ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 180
ตอนที่ 180 เพิ่งคิดออกหรือไง
แกว่งกาแฟในแก้วไปมา อีกข้างวางไว้ตรง กระเป๋ากางเกง เอนไหล่พิงหน้าต่าง ร่างกายที่สูงโปร่งของ เขาดูมั่นคง เวลาที่มีแสงอาทิตย์ส่องผ่าน ระเบียดนิ้ว เดียว ก็ทำให้ดูโดดเด่นได้แล้ว
ส่วนหลงก็ยังคงหัวเราะราวกับเด็กไม่มีผิด “ดูที่พี่ใหญ่ พูดสิ ผมก็แค่อยากขับรถคันนั้นก็เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นรถ ของพี่ใหญ่ผมก็ชอบทั้งนั้นล่ะ ๆ”
สองปีมานี้ ความสัมพันธ์ของเขากับหลงจื้อก็เริ่มสนิทสนม กันมากขึ้น พูดคำจาก็ยิ่งถือว่าเขากลายเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขาไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนตอนนี้ ก็เกิดการ เปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย ตั้งแต่ตอนที่ลั่วหานจากไป
พลันหลงเชียวก็พูดขึ้น ในเมื่ออยากจะขับ พรุ่งนี้ก็มาเอา ไปซะสิ”
ในเมื่อแอนน่าไม่อยากจะขับ ให้เขาขับไปก็คงจะไม่เป็น อะไรหรอก
แต่ว่า จูๆ หลงจื้อก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง มันไม่ถูกต้องสิ เขาไม่อยากจะมายืมรถขับจริงๆ สักหน่อย เขามาตามหาคน ต่างหาก!
“รองสักเดี๋ยวสีพี่ใหญ่ ผมเองก็มีรถขับอยู่แล้ว ก็แต่อยากจะ มาถามพี่ใหญ่เท่านั้น ว่าวันนี้คนที่ขับรถพี่คันนั้นน่ะเป็นใคร ตอนผมขับอยู่ที่ทางหลวงหมายเลขหนึ่งสองศูนย์สี่น่ะผม เห็นสาวสวยคนหนึ่งขับรถของพี่ใหญ่ ตอนแรกผมก็กะว่าจะ ตามไปถามให้รู้เรื่องนั่นแหละ แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ฝีมือ ดีเหลือเชื่อ อีกนิดเดียวก็แทบจะทำผมกระเด็นแล้ว สรุปว่าพี่ ใหญ่รู้ไหมครับว่าเธอเป็นใคร?”
แอนน่าหรือ? คิดไม่ถึงว่าเธอเกือบจะสลัดทิ้งเสี่ยวจื้อได้ เชียวนะ แถมฝีมือของเสี่ยวจื้อก็ยังไม่เป็นสองรองใครอีก ด้วย
หลงเชียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกประหลาด แต่ก็พยายามอดใจไม่ ให้เดินไปดูทางห้องครัว
“เป็นคนที่นายไม่ควรจะรู้จักหรอกนะ อีกอย่างนะเสี่ยวจื้อ ตอนนี้นายเองก็เรียนจบแล้ว ในเมื่ออยากจะเรียนรู้หน้าที่ใน บริษัท ก็เก็บความใคร่รู้นั้นไว้บ้างก็ตีนะ”
พลันรู้สึกเหมือนลมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศที่พี่ใหญ่แสดงออกมาตอนนี้ มันกำลังกดดันหลง
ชื่อไร้ยู่
หลงจื้อเองก็ทำได้เพียงโค้งหัวลง “ครับ ผมจะเชื่อฟังที่
ใหญ่ แต่ว่าพี่ใหญ่ครับ.
