ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 308
ตอนที่ 308 อยู่ๆก็เกิดเรื่อง
หลงจื่อลูบผมของหลินซีเหวินแผ่วเบา “สาวบ้านนอก เธอเมาหรอ?”
หลินซีเหวินหันไปยิ้มแฉ่งให้ชายหนุ่ม “ฉันเมา”
หลงจื่ออุทานคําหยาบ เขาไม่ควรถามคำถามนี้ “ใน เมื่อกินอิ่มแถมยังเมาแปลแบบนี้ ฉันไปส่งเธอที่บ้านละ กัน”
หลินซีเหวินดื่มไปเยอะก็จริง แต่ยังไงมันก็แค่เบียร์ เธอไม่ได้เมาถึงขนาดนั้น หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้า แล้วก้มหน้ามองหลงจื่อ “นายจะส่งฉันกลับบ้าน?”
ถามอะไรของเธอ เธอสภาพแบบนี้แถมบ้านก็อยู่ตั้ง “ ไกล ถ้าฉันไม่ไปส่ง เกิดระหว่างทางโดนลักพาตัวไปจะ ทำยังไง? ถึงเธอจะหน้าตางั้นๆ แถมยังจน แต่ก็ไม่รับ
ประกันว่าจะไม่เจอพวกหน้ามืดตามัวกินไม่เลือก”
หลินซีเหวินทำท่าถ่มน้ำลายใส่ “ป้านายสิ พูดจาให้ มันดีๆจะตายไหม? นี่พี่สาวฉันมันแย่ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อ ไหร่กัน? ฉันขี้เหร่มากหรอ!”
หลงจื่อดึงร่างตุปัดตุเป้ของหลินซีเหวินไว้ไม่ให้เธอ หงายหลังล้มบนพื้น “โอเคๆๆ เธอเก่ง เธอเทพ อย่างเธอ น่ะสเป๊คพวกบ้ากามเลยล่ะ คุณชายแบบฉันอุตส่าห์ใจดี จะไปส่ง อย่าทำเป็นเล่นตัว บอกมาสิบ้านเธออยู่ไหน”
หลินซีเหวินเตรียมจะบอกที่อยู่ แต่ทันใดนั้นแสงบาง อย่างก็ปิ๊งเข้ามาในหัว “นายรู้ได้ไงว่าบ้านฉันอยู่ไกล? นายจ้างคนมาสืบฉันหรอ? หรือแอบสะกดรอยตามฉัน?” “โอ้วชิท!เห็นฉันว่างมากเลยต้องสะกดรอยตามแก้ เบื่อหรือไง? ครั้งก่อนฉันเห็นเธอขึ้นรถไฟท้องถิ่น รถไฟ ขบวนนั้นเหมือนจะไม่จอดระหว่างทางซะด้วย”
อ้ะ?
สมองปลาทองของเธอ ในที่สุดก็นึกถึงต้นตอนี้ขึ้น มาได้ แม่เจ้า คิดไม่ถึงว่าเรื่องครั้งที่แล้วจะใหญ่โตจนชื่อ เสียงไปไกลขนาดนี้ “เอ่อ แหะๆๆๆ บ้านฉันไกลจริงๆ แหละ แต่คุณชายรองหลง นายก็เหมือนจะเมาๆอยู่ เหมือนกันนะ ดื่มแอลกอฮอล่เขาไม่ให้ขับรถ
“ก็จริง! ”
ที่เธอพูดก็มีเหตุผล “ฉันเรียกรถให้แล้วกัน”
จู่ๆหลินซีเหวินก็รู้สึกมวนๆในท้อง “เดี่ยว ของที่ฉัน กินไปเมื่อกี้เหมือนจะมีบางอย่างไม่ปกติ ปวดท้องจัง”
พูดๆอยู่หญิงสาวก็ล้มลงไปนอนกุมท้อง ไม่นานเหงื่อ ก็เริ่มผุดออกมาตรงหน้าผาก แม่งเอ้ย เธอกินของใน ตลาดกลางคืนนี่มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ทำไมต้องมาปวดท้อง เอาวันนี้ด้วย!
