ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1124
บทที่ 1124 ลื่นไหลเหมือนปลาไหล
ที่แท้ก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว กำแพงทั้งสี่ด้านไม่มีร่องรอยการหายใจของคน เครื่องทดสอบอัตราการเต้นของหัวใจส่งเสียงกลไกซ้ำซากราวกับว่ากำลังนับถอยหลังเวลาของชีวิต
เธอมีสีหน้าไม่รับรู้ นัยน์ตาที่ไร้ชีวิตชีวาทั้งสองมองเพดานอย่างมึนงง บนเพดานเหมือนมีตัวเองอีกคนที่กำลังหัวเราะเยาะตัวเอง เธอแสดงสีหน้าน่าเกลียดและดุร้าย ริมฝีปากสีแดงสดหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง
“โม่หรูเฟยนี่คือจุดจบของเธอ แม้แต่ตายก็ยังตายไม่ได้! 5555!”
“เธอควรจะรู้นานแล้วว่าเธอเองต้องมีวันนี้ เธอสมควรได้รับมันแล้ว! 555 พระเจ้าจะไม่ยอมให้เธอตายปล่อยให้เธอได้มีชีวิตอยู่ ลองดูสิ คนข้างนอกนั่นล้วนมีความสุขมากกว่าเธอทั้งนั้น!”
“โม่หรูเฟย เธอมันโลภเกินไปที่ต้องการทุกอย่าง แต่สุดท้ายล่ะ เธอลืมตามองดูตัวเองสิว่าเธอได้อะไรไป? เธอไม่มีอะไรทั้งนั้น!”
“แม้แต่พ่อแม่ก็รู้สึกว่าเธอมันน่าอับอาย พวกเขารังเกียจเธอ ชีวิตของเธอมันล้มเหลว ล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว!”
ในห้องพักผู้ป่วยมีเสียงหัวเราะเยาะมากมายดังขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน เสียงเหล่านั้นกระทบเข้าหูโม่หรูเฟยตลอดเวลา ภูตผีแปลกประหลาดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอราวกับว่าผีเหล่านั้นต้องการจะฉีกเธอออกจากกัน
โม่หรูเฟยคว้าผ้าห่มแน่นแล้วตะโกนเสียงดัง “ไม่! ไม่!! ออกไป! ออกไป!”
พอได้ยินเสียงตะโกนจากข้างใน พยาบาลหลายคนก็กระแทกประตูแล้วเปิดไฟในห้องพักผู้ป่วย
ร่างสีขาวสองสามร่างที่จู่ๆก็เข้ามาทำให้โม่หรูเฟยหดตัวอย่างเฉื่อยชา “อย่าเข้ามา!”
เธอกลัวร่างสีขาวอย่างมาก เพราะแต่ละคนล้วนดูเหมือนฉู่ลั่วหาน พวกเธอล้วนเป็นฉู่ลั่วหานที่แปลงร่างมา ที่ล้วนอยากให้เธอตาย
“คุณโม่คะ ที่นี่คือโรงพยาบาล คุณไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร หายใจเข้าลึกๆ หายใจเข้าลึกๆค่ะ” พยาบาลกดไหล่ของโม่หรูเฟยพยายามทำให้เธอสงบ
ดวงตาโม่หรูเฟยเบิกกว้าง ทันใดนั้นใบหน้าของคนตรงหน้าก็มีใบหน้าลั่วหานผุดออกมา เธอกำลังเยาะเย้ยโอ้อวดเธอ
“อ๊ายยย! ปล่อยฉัน! ฉู่ลั่วหานปล่อยฉันนะ!”
พยาบาลมองหน้ากัน “เธอเป็นอะไรไป? ฤทธิ์ของยาน่าจะหมดแล้ว ทำไมยังมีภาพหลอนได้?”
“ฉันจะไปตามหมอ เธอให้ยากล่อมประสาทเธอก่อน”
“โอเค รีบไป!”
พยาบาลสองคนกดแขนของโม่หรูเฟยแล้วให้ยากล่อมประสาททำให้โม่หรูเฟยสงบลงในที่สุด
ไม่นานทางทิศตะวันออกก็เผยให้เห็นแสงอรุณ พระอาทิตย์ลอยขึ้นเป็นสัญญาณของวันใหม่
หมอที่เข้าเวรเช้าทยอยมาโรงพยาบาล
ถังจิ้นเหยียนกับหวาเทียนเดินขึ้นบันไดตามกันมา ทั้งคู่ต่างถือแก้วกาแฟกระดาษ
หวาเทียนเห็นถังจิ้นเหยียนก็รีบเดินตามเขา “รองคณบดีครับ”
ถังจิ้นเหยียนชะลอฝีเท้ารอเขา “มีอะไรเหรอ?”