“เอาล่ะ เท่านี้ก่อนเถอะ
หลังจากที่มองดูหน้าจอมือถือที่พี่ชายตัดสายทิ้งไป หลง อก็ยังรู้สึกไม่ยอมแพ้ ผู้หญิงที่ดูเร่าร้อนคนนั้น เขาจะต้องหา วิธีท่าความรู้จักกับเธอให้ได้ เขาจะไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้แน่ ไม่อย่างนั้นคงน่าเสียดายออก
ขณะเดียวนั้น ณ บ้านตระกูลโม่
ฟูเหวินฟางกำลังดึงมือของลูกสาว “เฟยเฟย ลูกอย่าเพิ่ง กลับห้องก่อนนะ แม่มีเรื่องที่จะคุยกับลูกน่ะ”
ตอนนี้โม่หรูเฟยกลัวว่าตัวเองจะถูกถาม เรื่องเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลงเซียว เพราะมันยากที่จะเอ่ย ออกมา และเธอก็คงไม่ยอมที่จะเสียหน้าต่อหน้าพ่อกับแม่ ด้วย
เล็บมือที่เป็นประกายขยับไปมา ก่อนจะพูดทั้งๆ ที่ไม่เงย หน้าขึ้น “แม่อยากจะพูดอะไร แม่ก็พูดตรงนี้เลยก็ได้นี่คะ พอดีหนูอยากจะไปพักเร็วๆ น่ะค่ะ”
พลันหนังสือพิมพ์ในมือของโม่ล่างคุนก็สั่นไปมา ก่อนที่ เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แกมไม่สบอารมณ์ “เฟยเฟย ระหว่างลูกกับหลงเชียว มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
ที่แท้ ก็ถามเรื่องนี้จริงๆ ด้วย
“จะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะคะ ตอนนี้หนูเป็นคู่หมั้นของเขานะ ตระกูลหลงเองก็ไม่เคยแต่งงานมีเหย้ามีเรือนมาก่อน แบบนี้ ยังจะต้องถามอะไรอีกหรือคะ?”
ฟูเหวินฟางสางผมของลูกสาวไปมา ก่อนจะยิ้มอย่างปิด ความกังวลใจไว้ไม่มิด ก่อนจะพูดไปตรงๆ อย่างอดไม่ได้ “เฟยเฟย ตั้งแต่ที่ลูกหมั้นกับหลงเชียวมาถึงตอนนี้ น้อยมาก เลยนะที่แม่ได้เห็นลูกกับเขาอยู่ด้วยกันน่ะ อีกอย่าง ตั้งแต่ สองปีก่อนหน้านี้ ลูก..ร่างกายของลูกไม่ดีเลย หรือว่าความ สัมพันธ์ของพวกลูกจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? หยวนซูเฟิน เองก็ถามมาเหมือนกัน ว่าท้องของลูกเป็นอย่างไรบ้าง…”
พลัน ไม่หรูเฟยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ก่อนจะสะบัดมือของ เธอทิ้ง แล้วพูดด้วยความฉุนเฉียว “แม่คะ! นี่แม่หมายความ ว่ายังไงกัน! ตอนนี้แม่จะหาว่าท้องของหนู มันต้อยไปแล้วใช่ ไหมคะ?
“แม่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะลูก แม่ก็แค่รักและเป็น ห่วงลูก นี่ลูกไม่เข้าใจหรือ?” ฟูเหวินฟางปลอบโยนลูกสาว
“พ่อคะ แม่คะ ความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับพี่เซียวยังดี เหมือนเดิม พวกเราจะต้องแต่งงานกันแน่นอนค่ะ หนูจะไป พูดกับเขาให้รู้เรื่อง แม่คะ แม่ก็ต้องกดดันทางตระกูลหลงเขา สักหน่อยบ้างนะคะถึงจะได้!”
โม่ล่างคุนยังคงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
“แม่จะไปพูดกับตระกูลหลงให้รู้เรื่องเอง ลูกของแม่
ต้องมีฐานะชื่อเสียงให้เร็วที่สุด”
ตกเย็น ณ บ้านพักหลงเชียว
หลังจากที่แอนน่าเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำ ล้างหน้าเสร็จ มือถือของเธอก็ส่อง
คนนี้ประกายสว่างวาบอยู่บนเตียง
ซึ่งมันเป็นเบอร์โทรทางไกลระหว่างประเทศ แสดงว่าแม่ ของเธอโทรมาแน่ๆ
“แม่ ขอโทษนะคะ ตั้งแต่มาถึงที่ประเทศจีนก็เอาแต่ยุ่งอยู่ หลายวันเลย เลยลืมที่จะโทรหาแม่ไปเลยนะค่ะ”
แอนน่าใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกปอนของเธอไปมา น้ำ เสียงดูอ่อนโยนลงกว่าเดิมมาก ซึ่งได้ปั่นก็กาลังสวมเสื้อกัน หนาวอยู่พอดี
ได้มิ้นถือมือถือคุยอยู่แบบนั้น ก่อนจะควบคุมความคิดถึง ที่มีต่อลูกสาวไม่อยู่ “แอนน่า ใช้ชีวิตที่ประเทศจีนคุ้นเคยบ้าง หรือยัง? ไปเที่ยวที่ไหนมาแล้วบ้างล่ะลูก?”