“นี่เธอ…ฉันบอกแล้วใช่ไหมยัยบ้านนอก ไหนพูดนัก พูดหนาว่าของในตลาดกลางคืนดีอย่างงั้นอย่างงี้ ดีกับผี น่ะสิ! คราวนี้เป็นไง? ทรมานไหมล่ะ?”
หลงจื่อรีบย่อตัวลงนั่งยองๆเพื่อดูอาการของหลินซี เหวิน ภายใต้แสงไฟนีออนเขาเห็นใบหน้าซีดขาวของเธอ เหงื่อเม็ดใหญ่ๆไหลลงจากใบหน้า ชายหนุ่มตกใจ จากที่ ตั้งใจจะตำหนิก็พูดไม่ออก “ฉันจะพาเธอไปโรง พยาบาล! หลินซีเหวินปวดจนไม่สามารถยืดตัวได้ เธอโอด ครวญอย่างหมดเรี่ยวแรง “ปวด…ขยับตัวไม่ไหวแล้ว โอ๊ยยย ปวดมาก ท้องฉัน..”
หลงจื่อเห็นดังนั้น เขาก็ไม่มีเวลามานั่งคิดอย่างอื่น อีก ชายหนุ่มก้มลงไปอุ้มหลินซีเหวินที่นอนขดตัวเป็น ดักแด้ เมื่ออุ้มเธอได้มั่นมือแล้วหลงจื่อก็ออกวิ่งไปตลอด เส้นทาง “อดทนหน่อยนะ เรากำลังจะไปโรงพยาบาล แล้ว”
หลินซีเหวินปวดจนเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ เธอ นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของหลงจื่อจนตะคริวกิน “น่า จะเป็นลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ไม่ถึงกับตายหรอกแต่มัน ปวดเนี่ยสิ”
“บ้าเอ้ย สมองเธอมีปัญหาหรอไง ไม่ตายอะไรกัน ปวดขนาดนี้แล้วยังทำเป็นเข้มแข็งอีก ไม่ต้องพูดดีแล้ว เก็บแรงไว้ซะ อีกเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว”
ใครจะไปสนเรื่องรถกัน หลงจื่อเรียกแท็กซี่พาพวก เขาไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ถังจิ้นเหยียนและเจิ้งซิ่วหยากลับมาที่ร้านอาหาร แต่ ไม่พบผู้หญิงที่มีแววว่าจะช่วยเขาจัดการเรื่องดูตัว หลัง จากสอดส่ายตาทั่วทั้งร้าน ถังจิ้นเหยียนจึงแน่ใจว่าผู้ หญิงคนนั้นคงกลับไปแล้วเพราะรอไม่ไหว
เจิ้งซิ่วหยาสั่งอาหาร เธอสังเกตชายหนุ่มตรงหน้า จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “เฮ้ กินข้าวอย่ามาทำหน้าตาอม ทุกข์แบบนั้นได้ไหม นี่ร้านอาหารนะคุณไม่ใช่งานศพ นายกําลังกินข้าวเป็นเพื่อนฉันนะ ไม่ใช่เคารพศพ OK?”
ถังจิ้นเหยียนโดนเทศนาจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาที่สุขุมสง่างามมีภาพลักษณ์ที่แสนเพอร์เฟกต์มาตล อดด ทั้งความประพฤติและ แต่เพราะเจิ้งซิ่วหยา ทำให้ วันนี้เขาต้องทบทวนตัวเองใหม่นับครั้งไม่ถ้วน “คุณเจิ้ง ปกติคุณเป็นคนพูดจาแบบนี้อยู่แล้ว หรือเป็นแค่เฉพาะ กับผม?”
เจิ้งซิ่วหยายักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ “ถังจิ้นเหยียน นาย คิดมากไปนะ ทําไมฉันต้องเป็นกับเฉพาะนายคนเดียว? นายมีอะไรพิเศษหรือไง?เมื่อกี้ที่แข่งเทควันโดแพ้ยังไม่ สาแก่ใจ?”
