ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 227
ตอนที่ 227งานหมั้นเป็นโมฆะ
พลันแสงอาทิตย์ส่องทะลุพาดผ่านก้อนเมฆออกมา จนทำให้ เกิดแสงประกายจ้าไปทั่วทั้งท้องฟ้า และสาดลงมายัง ร่างกายของแอนน่า เธอไม่ได้ยิ้มเยาะไม่ได้รู้สึกเศร้าระทม แต่อย่างใด เธอยังคงยืนจ้องมองตู้หลิงเซวียนอย่างเรียบ เฉยอยู่แบบนั้น
แววตาที่ดูใสสะอาดสุกสกาว มันสว่างเสียจนปกคลุมแสง อาทิตย์ที่โผล่มาจากทิศตะวันออกจนมิดเลยทีเดียว
ตู้หลิงเซวียนกำแหวนที่อยู่ในฝ่ามือแน่น ใบหน้าที่มีแต่ ความผิดหวังกับความเศร้าโศกของเขาเมื่อสักครู่นี้หายไป หมดแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับมาดูสง่าเหมือนอย่าง เดิม เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณกับแอนน่ามีอยู่จุดหนึ่งที่ไม่ เหมือนกันนะ ดูเหมือนว่า คุณจะฉลาดกว่าเธอเยอะเลยนะ”
รอมาตั้งกว่าครึ่งวันแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเพียงแค่ ชมเธอ นี่คือการชื่นชมของสุภาพบุรุษงั้นหรือ? หรือว่าตั้งใจ ให้เธอกลับไปกัน? แอนน่ายื่นมือออกไป ก่อนจะพูดอย่างใจกว้างว่า “มีคน เคยบอกเอาไว้ว่า หลังจากเลิกกันไม่อาจเป็นเพื่อนกันต่อไป ได้ แต่ฉันคิดว่า เรื่องระหว่างพวกเรา ยังไม่เคยถึงขั้นนั้นเลย ใช่ไหม? ดังนั้น หวังว่าต่อจากนี้พวกเราจะสามารถเป็นเพื่อน กันต่อไปได้นะ”
แต่ทางตู้หลิงเซวียนกลับไม่ยื่นมือออกมา เป็นเพื่อนงั้น หรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการด้วยซ้ำ
เขาเก็บแหวนวงเล็กๆ นั้น ก่อนจะกำมือแน่น ราวกับรู้สึก ว่าทั้งร่างกายของเขาตอนนี้ จุดที่รู้สึกปลอดภัยที่สุด จะมี เพียงที่ฝ่ามือของเขาเท่านั้น
“ทำไมกัน?”
เขาอยากจะถามเหลือเกิน ว่าช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันที่ผ่าน มา แม้แต่จะคบกันก็ยังทำไม่ได้เลยหรือ? ระหว่างพวกเขา สองคน ก็ได้ประสบพบเจออะไรกันมาตั้งหลายเรื่อง ทั้งการ นัดเจอกัน กินข้าวกัน เรื่องราวพวกนี้ ไม่เคยเลยที่จะไม่ได้ทำ
ด้วยกัน
แอนน่ารู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง แต่ก็ไม่ ได้พูดไปตามความหมายที่เขาอยากให้เป็น จึงทำเพียงยัก ไหล่ “ก็ง่ายๆ มีเพื่อนเยอะขึ้น ก็มีคู่แข่งน้อยลง”
ตู้หลิงเซวียนยังคงค้างอยู่ท่าเดิม แววตาของเขาก็ยังคง หยุดมองอยู่ที่มือทั้งสองข้างของเธอ หลังจากนั้นเขาก็พูด ด้วยน้ำเสียงที่ดูสง่างาม “หรือคุณจะไม่รู้กัน ว่าคำว่าเพื่อน บางทีมันก็เป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดนะ”
แอนน่าหัวเราะ ก่อนจะทำท่าทางที่สง่างาม ดูสวยสง่ากว่า ท่าทางในตอนแรก “แล้วคุณจะเป็นแบบนั้นหรือ?”
