ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 259
ตอนที่ 259 ใส่ยาแก้อาการสมองพิการให้กับคุณ
หลงจื่อหมุนเก้าอี้ฟี่ขึ้นที่หนึ่งด้านหน้าหันตรงเข้าหาหลินซีเหวินใน
ทันที
“ทำไมถึงเป็นคุณ?! ”
“คิดไม่ถึงว่าคือคุณ! ! ”
ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างตื่นเต้น ต่างฝ่าย ต่างโมโห ต่างฝ่ายต่างหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ลั่วหานมองดูหลงจื่อ แล้วมองดูผู้ช่วยคนใหม่อีกครั้ง สายตาวนเวียน ระหว่างพวกเขาทั้งสอง “พวกคุณ รู้จักกัน?”
“รู้จัก!
“ไม่รู้จัก! ”
ทั้งสองคนเอ่ยปากขึ้นพร้อมกับอีกครั้ง เรียกได้ว่ารู้ใจกันโดยปริยาย ยิ่งกว่าฝึกซ้อมมาหลายร้อยรอบเสียอีก ระดับความสอดคล้องพอดีกัน เต็มร้อย
ลั่วหานเอ่อ…
“เสี่ยวหลิน พวกคุณรู้จักหรือไม่รู้จักกันแน่?” ลั่วหานเลือกตีแตกทีละ คน เห็นท่าทางนี้ของทั้งสองคน จะม้วนแขนเสื้อเริ่มชกต่อยกันทุก วินาที ยังบอกว่าไม่รู้จัก? คนที่มีสมองหน่อยต่างก็ไม่เชื่อ
หลินซีเหวินกลอกตามองบนใส่หลงจื่ออย่างแรง ความดูหมิ่นที่อยู่ใน สายตานั้น ไม่ได้แย่ไปกว่าการมองเห็นศัตรูสิบกว่าชาติของตนเอง
และหลงจื้อก็อุทานออกมาอย่างเยือกเย็นด้วยใบหน้าที่หน่ายแหนง
มีความไม่พอใจต่อหลินซีเหวินเป็นอย่างมาก
“รู้จักค่ะ แต่ว่ายังไม่ถึงขั้นรู้จัก”
หลงจื่อหัวเราะเหอะๆอย่างประชดประชันอยู่สักพัก ปลายเท้าจิ้มไป บนพื้น ใบหน้าไม่แยแส “ใครอยากจะรู้จักกับคุณกัน? ความเจ้าเล่ห์มี มาก ดังนั้นถูกความเจ้าเล่ห์กดทับจนตัวเท่านี้แล้วล่ะสิ”
หลินซีเหวินจะยอมให้เขาประชดประชันตัวเองขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน แทบจะคว้าเคสผู้ป่วยมาโยนใส่หัวสมองของหลงจื่อ ดีที่วินาทีสุดท้าย ควบคุมพลังบุพกาลแห่งการกำเนิดโลกเอาไว้ได้ “ฉันไม่คิดเล็กคิด น้อยกับคนที่ราวกับคนไข้ก็ไม่ปาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไข้ที่มีโรค หัวใจ ขอให้คุณแข็งแรงไวๆ อีกอย่าง ฉันแนะนำให้คุณไปแผนกอายุร กรรมประสาท ตรวจดูสักหน่อย ว่านอกจากหัวใจแล้ว สมองก็เกิด ปัญหาเหมือนกันด้วยใช่หรือเปล่า”
ลั่วหานนวดคลึงบริเวณหัวคิ้ว “หลงจื้อ เธอทำอะไรกับแม่สาวน้อย เขา? ทำให้เธอโมโหขนาดนี้ ช่างมีความสามารถจริงๆ”
หลงจือชี้ไปที่จมูกของตนเองด้วยใบหน้าที่รู้สึกได้รับความไม่เป็น ธรรม “ผมทำเธอ? พี่สะใภ้ใหญ่ อย่าล้อเล่นเลยได้หรือเปล่า? ดูเธอก็รู้ ว่าเป็นคนที่เรื่องเยอะสร้างความวุ่นวายได้ตลอด ผมควรจะขจัดภัย ร้ายให้กับประชาชนถึงจะถูก”
สีหน้าของหลินซีเหวินกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ตกตะลึงอย่าง เห็นได้ชัดหลังจากที่ได้ยินเขาเรียก”พี่สะใภ้ใหญ่”คำนั้น หางตากระตุก มองไปทางลั่วหาน “เขา…เขาเรียกคุณว่าพี่สะใภ้ใหญ่?”