มือเรียวสวยสมกับที่เป็นศัลยแพทย์ของถังจิ้นเหยี ยนสอดประสานนิ้วทั้งสิบไว้ด้านหน้า นั่งยืดหลังตรง “ดู แล้วเราสองคนก็เหมาะจะร่วมมือกันอยู่ แต่ผมขอพูด ตรงๆว่าผมไม่ได้รู้สึกพิศวาสผู้หญิงแบบคุณเจิ้งสักนิด”
เจิ้งซิ่วหยาควงมีดกับส้อมในมือไปมา “งั้นก็ดีสิ ฉันก็ ไม่ได้พิศวาสคุณหมอที่แสนน่าเบื่อ จืดชืด แถมยังหัว โบราณอย่างคุณเหมือนกัน แต่แบบนี้ก็ดี พวกเราก็มา ร่วมมือกันก่อน หากในอนาคตนายเจอผู้หญิงที่เหมาะสม กับนายมากกว่าก็ค่อยบอกฉันแล้วกัน”
ถังจิ้นเหยียนชื่นชมในอีคิวของเธอ “ได้ ถ้าคุณเจิ้ง เจอคนที่ตัวเองชอบแล้วก็บอกผมสักหน่อย ผมจะอวยพร ให้พวกคุณอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณมากค่ะ !
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เจิ้งซิ่วหยาหยิบซ้อนขึ้นมาตัก อาหารกินด้วยความรวดเร็ว ถึงแม้จะเร็วแต่ก็ยังรักษา มารยาทบนโต๊ะอาหารได้อย่างดี แต่ท่าทางตอนเคี้ยวที่ ออกจะมูมมามไปสักหน่อยเลยทําให้ชมไม่ลง
และหญิงสาวรู้ตัวเองดี เธอจึงส่งยิ้มให้ถังจิ้นเหยียน ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามเริ่มขยับมีด เขาค่อยๆหั่นเนื้อด้วย ท่าทางเชื่องช้าและสง่างาม จนเกือบจะเรียกได้ว่านั่งอยู่ ในร้านอาหารฝรั่งของคนชนชั้นสูง แต่ตอนนี้เขาเริ่มมี สีหน้าทะมึน “ถังจิ้นเหยียน นายกินข้าวช้าแบบนี้ เสีย เวลาชะมัด”
ถังจิ้นเหยียนกล่าว “กินช้าๆเคี้ยวให้ละเอียดช่วยใน เรื่องการย่อย กินเร็วเกินไปจะทำให้ระบบย่อยทำงานได้ ไม่ดี ส่งผลต่อสุขภาพ คุณเจิ้งเองระวังหน่อยก็ดี
“ปล่อยฉันไปคนนึงแล้วกัน ขืนตำรวจทุกคนกินข้าว ช้าๆเหมือนกัน ขโมยกับโจรคงเผ่นหนีไปนานละ!”
“พอดีผมไม่ใช่ตำารวจ” ถังจิ้นเหยียนตอบกลับช้าๆ คำนึง การทานอาหารของเขาเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบกับ เจิ้งซิ่วหยาซึ่งต่างกันราวฟ้ากับเหว
กินไปได้ครึ่งทาง โทรศัพท์ของถังจิ้นเหยียนก็ดังขึ้น
เขาชูขึ้นดูจึงเห็นว่าปลายสายโทรมาจากห้อง ฉุกเฉิน ถังจิ้นเหยียนรีบรับสาย
“คุณหมอถังรีบมาโรงพยาบาลด่วนค่ะ! คนป่วยห้อง ชั้นยี่สิบหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน! สถานการณ์เข้าขั้น อันตรายมากค่ะ!
สีหน้าของถังจิ้นเหยียนเปลี่ยนในทันที “ชั้นยี่สิบ? คุณหมายถึงคนไข้ที่ตกจากตึกก่อสร้าง? ” การผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดีแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไม
ถึงเป็นแบบนี้ได้?
“ใช่ค่ะ! คนไข้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน พวกเราก็ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหมอรีบมาเถอะค่ะ! ”
“ได้!”