“มีครับ เมื่อวานผมได้รับสายจากห้องเข้าเวรเมื่อวาน บอกว่าอาการป่วยของโม่หรูเฟยค่อนข้างซับซ้อน เธอมีอาการประสาทหลอน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้คุณอยากไปดูด้วยตัวเองไหมครับ?”
ถังจิ้นเหยียนเห็นข่าวในตอนเช้ากำลังเตรียมจะไปห้องพักผู้ป่วยเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่คลินิกผู้ป่วยนอกจะเริ่มเปิด “อืม เดี๋ยวฉันไป”
“ดีเลยครับ ผมไปด้วย”
หลินซีเหวินเห็นหนุ่มหล่อทั้งสองของโรงพยาบาลหวาเซี่ยทำงานด้วยกันจึงพูดติดตลกว่า “เฮ้ ทั้งสองคนกอดไหล่กันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นมองว่ารวมกลุ่มกันเหรอ”
“สวัสดีครับหมอหลิน”
หวาเทียนโค้งริมฝีปาก เห็นว่ารถของหลงจื๋อยังไม่ได้ขับออกไปจึงพูดเสริมว่า “หมอหลินแต่งงานกับชายที่สมบูรณ์แบบแล้วสินะครับ มารับมาส่งทุกวัน สวัสดิการแตกต่างกันจริง”
หลินซีเหวินตบหน้าท้องที่ไม่ได้เด่นชัดนักของเธอ “ถ้ามีความสามารถก็ท้องสิ คุณลู่จะได้มาส่งทุกวัน”
หวาเทียนหัวเราะเฮอะๆ “บ้านผมมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในบ้านแล้ว”
ทั้งสามล้อเล่นกันไปพลางเดินเข้าไปในอาคารผู้ป่วยนอกด้วยกัน หลินซีเหวินพูดว่า “ฉันได้ยินเรื่องอาการของโม่หรูเฟยแล้ว แปลกมากนะ สมองเธอไม่ได้เสียหายอะไร ทำไมถึงพูดไร้สาระได้ ฉันได้ยินพยาบาลบอกว่าเธอเห็นคนสวมเสื้อคลุมสีขาวก็ตะโกนว่าฉู่ลั่วหาน”
หลังจากคิดๆดูแล้วถังจิ้นเหยียนก็อธิบายว่า “สถานการณ์แบบนี้ในทางจิตวิทยาเรียกว่าจิตปรุงแต่งคิดกลัวไปเอง ยิ่งเป็นคนหรือเรื่องที่กลัวก็ยิ่งรู้สึกว่ามันอยู่ใกล้ตัว สำหรับโม่หรูเฟย ความกลัวต่อลั่วหานน่าจะเป็นเงาตามเธอ”
“โอ้ จิตใจชั่วร้าย ลำบากแล้ว” ปากหลินซีเหวินพูดเหมือนเห็นใจ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชดประชัน
ความโหดร้ายที่สร้างเองไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ตอนนั้นโม่หรูเฟยได้ทำสิ่งเลวร้ายไว้มาก เตือนนับไปครั้งไม่ถ้วนว่าก็ไม่กลับใจ ตอนนี้ดีสิ ยากที่จะเอาชนะเงาในใจได้
ไม่นานลิฟต์มาถึงแผนกศัลยกรรมหัวใจ หวาเทียนกับหลินซีเหวินก็ลงก่อน ส่วนถังจิ้นเหยียนก็ไปที่ห้องทำงานรองคณบดีทางด้านบน
ถังจิ้นเหยียนออกจากลิฟต์โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“หลงเซียว? ทำไมถึงโทรหาฉันล่ะ?”
