ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1092
บทที่1092 ล้มตัวลงนอนอย่างเชื่อฟัง
หลงเซียวได้ทำการปรับเปลี่ยนตำแหน่งต่าง ๆ ทีละตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปในหลายแผนก รวมถึงรองผู้จัดการเป็นคนที่หลงถิงแต่งตั้ง แต่เมื่อคนรุ่นใหม่เติบโต ทรัพยากรและมาตรฐานทางธุรกิจจะถูกพวกเขาพัดพาไปด้วยความได้เปรียบอย่างล้นหลาม
หลงเซียวแทนที่พวกเขาอย่างมีเหตุผลที่แน่นอน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเอกสารทั้งหมดที่จี้ตงหมิงส่งมาก็ได้รับการอนุมัติ
ด้วยประสิทธิภาพที่สูงทำให้จี้ตงหมิงต้องตกตะลึง “เจ้านายครับ ฝ่ายการตลาดและการเงิน…คุณจะไม่พิจารณาดูหน่อยเหรอครับ?”
หลงเซียวเริ่มมองหาเอกสารที่เก็บไว้ “สองแผนกนี้ฉันตรวจสอบดูก่อนหน้าแล้ว คนที่เลือกก็ได้รับการตรวจสอบเข้มงวด ไม่มีทางพลาด”
หรือเขาหลงคิดว่าความสามารถในหน้าที่การงานจะสามารถพิจารณาได้จากการประเมินเป็นลายลักษณ์อักษร?
แผนกสำคัญในบริษัท หลงเซียวพิจารณาด้วยตัวเองมาตลอด
“ครับ เจ้านาย ผมเข้าใจแล้ว”
การทำงานของเจ้านาย เขายังจะมีอะไรที่ไม่วางใจได้อีก ดำเนินการโดยตรงเลยก็ได้แล้ว!
“ติดต่ออาหย่งรึยัง?”
หลังจากทำงานเสร็จ หลงเซียวตัดสินใจโทรหาจางหย่งเพื่อถามความคืบหน้า
จี้ตงหมิงพยักหน้า “คนที่อยู่ในมือเขา…ยังไม่ตาย แต่ก็ทนทุกข์อยู่ไม่น้อย ผมมีรูปถ่าย เจ้านายอยากจะ…”
“ไม่ต้องดู บอกอาหย่ง วางความโกรธในใจลงก่อน อย่ารีบร้อน ถ้าหากว่ายังต้องการชีวิตของเขาอีกไม่กี่วันค่อยลงมือ”
หลงเซียวไม่ยุ่งกับการทำงานของจางหย่งโดยตรง แต่เขาต้องการให้โอกาสที่ลดการปะทะกับเขา บางทีรอให้เขาคิดเรื่องบางเรื่องอย่างกระจ่างแล้ว อาจจะใจอ่อนลง
ดูเหมือนจี้ตงหมิงจะเข้าใจบางอย่าง “เจ้านาย ผมถามอะไรบางอย่างได้ไหม เป็นคำขอของคุณหมอถังรึเปล่าครับ? ไม่อย่างนั้น ผมลองพูดกับอาหย่ง ให้เขาเห็นแก่คุณแล้วปล่อยเขาไป?”
“ไม่ต้องเห็นแก่หน้าฉัน เรื่องนี้เป็นความแค้นส่วนตัวของเขา ไหนจะ…” หลงเซียวมองจี้ตงหมิง “ยังมีนาย”
จี้ตงหมิงลดสายตาลง ก้มหน้าและยิ้ม “ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว อันที่จริงผมก็เข้าใจ คนตายไม่อาจฟื้นคืน ของเพียงเขาเต็มใจจะก้าวข้ามผ่านเรื่องในอดีตและเริ่มต้นใหม่ ผมก็อาจจะไม่จำเป็นจะต้องเอาชีวิตเขา”
หลงเซียวเม้มริมฝีปากบางและเย็น “อ้อ?”
