอมือตู้หลิงเซวียน อีกคนยื่นมือออกมาจับ “แน่นอนครับ ผมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีเลยครับ”
“คุณตู้คะ ฉันอยากเตือนคุณสักหน่อย เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เว้นผู้ร้ายแม้แต่รายเดียวแน่นอนค่ะ แต่ก็ไม่ปรักปรำคนดีเช่นกันค่ะ คุณตู้ช่วยยืนยันอีกครั้ง ว่าหลักฐานที่คุณให้มา มันเป็นแบบนี้จริงๆใช่ไหมคะ”
เจิ้งซิ่วหยาเก็บสัญญานั้นไป เตือนตู้หลิงเซวียนอีกครั้ง
“จริงแน่นอนครับ ถ้าเกิดเป็นของปลอด เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้เลยครับ” ตู้หลิงเซวียนมั่นใจ สัญญานี่ไม่ผิดพลาดแน่ ด้านบนเซ็นชื่อหลงเซียว ใครจะปลอมแปลงไม่ได้แน่
“งั้นดีเลยค่ะ ที่เหลือก็มอบให้เป็นหน้าที่ของฉัน หากมีอะไรสำคัญฉันจะติดต่อคุณไปอีกที”
“ได้ตลอดเวลาครับ ผมให้ความร่วมมือเต็มที่” ตู้หลิงเซวียนพยักหน้าให้ด้วยท่าทางใจดี
ตู้หลิงเซวียนเปิดประตูออกไป ด้านนอกไม่มีแม้แต่เงาของหลงเซียวและจี้ตงหมิง
เขายิ้มเย็น ดวงตาลับหลังเจิ้งซิ่วหยานั้นเย็นชา
ตู้หลิงเซวียนขึ้นลิฟต์ ไปแล้ว เจิ้งซิ่วหยาถึงเดินออกมา
“คุณชายเซียว สัญญานี้ คุณไม่อยากพูดอะไรหน่อยเหรอคะ”
มีเพียงเจิ้งซิ่วหยาและหลงเซียวนั่งอยู่ในห้องทำงาน เจิ้งซิ่วหยาโยนสัญญาลงไปบนโต๊ะ
“คุณอยากให้ผมพูดอะไรครับ” หลงเซียวเลิกคิ้ว
“ไม่อยากอธิบายเหรอ เมื่อสรุปหลักฐานแล้ว คุณจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวนะคะ ไม่แน่ว่าคุณอาจถูกฟ้องร้อง เข้าคุก มันจะติดตัวคุณไปตลอด” เจิ้งซิ่วหยายักไหล่
“ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ได้จัดการกับสินค้าแล้ว ผมไม่กลัวการถูกสืบสวน” หลงเซียวบอกอย่างสบายใจ ราวกับหลักฐานชิ้นนี้ไม่ใช่ของตัวเอง
เจิ้งซิ่วหยาเริ่มไม่แน่ใจ เสียงเบาลงมองไปรอบๆ “คุณชายเซียว คุณบอกความจริงกับฉันมา เรื่องนี้คุณไม่รู้เรื่องจริงๆเหรอ”
หลงเซียวหัวเราะเจ้าเล่ห์ “คุณคิดว่าไง”
เจิ้งซิ่วหยาไม่เข้าใจ “ลายเซ็นของคุณฉันจำได้ ถ้าเกิดมีคนตรวจสอบได้ คุณจบแน่”
“อ้อ จบยังไงครับ ผมฆ่าคนหรือว่าค้ายาเสพติดแล้ว”
“คุณ…ดูเอาเองสิว่าในสัญญามันเขียนว่าขนส่งอาวุธ ปกติมันหนักกว่าค้ายาเสพติดซะอีก” เจิ้งซิ่วหยาร้อนใจ ไม่คิดว่าหลงเซียวจะไม่ใส่ใจ เขาคิดอะไรอยู่กันแน่
“คำพูดที่ตู้หลิงเซวียนพูดกับคุณ คุณเชื่อหมดเลยเหรอ” หลงเซียวถามกลับ
“ฉันแค่ดูหลักฐาน”
“งั้นก็ดี ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ ก็ลองไปอิตาลีเองสักครั้ง แล้วลองคิดดู ตู้หลิงเซวียนเอาหลักฐานมาจากไหน ทำไมเขาต้องมารายการต่อทางการเรื่องของผม บางที นี่อาจจะไม่ใช่การรายงาน แต่เป็นการให้ร้าย หรืออาจจะเป็นการแบล็คเมล์ทางธุรกิจ ทั้งหมดนี้มันแค่อาจจะ ใช่ไหมครับ”
