ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1118
บทที่ 1118 กำลังจะตาย
ตู้หลิงเซวียนเม้มริมฝีปาก สายตาเยือกเย็นอยากจะฉีกรอยยิ้มของเจิ้งซินออกเป็นชิ้นๆ แต่เพราะบาดแผลของเขาทำให้ไล่เธอไปไหนไม่ได้
เจิ้งซินเห็นเขาไม่พูดอะไร จึงพูดต่อ “คุณดูแลตัวเองไปก็พอ เมื่อเช้าผู้ช่วยคุณมา บอกว่าได้จัดทีมประชาสัมพันธ์ชั่วคราว เดี๋ยวก็มีทางออก ด้วยประสิทธิภาพการทำงานของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของหลันเทียน ทิศทางความคิดเห็นของผู้คนอาจจะแตกต่างก็ได้”
เจิ้งซินนำโทรศัพท์และหนังสือพิมพ์เก็บกลับคืน แสดงท่าทางสบายๆ “หิวหรือยัง อยากทานอะไรคะ”
ตู้หลิงเซวียนแสดงท่าทีประหลาดใจ “เจิ้งซิน คุณทำแบบนี้ต้องการอะไร”
เจิ้งซินไม่ได้สนใจว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบ เปิดกล่องอาหารที่นำมา นำโจ๊กบำรุงร่างกาย โจ๊กไข่เยี่ยวม้าและเนื้อไม่ติดมัน กลูโคส เสี่ยวหลงเปาและเกี๊ยวที่ย่อยง่ายถูกหยิบออกมา วางไว้บนโต๊ะ
“แม่คุณยังอยู่ที่จีนอยู่เลย เป็นลูกสะใภ้ที่ดี ฉันต้องทำตัวดีๆให้แม่สามีในอนาคตได้เห็น คุณไม่ต้องคิดมาก และไม่ต้องรู้สึกขอบคุณ ฉันแค่ไม่อยากให้แม่คุณใช้สายตาแบบนั้นมองฉัน”
เจิ้งซินตักโจ๊กขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าเล็กน้อยจากนั้นส่งไปชิดปากของเขา “ลูกสะใภ้ในใจของแม่คุณคือฉู่ลั่วหาน แต่น่าเสียดาย เธอแต่งงานกับคุณไม่ได้แล้ว ฉันก็เป็นฉู่ลั่วหานคนที่สองไม่ได้”
สายตาของตู้หลิงเซวียนไม่ดี เขาสายตาสั้นมาก มองเจิ้งซินในระยะนี้ไม่ชัดเจน เธอดูเป็นธรรมชาติ ไม่รู้ว่าจริงหรือเแสร้ง
“กินสิ ฉันเมื่อยแขนแล้วนะประธานตู้”
เธอตั้งใจเรียกประธานตู้ให้ดูเป็นทางการ
ตู้หลิงเซวียนอ้าปาก ทานโจ๊กไปหนึ่งคำ
เมื่อคืนเขาดื่มไปมาก แสบท้องไปหมด อยากทานอะไรเบาๆเพื่อบรรเทาอยู่ก่อนแล้ว
เจิ้งซินยังคงป้อนเขาต่อไป “ไม่อยากอธิบายหน่อยเหรอคะว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” ตู้หลิงเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เจิ้งซินยิ้มแกน บางทีเขาก็เป็นแบบนี้ เธอชินแล้ว “ทำให้คุณโกรธจนเสียสติได้ขนาดนั้น คงจะเกี่ยวกับหลงเซียวสินะ เขากดขี่คุณอีกแล้วเหรอ”
ทานไปได้สามคำ ตู้หลิงเซวียนก็ไม่ยอมอ้าปากแล้ว
เขาเงียบ ตีหน้าเข้มใส่เธอยิ่งขึ้น “ที่แท้ ก็เป็นเขา ตู้หลิงเซวียน คุณโตจนป่านนี้แล้ว บางทีก็โง่ ความจริงคุณเก่งมากนะ โดดเด่น คุณเยี่ยมยอดในทางของคุณ มีคนไม่น้อยที่อิจฉาคุณ เงยหน้ามองคุณ แต่คุณคอยแต่จับจ้องอยู่ที่หลงเซียว แข่งกับเขาไปซะทุกอย่าง ยิ่งเปรียบเทียบ คุณยิ่งพบว่าคุณสู้เขาไม่ได้สักอย่าง ความภาคภูมิใจไม่เหลือแล้ว คุณอยากอยู่ภายใต้เงาของเขาไปอีกนานแค่ไหน”
ตู้หลิงเซวียนดวงตาแข็งขึ้น “คุณพูดพอหรือยัง”