เที่ยวงั้นหรือ? ไปวนรอบเมืองนี้ถือว่าเที่ยวไหมนะ?
แอนน่าเปิดหน้าจอแท็บเล็ตขึ้น ก่อนจะเริ่มค้นหาเมืองๆ หนึ่ง “ไปสิคะแม่ หนูไป…กุ้ยหลินมาล่ะ คนที่นี่บอกเอาไว้ว่า ที่กุ้ยหลินถือเป็นยอดในใต้หล้าเลยนะคะ สวยงามมากเลย ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว หากลูกชอบก็ไปให้เยอะๆ นะลูก ยังมีพวกหางโจว ซีหูอีกที่สามารถไปเที่ยวได้ แม่กับพ่อเองเคยไปที่ไหนมาเมื่อหลายปีก่อนแล้วล่ะ”
“โอเคค่ะแม่! หนูจะเชื่อแม่ค่ะ!” เธอตอบรับพลางยิ้มกว้าง แต่เพียงครู่เดียว กลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาไปเสียยังงั้น
แอนน่าเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรได้บางอย่าง ด้วยประสาท สัมผัสที่เฉียบแหลม การที่แม่โทรมาหาเธอแบบนี้ คงไม่ใช่ เรื่องง่ายๆ อย่างพวกกินดื่มเที่ยวเล่นอะไรแบบนั้นแน่นอน ดังนั้นเธอจึงเลือกทำลายความเงียบขึ้น “แม่มีเรื่องอะไรหรือ เปล่าคะ? บอกหนูมาตรงๆ เลยดีกว่านะคะ”
เฉียวหย่วนฟานกับได้มิ้นหันมามองหน้ากัน ก่อนจะพูด ขึ้น : “แอนน่า ทางตระกูลตู้เขาถามมานะลูก ว่าเรื่องแต่งงาน ลูกจะเอายังไง? ลูกอยากได้งานแต่งแบบไหน? อยากจะไป จัดงานแต่งที่ไหนหรือเปล่า?
แอนน่าขมวดคิ้วแน่น พลันผ้าขนหนูในมือก็หล่นลงกับพื้น เธอเองก็ไม่ได้ก้มไปเก็บมันขึ้นมา “ไม่ได้บอกว่าจะให้หนูลอง พิจารณาดูก่อนหรือคะ? ทำไมถึงได้เร่งแบบนี้กันล่ะ?”
เฉียวหย่วนฟานพลันพูดขึ้น “พ่อเองก็ได้อธิบายกับตระกูล ตู้ไปแล้วล่ะ ว่าพวกเราทำได้เพียงปล่อยให้ลูกเรียนรู้ไปก่อน ลูกไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกนะ ผ่อนคลายเสียบ้างก็ดี”
ได้มืดเองก็รีบหัวเราะ “ไม่มีอะไรต้องกังวลนะลูก มีจิตใจที่ ร่าเริงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะจ๊ะ ส่วนเรื่องตระกูลตู้เดี๋ยวพวก แม่จะไปอธิบายให้ฟังเองนะ”
แอนน่าอดทนไม่ได้หรอก ที่จะทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง ขนาดนี้ เธอจึงเม้มปากแน่นพลางพูด “หนูจะรีบปรับตัวให้ เร็วที่สุดค่ะ อีกเดี๋ยวหนูจะโทรไปอธิบายกับเขาให้ชัดเจนเอง แม่กับพ่อไม่ต้องไปที่บ้านตระกูลตู้หรอกนะคะ”
หลังจากวางสายไป ในใจของแอนน่าก็มีอารมณ์หลาก หลายพรั่งพรูเข้ามา
ตระกูลตู้ถือเป็นตระกูลที่มีอำนาจแข็งแกร่งมากใน ประเทศอเมริกา ถึงแม้ว่าตระกูลเฉียวจะไม่ได้อ่อนแอก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับตระกูลตู้แล้ว มันก็แตกต่างกันอยู่ดี ส่วนเรื่อง แต่งงานนั้น..