“ทำไม? คิดจะมาหาผมเพื่อตีสนิท? ผมบอกคุณให้ไม่มีทาง จากผม ที่นี่คุณไม่มีทางลัดให้เดินแม้แต่น้อย เข้าใจ? ผมขอเตือนคุณว่าทางที่ ดีที่สุดรู้จักกาลเทศะหน่อย ที่ไหนเย็นสบายก็ไปอยู่ที่นั่นอย่ามาวุ่นวาย ต่อหน้าผม”
หลินซีเหวินกัดฟัน สองมือกำหมัดแน่น แว่นตากรอบดำกดทับอยู่ที่ สันจมูก หนึ่งก้าวใหญ่ๆข้ามไปที่ด้านหน้าของหลงจื่อ โน้มตัวมองดู ใบหน้าที่น่าต่อยนั่นของหลงจื่อ “ฉันคือผู้ช่วยของแอนน่า คนที่ควรจะ ไปอยู่ที่อื่นน่ะคือคุณ”
“อัยยะ! ใจกล้าไม่น้อย รู้ว่าผมเป็นใครหรือเปล่า? กล้าพูดจาเช่นนี้ กับผม?” สองมือของหลงจื้อไขว้เข้าหากัน กอดอยู่บนหน้าอกของ ตนเอง ปากยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย แสดงท่าทีของความเป็นคุณชายผู้สูง ศักดิ์เต็มร้อย
หลินซีเหวินสอดมือเข้าไปในกระเป๋าบนชุดกาวน์ ประคองแว่นตาขึ้น มองเขาด้วยความดูหมิ่นอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นตัดสินใจไม่สนใจเจ้าหนุ่มที่ น่าเบื่อคนนี้อีก หันศีรษะไปหาลั่วหาน “แอนน่า คุณเรียกฉันเข้ามามี อะไรจะสั่งคะ?”
ลั่วหานพิงไปที่โต๊ะทำงาน นวดคลึงที่บนหัวคิ้ว “รินน้ำให้เขาแก้วนึ่ง” หลงจือยิ้มจนตาหยีลงไปครึ่งหนึ่ง โบกไม้โบกมือ “ผู้ช่วยหลิน ยังไม่ ไปอีก?”
หลินซีเหวินพยักหน้า ยิ้ม กัดฟันเอาไว้เบาๆ “ค่ะ! กรุณารอสัก
ครู่!
ยกน้ำชารินน้ำให้กับเขา? หีหี!
หลงจื่อถอนหายใจจัๆออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่ก็คือผู้ช่วยที่พี่เพิ่งจะ รับสมัครเข้ามา? ภาพลักษณ์นี้ คุณสมบัตินี้ แล้วก็บุคลิกท่าทางนี้ จุด ไหนกันที่สอดคล้องกับมาตรฐานผู้ช่วยของพี่ เทียบกับLisaแล้วห่าง ไกลกันมาก”
“เธอกับผู้ช่วยคนใหม่ของพี่ เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น?”
