ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 434
ตอนที่ 434 ต้องโทษคุณที่หว่านเสน่ห์ให้สาวๆ
ลั่วหานยิ้มอย่างอบอุ่นและไร้เดียงสา นี่คือรอยยิ้มที่เธอไม่ค่อยได้แสดงให้คนทั่วไปเห็นง่ายนัก โดยเฉพาะย่างยิ่งคนที่เธอไม่ชอบ แต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยหมอกควัน ราวกับว่ามีเมฆจำนวนนับไม่ถ้วนไหลผ่านดวงตาของเธอ
ความงดงามเช่นนี้เรียกว่าใครเห็นใครก็รักเลยก็ว่าได้
เจิ้งซินมองเห็นรอยยิ้มของเธอในตอนนั้นก็หวั่นไหว เธอแทบจะถูกรอยยิ้มอันงดงามนั้นดึงดูดไปเสียแล้ว
“คุณว่ายังไงนะ? ยกให้ฉันงั้นเหรอ?”
เจิ้งซินมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นด้วยความประหลาดใจ วันนี้เธอเพิ่งเข้าใจว่าความงามที่คนอื่นเข้าใจนั้น แท้จริงอาจไม่ใช่ด้านที่งดงามของแจกันดอกไม้ แต่อาจเป็นการที่ถูกดึงดูดครั้งที่เธอสัมผัส
เธอเพิ่งเคยพบกับผู้หญิงที่มีเสน่ห์แบบนี้ครั้งแรกในชีวิต
ลั่วหานเก็บยิ้มของเธอ นิ้วเรียวยาวค่อยๆลากลงมาจากที่ปกเสื้อของเธอไปยังกระเป๋าที่ตัดเย็บได้สัดส่วน คล้ายกับกำลังจะเล่นกลอะไรบางอย่างออกมา
“ใช่ค่ะ ฉันยกให้ ไม่อย่างนั้น……” ขาเรียวของลั่วหานก้าวเข้ามาใกล้เธออีกสองเซนติเมตร ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือเพียงประมาณสามเซนติเมตรเท่านั้น ใกล้จนไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีก “ไม่อย่างนั้น ฉันอยากจะให้สามีฉันถูกคุณวางยาอีกรอบงั้นเหรอ?”
เจิ้งซินเบิกตากว้าง จากนั้นเธอหรี่ตาลงพูดว่า “คุณว่ายังไงนะ!?”
ลั่วหานจัดระเบียบเสื้อผ้าของเธอและพูดว่า “ฉันพูดอะไรอยู่คุณไม่รู้เหรอ? ยาปลุกเซ็กส์มันไม่ดีต่อร่างกายนะคะ สามีฉันมีเพียงคนเดียว ฉันจะยอมให้ร่างกายเขาต้องมาถูกทำร้ายอีกครั้งกัน คุณว่าไหมคะคุณหนูเจิ้ง?”
เจิ้งซินได้ยินดังนั้นก็สีหน้าซีดเผือด เธอแทบช็อกและไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาสักพัก หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่ ยาอะไร ฉันไม่เข้าใจ!”
ลั่วหานไม่ได้เปิดโปงเธอโดยตรง แต่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันว่าการที่คุณไม่รู้เรื่องน่าจะดีที่สุด มิฉะนั้นหากใครรู้เข้าว่าลูกสาวผู้อำนวยการเจิ้งผู้สง่างามที่เป็นที่รู้จัก ใช้วิธีการตามอำเภอใจแบบนี้เพื่อตกผู้ชาย ฉันละเหงื่อตกแทนคุณเลยค่ะ”
เจิ้งซินนึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่กลับมาจากตระกูลเสิ่น ของในกระเป๋าเธอหายไป ที่แท้ถูกลั่วหานขโมยมานี่เอง!
“ฉู่ลั่วหาน แกขโมยของของฉัน! แกรื้อกระเป๋าฉันใช่ไหม?!” สายตาอันหวาดระแวงของเธอมองมายังลั่วหาน ในขณะเดียวกันแววตานั้นแทบจะทำให้คนทั้งคนแหลกสลายไปได้ทีเดียว
ลั่วหานยักคิ้วด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ “คุณหนูเจิ้งคะ กล่าวโทษผู้อื่นมีความผิดตามกฎหมายนะคะ”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ! คิดไม่ถึงจริงๆว่าแกจะเป็นคนแบบนี้! แกขโมยของของคนอื่นได้ยังไง!” เจิ้งซินยื่นมือออกไปหวังจะคว้าข้อมือของลั่วหานไว้
ลั่วหานเอี้ยวตัวหลบ “คุณหนูเจิ้งคะ ถ้าพูดอีกอย่าง การที่ฉันขโมยของคุณยังเทียบไม่ได้กับการที่คุณขโมยคนของฉันแม้แต่นิดเดียว!”
เจิ้งซินยกมือขึ้นจะตบหน้าฉู่ลั่วหาน แต่ลั่วหานไวกว่าหลายเท่าเธอรีบคว้าข้อมือเจิ้งซินเอาไว้แน่น
“ฉู่ลั่วหาน! แกคอยดูนะ! ฉันจะไม่มีทางให้แกสองคนอยู่อย่างมีความสุขแน่ๆ! หลงเซียวเค้ามาให้ท่าฉันก่อน! เค้าทำให้ฉันหลงก่อน!”