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นไปอีก
ใครจะรู้ล่ะ ว่าเขาจะโทรมาหาเธอ ก่อนที่เธอจะโทรไปหา เสียอีก
“เควิน..”
แอนน่าเอามือค่ำหน้าผากไว้ ก่อนจะกดรับสายขึ้น
ขณะที่หลงเชียวกำลังเดินออกมาจากห้องนอนนั้น เดินไป เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงของแอนน่าดังออกมาจากโถง ทางเดิน แถมยังพูดเป็นภาษาอังกฤษเร็วหรือเสียต้วย
ขณะที่เขาเดินมาตรงบันไดจากภาษาอังกฤษก็เปลี่ยนเป็น ภาษาฝรั่งเศสทันที พูดไปพูดมาก็กลับไปเป็นภาษาอังกฤษ อีกแล้ว หลงเชียวได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น หลังจากที่เดินลงไป ได้ไม่กี่ก้าว สุดท้ายเขาก็ได้ยินแอนน่าพูดภาษาสเปนออกมา
เนื้อความดูฟังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่ความหมายส่วน ใหญ่ก็น่าจะกำลังทะเลาะกันอยู่ อีกอย่าง แอนน่าก็ไม่ใช่คน ปากร้ายที่จะทะเลาะกับใครไปทั่วแบบนั้น แต่การทะเลาะ ของเธอ ดูเหมือนว่ากำลังดิ้นรนให้อีกฝ่ายยอมแพ้เสีย มากกว่า
พอถึงตอนสุดท้าย แอนน่าก็พูดภาษาฝรั่งเศสเพียงไม่กี่ ประโยค ที่ฟังดูเหมือนจะเป็นคำหยาบออกมา แล้วการ สนทนาก็จบลงทันที
หลงเชียวทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะเดินมาถึงห้องโถง โดยทำเป็นไม่ได้ยินอะไร จากนั้นเขาก็เดินเลี้ยวซ้าย เข้าไป ยังตู้เก็บเหล้าทันที
แอนน่าโยนมือถือทิ้งอย่างรำคาญใจ เธอเปิดประตูออก ไป ตอนนี้ที่ห้องโถงดูเงียบเชียบ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ จากนั้นเธอ ก็ดึงผ้าม่านขึ้น เพื่ออาศัยแสงจันทร์จากด้านนอกที่สาดส่อง เข้ามาแทน ชั่วขณะนั้น แอนน่าเดินลงบันไดไปชั้นล่าง เพื่อ ดื่มน้ำสักสองสามแก้ว ไม่อย่างนั้นแล้วเธอคงจะนอนไม่หลับ แห่งๆ
ใครจะรู้ล่ะ ว่าขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปนั้น เธอก็มอง เห็นหลงเชียว ที่สวมชุดนอนสีขาว กำลังนั่งหันหลังให้เธอ เงียบๆ อยู่ที่บาร์นั้น ร่างกายที่ดูเป็นสีขาวขมุกขมัว แทบจะ ทำให้เธอตกใจตาย
แอนน่าตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น ก่อนจะเดินไป ตำหนิด้วยความไม่พอใจ “ดึกดื่นป่านนี้แล้วแถมไม่ยอมเปิด ไฟ แถมยังมานั่งตรงนี้อีก คิดจะทำให้ฉันตกใจตายหรือไง กันคะ?”
หลงเชียวยกเหล้าที่มีอยู่ครึ่งแก้วขึ้นดื่ม โดยไม่ได้หันหน้า กลับมาหา เขาท่าเพียงลิ้มรสความหอมของเหล้าอย่าง เงียบๆ ไปแบบนั้น “เธอเองก็มีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ ไง?”
ช่างมันเถอะ แอนน่ารู้สึกว่าคงไม่ได้ยินอะไรที่มันไพเราะ ออกมาจากปากของเขาได้หรอก
แต่ขณะที่เธอกำลังจะไปเปิดไฟที่บาร์นั้นเอง ขายที่นั่งอยู่ ข้างๆ ก็ห้ามเธอไว้ “อย่าเปิดไฟนะไม่อย่างนั้นฉันจะดื่มเหล้า และพาเธอกลับห้องทั้งอย่างนี้เลย”
ประสาทหรือเปล่า! นี่คิดจะดื่มเหล้าไปทั้งอย่างนี้หรือไง?