หลงเซียวพูดกว้างๆ เหลือทางออกไว้มากมาย
ดังนั้นเจิ้งซิ่วหยาจึงมองไม่ออก
เธอดูไม่ออกถึงความหมายของหลงเซียว
กอดเอาความสงสัยไว้ เจิ้งซิ่วหยาออกจากห้องประธานกรรมการแล้ว
โจวจั่นรอด้วยความร้อนรน เมื่อสักครู่ในห้องน้ำชา แม่จะมีกาแฟและขนมแต่เขาก็ยังร้อนใจ ในที่สุดก็เห็นเจิ้งซิ่วหยาออกมา วางกาแฟลงแล้วพุ่งเข้าไป
“พี่ใหญ่ เป็นไงบ้าง คุณชายเซียวเกิดเรื่องแล้วเหรอ”
เจิ้งซิ่วหยาเบ้ปาก “จิ้งจอกหนึ่งตัว กับหมาป่าอีกหนึ่งตัว นายว่าเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ร้ายกาจหรือว่า หมาป่าที่โหดร้าย”
โจวจั่นยังไม่เข้าใจว่าจิ้งจอกและหมาป่าที่เธอพูดถึงนั้นหมายถึงใคร “พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
เจิ้งซิ่วหยาตบลงบนหลักฐาน “เรื่องใหญ่แล้ว จิ้งจอกและหมาป่าสู้กัน ไร้มนุษยธรรมที่สุด”
“ห๊า หลงเซียวและตู้หลิงเซวียนไม่ใช้ศัตรูทางธุรกิจเหรอครับ ทำไมต้องมีเป็นมีตายด้วย”
“ศัตรูเหรอ นายรู้จักมืดกินมืดไหม”
โจวจั่นเงียบไปสักพัก “ว้าว พี่ใหญ่ พี่อย่ามาทำให้ผมตกใจนะ”
ห้องทำงาน
หลงเซียวกลับมาที่ที่นั่งของตนเอง กดต่อสายออกไปและมีคนรับแล้ว
“คุณหลง ผมกำลังจะโทรหาคุณพอดี”
อีกด้าน เสียงของหลินเค่อเฟย เงียบ สงบ แถมยังมีความยินดีด้วย
“ว่ามาสิ”
จี้ตงหมิงยกกาแฟเข้ามา หลงเซียวดื่มไปหนึ่งอึก วางลง
“พอประมาณแล้ว ยังมีข้อมูลบางส่วนที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ของส่วนใหญ่ถูกทำให้ถูกกฎหมายแล้ว ปัญหาไม่ใหญ่มาก”
หลินเค่อเฟยและ Rosa ได้จัดการล้างทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้กับหลงเซียวแล้ว การทำธุรกิจกับมาเฟียนั้นกำลังจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ต้องผ่านความยากลำบากมากมาย หลินเค่อเฟยก็ได้ใช้ทรัพยากร กำลังคน และใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่อิตาลีของหลงเซียว
ไม่ว่ายังไง ในที่สุดโครงการใหญ่ก็เป็นที่จับตามอง
สถานการณ์เป็นไปตามที่คาดเอาไว้
รอยยิ้มของหลงเซียวปรากฏขึ้น “ดีมากครับทนายหลิน ขอบคุณมาก”
หลินเค่อเฟยยิ้มออกแล้ว “คุณดูเหมือนร้อนใจ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ตู้หลิงเซวียนรายงานเรื่องผมกับทางการ เอาสัญญาที่ผมเคยทำส่งให้ทางตำรวจ อีกไม่นานพวกเขาจะไปตรวจสอบที่อิตาลี ดังนั้นคุณช่วยเร่งมือหน่อย” หลงเซียวมองออกไปนอกหน้าต่าง รถสีดำด้านล่างนั้นค่อยๆหายไป
“ตู้หลิงเซวียนรู้ได้ยังไงครับ หรือว่าเขาเองก็…” หลินเค่อเฟยอยากด่าคน ทว่าอดกลั้นเอาไว้ได้ทัน
“ครับ เขาเองก็เป็นคนใน เพียงแต่เมื่อก่อนผมไม่รู้ ตอนนี้คนของผมจะจับตามองตู้หลิงเซวียน สืบหาหลักฐานของเขา”