หากดูจากการที่เขาสามารถควบคุมตระกูลเฉียวได้ ก็ คงจะพูดแบบนั้นไม่ได้ทีเดียว
จนสุดท้ายตู้หลิงเซวียนก็ไม่ได้จับมือกับแอนน่าเลย เพียง แต่มีแสงประกายวาบผ่านดวงตาของเขาเท่านั้น “การมาถูก ขอเลิกแบบนี้ มันดูน่าอาย แต่มันก็พอกับเวลาที่เสียไปแล้ว ล่ะ แต่ว่าแอนน่า คุณรู้หรือเปล่า ว่าบนโลกนี้น่ะมันจะมีสัตว์ อยู่ชนิดหนึ่ง หากเหยื่อของมันถูกสัตว์อื่นขโมยไปล่ะก็ มันก็ จะไปล้อมโจมตีรังของอีกฝ่าย เพื่อที่จะแย่งกลับมานะ” ตู้หลิงเซวียนไม่ได้เป็นพระเอกอย่างที่คาดไว้ เขาเองก็ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ว่าเขาจะยอมเป็นคู่ต่อสู้กับหลง เชียวต่อหน้าของเธอ ซึ่งเห็นได้เลยว่าเขามีทั้งความแน่วแน่ และความโกรธเกรี้ยว
แอนน่าชักมือกลับมา “ฉันไม่ใช่เหยื่อของคุณสักหน่อย”
ในแววตาที่ยากจะคาดเดาของตู้หลิงเซวียนตอนนี้ มีทั้ง ความคิดและสิ่งที่ลึกซึ้ง ที่แอนน่ายากจะเข้าใจอยู่ เขาใช้ สายตาแบบนั้นในการจ้องมองมาที่แอนน่า หลังจากนั้นเขาก็ พูดขึ้นว่า “ถูกแล้ว คุณไม่ใช่เหยื่อของผม แต่ผมเป็นเหยื่อ ของคุณต่างหาก คุณได้ขโมยหัวใจของผมไปแล้ว แต่ตอนนี้ คุณกลับเอาความจริงใจที่ผมมี โยนทิ้งไปแล้วล่ะ”
แอนน่าแทบจะพูดอะไรไม่ออก เขาพูดอย่างเศร้าโศกออก มาอย่างจริงใจ จริงใจจนขนาดแอนน่ารู้สึกได้ว่าตัวเองไป ทำร้ายผู้ชายที่รักตัวเองอย่างสุดซึ้งคนหนึ่งเข้าแล้ว
ตู้หลิงเซวียนยังคงรักษาท่าทางแบบเดิมไว้อยู่ “เอาล่ะ เข้าไปเถอะครับ ส่วนเรื่องของพวกเรา เอาไว้คุยหลังจากนี้ แล้วกันนะ ดูแลแม่ของคุณ ให้ดีล่ะครับ เธอยังต้องการคุณอยู่นะ”
พูดจบ ตู้หลิงเซวียนก็หันหลังเดินออกจากโถงทางเดินไป ทันที
แอนน่าส่งสายตามองไปยังเขา ที่กำลังเดินเข้าหาแสง อาทิตย์ ที่กำลังส่องแสงพาดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ที่สุด โถงทางเดินเข้ามา แผ่นหลังของเขายิ่งเดินยิ่งไกลออกไป เรื่อยๆ จู่เธอก็มีความรู้สึกหดหูใจอย่างบอกไม่ถูก
ชั่วขณะนั้นเอง เธอก็มองเห็นว่าฝ่ายชายที่ค่อยๆ เดินออก ไปไกลนั้น กลับดูมีจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง มากกว่าตอนอยู่ต่อ หน้ากันเสียอีก
มันนอนนิ่งอยู่ในมุมมืด ราวกับสัตว์ที่กำลังจำศีลในฤดู
หนาว
“หัวหน้า ถึงเวลาแล้วครับ ไม่ทราบว่าจะไปเข้าร่วมงาน
เลี้ยงตอนนี้เลยไหมครับ?”
ถึงเวลาเลิกงานจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม แต่หลงเชียวยัง คงอยู่ในห้องทำงาน ด้านนอกตอนนี้ พระจันทร์เสี้ยวกำลัง ลอยอยู่ในหมู่มวลเมฆหมอกมากมาย ล้อมรอบไปด้วยหมู่ ดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ ราวกับกำลังส่งเสียงรับขาน กับโคมไฟสีรุ้งในเมืองไปมา ยิ่งดูก็ยิ่งสวยงามอย่างมาก
หลงเชียวยืนอยู่ริมหน้าต่าง ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาถูก ความมืดมิดในค่ำคืน โอบกลืน อีกทั้งดูสูงใหญ่จนยากที่จะ แหงนหน้ามอง
เขายกกาแฟขึ้นจิบ พร้อมทั้งรสขมที่พุ่งผ่านลำคอ “จะรีบ ร้อนไปทำไมกัน? ให้พวกเขารอไปก่อน”
“ครับ…
“แล้วจัดระเบียบพวกนักข่าวเรียบร้อยหรือยัง?”
“วางใจได้เลยครับหัวหน้างานเลี้ยงของคืนนี้ ไม่มีนักข่าว
อยู่เลยสักคนครับ”
“ดี”
จี้ตงหมิงก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เวลาก็กำลังเดินไปทุก นาทีๆ แต่หัวหน้ากลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด เขาเองก็ไม่กล้าที่ จะไปเร่ง จึงทำได้เพียงคิดว่าตัวเองเป็นขอนไม้ ยืนรอคำตอบ จากหัวหน้าอยู่แบบนั้น
หัวหน้าเองแทบไม่เคยจะสนใจงานเลี้ยงของ ตระกูลหลงกับตระกูลโม่มาก่อน คงน่าจะเป็นการไว้หน้าแล้ว แล้วใครจะไปกล้าให้เขาโผล่มาตรงเวลาล่ะ
หลงเชียวยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอานิ้วมือ เคาะที่แก้วไปมา ก่อนจะมองดูเวลา ตอนนี้ก็น่าจะได้เวลา แล้วล่ะมั้ง?
ทำไมไม่มีข่าวคราวจากลั่วลั่วเลยนะ?
หากดูจากข่าวที่กู้เยนเซนบอกมา ลั่วลั่วในตอนนี้ก็น่าจะรู้ เรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้น….
พลันมุมปากของหลงเซียวก็เผยอขึ้นบางๆ รอยยิ้มของเขา มันดูลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกทีเดียว
ดูเหมือนว่า เขาจะช้ากว่าเธอไปก้าวหนึ่งล่ะนะ
“เอาล่ะ พวกเราออกไปกันเถอะ”
จี้ตงหมิงส่งเสียงตอบรับ หัวหน้าจะตัดสินใจกะทันหันไป
แล้ว!
“ครับ! ผมจะไปขับรถทันทีครับ”
พลันรถ Rolls-Royce สีดำ ก็ขับมาจอดอยู่ด้านหน้าตึก Club.HT เป็นเพราะมีงานเลี้ยงรวมตัวกันของตระกูลโม่ และ ตระกูลหลง ทำให้แสงไฟด้าน นอกต่างๆ ในคืนนี้ มีรวมอยู่กันมากมายราวกับทะเลแสงไฟ ส่วนที่จอดรถที่กว้างใหญ่ตอนนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่รถของ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโม่และตระกูลหลงทั้งนั้น
หากอิงตามประเพณีแล้ว วันนี้ก็จะถือว่าเป็นวันนัดพบปะ สังสรรค์ ก่อนคู่แต่งงานใหม่ เพื่อจะได้ต้อนรับอย่างอบอุ่น
พลันผู้ที่สวมรองเท้าหนังสีดำวาวก็เดินลงจากรถ หลง เซียวเอามือมาจัดกระดุมของชุดสูทสีดำของตัวเอง ก่อนจะ เผยรอยยิ้มมุมปาก เพื่อความอบอุ่นยังงั้นหรือ?