จี้ตงหมิงคว้าโฟลเดอร์และแสยะยิ้มกับตัวเอง “เฮ้ เมื่อก่อนพวกเราก็เคยมีช่วงเวลาวัยเยาว์และไม่รู้เรื่องราว ไอ้หมอนี่เมื่อสิบปีก่อนก็ยังเด็ก ผมว่า…บางทีเขาอาจจะถูกคนหลอกใช้”
ให้โอกาสเขาสักครั้ง อันที่จริงก็ถือเป็นการให้โอกาสตนเองด้วย ปล่อยเขาไปก็เหมือนปลดปล่อยตัวเอง
“คุณคิดแบบนี้ ดีมาก”
จี้ตงหมิงออกมาจากห้องทำงาน ไม่กล้าจะอู้แม้แต่นาทีเดียว เขาโทรหาจางหย่งทันที
“อาหย่ง คนล่ะ?”
จางหย่งนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ ถือไม้เบสบอลไว้ในมือ ปลายข้างหนึ่งเปื้อนเลือด
“นายอยากจะคุยกับเขา? ตอนนี้ไม่ได้ สลบไปแล้ว” จางหย่งขยับไม้เบสบอลของเขา มันยังคงเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจดับได้
“แม่ง นายทำอะไรลงไป? หั่นเขาเป็นชิ้นไปแล้ว?” จี้ตงหมิงใช้มือปิดประตูห้องทำงาน
“เปล่า ฟาดไปที แม่ง ปากแข็งชะมัด ตายไม่ตายไม่พูดสักคำ”
ไม่พูดอะไรเลยเหรอ?” จี้ตงหมิงวางเอกสารไว้บนโต๊ะแล้วคลายเนกไท
“อืม ยืนยันว่าเป็นความคิดของตัวเอง ไม่มีใครชักนำ แม่งลิงหลอกเจ้า!” จางหย่งถามอยู่นานแต่ก็ไม่มีอะไรแพร่งพรายออกมาเลย อีกฝ่ายปิดปากเงียบ ไม่เปิดเผยถึงนายทุนแม้โรงละครจะพ่ายแพ้
ถือว่ากล้าหาญทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีอะไร!
“นายอย่าเพิ่งรีบ อย่ารีบ ช้า ๆ หน่อย อย่าเพิ่งตีเขาจนสลบ ค่อย ๆ ตะล่อมไปนายเข้าใจไหม? ในตอนนั้นเขาสามารถช่วยถังจิ้นเหยียนได้ แสดงว่าสันดานที่แท้จริงไม่เลวร้าย ความภักดีไม่ใช่ความผิดของเขา ใช่ไหมล่ะ?”
จี้ตงหมิงกลัวว่าเขาจะลงมือทำให้คนอื่นตายคามือ
จางหย่งกัดฟันดังจึ๊จ๊ะ “ฉันแม่งให้โอกาสมันแล้ว มันไม่เอาเอง”
“เอาแบบนี้ นายโทรหาถังจิ้นเหยียน บางทีถังจิ้นเหยียนอาจจะช่วยนายได้ อาหย่ง นายอย่าใจร้อน ใจเย็น ต้องใจเย็น ๆ นะ”
จางหย่งฮึดฮัดออกมาและไม่มีท่าทีชัดเจน
……
หลังจากบินอยู่นานในที่สุดเจิ้งซิ่วหยาก็มาถึงสนามบินท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ที่นี่อากาศดีท้องฟ้าปลอดโปร่ง บรรยากาศแปลกใหม่และอาคารสนามบินก็เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งโลกแฟชั่น
โจวจั่นถอดแว่นตา “ลูกพี่ ฉันเพิ่งเคยมาโรมครั้งแรก สวยจริง ๆ”
เจิ้งซิ่วหยาถอดแว่นดำคาดไว้ที่ศีรษะ แก้มสวยและบอบบางเปล่งประกาย “ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยมากับพ่อแม่ ตอนนั้นยังไม่มีสนามบินใหญ่ขนาดนี้”
อิตาลี…
คิดไม่ถึงว่าจับพลัดจับผลู เธอได้กลับมาอีก
โชคชะตาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ คุณพยายามจะหลีกหนีจากมัน แต่มันมีอีกหลายพันหมื่นวิธีที่จะทำให้คุณต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