เจิ้งซินบังคับให้เขาอ้าปากทานอาหาร “ยัง ฉันอยากให้คุณมีสติบ้าง มีความคิดหน่อย คุณก็คือคุณ คุณคือตู้หลิงเซวียน คุณไม่ใช่เงาของหลงเซียว”
ตู้หลิงเซวียนกำหมัดแน่น “ออกไป”
“ทำไมฉันต้องออกไป ฉันไม่ไป” เจิ้งซินแข็งข้อกับเขา ตั้งใจต่อต้านเขา
ความจริง ตอนที่เห็นร่างเขาที่เต็มไปด้วยบาดแผล เจิ้งซินก็ปวดใจ ปกติแล้วตู้หลิงเซวียนนั้นทะนงตน เย่อหยิ่ง ยืนอยู่บนยอดสูง ตอนนี้กลับสูญเสียความเป็นตัวเอง
คงจะมีแค่เวลานี้ ที่เขาดูเป็นคนธรรมดา อ่อนแอ อ่อนไหว โกรธ และเจ็บปวด
ตู้หลิงเซวียนคอแข็ง บอกเสียงดัง “ออกไปเดี๋ยวนี้ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
เกียรติของเจิ้งซินนั้นถูกกดเอาไว้ แม้ใบหน้าจะหนาขนาดไหนก็ยอมฟังคำพูดไม่น่าฟังแบบนี้ต่อไปไม่ได้ “ตู้หลิงเซวียน คุณพูดอะไร”
“เควิน ลูกจะพูดแบบนี้กับเธอไม่ได้”
เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ทำลายระเบิดอารมณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพักผู้ป่วย
ตู้หลิงเซวียนเงยหน้า “หม่ามี๊”
“ตอนที่แกสลบไป เจิ้งซินดูแลแกไม่ห่าง ฉันจะอยู่ เธอก็บอกให้ฉันกลับไปพักผ่อน เธอต้องยุ่งวุ่นวายอยู่คนเดียว แล้วแกยังจะไล่เธออีกเหรอ”
“ผม…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ทานข้าวซะ รอแกสร่างเมาแล้วค่อยอธิบาย พ่อของแกกำลังนั่งเครื่องมาที่จีน คืนนี้ก็ถึง แกไปคิดแล้วกันว่าจะบอกเขายังไง”
เมื่อแม่ที่อ่อนโยนจริงจังขึ้นมา คำพูดที่ดูอ่อนโยนแท้ที่จริงได้ต้อนเขาจนจนมุมแล้ว
“เจิ้งซินพยักหน้า “คุณป้า”
“อืม ลำบากเธอแล้วซินซิน ที่พวกเธอคุยกันเมื่อสักครู่ ป้าได้ยินหมดแล้ว ป้าอาจจะเข้าใจเธอผิดไป อย่าถือสาป้าเลยนะ”
เจิ้งซินเบิกตากว้าง “หนู…เมื่อสักครู่หนูพูดไปเพราะโกรธ คุณป้าอย่าถือสาเลยนะคะ”
อีกคนส่ายหน้ายิ้มๆ “คำพูดพวกนั้น ไม่ควรให้ฉันได้ยินหรอกเหรอ”
บางทีอาจเพราะสายตาของเธอจับจ้องไปที่แอนน่าคนเดียว ทำให้ละเลยเจิ้งซินไป ตอนนี้…เธอคงต้องมองเธอใหม่หมด
“คุณป้า…หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ” เจิ้งซินละอายใจ
“เพราะไม่ตั้งใจ ถึงได้พูดความจริงออกมาจากใจ ป้าไม่ได้โง่ รู้จักแยกแยะ ป้าไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล”
เจิ้งซินเป่าโจ๊กในช้อน “ได้ยินหรือยัง ยังไม่รีบกินอีก”
……
“สวรรค์ สวรรค์ ข่าวนี้เรื่องจริงหรือเปล่า”
“ตู้หลิงเซวียนทะเลาะวิวาท ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ครั้งที่แล้วข่าวยังบอกอยู่เลย ว่าเขาเป็นคุณชายอะไรนะ เขาดูไม่เหมือนคนที่จะทะเลาะวิวาท”
“ไม่รู้ว่าทำไมถึงทะเลาะวิวาท แต่บาดเจ็บหนักเลยล่ะ เมื่อคืนตอนที่ถูกส่งมาน่ะ เลือดท่วมตัวไปหมด ฉันนึกว่าตัวเองมองผิด”
ลั่วหานเดินผ่านมา ได้ยินเหล่าพยาบาลกำลังพูดถึงตู้หลิงเซวียน
“แฮ่ม”
เธอกระแอม ทั้งหมดก็เงียบลง