แต่เขาชอบอะไรที่มันไม่ร้อนเกินไปนะสิ
“สวัสดีคุณชายหลง มีบุคคลสำคัญตั้งมากมายขนาดนี้ คุณชายคงไม่ได้ตั้งใจจะมาสุดท้ายแบบนี้หรอกใช่ไหม? มี คนตั้งมากมายกำลังรอคุณชายอยู่เลยนะ”
พลันมีชายมีอายุคนหนึ่งของตระกูลหลง เดินมายิ้ม ทักทายเขาอย่างสดใส ส่วนน้ำเสียงของเขาก็ดูประจบประ แจงเสียจริง
เมื่อมีคนตะโกนเรียกเขาแบบนี้ ทำให้สายตาของทุกคน ต่างก็หันมามองคนที่เพิ่งจะเดินเข้า ประตูห้องโถงมา เมื่อมีร่างกายที่สูงใหญ่ สวมเสื้อสีดำ กางเกงสีดำปรากฏตัวขึ้น ทุกคนที่กำลังดื่มกินอยู่ก็หยุด ชะงักลง พร้อมทั้งเสียงพูดคุยเองก็หายไปเหลือแต่ความ เงียบ ก่อนจะหันไปมองหลงเชียวเขม็ง
โม่หรูเฟยหันกลับมามองตาไม่กระพริบ เพราะความรู้สึกดี ที่มีให้เธอยกให้หลงเซียวหมดแล้ว วันนี้เธอสวมชุดราตรี ประดับเพชรสีขาว ดูสว่างเจิดจ้าเป็นประกายระยิบระยับ จากนั้นเธอก็ก้าวเท้าไปหาหลงเชียวด้วยรองเท้าส้นสูง ก่อน จะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “พี่เชียว ในที่สุดพี่ก็มาจนได้”
โม่หรูเฟยเข้าไปคล้องแขนของหลงเซียว ท่ามกลาง สายตาที่อวยพรและอิจฉาของแขกเหรื่อทั้งหลาย ราวกับว่า ผู้ชายคนนี้กลายเป็นของส่วนตัวของเธอไปซะแล้ว
หลงเชียวเองก็กวาดสายตาที่เยือกเย็นของเขา มองไปยัง แขกเหรื่อนับร้อยในงาน ไม่เพียงแต่จะมีแค่ตระกูลโม่เท่านั้น แต่ยังมีคนของตระกูลเการ่วมอยู่ด้วย ในงานเลี้ยงคืนนี้ เป็นการรวมตัวของตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองกว่าครึ่ง เขาก็เริ่ม รู้สึกไม่สนุกขึ้นมา หลงเชียวยกมือขึ้นจับที่ปลายนิ้วของโม่หรูเฟย ชั่วขณะที่ โม่หรูเฟยคิดว่าเขาจะทำอะไรบางอย่างที่สนิทชิดใกล้นั้นเอง เขากลับออกแรงผลักมือที่คล้องแขนของเขาไว้ออกทันที
โม่หรูเฟยเบิกตากลม โตมองอย่างเงียบๆ พร้อมทั้งเปิด ปากพูดออกมาอย่างยากลำบาก “พี่เชียว…นี่พี่ทำอะไรน่ะ คะ?”
หลงเชียวโน้มตัวลงมาแนบชิดติดหูของเธอ ท่าทางดู คลุมเครืออย่างมาก แต่คำที่พูดออกมา กลับทำให้โม่หรูเฟย ตัวแข็งที่อไป “หรูเฟยยังจำเรื่องที่พี่พูดได้ใช่ไหม? แต่พี่มี เงื่อนไขข้อหนึ่งมาบอก คืนนี้ เธอจะเป็นคนบอกยกเลิกงาน หมั้นเอง หรือว่าจะให้พี่เป็นคนพูด?”
พลันสีหน้าของโม่หรูเฟยก็แดงก่ำ ราวกับมีฝ่ามือมาตบ ฉาดบนใบหน้าเธอหลายต่อหลายที่จนเจ็บปวด เธอรีบคว้า แขนเสื้อของเขาไว้ด้วยท่าทีตื่นตระหนก “พี่เซียว พี่อย่าล้อ เล่นแบบนี้สิ ฉันอยากแต่งงานกับพี่นะ แล้วพี่จะมายกเลิก งานหมั้นกับฉันได้ยังไงกัน?”
ทั้งสองคนต่างก็กระซิบกระซาบคุยกันแบบนั้น ทำให้ทุก คนต่างก็คิดว่าเป็นการแสดงความรักกันระหว่างคู่รักปกติ มี เพียงแค่บุคคลที่ เกี่ยวข้องเท่านั้น ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่
หลงเชียวปักมือของเธอออก “แต่งงานกับเธองั้นหรือ? แล้วภรรยาของพี่ล่ะจะทำยังไง?”
ภรรยางั้นหรือ?