ทันทีที่วางสาย ถังจิ้นเหยียนหยิบธนบัตรหลายใบ ออกมาเสียบไว้ใต้จานข้าว “ที่โรงพยาบาลเกิดเรื่องด่วน ผมต้องรีบกลับเดี๋ยวนี้”
เจิ้งซิ่วหยาวางช้อนส้อมกระทบจานเสียงดัง ก่อนจะ รีบกลืนอาหารที่อยู่ในปากจนหมด แล้วหันไปคว้า กระเป๋าสะพาย “ฉันไปด้วย!”
“ คุณเห็นเป็นเรื่องสนุกหรือไง!”
“สถานการณ์ของคนไข้เร่งด่วนขนาดนี้ รถคุณเร่ง ความเร็วได้แค่ไหนล่ะ? มารถฉัน รับประกันว่าถึงโรง พยาบาลคุณภายในไม่เกินห้านาที!”
คิดๆดูแล้วก็จริง “ได้”
สถานะตำรวจของเจิ้งซิ่วหยาไม่ได้มาเพราะโชค ช่วย รถเบนซ์สีขาวโลดแล่นอยู่บนท้องถนนเหมือนงูขาว ที่เลื้อยซิกแซกไปมา จนแซงรถทุกคันบนถนนได้สำเร็จ อย่างสบายๆ แม้ว่าถังจิ้นเหยียนจะกังวลใจอยู่กับคนไข้ แต่วินาทีนี้เขาต้องยอมให้กับสกิลการขับรถที่แสน อาจหาญของเจิ้งซิ่วหยา
หลังจากผ่านมรสุมขึ้นเขาลงห้วย รถหรูก็ขับมาถึง หน้าประตูโรงพยาบาลหวาเซี่ย ถังจิ้นเหยียนเปิดประตู ลงมาจากรถ โดยมีเจิ้งซิ่วหยาเดินตามหลังมาติดๆ หมอถัง คนไข้อยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ หมอหวังกับ หมอเฉินกำลังช่วยชีวิตคนไข้อยู่ แต่สถานการณ์ไม่ค่อย นัก” นางพยาบาลคนหนึ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ ด้วยใบหน้าซีดเผือด
อาการของคนไข้รายนี้เป็นเคสพิเศษ ถ้าเกิดอะไร ผิดปกติเป็นเรื่องใหญ่แน่!
ญาติคนไข้ไม่ได้เซ็นชื่อ แต่คนที่เซ็นในหนังสือ ยินยอมให้ผ่าตัดเป็นชื่อของลั่วหานชัดเจน
“โธ่เว้ย! ”
ถังจิ้นเหยียนสบถออกมาด้วยความโมโห ขายาว ก้าวเข้ามาในลิฟท์อย่างรวดเร็ว เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเจิ้ง ซิ่วหยายังอยู่ เจิ้งซิ่วหยาที่ยังอยู่ด้านนอกลิฟท์ยืนอึ้ง “ไม่คิดเลย
ว่าคนอย่างถังจิ้นเหยียนพอด่าคนขึ้นมาก็แมนอยู่ทีเดียว”
พยาบาลที่ยังไม่ได้เดินออกไปหันไปเห็นหญิงสาว หน้าตาสวยสวมชุดกระโปรงยาว ก็อดแซวขึ้นมาไม่ได้ “หมอถังมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนคะเนี่ย? ”
จบกัน อีกเดี่ยวไม่รู้ว่าจะมีสาวๆสักเท่าไหร่ในโรง พยาบาลนี้ต้องใจแตกสลาย
ถังจิ้นเหยียนขึ้นมาชั้นบน เขาเปลี่ยนชุดก่อนจะเดิน เข้าห้องผ่าตัด ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เข็ม นาฬิกาเดินไปในแต่ละวินาทีเหมือนได้กระชากหัวใจของ หมอหลายคนในห้องไปด้วย
เมื่อเห็นถังจิ้นเหยียนเดินเข้ามา หมอหวังที่ใบหน้า อาบไปด้วยเหงื่อ พลันก็โล่งใจทันใด “ในที่สุดหมอถึงก็ มา!”
