ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1179
บทที่ 1179 (ตอนจบ10) ตายไปแล้วจะได้เจอกันอีกเหรอ
เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉิน ลั่วหานก็เข้าใจว่าทำไมต้องเรียกศัลยกรรมหัวใจ
วิธีที่หลินเหว่ยเย่ฆ่าตัวตายไม่ใช่กินยาพิษหรือใช้ปืนยิงสมองตัวเอง ไม่ใช่การทำร้ายที่พบเห็นได้บ่อย แต่เป็นการใช้มีดแทงลงไปที่หัวใจ
มีดแทงลงไปลึก จนไปถึงหัวใจ ตัดหลอกเลือดแดงที่ส่งไปเลี้ยงหัวใจ แม้ว่าจะถูกส่งมาโรงพยาบาลได้ไม่นาน แต่ก็สลบไปเพราะเสียเลือดมาก
ลั่วหานและหวาเทียนเดินตามกันเข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน ไม่นานชุดกาวน์สีขาวของพวกเขาก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดง เลือดยังคงไหล หยุดเอาไว้ไม่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
หมอหนุ่มที่สวมหน้ากากและถุงมือมองเห็นว่าเป็นลั่วหาน หัวใจที่เต้นกระหน่ำก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ราวกับเห็นทหารที่มาช่วยได้ทันเวลา “คุณหมอฉู่ ผู้บาดเจ็บต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วนครับ บางทีอาจมีโอกาสช่วยได้ทัน”
ลั่วหานก้มลงไปตรวจสอบแผลบริเวณหัวใจของเขา “แผ่นเอกซเรย์ล่ะ เอามาให้ฉัน”
“นี่ครับ”
ลั่วหานดูด้วยความมั่นใจ ดวงตาที่เคยสดใสเศร้าสลดลง มีความเสียใจอย่างอธิบายไม่ถูก “ไม่ต้องผ่าตัดหรอก”
ห้องฉุกเฉินเงียบลงทันที ทุกคนมองลั่วหานด้วยความสงสัย รอคำแนะนำต่อไปของเธอ
ลั่วหานถอนหายใจ แม้ว่าจะไม่อยากยอมแพ้ อยากต่อสู้ แต่การเป็นหมอ เธอรู้ดีถึงสถานการณ์ของหลินเหว่ยเย่ในตอนนี้ การผ่าตัดไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
“หัวใจฉีกขาด ประสาทตายไปแล้ว นอกจากจะเปลี่ยนหัวใจ”
นี่หมายความว่า หัวใจของหลินเหว่ยเย่ตายแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ทำไม ถึงได้เลือกวิธีการแบบนี้มาฆ่าตัวตาย ลั่วหานไม่เข้าใจ
หวาเทียนเปิดตาหลินเหว่ยเย่ดู จากนั้นส่ายหน้า “จะฟื้นขึ้นมาได้อีกไหมนั่นก็อีกเรื่อง โหดร้ายกับตัวเองเกินไปหรือเปล่า คนประสบความสำเร็จโหดร้ายกับคนอื่น กับตัวเองก็โหดร้ายเหมือนกันนี่นา เฮ้อ”
ใบหน้าของหลินเหว่ยเย่ซีดเซียว ริมฝีปากขาดน้ำแห้งผาก ระยะเวลาชั่วครู่ แต่สามารถทำให้เห็นผิวที่แห้งเหือด ผู้ป่วยแบบนี้เธอพบเจอบ่อย ไม่มีความรู้สึกอะไร
แต่ลั่วหานไม่เหมือน นี่เป็นหลินเหว่ยเย่ พ่อของหลินซีเหวิน
หลายวันนี้MBKซื้อกิจการของหลินซื่อ คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้หรอกใช่ไหม
นี่ไม่ใช่นิสัยของชายวัยห้าสิบที่เป็นผู้ใหญ่ ยิ่งไม่เหมือนเรื่องที่หลินเหว่ยเย่คนเจ้าเล่ห์จะทำได้
หวาเทียนเกาหางตา “คุณหมอฉู่ ชีพจรของผู้ป่วยยังเบาอยู่ อันตรายมากเลยนะครับ”