พลันหลงเชียวก็พูดขึ้นต่อเสียงต่ำอย่างมีเมตตาที่สุด โดย ไม่รอให้โม่หรูเฟยแสดงความประหลาดใจออกมา “พี่ยก สิทธิ์ให้เธอหมดเลย เธอก็ไปประกาศว่าเราสองคนจะไม่หมั้น กัน เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะได้รักษาหน้าของตระกูลโม่ได้ยังไง
ล่ะ”
“ไม่! ฉันไม่ตอบรับอะไรพี่ทั้งนั้น!”
หลงเชียวขมวดคิ้ว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ให้พี่เป็นคนพูด แทนแล้วกัน”
เขาเตรียมใจเรื่องการมาพูดกับโม่หรูเฟย ก่อนหน้าที่จะ เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้แล้ว หลงเชียวเดินเชิดหน้าตรงไปยัง จุดศูนย์กลางของห้องโถง โม่ล่างคุนเองก็รีบรุดเข้ามาหา ด้วยรอยยิ้ม “หลงเซียว วันนี้เป็นวันสำคัญของนา ยกับเฟยเฟยเลยเชียวนะ ในที่สุดพวกเราทั้งสองตระกูล ก็จะ
ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว” แต่รอยยิ้มของหลงเซียว กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่น ออกมาเลย “คุณโม่ครับ เกรงว่าจะยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ครับ”
คุณโม่งั้นหรือ? เหมือนว่าพอพูดค่านี้มา ระยะระหว่างทั้ง สองคนมันก็ยิ่งห่างขึ้น โม่ล่างคุนเองก็ยิ้มอย่าง กระอักกระอ่วน “นี่เจ้าหนุ่มน้อย นี่คิดจะเรียกอย่างเกรงใจ แบบนี้ ก่อนจะได้เรียกคำว่าพ่องั้นหรือ? ฮ่าๆ”
หลงถึงเองก็เฝ้ามองดูลูกของตัวเองอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ นั้นทั้งสองคนก็หันหน้ามาสบตากัน ส่วนความนัยนั้นก็มีแค่ ทั้งคู่ที่เข้าใจกันเท่านั้น
หลงจื้อเองก็นั่งหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวไกลๆ ตัว หนึ่ง อีกทั้งยกขาขึ้นพาดเก้าอี้ด้านหน้า พร้อมทั้งยกแก้ว แซมเปญ และแกว่งมันไปมา แต่กลับไม่ได้ดื่มเลยสักอีก
คืนนี้ ตระกูลโม่คงจะโชคไม่ดีแล้วล่ะ
หลงเชียวเองก็ไม่ได้คิดที่จะอยู่ในงานเลี้ยงนี้นาน เขา ต้องการรีบตัดจบ ทำทุกอย่างให้เสร็จไปทีเดียวเลย
หยวนชูเฟินกับฟูเหวินฟางก็ยังคงพูดคุยกัน อยู่ เกาหยิ่งจือเองก็กำลังพูดคุยกับคนของตระกูลหลงเช่น กัน ส่วนเกาจึงอานก็เดินไปทางหลงซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ ไม่รู้
“คุณชายสอง วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ใหญ่แท้ๆ แต่ทำไม กลับไม่ดีใจบ้างเลยล่ะ?”
หลงจื่อเงยหน้าขึ้น ก่อนจะยิ้มให้ “วันนี้ก็เป็นวันที่ดีของ น้องสาวนายเหมือนกันนี่ แล้วทำไมนายเองไม่เห็นจะดีใจ เลยล่ะ?”
เกาจิงอานเบ้ปาก ก่อนจะยกแก้วชนกับหลงจื๋อ พร้อมทั้ง ดื่มไวน์แดงรวดเดียวหมด “วันที่ดีงั้นหรือ? แต่เหมือนฉันจะ ไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยนะ”
หลงจื้อเองก็เบ้ปาก “คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าจะมีวันที่ฉันกับ ประธานเกาจะมีความคิดเหมือนกัน”
เขายกแก้วขึ้นจิบ พร้อมทั้งหันไปมองกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ตัวของหลงเซียว ด้วยกันกับเกาจึงอาน
หลงเซียวเอามือข้างหนึ่งสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงตลอด เวลา ก่อนที่รอยยิ้มในแววตาจะค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็น เยือกเย็น “วันนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกคนมาก ที่มารวมตัว เพราะเรื่องของผม กับคุณหนูโม่”
โม่หรูเฟยคว้ามือของเขาไว้แน่น “พี่เซียว ไม่ต้องพูดอะไร เป็นพิธีรีตองแล้ว มันยากนะกว่าที่ทุกคนจะมารวมตัวได้แบบ นี้ สู้ปล่อยเวลาให้พวกเขาอยู่กันตามสบายดีกว่านะคะ….
