ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1194
บทที่ 1194 (ตอนพิเศษเซียวลั่ว) ถ้าหากไม่มีคุณ 4
เมื่อเดินออกมาจากโรงแรมแล้ว เจอรถว่างพอดี ลั่วหานจึงขึ้นรถไป
คนขับถามอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิง ไปไหนครับ”
ไปไหน เธอไม่รู้จะไปที่ไหน
“ไปเดินเล่นแล้วกันค่ะ”
“ครับ งั้นผมจะพาคุณไปที่ถนนคนเดินที่ทุกคนต้องไป ตอนกลางคืนสวยมาก คุณผู้หญิงต้องลองไปเดินชมบรรยากาศแบบอิตาลี ตอนกลางคืนดีมากเลยครับ”
ฉู่ลั่วหานหัวเราะ “ได้ค่ะ”
สถานที่ที่ไม่ได้กลับมานาน จนลั่วหานรู้สึกว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยว มองตรงนี้ก็แปลกใหม่ ตรงนั้นก็แปลกใหม่ สถานที่ที่เธอใช้ชีวิตอยู่สิบกว่าปี ก็เหมือนชีวิตที่ผ่านไปของเธอ กลายเป็นเมืองแห่งความทรงจำ
ระหว่างทางไม่เจอกับคนรู้จัก คงไม่มีคนรู้จักตามถนนแล้วหรือเปล่า ไม่มีการเงยหน้าขึ้นแล้วเจอใครสักคนในยามกลับบ้านเกิด ฉู่ลั่วหานเดินอยู่ถนนสายหลักมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว มองเห็นเพียงร้านเก่าๆ ขนาดร้านแบรนด์เนมดังๆ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นร้านบะหมี่ไปแล้ว ภาพลักษณ์เก่าๆ ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นถนนคนเดิมบรรยากาศแบบฝรั่งเศส อเมริกาไปแล้ว
ร้านต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ร้านเก่าๆ ที่เคยมาทานข้าวกับพ่อนั้นหายไปหมดแล้ว อยากมาดื่มด่ำกับบรรยากาศเก่าๆ นั้นไม่มีอีกแล้ว
ที่ร้านกาแฟห่างออกไปไม่ไกลมีเสียงเพลงดังออกมา “คุณกับฉันเราใช้เวลาสะสมกันมาครึ่งปี ลอยข้ามสมุทรเพื่อมาเยี่ยมคุณ…เมืองที่แปลกหน้า มุมเก่าๆ ที่คุ้นเคย กลายเป็นการปลอบใจซึ่งกันและกัน กอดกันและกันเอาไว้…”
เข้ากับบรรยากาศ เหมาะสมกับอารมณ์ของเธอในตอนนี้มาก พบกับความเจ็บปวดภายในหัวใจเธอโดยบังเอิญ สัมผัสกับจุดอ่อนไหวที่สุด
ไม่ทันรู้ตัว ลั่วหานเดินมาถึงมุมหนึ่งของถนน ถนนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของอิตาลีตรงหน้า เมื่อก่อนมันเล็กมาก มีเพียงสิ่งก่อนสร้างสไตล์อิตาลีเท่านั้น ร้านค้าต่างๆ ยังเป็นร้านธรรมดาทั่วไป ตอนนี้กลายเป็นภัตตาคารหรูหรา พนักงานจากบริษัทข้ามชาติเดินเข้าเดินออกร้านอาหาร ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติมาทานอาหารที่นี่
รายได้เป็นที่รู้กันดี
เสียงเปียโนไพเราะดังออกมาจากร้านอาหารร้านหนึ่ง ดนตรีสอดประสานยิ่งทำให้ไพเราะขึ้นไปอีก บังเอิญก็คือ ดันเป็นเพลง Refrain ที่เธอชอบด้วย บรรยากาศยามค่ำคืนบวกกับเสียงดนตรีไพเราะ ทำให้เธอได้ปลดปล่อยอารมณ์
เดินผ่านหน้าร้านอาหาร ลั่วหานมองเห็นนักเปียโนนั่งอยู่มุมมุมหนึ่งกับเปียโนเครื่องใหญ่ ทักซิโด้สีดำสะบัดไปตามท่วงท่าที่สง่างาม แผ่นหลังยืดตรง ไม่จำเป็นต้องมองด้านหน้าของเขา ก็สามารถให้ความรู้สึกสง่างามได้