ลั่วหานยืนอยู่ ตอนที่มองหลงจื่อสามารถมองลงไปได้พอดี ลองคิด พิจารณาอย่างรอบด้าน หลงจื่อคุณชายผู้สูงศักดิ์เช่นนี้กับหลินซิเหวิน ที่อยู่ในรั้วโรงเรียนตลอดเวลาดูเหมือนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน ได้นอกเสียจากหลงจื่อเจ้าเด็กนี่รังแกหลินซีเหวินก่อน หลงจื่อนะหลง จื่อ จะรังแกใครไม่รังแก คิดไม่ถึงว่าจะรังแกมาถึงผู้ช่วยของเธอได้
หลงจือโบกมือขึ้น ดูเหมือนไม่ยินดีเอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านมาอีก “หลายปี ก่อนรู้จักกันที่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ผมยังนึกว่าเธอจะซื่อๆ เหมือนอย่างที่เห็นจริงๆ ใครจะรู้ว่าคือแม่เสือสาวที่เล่ห์เหลี่ยม แพรวพราวจนนาตกใจ”
“อ่อ? มีความคิดเห็นยังไงบ้าง?” คราวนี้ล้วหานรู้สึกประหลาดใจมาก ยิ่งขึ้น เธอรู้อยู่แล้วว่าหลินซีเหวินไม่ใช่คนที่จะยุแหย่ได้ง่ายๆ แต่เรื่อง ซุบซิบที่ดีขนาดนี้ ไม่ฟังไม่เสียดายแย่หรอ?
หลงจอได้แต่กัดฟันเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น พูดจบก็คือคำด่า ขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง ตัวเองถูกเล่นอย่างแรง ในใจไม่โมโหสิถึงแปลก
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนผู้ช่วยของพี่ไม่ได้รับมาผิดจริงๆ” ลั่ วหานยิ้มขึ้นอย่างเข้าใจถ่องแท้
เธอยังกลัวว่าผู้ช่วยของตัวเองจะเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอ ตีไม่ได้ด่า ไม่ได้ว่าไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ดูเหมือนหลินซีเหวินกลับเป็นคนที่มี ศักยภาพแฝงที่มีโอกาสจะกลายเป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพของเธอ มาก
หลงจื่อ ตะลึงงัน “ไม่ใช่มั้งพี่สะใภ้ใหญ่? พี่มั่นใจว่าจะเก็บผู้ช่วยแบบ นี้ไว้ที่ข้างกายนี่ไม่ใช่เป็นการฝังระเบิดไม่ระบุเวลาให้กับตัวเองหรอก หรอ? ผมเตือนพี่จะต้องระวังไว้ให้มากๆ!
นิ้วมือของลั่วหานตบไปบนไหล่ของหลงจื่อเบาๆ “ใครว่าระเบิดจะ ต้องระเบิดบนร่างกายของพี่ล่ะ? ไม่ แน่ ที่ระเบิดนะคือคนอื่น”
สมองของหลงจื่อหมุนวนอย่างกะทันหัน จากนั้นกระตุกขึ้นการตอบ สนองกลับคืนมาอย่างรุนแรง “พี่สะใด้ใหญ่! ฉลาดมาก! ข้างกาย ของพี่เรื่องเยอะเหลือเกิน มีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นมาพอดี แต่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่พี่ก็ ต้องระวังให้มาก แม่สาวคนนี้แสบมาก จๆ ไม่ใช่ดูเหมือนเรียบง่ายไม่มี พิษมีภัยแบบนี้อย่างแน่นอน”
เรียบง่าย?
ลั่วหานไม่รู้จริงๆว่าหลงจื่อเอาข้อสรุปนี้ออกมาจากที่ไหนกัน ข้อมูล ของหลินซีเหวินลั่วหานดูมาแล้ว อาศัยเรื่องซาติกำเนิด เธอน่ะคือคุณ หนูตัวจริงเสียงจริง
คุณหนูในรูปแบบเด็กเรียน
ผ่านไปสักพัก หลินซีเหวินถือแก้วใสใบหนึ่งเดินเข้ามา ภายในแก้ว สั่นไหวไปด้วยน้ำแร่ที่ใสแจ๋ว “น้ำที่คุณต้องการ ดื่มส์”
ล้วหานมองดูแก้วน้ำแวบหนึ่ง ยิ้มแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา หลงจือใช้มือข้างเดียวรับเอาแก้วน้ำเข้ามา เหลือบมองหลินซีเหวิน “แม่สาวน้อย ผมขอเตือนคุณว่า คุณอยู่ข้างกายพี่สะใภ้ใหญ่ของผม ทางที่ดีที่สุดว่านอนสอนง่ายหน่อย หากถูกผมรู้ว่าคุณแอบลงไม้ลงมือ ล่ะก็ ผมไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่”
หลินซีเหวินพยักหน้า “ได้ค่ะ! ฉันจะไม่แอบลงไม้ลงมืออย่าง
แน่นอน”
พี่ชอบทำแบบโจ่งแจ้ง!