ตู้หลิงเซวียนสามารถเอาหลักฐานมาจากมือของCresได้ แสดงว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ธรรมดา บางที ตู้หลิงเซวียนอาจจะร่วมมืออะไรกับCresแล้ว อยากร่วมมือกันกำจัดเขา
ช่าง…ไร้เดียงสา
……
“เควิน เช้าขนาดนี้ไปไหนมา แม่มาหา ลูกไม่อยู่ที่โรงแรม”
ตู้หลิงเซวียนกลับมาถึงโรงแรม เห็นว่าแม่มารอตัวเองแล้ว
เจิ้งซินนั่งอยู่บนโซฟา ท่าทาง ไม่ค่อยดี
เดาได้ว่า เมื่อสักครู่ทั้งสองคุยกันไม่ดีเท่าไหร่ และตู้หลิงเซวียนสัมผัสได้ว่าแม่ไม่ชอบเจิ้งซิน
ก็ใช่ ลูกสะใภ้ที่เธอชอบที่สุดคือแอนน่า จะมาชอบเจิ้งซินได้ยังไง
“เรื่องงานน่ะครับ ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของหม่ามี๊เลยไม่ได้บอก ทานข้าวหรือยังครับ” ตู้หลิงเซวียนวางกุญแจลง เตรียมพาพวกเขาออกไปทานข้าว
เจิ้งซินยิ้ม “คุณป้าบอกว่าไม่หิว จะรอทานพร้อมกับคุณค่ะ”
ดังนั้นพวกเธอยังไม่ทาน
ตู้หลิงเซวียนครางตอบรับ “หม่ามี๊อยากทานอะไรครับ เราออกไปทานข้าวกัน”
จางม่านหนิงราวไม่มีความอยากอาหาร ถามออกมา “แอนน่าทำงานที่โรงพยาบาลไหน ฉันอยากไปเยี่ยมเธอ”
เจิ้งซินแอบมองตู้หลิงเซวียน เย้ยหยันในใจ
ตู้หลิงเซวียนไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ “หวาเซี่ยครับ เธองานยุ่ง อาจจะไม่มีเวลา”
“ไม่เป็นไร หม่ามี๊ไปรอเธอได้ นานแล้วที่ไม่ได้เจอแอนน่า เธอยังมีลูกที่น่ารักอีก หม่ามี๊ซื้อของขวัญให้หลานด้วย พาหม่ามี๊ไปเยี่ยมเธอหน่อยนะ”
ตู้หลิงเซวียนและเจิ้งซินมองสบตากัน รับรู้กัน
“ครับ เดี๋ยวผมพาไป”
เจิ้งซินเม้มปากแน่น ไปเยี่ยมฉู่ลั่วหานงั้นเหรอ เธอเป็นใครกัน ถ้าเธอไปเยี่ยมเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“คุณป้าคะ พวกคุณไปเถอะค่ะ ฉัน…”
จางม่านหนิงเอ่ยขัดเธอ “เธอก็ไปด้วยกันเถอะ พวกเธอรู้จักกันไม่ใช่เหรอ”
เจิ้งซินคิดว่าเธอตั้งใจทำให้เธอรู้สึกแย่ ใช่ รู้จักก็รู้จัก แต่ความสัมพันธ์แบบนั้นมัน…”
“ค่ะ…ฉันจะไปด้วย”
อดทน เจิ้งซินเจ็บใจมาก แต่ต้องอดทนเอาไว้
ตู้หลิงเซวียนเดินออกมาจากโรงแรม โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ผู้ช่วยโทรมาแล้ว
พาจางม่านหนิงและเจิ้งซินขึ้นรถ ตู้หลิงเซวียนใช้หูฟังบลูทูธรับ “ว่า”
“ท่านประธานครับ หุ้นของบริษัทซุนซื่อตกต่ำถึงขั้นสุดแล้ว ธนาคารกำลังตรวจสอบทรัพย์สินของซุนซื่อ ความเสียหายล่าสุดยังไม่เผยออกมา แต่ผมคิดว่าคงไม่น้อยเลยครับ”
ตู้หลิงเซวียนกำหมัดแน่น บอกเสียงเรียบ “อืม รู้แล้ว”
อยู่ต่อหน้าแม่ ตู้หลิงเซวียนไม่ได้พูดอะไร
“เจ้านายครับ คุณมาที่ซุนซื่อสักหน่อยเถอะ เรื่องค่อนข้างวุ่นวาย”
“คุณจัดการก็พอ ผมยุ่งอยู่”
ผู้ช่วยตกใจ “ท่านประธาน…”