ลั่วหานมองตัวเลขที่แสดงบนเครื่อง หัวใจตกลงไปที่สามสิบห้าแล้ว ชีพจรยังเหลือสามสิบ เส้นเริ่มไม่เสถียร สามารถเปลี่ยนเป็นเส้นตรงได้ทุกเมื่อ
ในสถานการณ์แบบนี้ ควรแจ้งข่าวไปยังครอบครัวเพื่อมาดูอาการของเขา แต่ว่า…ซีเหวินใกล้คลอดแล้ว เธอจะรับไหวหรือเปล่า
ลั่วหานขมวดคิ้ว “ดูเขาเอาไว้ เกิดอะไรขึ้นรีบแจ้งฉัน ฉันจะไปโทรหาคุณนายหลิน”
นานแล้วที่ไม่ได้คุยกับคุณนายหลิน ผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดที่จดจำได้ เพียงแต่น่าเสียดาย
หลังหยุดเลือดแล้ว หลินเหว่ยเย่ยังคงนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน ลั่วหานพลันไม่รู้จะจัดการกับเขายังไง ทำได้แค่ดู
เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ลั่วหานเตรียมจะโทรหาคุณนายหลิน
“พี่สะใภ้”
หลงเจ๋อมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นลั่วหานก็วิ่งเข้าไปใกล้ “เขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“อาการไม่ดี ผ่าตัดไม่ได้”
“…อ่อ…” หลงเจ๋อตอบรับเงียบๆ มองประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิท เกิดความรู้สึกมากมายขึ้นในใจ “ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ วันนี้ผมพึ่งรู้ พ่อแม่ของซีเหวินหย่ากันแล้ว คืนนี้”
คิ้วของลั่วหานขมวดมุ่น ดวงตาเย็นเยียบ “นี่…”
“ผมคิดว่ามันกะทันหัน แต่เอกสารทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ซีเหวินกับหม่ามี๊อยู่ที่บ้านของเรา พึ่งจะไป เดี๋ยวผมโทรหาหน่อยดีกว่า”
หลงเจ๋อไม่รู้จะทำยังไง เจ็บเศร้าและเจ็บปวดปนเป หนึ่งวันนี้ เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน สูดหายใจ หลงเจ๋อกดเบอร์ติดต่อคุณนายหลิน
ลั่วหานไม่ห้ามและยืนฟังอยู่ข้างๆ หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง
ผ่านไปเกือบสิบนาที หลินเหว่ยเย่ถูกส่งเข้าห้องไอซียู เวลาที่เหลืออยู่คงต้องนับรอเวลาแล้ว ลั่วหานตบไหล่หลงเจ๋อ “เสี่ยวเจ๋อ ตอนนี้นายเป็นที่พึ่งให้กับพวกเขาสองแม่ลูกแล้ว นายต้องเข้มแข็ง โดยเฉพาะซีเหวิน ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ นายต้องระวังให้มาก”
สัมผัสได้ถึงภาระที่หนักอึ้ง หลงเจ๋อพยักหน้าช้าๆ “ครับ ผมรู้”
ลั่วหานยังอยากพูดอะไรอีกหน่อย แต่คิดไว้ว่าหลงเจ๋อไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เขามีความคิดเป็นของตัวเอง มีศักดิ์ศรีของตัวเอง เธอยื่นมือเข้าไปยุ่งมากเกินไปไม่ดี ดังนั้นให้พื้นที่กับเขาเยอะๆ เชื่อว่าเขาทำได้
ฝั่งห้องไอซียู ลั่วหานตัดสินใจยกให้เป็นหน้าที่ของหวาเทียน ตัวเองขยับออกมาเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ถึงเวลาสำคัญค่อยเข้าไปช่วย ไม่งั้นมันคงกระอักกระอ่วนน่าดู