หลงจื่อยกแก้วขึ้นดื่มเข้าไปค่าใหญ่…
“พรวด! ! ! ”
น้ำคำใหญ่ที่เพิ่งจะเข้าไปในปากถูกเขาพ่นออกมาจนหมด ทำให้พื้น เปียกจนกลายเป็นวงกว้าง “WTF! คุณให้ผมดื่มบ้าอะไรกัน! ! ”
หลินซีเหวินยักไหล่ “คุณไม่ใช่ว่าหัวใจไม่ดีหรอกหรอคะ? สมองก็ไม่ ค่อยใช้การได้ดีสักเท่าไร ฉันใส่ยาแก้อาการสมองพิการให้กับคุณ รสชาติดีไหมคะ?”
“คุณแม่ง! เล่นผมใช่ปะ!
ดวงตาของหลินซีเหวินโค้งขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะกล้าได้ยังไงกัน? เพียงแต่ในฐานะที่เป็นหมอ รักษาโรคช่วยชีวิตคนคือวิชาชีพ คุณป่วย จนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ฉันจะสามารถทำเป็นไม่เห็นได้ยังไงกันคะ?”
หลงจือยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของหลินซีเหวินเอาไว้ “คุณออกมา กับผม! ปกติผมไม่ลงมือกับผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ลงมือ กับคุณ”
“เอาล่ะ หลงจื่อ ปล่อยมือ เมื่อครู่นี้เธอว่าเขาไม่น่าฟังขนาดนั้น ก็ไม่ แปลกที่หมอหลินจะหยอกเธอกลับ เรื่องนี้เสมอกันแล้ว”
“พี่สะใภ้ใหญ่! คือผมที่เสียเปรียบ! ”
“เธอเป็นผู้ชาย ใจกว้างหน่อยไม่ได้หรือยังไง? พอแล้ว เธอกลับไป
ก่อน” หลงจื่อจ้องหลินซีเหวินที่มีใบหน้าที่ได้ใจอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟัน ขยับนิ้ว มือเล็กน้อย “คุณรอผม เราสองคนยังไม่จบ”
“รอก็รอค่ะ กลัวคุณหรอ? อีกอย่างนะคะ คุณหลงจื่อ ฉันล่ะกลัด กลุ้มจริงๆ ไอดอลของฉันคือพี่สะใภ้ใหญ่ของคุณ ทำไมบุคลิกลักษณะ เล็กน้อยคุณก็ยังไม่เป็น บ๊ายบาย ไม่ส่งนะคะ”
คุณชายหลงจื่อคิดเอาเองว่าตัวเองมีประสบการณ์มากในแวดวงผู้ หญิง แต่หลินซีเหวินคนนี้เขาค่อนข้างจะไม่แน่ใจแล้ว “อย่าได้ใจ ผู้ ช่วยน้อย ได้ใจกว่านี้ยังไม่ใช่ต้องยกน้ำชาให้กับผม?”
“งั้นหรอคะ? กลับมาฉันจะทำให้คุณได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ฉัน ไม่ใช่แค่ยกน้ำชาเป็น ยังฉีดยาให้คุณได้ด้วย” ส่งหลงจื่อกลับไป ลั่วหานเอ่ยขึ้นกับหลินซีเหวินว่า “แจ้งให้หวา
เทียนทราบ หลังจากนี้สิบนาที่ประชุม คืนนี้มีการผ่าตัดเคสหนึ่ง พวก
คุณสองคนสังเกตเรียนรู้ไปก่อน”
“ค่ะหมอแอนน่า”
รอก่อน” ลั่วหานเรียกเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง
ทำงาน
“ผู้ช่วยหลิน ต่อไปเรียกฉันว่าหมอฉู่ก็พอแล้วค่ะ”
“หมอฉู่? คุณไม่ใช่นามสกุลเฉียวหรอกหรอคะ?