อีกทั้ง…
ลั่วหานหัวเราะเยาะตัวเอง ทำไมเขาถึงมองคนหล่อทุกคนว่าเหมือนหลงเซียวไปหมดแบบนี้นะ
แม้กระทั่งนักเปียโนคนนี้ เธอยังสามารถนึกไปถึงหลงเซียวที่อยู่ไกลถึงสเปนได้ ยอมแพ้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองจริงๆ
“คุณผู้หญิง รับประทานอาหารหรือเปล่าคะ ร้านของเราพึ่งเปิดใหม่วันนี้ มีกิจกรรมพิเศษ คุณสามารถชิมอาหารพิเศษของพวกเราได้นะคะ”
ลั่วหานอยากเดินจากไป พนักงานหญิงคนหนึ่งกลับวิ่งเข้ามาเรียกเธอเอาไว้ เดินเข้ามาหาเธอแถมยังยื่นเมนูอาหารให้ด้วย
“คุณผู้หญิง ร้านเรามีกิจกรรมปีละครั้ง พลาดวันนี้ต้องรอไปอีกหนึ่งปีเลยนะคะ แถมเรายังให้สิทธิ์ฟรีแค่สิบท่านเท่านั้น ฮ่าๆ เราเลือกลูกค้าจากหน้าตาเลยค่ะ”
พนักงานหญิงคนนั้นอายุราวๆ กับเธอ เธอยิ้มออกมาขณะที่กำลังพูดอยู่ ท่าทางตื่นเต้น ราวกับถ้าสามารถหาลูกค้าที่ถูกใจได้แล้วจะได้รับรางวัลใหญ่
ฉู่ลั่วหานแปลกใจ “มีกิจกรรมแบบนี้ด้วยเหรอคะ”
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
“ใช่ค่ะ คุณผู้หญิง นี่เป็นประเพณีของร้านเรา คุณผู้หญิงรีบเข้ามาเลยค่ะ รับรองว่าคุณจะต้องชอบอย่างแน่นอน”
ความกระตือรือร้นของพนักงานสาวมีมากเกินที่ฉู่ลั่วหานเคยเห็น
ร้านอาหารตกแต่งด้วยสไตล์อิตาลีหรูหรา ดูเป็นแฟชั่น ให้อารมณ์ถึงเมืองแห่งแฟชั่น สิ่งที่ทำให้ฉู่ลั่วหานแปลกใจก็คือ ร้านนี้…ไม่มีลูกค้า
ไม่มีเลยสักคน
ร้านอาหารใหญ่ขนาดนี้ โต๊ะกลมถูกจัดเป็นระเบียบ ทุกๆ โต๊ะล้วนถูกตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบสวย กลิ่นหอมของกุหลาบกระจายไปทั่วร้าน เดินเข้าไปแล้วไม่เหมือนจะไปทานอาหาร แต่เหมือนไปชมดอกไม้ซะมากกว่า
พนักงานพาเธอเข้ามาแล้วก็หายไป ตรงหน้ามองเห็นเพียงนักเปียโนหนุ่มที่กำลังเล่นเปียโนอยู่ เขาหันหลังให้เธอ นิ้วมือลื่นไหลไปกับทำนองเพลง จากนั้นทำนองพลันเปลี่ยนไป กลายเป็นทำนองเพลงในงานแต่งซะงั้น
ฉู่ลั่วหาน “…”
ในร้านอาหารเล่นเพลงแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ตามใจเกินไปหรือเปล่า
งานแต่งงานยังไม่พอ เธอยังถูกทำนองดนตรีนำพาความคิด เกิดภาพจินตนาการถึงงานแต่งอะไรแบบนั้น ว่าเมื่อเธอแต่งงาน มันจะเป็นยังไงนะ
ชุดแต่งงานแบบไหน ทรงผมแบบไหน และยัง…ปกติเธอไม่ค่อยได้สวมรองเท้าส้นสูง ฉันต้องลองใส่ล่วงหน้าเพื่อฝึกทักษะหรือเปล่านะ ไม่งั้นเกิดขายหน้าขึ้นมาจะทำอย่างไร
ที่สำคัญก็คือ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอเขาจะเป็นยังไงนะ
ไม่ทันรู้ตัว ภาพของเจ้าบ่าวก็เปลี่ยนไป ชุดสูทสีดำ เชิ้ตสีขาว ผมที่ถูกจัดทรงเป็นระเบียบ และใบหน้าหล่อเหลาที่ฝันเห็นบ่อยๆ ในช่วงนี้
หลงเซียว…
ฉับพลัน เธอก็รู้สึกว่าภาพลักษณ์ภายนอกนั้นไม่เป็นไร เพียงแค่คนข้างๆ เป็นเขาก็พอแล้ว