หลงเซียวกำลังอยู่ระหว่างทางไปทำงาน บนตักมีนิตยสารการเงินประจำวันกางไว้อยู่ “นายเป็นคนดูแลโม่หรูเฟย ฉันไม่อยากให้ลั่วลั่วยื่นมือเข้ามา”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ข่าวแพร่กระจายเร็วดีนี่ แม้แต่นายยังรู้ แต่ทำไมไม่ให้ลั่วหานยื่นมือเข้ามาล่ะ เมื่อวานตอนช่วยชีวิตลั่วหานก็อยู่ที่นั่นในเหตุการณ์”
“ฉันไม่อยากให้ลั่วหานยุ่งกับเธออีก ฉันมีนิสัยรักความสะอาด”
ถังจิ้นเหยียนอยากจะบอกว่านี่มันนิสัยรักความสะอาดบ้าอะไรกัน แต่สายถูกวางแล้ว
เอาเถอะ เขาเข้าใจ หลงเซียวขับไล่โม่หรูเฟยมาก เขาไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับโม่หรูเฟย ยิ่งไม่ต้องการให้ภรรยาของเขาทำงานหนักเพื่อช่วยคนเช่นนี้
…
เมื่อคืนลั่วหานกลับบ้านดึก ห่างจากเวลาทำงานปกติหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นหากมีเวลาเขาจึงส่งชูชูไปโรงเรียนอนุบาล
ชูชูใส่ชุดนักเรียนซึ่งเป็นชุดกระโปรงฤดูร้อนสีฟ้า ถุงเท้าลูกไม้สีขาว รองเท้าหนังสีดำ ส่วนผมก็มัดแกละสองข้างพร้อมประดับด้วยลูกปัดแก้วสีชมพู
ลั่วหานจับมือชูชู ชูชูไม่เคยเดินดีๆ เธอมักกระโดดทุกครั้ง
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ หม่ามี๊!”
ชูชูเรียกเธอสามครั้งติดกัน ปากน้อยๆหวานราวกับว่ากินลูกอมกล่องใหญ่
ลั่วหานตอบรับสองสามครั้ง “มีอะไรคะลูก?”
“แหะๆ หนูมีความสุขมากๆเลย จากนี้หม่ามี๊มาส่งหนูไปโรงเรียนได้ไหมคะ?”
ชูชูเหมือนนกกระจอกตัวน้อยที่วนรอบๆลั่วหาน เด็กหญิงตัวน้อยไม่หยุดนิ่ง ไม่รู้ว่าเอาพลังงานมาจากไหน
“ชูชูอยากให้หม่ามี๊ส่งหนูไปโรงเรียนหรอคะ?”
สนามของโรงเรียนอนุบาลใหญ่มาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความบันเทิงมากมายให้เด็กๆ เด็กบางคนที่มาถึงเช้ากำลังเล่นสไลเดอร์ พวกเขาส่งเสียงหัวเราะออกมา
“หม่ามี๊ก็อยาก แต่หม่ามี๊ยังต้องทำงาน ดังนั้น…ถ้าหม่ามี๊ว่างก็จะมาส่งดีมั้ย?”
พอถึงประตูห้องเรียน ชูชูก็เงยหน้าขึ้นถาม
ลั่วหานโน้มตัวเข้าหาหน้าผากเล็กๆของลูกสาว “แน่นอนว่าได้ แต่ว่า จากนี้ถ้าแอบไปกินKFCกับแด๊ดดี้ต้องพาหม่ามี๊ไปด้วยนะ”
ใบหน้าเล็กๆของชูชูดูมึนงง ไอ้หยา ถูกจับได้ซะแล้ว!
“ทำไม? ไม่ยอมรับเหรอ? ลืมไปแล้วว่าหม่ามี๊คือใคร? หม่ามี๊เป็นวีรสตรี วีรสตรีก็ไม่ถูกหลอกง่ายๆหรอกนะ”
ในฐานะหมอประสาทในการดมกลิ่นมักจะอ่อนไหวมาก ความสามารถในการสังเกตก็ค่อนข้างดีเช่นกัน คิดว่าจะแยกกลิ่นของขาไก่ทอดไม่ออกงั้นหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นเธอเจอของเล่นจากKFCในกระเป๋าเป้ของชูชู
“ไอ้หยา หม่ามี๊หนูจะสายแล้ว สวัสดีค่ะหม่ามี๊!”
คิดไม่ถึงว่ายัยเด็กน้อยคนนี้เลือกที่จะหนี อืม หัวไวนี่
เมื่อเห็นลูกสาววิ่งเข้าไปในห้องเรียนอย่างมีความสุข ลั่วหานมองแผ่นหลังของเด็กน้อย ไม่ขยับไปไหนอยู่นาน
เด็กคนนี้ไม่รู้ว่านิสัยเหมือนใคร มีชีวิตชีวาเหมือนกับปลาไหล
“สวัสดีค่ะคุณนายหลง”
ระหว่างที่เหม่อครูของชูชูก็เข้ามาทักทาย
ครูสาวอายุประมาณ 30 หน้าตาหวานน่ารักราวกับตุ๊กตา ดูแล้วเหมือนอายุแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น
“สวัสดีค่ะอาจารย์จาง”
“ดีจังค่ะที่คุณมาที่นี่! Angelมักอิจฉาเด็กๆที่มีพ่อแม่มารับส่ง…อ้อ จริงสิ วันพุธหน้ามีกิจกรรมครอบครัวคุณกับคุณหลงจะมาร่วมงานมั้ยคะ?