“ต้องการให้ฉันอธิบายให้คุณฟังอย่างชัดเจนไหมคะ? ผู้ช่วยหลิน” สายตาของลั่วหานเปล่งประกายขึ้น ที่ถามแม้ว่าจะอ่อนโยน แต่ความ รู้สึกกดดันได้ไม่ต้องพูดก็รู้กัน
“ไม่ต้องค่ะ…หมอฉ”
หลินซีเหวินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลงจื่อเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ใหญ่ แต่ ภรรยาของหลงเซียวตั้งแต่ต้นจนจบดูเหมือนมีเพียงแค่ฉู่ลั่วหานคน เดียว ตอนนี้เธอแก้ไขนามสกุลให้ถูกต้องด้วยตัวเอง
หรือว่า แอนนาก็คือฉูลั่วหาน? หลินซีเหวินถูกการวิเคราะห์ของตนเองทำให้ตกใจเสียยกใหญ่ แต่ก็ รู้สึกอีกว่าข้อสรุปแบบนี้เป็นไปตามเหตุผลเป็นอย่างมาก
แอนน่าเพิ่งจะเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
มองเห็นเบอร์ที่อยู่ด้านบน แอนน่าก็โบกมือให้ผู้ช่วยเข้าไปก่อน ตัว เองพิงไปที่ด้านนอกประตูรับสายขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทางนั้น เสียงหัวเราะของผู้หญิงดังสะท้อนเข้ามา ในเสียงหัวเราะยัง มีเสียงจุ๊ปากในตอนที่ริมฝีปากกับบุหรี่สัมผัสกันขณะสูบบุหรี่ดังออกมา “ขอบคุณที่ช่วยฉัน คราวนี้เสิ่นเหลียวถูกเฉือนเนื้อชิ้นใหญ่ออกไป เต็มๆ”
อ่อ?
ไปเวยกอดอกยืนอยู่ริมหน้าต่าง ระหว่างนิ้วมือคืบบุหรี่สำหรับเพศ หญิงที่เรียวยาวเอาไว้ “เรือบรรทุกสินค้าของเสิ่นเหลียวเมื่อคืนนี้ถูก ปล้น เขาสูญเสียธุรกิจล็อตใหญ่ เรื่องนี้ ฉันคิดว่าต่อให้ไม่ใช่คุณที่ช่วย ทำ ก็คือคุณหลงที่ทำ”
“เขารู้ไหม? สืบหาเบาะแสออกมาได้แล้วหรอ?”
ลั่วหานรู้ว่า เรื่องนี้ก็คือหลงเซียวที่ทำ แต่ในเมื่อไป่เวยสามารถเดา ออก ถ้างั้นเสิ่นเหลียวก็ต้องเดาออกอย่างแน่นอน
แต่ไม่ได้มั่นใจว่าเป็นใคร “ฝ่ายตรงข้ามที่เขาสงสัยมีอยู่หลายคน แต่ เพียงแต่คุณหลงสำหรับเขาแล้ว เป็นหนามยอกอกมาโดยตลอด ช่วงนี้ ฉันสงสัยว่าเสิ่นเหลียวจะนุ่มปามโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คุณให้คุณ หลงระวังตัวหน่อย ตัวคุณเองก็ระวังด้วยเช่นเดียวกัน”
“อืม”
วางสายโทรศัพท์ลงลั่วหานคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มออก มา หลงเซียวปล้นเรือบรรทุกสินค้าของเสิ่นเหลียวอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง ทำได้สวยงามมาก! ในเวลานี้ ห้องทำงานประธานบริษัทMBK
กู้เยนเซินกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา สภาพนอนหลับไม่สนิทมาหลาย วันหลายคืน “ฉันว่านะคุณชายใหญ่หลง แกกล้าไม่คมขนาดนี้ได้หรือ เปล่า? เพิ่งจะปล้นเรือของเสิ่นเหลียวไป ตอนนี้ก็ให้เขาเซ็นสัญญา ความร่วมมือ นี่ที่เปิดเผยให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือข้อตกลงที่ต้มตุ๋น ไอ้ นี่ระดับสติปัญญาก็หลุดหายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเซ็น”