โจวจั่นถ่ายภาพอาคารผู้โดยสารและรันเวย์เล็กน้อย ทอดถอนใจถึงความลึกลับและความงดงามของอาณาจักรโบราณ
เจิ้งซิ่วหยากดหมายเลขของถังจิ้นเหยียน
วิ่งกระเตงขึ้นรถรับส่งระหว่างสนามบิน “ที่รัก คนเขาถึงแล้วนะ”
เวลาของถังจิ้นเหยียนคือหัวค่ำ เพื่อที่จะรอโทรศัพท์ของเจิ้งซิ่วหยา ถังจิ้นเหยียนขอแลกกะกลางคืนและอยู่เวรที่โรงพยาบาล “เหนื่อยไหม? พักก่อนสักสองสามชั่วโมงเพื่อปรับเวลา ถ้าคดีไม่เร่งด่วน ก็ไปกินของที่อยากกินก่อน”
เจิ้งซิ่วหยาจับเบาะไว้ในมือแล้วลูบไปมาทำหน้ามุ่ยและทำตัวออดอ้อน “ฉันไม่อยากกิน ฉันคิดถึงคุณค่ะ”
โจวจั่นเป็นคนจีนคนเดียวบนรถมินิบัสยกเว้นเจิ้งซิ่วหยาเขาขนลุกเมื่อได้ยินคำบอกรักที่ดูเอียนเกินไป
“ผมก็กำลังคิดถึงคุณอยู่ แต่คิดถึงผมก็ต้องกินข้าวนะ ไม่กินให้อิ่มจะมีแรงคิดถึงผมเหรอ?” เสียงของถังจิ้นเหยียนนั้นนุ่มนวลเหมือนน้ำซึ่งสามารถละลายหูของเธอผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เจิ้งซิ่วหยาเชยคางอย่างเชื่อฟัง “อือ! คุณพูดถูก ฉันเชื่อคุณ ฉันจะไปกินข้าว กินเยอะ ๆ เลย”
“เด็กดี”
“รองคณบดีคะ ทานมื้อดึกค่ะ——”
ทางนี้โทรศัพท์ยังไม่ตัด เสียงร่าเริงของหลินซีเหวินก็ดังลอยมา
ถังจิ้นเหยียนโบกมือและกระซิบ “ขอบคุณครับ”
เจิ้งซิ่วหยาบุ้ยปาก “ใครอะ? ดึกขนาดนี้แล้วยังซื้อมื้อดึกให้คุณอีก? หอมผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”
คำพูดเหล่านี้ฟังดูหึงหวง
ในโรงพยาบาลมีหมอและพยาบาลสาวสวยมากมาย แถมถังจิ้นเหยียนยังเป็นหนุ่มหล่อแสนอบอุ่น เธอจะวางใจได้อย่างไร?
ถังจิ้นเหยียนหัวเราะแล้วพูด “คุณหมอหลิน คุณก็รู้จัก ภรรยาของหลงจื๋อ”
ใบหน้าของเจิ้งซิ่วหยาเต็มไปด้วยความสุข แต่เธอยังคงปากแข็ง “ฉันไม่สนหรอกว่าใคร ฉันไม่สนหรอก เอาล่ะ คุณทานข้าวเถอะ ฉันถึงป้ายรถแล้ว!”
เมื่อวางโทรศัพท์ถังจินหยานก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และยิ้ม
หลินซีเหวินยกฝากล่องอาหารจานด่วนขึ้น กับสามอย่าง ซุปหนึ่งอย่าง ข้าวคนละที่ ค่อนข้างน่ากิน
“แฟนโทรมาเหรอคะ? เมื่อกี้ดูสวีทมากเลย” หลินซีเหวินแยกตะเกียบให้เขา
ถังจิ้นเหยียนเขินอาย “ไปต่างประเทศเพื่อทำคดีครับ เพิ่งถึง”
หลินซีเหวินกินและพูดคุย “พวกคุณขอแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอคะ? แล้วทำไมยังไม่แต่งล่ะคะ? พวกเรารอทานขนมมงคลอยู่นะ”
ถังจิ้นเหยียนเคี้ยวถั่วฝักยาวอย่างละเอียด “รอเธอกลับจากอิตาลี พวกเราก็จะแต่งงานกัน”
เขารอให้เธอกลับมาจากนั้นจะไปสู่ขอเธอ
เพียงแค่เขาไม่ได้พูดสิ่งนี้ออกไปในโทรศัพท์
หลินซีเหวินจึ๊ปาก “รองคณบดี อายุขนาดนี้แล้ว อย่าสงวนท่าทีไว้เลย”
“แผนกหัวใจและหลอดเลือด ๆ กรุณามาที่ห้องฉุกเฉินด่วน ๆ!”