ด้วยเสียงของเปียโน ทำให้ลั่วหานจินตนาการไปถึงงานแต่งงานของเธอกับหลงเซียว กระทั่งเธอรวบรวมสติกลับมาได้ เสียงเปียโนก็หยุดลงไปแล้ว
แสงในร้านอาหารเปลี่ยนไป แสงไฟจากโคมไปสวยดับลง เหลือเพียงหลอดสีชมพูเล็กๆ ตั้งอยู่ตามมุมที่ยังคงส่งสว่าง กลายเป็นสีชมพูปกคลุมไปทั่วร้าน แสดงสีชมพูผสานกับสีม่วงสวย แสงนั้นเปลี่ยนเป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว ส่องไปด้านบนราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ฉู่ลั่วหานอยู่ภายใต้ดวงดาว มองเงาของดวงตามที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แสงสีรุ้งพาดผ่านงดงาม ส่องเข้ามาที่ประสาทตาและทิ้งเงาเอาไว้ ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้สติ ก็กลายเป็นแสงแดดยามพระอาทิตย์ตก ที่ทำให้ก้อนเมฆเกิดประกายสีแดงราวกับไฟเผา รวมตัวกันเป็นภาพต่างๆ ดอกกุหลาบ ดวงดาว หงส์…
ฉู่ลั่วหานแปลกใจที่ร้านอาหารร้านนี้มีการออกแบบพิเศษ สมัยนี้ร้านอาหารสามารถทำได้ขนาดนี้เพื่อดึงดูดลูกค้าเลยเหรอ
“คุณผู้หญิง นี่เป็นดอกกุหลาบที่ทางร้านเราเตรียมไว้สำหรับกิจกรรมค่ะ โปรดรับไว้ด้วยนะคะ”
พนักงานที่เดินหายไปกลับมาพร้อมกับดอกกุหลาบช่อโต คาดเดาด้วยสายตาราวๆ หนึ่งร้อยดอก ถูกห่อด้วยกระดาษสีสวยงดงาม ทุกๆ ดอกบานกำลังดี
“นี่…ไม่ต้องหรอกมั้งคะ”
ถึงขั้นมอบของขวัญราคาแพงขนาดนี้ให้กับลูกค้าเลยเหรอ แค่ดูก็รู้แล้วว่าดอกไม้ช่อนี้ราคาไม่เบาเลย
พนักงานยิ้มแต่ไม่ตอบ จากนั้นเดินหายไปอย่างลึกลับอีกแล้ว
ในที่สุด เมื่อลั่วหานประหลาดใจไปแล้ว นักเปียโนหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน แสงที่ส่องไปที่เขามืดลง ลั่วหานมองเห็นเขาไม่ชัด บอกไม่ได้ถึงส่วนสูงของเขา เขาสูงมาก ค่อนข้างผอม
ฉู่ลั่วหานพยักหน้าให้เขาอย่างมีมารยาท ยิ้มทักทายเล็กน้อย ชายหนุ่มกลับไม่ตอบสนองอะไรกลับมา แต่กลับก้าวช้าๆ ลงจากเวทีตรงมาที่เธอ แสงและเงาสะท้อนมาที่เขามากมาย เกิดภาพลวงตางดงามให้เธอได้ตื่นเต้นไปด้วย
ฉับพลัน ลมหายใจของฉู่ลั่วหานพลันหยุดลง
ชายหนุ่มตรงหน้า คือหลงเซียว ใกล้ขนาดนี้ เพียงพอให้เธอได้เห็นหน้าตาของเขาได้ชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคม มุมปากที่ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้
เขาเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมที่คุ้นเคยลอยเข้ามาในจมูกเติมเต็มความว่างเปล่าของเธอ และยึดพื้นที่ทั้งหมดของเธอไป
หลงเซียวกุมมือเธอขึ้นมาหนึ่งข้าง ดึงเธอให้กลับมาสู่โลกของความจริง เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “ลั่วลั่ว สวัสดีตอนเย็น”
ฉู่ลั่วหานตกใจทำอะไรไม่ถูก แม้แต่คำพูดก็ยังติดขัด “คุณ…คุณทำไม…”
“ผมรอคุณอยู่ ดีที่รอจนได้เจอแล้ว”
เขายิ้ม ท่าทางนุ่มนวล ราวกับไอดอล