“ฉันชอบถือโอกาสตีเหล็กตอนที่มันยังร้อน นอกเหนือจากนั้น ฉันให้ แกมา มีข่าวดีเรื่องหนึ่งจะบอกกับแก” มุมปากด้านนึงของหลงเซียวยก สูง ยิ้มขึ้นด้วยมุมที่คนรอบข้างไม่อาจจะคาดเตาได้
พอเขายิ้ม ในใจของกู้เยนเซินก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา “แม่ง อย่ายิ้ม จนอย่างกับนางเฒ่าทาริกาเทียนซัว แกยังสามารถมีขาวดีให้กับฉัน? ฉันไม่เชื่อ”
หลงเซียวนำจดหมายเชิญฉบับนึงโยนผ่านฟ้าไปให้ กู้เยนเซินยื่นมือ ออกไปรับได้ในทันที เปิดออกด้วยความสงสัย “เหอะๆ! น่าสนใจ แม่ง โคตรน่าสนใจเลย!
หลงเซียวหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน “ฉันก็คิดว่าน่าสนใจมาก ดังนั้นอยากจะแชร์ให้กับแก”
กู้เยนเซินนำจดหมายเชิญวางใสในมือตบลงไป “สมองของโม่หรู
เฟยผู้หญิงคนนี้ช่างคล่องตัวดีจริงๆ รู้ว่าแกต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ปืนขึ้นไปไม่
ถึงแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังรู้จักเปลี่ยนแผน ๆ ! บนจดหมายเชิญ บนภาพพื้นหลังสีแดงสด รอยตัวอักษรสีดำค่อน ข้างที่จะประชดประชัน ค่อนข้างที่จะทิ่มแทงลูกตา
หลงเซียวอุทานออกมาอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้เธอคือผู้จัดการใหญ่ ของบริษัทโม่ชื่อกรุ๊ป คงจะตระหนักรู้แล้วว่าเส้นทางธุรกิจไม่ได้เดิน ง่ายๆ”
กู้เยนเซ็นนั่งตัวตรงขึ้น “เธอหมั้นกับซุนปิงเหวิน เชิญแกไปเข้าร่วม แกจะแสดงออกยังไง? ไปหรือว่าไม่ไป? แกกับโม่หรูเฟยแต่ก่อนเป็นถึง คู่ที่ถูกทุกคนพูดถึงกันอย่างเหนือธรรมชาติสุดๆ นี่เพิ่งจะหมุนตัวไป คุณเขาก็เข้าสู่อ้อมกอดของซุนปิงเหวินแล้ว อั้ยโยะๆ ! แม่งโอเวอร์ดี จริงๆ!
หลงเซียวท่าทีเย็นชา จุดยืนที่มีต่อเรื่องนี้มองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ชอบคือเรื่องหนึ่ง กลอบายบนธุรกิจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“แน่นอนว่าไป”
“ไปจริงดิ? พูดตามจริง นี่เท่าๆกับว่า แฟนเก่าสาวหมั้น แฟนเก่าซาย เข้าร่วมงานเลี้ยง แกจะทุ่มออกไปสุดตัวจริงๆดิ?”
หลงเซียวหมุนแหวนแต่งงานไร้ชื่อที่อยู่บนนิ้วไปหลายรอบ “นั่นก็ ต้องลองดูว่า ใครจะมีความสามารถในการเอาชนะผู้ที่เก่งกาจเหล่านั้น ยิ่งกว่ากัน อีกอย่าง ฉันกับโม่หรูเฟยไม่ใช่แฟนเก่า เธอไม่เคยเป็นผู้ หญิงของฉันหลงเซียวมาก่อน”