“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้วจะวางก่อนแล้วนะ”
จางม่านหนิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน “เควิน ฉันจำได้ว่าแอนน่าชอบทานปลา เราไปทานข้าวด้วยกันดีไหม ปลาที่ไหนอร่อย”
เจิ้งซินนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ สีหน้าไม่ดี ดีที่จางม่านหนิงมองไม่เห็น
“ได้ยินว่าอาหารที่ร้านอาหารหรงเหยียนก็ไม่เลวนะครับ เราไปทานกันที่นั่น”
ตู้หลิงเซวียนจับพวงมาลัยรถแน่น มองจากตำแหน่งของเจิ้งซินจะเห็นว่าเขากำลังสับสน
สำหรับฉู่ลั่วหาน ความรู้สึกของตู้หลิงเซวียนคงไม่ธรรมดา
ความสัมพันธ์ที่น่าขันซะจริง
โรงพยาบาล
ตอนเช้าลั่วหานมีเควสผ่าตัด กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด
“พี่ลั่วคะ ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะค่ะ”
ลั่วหานมองไปที่เครื่อง “ผู้ป่วยมีโรคหัวใจพิการมาตั้งแต่กำเนิด หัวใจเต้นผิดจังหวะระหว่างการผ่าตัดถือว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าหยุด ทำต่อไป”
หลินซีเหวินพยักหน้า “ค่ะ”
“คีม”
ผู้ช่วยส่งคีมให้ลั่วหาน
หลินซีเหวินจ้องมือของลั่วหาน เห็นว่ามือเธอสั่น “พี่ลั่ว ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
ลั่วหานหลับตาลง ให้ตัวเองสงบลง “ซีเหวิน เธอมานี่หน่อย”
“ค่ะ”
หลินซีเหวินเดินมาหยุดอยู่ตำแหน่งแพทย์หลัก “พี่ลั่ว พี่เหนื่อยใช่ไหมคะ”
ลั่วหานเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้สึกว่าเหนื่อยมาก “เธอเปิดเยื่อหุ้มหัวใจ”
“ค่ะ พี่ลั่วพักก่อนนะคะ ช่วงนี้ผ่าตัดเยอะ คงจะเหนื่อยเกินไป” หลินซีเหวินรับคีมมา ใช้สำลีฆ่าเชื้อกับผู้ป่วย
เปิดเยื่อหุ้มหัวใจไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ แม้จะไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนลั่วหาน แต่เธอทำออกมาได้อย่างถูกต้อง
ลั่วหานไม่วางใจ คอยแนะนำเธออยู่ข้างๆ
ตอนที่เปิดเยื่อหุ้ม กลิ่นเลือดคลุ้งลอยเข้าจมูก จากนั้นเลือดสีแดงก็ไหลทะลักเข้าไปในหน้าอก
“ได้แล้ว เตรียมเครื่องดูด”
“ค่ะ”
ผู้ช่วยคนที่สองยังไม่ทันได้ดูดเลือด เลือดก็ไหลมารวมกัน
คิ้วของลั่วหานหดเข้าหากัน ท้องเริ่มปั่นป่วน รีบหันหน้าหนีไม่มองเลือด ทว่าห้ามความรู้สึกที่ลำคอได้ยาก
“อ้วก”
“พี่ลั่ว เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” มือหลิวซีเหวินเต็มไปด้วยเลือด ถามออกมาอย่างกังวล
ลั่วหานอดทนเอาไว้พลางส่ายหน้า “คงจะทานอะไรผิดไป มวนท้องเล็กน้อย”
“ไปพักหน่อยไหมคะ”
“ไม่…อุ๊บ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ คลื่นไส้ขึ้นมาอีกครั้ง
ลั่วหานปิดปากเอาไว้แน่น วิ่งออกจากห้องผ่าตัด