แต่ลั่วหานไม่คิดว่า ส้งชิงเยวี๋ยนและถังจงรุ่ยจะมาปรากฏตัว
มองเห็นทั้งสองคนมายืนอยู่ตรงนั้น คนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น มองดูคนที่อยู่ในห้องไอซียูที่มีเพียงกระจกใสกั้น ความเศร้าเผยออกมาจากใจ ภาพนั้น…บาดตาเหลือเกิน
ตอนนี้ หลงถิงนอนอยู่ในห้องไอซียูยังไม่ตื่นขึ้นมา หลินเหว่ยเย่ฆ่าตัวตายยังสลบอยู่ ถังจงรุ่ยต้องเผชิญกับอันตรายต้องตัดขาทิ้ง…
มู้เส้าเอินก็จากโลกนี้ไปนานแล้ว หยวนชูเฟินก็กลับสวรรค์นานแล้ว
เวลาเหมือนพายุที่พัดผ่าน พัดผู้คนหายไปมากมาย พัดเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่มากมาย
เมื่อก่อนเธอคิดว่าความลับนั้นทำร้ายคนที่สุด เพราะความลับปกปิดการโกหก อันตรายและด้านมือเอาไว้ แต่ความจริงล่ะ มีแต่ความตาย ไม่สามารถกลับมาได้อีกครั้ง
ถ้าหากเลือกได้ เก็บความลับให้เป็นความลับต่อไป หรือเรียกคืนความจริงจากอดีต
เธอไม่รู้ เธอไม่รู้จริงๆ เหรอ
ความคิดสับสนอยู่ในใจ เธอพยายามควบคุมอารมณ์ เดินเข้าไปทักทาย
“ลุงส้ง ลุงถัง พวกคุณมาแล้วเหรอคะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนพยักหน้า ถังจงรุ่งเองก็พยักหน้าตอบรับ ท่าทางทั้งสองนั้นหนักหน่วง ใบหน้าทั้งสองต่างก็ฝังลึกไปด้วยประสบการณ์ในอดีต เวลาได้สลักเอาไว้ที่คิ้วและปลายหางตาของพวกเขา
ส้งชิงเซวี๋ยนลูบเคราเบาๆ ถอนหายใจ “ไม่คิดเลย ว่าสุดท้ายคนแก่อย่างเราต้องมาเจอกันที่โรงพยาบาล นี่มันชะตาอะไรกัน”
ถังจงรุ่ยถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงเจ็บปวด ไม่คิดว่าห่างหายกันไปหลายปี สุดท้ายต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งที่โรงพยาบาล ตอนกลางวันเขาไปเยี่ยมหลงถิง ตอนนี้หลงถิงไม่มีสติ ถึงจะฟื้นขึ้นมาก็คงจำเขาไม่ได้
ตอนนี้ล่ะ เขายังไม่ทันได้ทักทายหลินเหว่ยเย่ คนก็มานอนอยู่แบบนี้ซะแล้ว
“เป็นจริงตามคำพูดนั้น เงยหน้าถามสวรรค์ สวรรค์เคยละเว้นใคร หนี้ที่ต้องจ่าย ก็ต้องจ่าย หนีไม่พ้น” ถังจงรุ่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความรู้สึกที่อยู่ในใจนั้นสับสนวุ่นวาย กระบอกตาร้อนผ่าว หยาดน้ำตาไหลลงมาตามรอยย่นหางตา
ลั่วหานยืนอยู่ข้างๆ มองคนที่อยู่ในห้องกระจกนิ่ง ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหลายสิบปีได้ประทับอะไรไว้ในหัวใจของพวกเขาบ้าง ดังนั้นยากที่จะเข้าใจ
แต่ คงจะเจ็บปวดใช่ไหม
คุณนายหลินมาพร้อมกับหลินซีเหวิน ทั้งสองเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อมาถึงเห็นว่าหน้าประตูมีคนยืนอยู่ก่อนแล้ว คุณนายหลินมองเห็นส้งชิงเซวี๋ยนอยู่ไกลๆ แต่เธอไม่รู้จัดถังจงรุ่ย
ขอบตาหลินซีเหวินแดงก่ำ คงร้องไห้หนักระหว่างทาง เธอกุมมือลั่วหานแน่น นิ้วมือซีดขาว “พี่ลั่ว แดดดี๊ของฉันเขา…”