ทางนี้หลังทานอาหารไปได้ไปกี่คำ ทันใดนั้นโรงพยาบาลก็ประกาศว่าต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษจากแผนกหัวใจและหลอดเลือด
หลิยซีเหวินยัดเนื้อวัวเข้าปาก ก่อนที่จะค่อนแคะกระแปดออกมา “แม่ง อะไรมันจะตรงเวลาแบบนี้ ฉันจะกินไม่อิ่มเลย!”
ถังจิ้นเหยียนโชว์ความมีประสิทธิภาพด้วยการคว้าเครื่องช่วยฟัง “ไปเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมเลี้ยงมื้อใหญ่คุณเอง”
หลินซีเหวินมองท้องฟ้า “ไม่รู้ทำไมเวลาฉันอยู่กะกลางคืนต้องมีเรื่องตลอด ฉันนี่เป็นอะไรนะฉัน!”
……
โทรศัพท์มือถือของจางหย่งวางสายไปไม่ถึงสิบนาทีก็ดังขึ้นอีก
ครั้งนี้เป็นเบอร์แปลกเป็นเบอร์จากประเทศจีน
“ใคร?”
เจิ้งซิ่วหยานั่งอยู่บนรถขาเข้าเมือง “คุณจาง ฉันเอง เจิ้งซิ่วหยาจากสถานีตำรวจเมืองหลวง”
“ใครนะ?” ครั้งนี้ จางหย่งถามเสียงหลงอีกครั้ง
มันเกี่ยวกับสถานีตำรวจได้ยังไง?
“คนที่อยู่ในมือคุณ ฉันก็อยากจะเจอค่ะ ช่วยแชร์โลเคชั่นได้ไหมคะ”
จางหย่งกรอกเบอร์โทรเข้าไปในคอมพิวเตอร์อย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ ครู่หนึ่งภาพของคน ๆ หนึ่งก็โผล่ขึ้นมา มันคือเจิ้งซิ่วหยา
“ใคร? ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร” จางหย่งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อย่างแกล้งเลยค่ะคุณจาง คุณอย่าลืม ว่าฉันเป็นคู่หมั้นของถังจิ้นเหยียน” เจิ้งซิ่วหยามองไปที่นิ้วนางของตนเองอย่างชื่นชมและแหวนที่สวมอยู่ก็ส่องแสง
จางหย่งอึ้งไปเล็กน้อย “ห่าเอ้ย ตำรวจทำอะไรไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวรึไง!”
“คุณผิดแล้วค่ะ ฉันก็แค่ได้รับเบาะแสมาจากประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น บอกมาเถอะค่ะว่าเขาอยู่ไหน?”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้เป็นคนให้เบาะแส แต่เป็นเจิ้งซิ่วหยาสืบเบาะแสจากถังจิ้นเหยียนเองต่างหาก
ในฐานะตำรวจมืออาชีพความอยากรู้อยากเห็นและความสามารถในการสังเกตของเธอไม่เป็นรองใคร
จางหย่งแชร์โลเคชั่นและคิดในใจว่าต่อให้เจิ้งซิ่วหยามาก็ไม่มีประโยชน์!
ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลหวาเซี่ย
“คนไข้หลอดเลือดใหญ่ที่ต้นขาแตก หัวใจล้มเหลว เตรียมการผ่าตัด!”
“คนไข้กรุ๊ปเลือดอะไร?”
หลินซีเหวินมองดูข้อมูลอย่างรวดเร็วจนเกือบจะกัดลิ้นตัวเองตาย “กลุ่มเลือด Rh”
ทันใดนั้นทุกคนก็เงียบ รวมทั้งถังจิ้นเหยียน
นางพยาบาลกลืนน้ำลาย “รองคณบดี เลือดในคลังไม่มี…”
เดิมทีกลุ่มเลือด Rh เป็นทรัพยากรที่หายาก แล้วจะให้มีสำรองได้ตลอดอย่างไร?