ถังจิ้นเหยียนมองดูคนไข้ จากที่ร้อนใจอยู่แล้วก็ยิ่ง เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ มือใหญ่สัมผัสตำแหน่งหัวใจของ คนไข้ จากนั้นก็เช็คดวงตากับใบหน้าต่อ “ผ่านมานานแค่ ไหนแล้ว?”
“สามสิบนาที ชีพจรกับอัตราการเต้นของหัวใจไม่ เคลื่อนไหว เมื่อกี้ได้ทำการปั๊มหัวใจแต่ร่างกายไม่ได้รับ การตอบสนอง เหมือนว่าคนไข้…
ตายแล้ว
หมอไม่กล้าพูดคำสุดท้ายออกมา แต่ทุกคนในห้องรู้ ดีว่าเขาจะพูดอะไร นัยน์ตาถังจิ้นเหยียนเปลี่ยนเป็นลุ่ม ลึกภายในเสี้ยวนาที เขาหลับตาลงอย่างหมดแรง “คนไข้ เสียชีวิตแล้ว”
หมอหวังและหมอเฉินหันไปมองถังจิ้นเหยียนเป็น สายตาเดียว “หมอถัง คุณลองดูก่อนเถอะ คนไข้รายนี้ เป็นคนที่คุณกับหมอฉี่ช่วยชีวิตด้วยการผ่าตัดถึงสิบกว่า ชั่วโมง จนรอดจากไอซียูมาได้ ถ้าเกิดมาเป็นอะไรไป ตอนนี้… น่าเสียดายแย่!”
ถังจิ้นเหยียนถอดหน้ากากอนามัยออก สายตาของ เขาไร้เรี่ยวแรง “คนไข้เสียชีวิตแน่นอนแล้ว ผมไม่ สามารถช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาได้อีก”
แต่… ”
ถังจิ้นเหยียนมองร่างคนไข้ แล้วเอ่ยถาม “ก่อนที่ คนไข้จะสลบไปมันเกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำหน้าที่ ดูแลเขา?” หมอหวังตอบ “เป็นพยาบาลหลี่ หลังจากผ่าตัดเสร็จ คนไข้ยังคงหลับไม่ได้สติ แต่ชีพจรกับอัตราการเต้นของ หัวใจปกติ เธอบอกว่า… พอเธอออกไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่ กลับเข้ามาก็พบว่าคนไข้เป็นแบบนี้ไปแล้ว…
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้วแน่น “บางทีการผ่าตัดอาจจะ ล้มเหลว”
หมอเฉินถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “อย่างนั้น… เราจะ บอกเรื่องนี้กับหมอฉู่ไหม หมอฉู่ก็พักอยู่ในห้องคนไข้ชั้น บนด้วย… เพียงแต่ คุณหลงเองก็อยู่”
ใครเข้าไป มีหวังออกมาเป็นศพแน่
ถังจิ้นเหยียนส่ายหน้า “ไม่ต้อง ตอนนี้ยังไม่ต้องบอก เธอ แล้วญาติคนไข้ล่ะ? ญาติคนไข้อยู่ไหน? ”
หมอเฉินถอนหายใจ อันนี้… คาดว่าญาติของคนไข้ เพิ่งจะทราบเรื่อง อีกเดี๋ยวเราจะอธิบายกับพวกเขายังไง ดี?”
ถังจิ้นเหยียนตอบลืมไปคำนึง “เดี๋ยวผมจะเป็นคน พูดเอง เข็นคนไข้ออกไปเถอะ”
“อืม ได้ครับ”
เจิ้งซิ่วหยาเดินถามไปทั่วโรงพยาบาล จนในที่สุดก็ หาห้องผ่าตัดของถังจิ้นเหยียนเจอ ทันทีที่มาถึง เธอก็ได้ ยินเสียงร้องไห้ดังระงม เป็นเสียงร้องไห้สลับกับเสียง ด่าทอ ตรงโถงทางเดินมีความโกลาหลพอสมควร
เจิ้งซิ่วหยาขมวดคิ้ว “เชี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?