“คุณหมอฉู่…อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหมอฉู่”
ลั่วหานเหลือบตามองหนังสือพิมพ์ในมือพยาบาล “ไม่มีอะไรทำแล้วเหรอคะ มาเมาท์กันอยู่นี่”
พยาบาลแผนกหัวใจที่ทำงานกับลั่วหานบ่อยๆยิ้มจนตาหยี “คุณหมอฉู่ ตู้หลิงเซวียนมาที่โรงพยาบาลเราอีกแล้วนะคะ ที่โซนวีไอพีด้วย”
“แล้วไง” สองมือของลั่วหานล้วงกระเป๋า เอียงศีรษะถาม
“ดังนั้น…เราจึงแปลกใจไงคะ”
พวกเขาแปลกใจ ลั่วหานเองก็แปลกใจเล็กน้อย แต่เธอคงไม่ไปเยี่ยม
พอดีกับผู้อำนวยการปรากฏตัวขึ้น เหล่าพยาบาลตกใจไม่กล้าล้อเล่นอีก หนีไปตามๆกัน
“ผู้อำนวยการ สวัสดีค่ะ”
ผู้อำนวยการเฉินยิ้ม “เสี่ยวฉู่ มานี่หน่อย”
“ค่ะ”
ผู้อำนวยการเฉินเดินเร็ว เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ลั่วหานสัมผัสได้ว่าไม่ใช่เรื่องดี
เป็นดังนั้น เมื่อมาถึงห้องทำงานของผู้อำนวยการ บรรยากาศก็เปลี่ยนไป
“เสี่ยวฉู่ อยากดื่มอะไรดี”
ผู้อำนวยการหยิบแก้วกระดาษขึ้นมา ลั่วหานส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ”
ผู้อำนวยการเฉินกดน้ำร้อน “คือว่า แม่ของคุณ…คุณอย่าพึ่งตกใจนะ แพทย์ประจำตัวเธอมาหาผม แจ้งว่าอาการหนักแล้ว”
ลั่วหานนั่งไม่ติด ยืนขึ้น “อาการหนัก ทำไมไม่แจ้งฉันล่ะคะ”
“พวกเขาไม่กล้าน่ะสิ ดังนั้นเลยให้ผมมาคุยกับคุณ ระบบหายใจของแม่คุณล้มเหลว ตอนนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ตั้งแต่ตีสาม ปั๊มหัวใจไปสองรอบแล้ว คุณหมอส้งไม่ให้เรารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ ผมเองก็อดที่จะบอกคุณมาจนถึงตอนนี้”
ลั่วหานใบหน้าซีดเซียว “คุณหมายความว่า…”
ผู้อำนวยการเฉินดื่มน้ำเล็กน้อย “เสี่ยวฉู่ คุณคงเข้าใจ อาการของแม่คุณไม่มียาตัวไหนช่วยได้แล้ว เธออยู่ด้วยความทุกข์ทรมาน”
ลั่วหานก้มหน้า กระบอกตาร้อนผ่าว “ฉันรู้ค่ะ ฉันรับได้”
“ไปดูเธอเถอะ เหลือแค่สองวันแล้ว”
ลั่วหานไม่รู้ตัวว่าตัวเองออกมายังไง เดินมายังห้องของหยวนชูเฟินอย่างไร้สติ เธอสวมเครื่องช่วยหายใจ ร่างผอมบางนอนอยู่บนเตียง เส้นผมแซมขาว ไม่ใช่คุณนายหลงที่สดใสไร้ที่ติคนนั้นแล้ว
ส้งชิงเซวี๋ยนมองเห็นลั่วหาน ขยับเลื่อนเก้าอี้ “เสี่ยวลั่วลั่ว…อย่าร้องเลย”
ลั่วหานเม้มปากแน่น อยากบอกว่าฉันไม่ร้องไห้ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก น้ำตาก็ทะลักออกมา
“ลุงส้งคะ…กระทั่งปีใหม่แม่ก็อยู่ไม่ถึงแล้วเหรอคะ” ลั่วหานเข่าอ่อน พิงไหล่ส้งชิงเซวี๋ยน ร้องไห้ราวกับเด็กน้อย
ส้งชิงเซวี๋ยนตบไหล่เธอ “เด็กน้อย การจากลามันเป็นธรรมชาติของชีวิต ถึงเวลา มันก็ต้องเกิดขึ้น”
แพทย์ประจำตัวหยวนชูเฟินค้อมศีรษะขอโทษลั่วหาน “แอนน่า ขอโทษ…”
ลั่วหานเป็นหมอ เธอเข้าใจ “ขอบคุณศาสตราจารย์Pierre ที่ช่วยดูแลนะคะ”
“คุณผู้หญิงใกล้สิ้นใจแล้ว พวกคุณอยู่กับเธอเถอะครับ”