เอาเถอะ ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะด้วยหรอก เพราะเมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะรู้สึกหงุดหงิดไปหมาดๆ เธอจึงริน วิสกี้ให้กับตัวเองครึ่งแก้ว ก่อนจะไปนั่งเก้าอี้ยกสูง ข้างๆ หลงเชียวพอดี
“หัวใจเป็นแบบนั้นยังจะดื่มเหล้าอยู่อีกหรือไงคะ? ดู เหมือนว่าคุณไม่ได้อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเลยนะคะเนี่ย” เธอ ยกเหล้าขึ้นจิบ ทั้งเข้มข้น และกลมกล่อม “เหล้าที่เก็บสะสม ไว้นี้ไม่เลวเลยนะคะ ดูเหมือนว่าจะเป็นรสนิยมของคนรวยสินะคะ”
หลงเชียวหัวเราะ “เพิ่งจะทะเลาะกับคู่หมั้นตัวเองมา หมาดๆ แต่ยังมีกะจิตกะใจจะดื่มเหล้าอีกหรือ ดูเหมือนว่า เธอจะไม่เหมือนผู้หญิงเอาเสียเลยนะ”
แอนน่าคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะโต้กลับมาแบบนั้น “ก็ที่ฉัน ดื่มเหล้า เพราะว่าทะเลาะมายังไงล่ะ แล้วคุณล่ะ? ดึกตื่นป่าน นี้จะมาดื่มเหล้าทำอะไรกันคะ?”
หลงเชียวทำเพียงแกว่งแก้วเหล้าไปมา โดยที่ไม่ได้ดื่มมัน ลงไป “ฉันน่ะหรือ? อยากจะทะเลาะกับใครบางคนน่ะสิ แต่ ทำไม่ได้”
ดังนั้นก็เลยมาดื่มเหล้านี้ไงล่ะ
เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน เมื่อยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบ มันคิดถึงจน ใจจะขาด โดยไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้
แอนน่ายักไหล่ ก่อนจะยกขึ้นดื่มอีกอีกหนึ่ง โดยไม่สนใจ อารมณ์หงุดหงิดของเขา “แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับต้นการ์ด เนียที่อยู่ชั้นสามหรือเปล่าคะ? ในสวนของคุณ ปลูกต้นการ์ติ เนียไว้ดีที่สุดเลยนะคะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะเป็นคนตัดแต่งเองสินะคะ”
เธอเองก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่งเลย ฉลาดถึงขนาดที่ว่า เพียงแวบเดียวก็คิดออกแล้ว โดยไม่ต้องการเวลาสักนิด หลงเชียวไม่ได้ตอบกลับเธอไป แต่กลับถามเธอขึ้นมาว่า “เธอต้องไม่เคยรักใครมาก่อนแน่นอนเลยนะ คุณแอนน่า”
แอนน่าทำเพียงหัวเราะทีเท่านั้น เมื่อตอนกลางวันแทบจะ ตรงกันข้ามกับเขาเลย มาตอนนี้กลับมาถามเธอเรื่องความ รักแล้ว นี่เขาเป็นโรคขี้หลงขี้ลืมอะไรหรือเปล่า?
“ทำไมต้องไม่เคยมีความรักล่ะ? ฉันไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่ อยากจะคิดด้วยค่ะ”
ที่เขาเตือนเธอแบบนี้ ทำให้แอนน่ารู้สึกว่ามันกลัดกลุ่มใน ใจราวกับถูกเขาเปิดเผยความในใจของเธอ ว่าเธอไม่เคย รักใครมาก่อนจริงๆ
หลงเซียวเองก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น ซึ่งมันดูเยือกเย็นเสียยิ่ง กว่าแสงของพระจันทร์เสียอีก “ฉะนั้นแล้ว เธอก็เลยไม่เข้าใจ
สินะ”
ช่างน่ารำคาญจริงๆ!
เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อะไรพวกนี้ มันช่างน่ารำคาญที่สุด “แล้ว คุณกับสาวสวยที่สวมชุดเดรสวันนั้น พูดคุยกันไปจนถึงขั้น แต่งงานแล้วหรือยังล่ะคะ? บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันเองก็ต้อง แต่งงานเหมือนกัน เอาล่ะ เพื่องานแต่งที่กำลังจะมาถึงของ พวกเรา ชนแก้ว”
แอนน่าหันหน้าไปสบตากับหลงเชียวพอดี ตาทั้งสี่ประสาน
กัน ทั้งสองคนต่างมองจดๆ จ้องๆ กันอยู่ภายใต้แสงจันทร์ที่ สะท้อนไปมา ในภาพที่ดูมีดสลัวแบบนี้ กลับเห็นแสงจันทร์สี ขาวนวล ที่ส่องสะท้อนมายังแก้วคริสตัลได้อย่างสว่างชัดเจน
ฝ่ายหญิงเผยรอยยิ้มอย่างอวดดีขึ้นมา พร้อมด้วยแววตา ที่เป็นประกายวิบวับ ถึงจะเป็นแค่การดื่มเหล้าก็ตาม แต่ดู เหมือนจะมีอะไรบางอย่างคลุมเครืออยู่
เธอยื่นแก้วเหล้ามาต่อหน้าเขา แต่เขากลับวางแก้วไว้ไม่ ได้ยกไปชนกับเธอ จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสัก ค่า
ทันทีที่หลงเชียวเดินออกไป แอนน่าก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม จนเกลี้ยง ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของเขาไป พร้อมทั้ง หัวเราะเยาะ พลางพูดด้วยทำทีของหมอ “หัวใจของคุณต้องเจ็บปวดแน่ ไม่ใช่เป็น เพราะสรีระหรือว่ากายภาพ แต่มันเป็นที่หัวใจของคุณ หาก คิดอยากจะกำจัดมันไปล่ะก็ คุณก็ต้องหาต้นตอของมัน เท่านั้น”
หลงเชียวหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่ง “เธอ…จะพูดเยอะเกินไป แล้วนะ” “ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือปฏิเสธ สิ่งที่ฉันพูดมันก็เป็นความ
จริง”
พลันหลงเชียวก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจเธอต่อ
แอนน่าเองก็เบ้ปาก ผู้ชายแบบนี้ มีอารมณ์ที่ไม่แน่นอน แถมนิสัยก็ยังอวดดีเย็นชา หากจะป่วยตายเพราะความไร้ น้ำใจแบบนั้น ก็คงสมควรแล้วล่ะ
แต่รุ่งเช้าวันต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้นทันที ซึ่งนั่นทำให้แอนน่า เข้าไปพัวพันอย่างยากที่จะหลุดพ้น
เธอมองดูบัตรเชิญที่เขายื่นมาให้เธอซ้ำไปซ้ำมา “นี่มัน หมายความว่ายังไงกันคะ?”
หลงเชียวที่กำลังกินข้าวเช้าไป อ่านหนังสือพิมพ์ไป ก็พูด ขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย “ก็เห็นชัดอยู่แล้วนี่ จดหมายเชิญยังไงล่ะ”
แอนน่าหัวเราะที่ “ฉันรู้ค่ะว่ามันคือจดหมายเชิญ ฉันอ่าน ภาษาจีนได้ แต่ทำไมถึงเชิญฉันกันล่ะคะ? ฉันไม่รู้จักคนพวก นี้เลย อีกอย่างฉันก็ไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ด้วย”
หลงเชียวพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ไปอีกหน้าหนึ่ง “เธอไม่ จำเป็นต้องชอบหรอกนะ แต่ในเมื่อเป็นหมอส่วนตัวของฉัน เธอมีหน้าที่คอยดูแลอยู่ข้างกายฉันตลอดเวลา เพื่อเตรียม พร้อมในทุกเวลาที่ฉันต้องการ
ที! พูดบ้าอำนาจอย่างไรเหตุผลเลยนะ!
“นี่มันอยู่นอกเหนือหน้าที่ของฉันนะคะ ฉันขอปฏิเสธค่ะ” แอนน่าโยนจดหมายเชิญนั้นทิ้งลงบนโต๊ะ แสดงถึงการ ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
หลงเชียวเองก็พูดอย่างไร้สีหน้าใดๆ “เธอสามารถปฏิเสธ ได้นะ ขอเพียงเธอยอมจ่ายราคาที่สมน้ำสมเนื้อเท่านั้น”
ไอ้บ้าเอ๊ย! ผู้ชายคนนี้ช่างเลวจริงๆ!