หลงเชียวพลันพูดตัดบทเธอขึ้นมา “อีกเดี๋ยว ทั้งเวลาแล้ว ก็สถานที่ ก็จะกลายเป็นของพวกเขาแล้ว ก็แค่ใช้เวลาแค่ นาทีเดียวเอง”
ชั่วขณะนั้นเขาเหมือนดั่งนกพญาอินทรี เขาแทบจะไม่มอง มาทางพ่อกับแม่เลยด้วยซ้ำ พลันมือถือที่อยู่ในกระเป๋า กางเกงก็สั่นไหวขึ้น
หลงเชียวที่อยู่จุดศูนย์กลางระหว่างสายตาของทุกคน ก็ หยิบมือถือขึ้นมา ท่าทางดูราวกับเป็นคนในราชวงศ์ ที่ปัด
ป้องคำว่าร้ายของทุกคนเอาไว้
บนหน้าจอมือถือของเขา โชว์ข้อความของลั่วลั่วไว้ ซึ่งเป็น แค่ประโยคง่ายๆ ประโยคเดียว..
“ฉันยกเลิกงานหมั้นแล้วนะ ไม่รู้ว่าฝั่งคุณเองไปด้วยดี
ไหม?” หลงเซียวเผยรอยยิ้มขึ้นมา จนคนข้างๆ มองไม่ออกว่ามัน หมายความว่าอย่างไร ก่อนเขาจะพูด “แต่ว่า ผมไม่มีทางที่ จะแต่งงานกับหรูเฟยได้”
อะไรนะ?!
ไม่มีทางแต่งงานได้งั้นหรือ!
แววตาของโม่ล่างคุนเบิกโพลงด้วยความโกรธ ก่อนจะ เดินเข้ามาดึงคอเสื้อของหลงเชียวเอาไว้ “นี่พูดอะไรออ กมาน่ะ! ไหนพูดมาอีกทีสิ!”
หลงเชียวคว้าข้อมือของโม่ล่างคุนเอาไว้แน่น พร้อมทั้ง สะบัดมือของเขาออก “คุณโม่คงไม่อยากให้ลูกสาวของตัว เอง ต้องมาแต่งงานกับคนที่มีภรรยาแล้วใช่ไหมครับ?”
อะไรนะ?!
ฟูเหวินฟางได้ยินก็โกรธจนหน้าขาวโพลนไปหมด “หลง เชียว ที่พูดมา มันหมายความว่ายังไงกัน?”
หลงเซียวใช้มือเคาะหน้าจอมือถือไปมา พร้อมทั้งคำที่ เรียบเรียงมาสั้นๆ สวยงาม “ภรรยาของเขา กลับมาแล้ว หมายความว่าแบบนี้ล่ะครับ” ตอนที่ 228 ฉันคิดถึงคุณ หลงเชียว
ภรรยางั้นหรือ?
มีใครไม่รู้บ้างว่าภรรยาของหลงเซียวนั้น ตายไปตั้งนาน ตั้งแต่ที่แอฟริกาแล้ว ทำไมตอนนี้เขากลับมาพูดว่า เป็น ภรรยาตัวเองกันล่ะ?
นี่ล้อกันเล่นอะไรเนี่ย!
โม่ล่างคุนคิดจะคว้าคอเสื้อของหลงเซียวอีกรอบ แต่ก่อน หน้าที่เขาจะได้ยื่นมือออกไปนั้น ก็ถูกหลงเชียวคว้าข้อมือเอา ไว้สายตาของเขาเฉียบคมราวกับคมมีด มองมายังโม่ล่างคุ นที่กัดฟันแน่น
“หลงเชียว นี่คิดจะทิ้งงานแต่งไปกลางคันแบบนี้หรือ แถม เหตุผลก็ยากที่จะเชื่อได้! เอาภรรยาของตัวเองที่ ยมมาให้คุณ
ไม่ได้กัดในผับ