หลินซีเหวินกัดฟันแน่น “รองคณบดี หากคนไข้ยังเสียเลือดต่อไป คงทนจนผ่าตัดเสร็จไม่ไหว”
ผู้ป่วยบนเตียงเป็นตายเท่ากัน เลือดปกคลุมใบหน้าของเขา เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น รองเท้าหายไปหนึ่งข้าง จะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นรุนแรงเพียงใด
“รีบสอบถามจากโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลไหนมีในคลัง! เร็ว!” ถังจิ้นเหยียนออกคำสั่งและเข็นเตียงคนไข้ร่วมกับหมออีกหลายคนเข้าห้องผ่าตัดไป
ในหัวของหลินซีเหวินคิดถึงใครขึ้นมาคนหนึ่ง แต่ก็ถูกตนเองห้ามตนเองเอาไว้ ไม่ได้ ๆ จะให้พี่ลั่วรู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด!
โชคไม่ดีที่ลั่วหานอยู่กับหยวนชูเฟินในแผนกผู้ป่วยในในคืนนั้น
หยวนชูเฟินหลับไปแล้ว ลั่วหานลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
เสียงประกาศทำให้เธอตื่นตระหนก
แผนกหัวใจและหลอดเลือด?
โรคบ้างานของลั่วหานก็ออกฤทธิ์ พอผลักประตูออกไป ใครจะรู้ว่า พอเปิดประตูออกไปก็พบกับอ้อมกอดที่แข็งแกร่งและอบอุ่น เมื่อเงยหน้าดูก็พบกับใบหน้าที่หล่อเหลา “ที่รัก? คุณมาได้ยังไงคะ?”
หลงเซียวลูบศีรษะเธอ “ท้องแล้วยังกล้าอดนอนอีก?”
“แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง ยังไม่ถึงว่าอดนอนเลย คุณแม่เพิ่งหลับไป”
หลงเซียวพยักหน้า “คุณจะไปไหน?”
เมื่อครู่ตอนขึ้นมา หลงเซียวได้ยินหมอหลายคนกำลังร้องหากลุ่มเลือด Rh ปฏิกิริยาแรกก็คือเขาจะต้องหาลั่วหาน!
“ฉันจะไปดูแผนกฉุกเฉินหน่อย”
หลงเซียวโอบไหล่เธอโดยเผด็จการ “ไม่มีอะไรแล้ว ถังจิ้นเหยียนจัดการอยู่”
“เมื่อกี้คุณเห็นเหรอ?” ลั่วหานคิดจะแยกมือจากเขาแต่แรงสู้เขาไม่ได้
“อือ คนไข้เข้าห้องผ่าตัดแล้ว คุณไม่เกี่ยวแล้ว ดังนั้น ตอนนี้คุณไปนอนเสียดี ๆ OK?” หลงเซียวปิดหูปิดตาเธออย่างแท้จริง
ลั่วหานยิ้มตาหยี “ได้ค่ะ ๆ เชื่อคุณ”
“ฉันถามมาแล้วนะ คลังของโรงพยาบาลรัฐก็ไม่มี คลังเลือดทั่วเมืองหลวงไม่มีที่ไหนมีเลย…”
เสียงของหมอคนหนึ่งดังลอยมาแต่ไกลจากโถงทางเดินก็คือคุณหมอหวังที่อยู่กะกลางคืนด้วย
ลั่วหานขมวดคิ้ว “คุณหมอหวัง เกิดอะไรขึ้นคะ?”
หลงเซียวเงยหน้าขึ้น เขาอยากจะเขวี้ยงหมดออกไปแต่ไม่รู้จะต่อยใคร
หมอหวังตัวสั่นด้วยความตกใจ แม่เจ้า ทำไมถึงเจอเธอล่ะ? แล้วยังเขาอีก?
“มะ…ไม่มีอะไรครับ…”
คุณหมอหวังเพิ่งจะปฏิเสธ เสียงของหลินซีเหวินก็ดังฟังชัดออกมาจากโทรศัพท์ “ไปที่เพจกลุ่มเลือด Rhและถามหาอาสาสมัคร! เร็วเข้า คนไข้กำลังแย่แล้ว!”