“งั้นเหรอคะ? คุณหนูเจิ้งลองนึกทบทวนดูดีๆนะคะ จากต้นจนจบ เขาได้พูดคำไหนที่หมายความว่าให้ท่าคุณงั้นเหรอ? จากที่ฉันเห็นคิดว่าคุณหนูเจิ้งคิดเองเออเองเสียมากกว่า เข้าใจว่าเสน่ห์ผู้ชายของฉันเป็นการให้ท่าไปได้ คิดว่าความอบอุ่นของผู้ชายฉันเป็นการทอดสะพานไปเอง!”
เจิ้งซินหลังจากฟังจบเธอไม่เพียงตกตะลึง เรียกว่าช็อคเลยก็ได้
ลั่วหานไม่ได้มีความอดทนพอจะดูการแสดงของเธอต่อไป รีบสะบัดแขนออกและพูดว่า “คุณหนูเจิ้งคะ คุณพ่อของคุณยังอยู่ที่โรงพยาบาลนะคะ คุณควรเอาเวลาไปดูแลพ่อดีกว่า ฟังจากที่คุณพูดเมื่อสักครู่คิดว่าคุณก็คงเป็นพวกเกาะพ่อแม่กินสินะ ถ้าพ่อคุณเป็นอะไรขึ้นมาละก็ ต่อไปชีวิตคุณคงลำบากน่าดูใช่ไหม?”
“แก! ฉู่ลั่วหาน แกคอยดูนะ!”
ลั่วหานยิ้มและพูดว่า “ขอโทษนะคะ คงรอไม่ได้หรอก”
เมื่อพูดจบเธอก็ยิ้มแล้วหันหลังกลับไป และอดไม่ได้ที่จะแอบด่าอยู่ในใจ หลงเซียวนะหลงเซียว ทำไมต้องใช้วิธีนี้ด้วย แม้ว่าจะได้ผลเร็วแต่สุดท้ายปัญหาที่ตามมาก็ปวดหัวจริงๆ
ลั่วหานแอบบ่นหลงเซียวอยู่ในใจยังไม่ทันไร สายของเขาก็โทรเข้ามา
ลั่วหานขึ้นรถวางกระเป๋าไว้ที่เบาะข้างๆคนขับ “คุณชายหลง ไม่วุ่นแล้วเหรอคะ?”
หลงเซียวเพิ่งออกจากพื้นที่ก่อสร้าง เขาขึ้นรถและนั่งลงที่เบาะหลัง มองดูเอกสารที่วางอยู่เรียงราย “วุ่นสิครับ แต่จะวุ่นยังไงก็ต้องหาเวลามาคิดถึงคุณสักหน่อยอยู่แล้ว”
ลั่วหานเบ้ปาก “อย่ามาปากหวานเลยค่ะคุณชายหลง ฉันเพิ่งจะตามแก้ปัญหาให้คุณอยู่เนี่ย เหนื่อยใจจริงๆเลย”
“หืม? จัดการปัญหาให้ผม?” หลงเซียวเปลี่ยนมือขวาถือโทรศัพท์ แหวนของเขาส่องกับแสงแดดเป็นประกายพอดี
“เจิ้งซินน่ะค่ะ คุณนี่มีเสน่ห์เกินไปแล้วล่ะค่ะ ไม่ไหวจริงๆ” ลั่วหานรัดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดบลูทูธ หลงเซียวขมวดคิ้วและถามว่า “เธอทำอะไรคุณครับ?”
“เธอจะมีปัญญาทำอะไรฉันได้คะ แต่เธอขู่ฉันว่าจะทำลายใบขออนุญาตโครงการของคุณ เธอบอกว่าอะไรที่มอบให้คุณได้ก็สามารถนำคืนไปได้เหมือนกัน คุณว่ายังไงคะ?”
หลงเซียวหัวเราะ เขาปิดเอกสารลงและวางมันลงข้างๆ เขาเอนกายลงที่เบาะ นิ้วมือเรียวยาวเคาะลงที่เบาะ “เธอไม่กล้าหรอก และไม่มีความสามารถพอ แต่ว่า……” หลงเซียวนิ่งไปชั่วครู่ “ถ้าเธอใช้วิธีปกติในการทำให้ผมล้มลง ผมก็สามารถใช้ประโยชน์จากเธอได้พอดี”
ลั่วหานไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “คุณจะทำอะไรคะ?”
หลงเซียวมองดูนาฬิกาและชี้บอกทางให้หวังเจี้ยนเลี้ยวเมื่อถึงทางแยก
“ลั่วลั่ว เรื่องของเจิ้งซิน ตอนนั้นผมแค่ต้องการประหยัดเวลาเท่านั้นเอง……”
“คุณหมายถึงแผนกลเม็ดมัดใจสาวน่ะเหรอ? ฉันไม่ได้โกรธหรอกนะคะ เพราะไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะใช้แผนนี้ได้ผล ใครใช้ให้คุณหน้าตาดีล่ะคะ แค่กระดิกนิ้วก็มีสาวๆเข้ามามากมาย” ลั่วหานพูดจาถากถางเขา
หลงเซียวขมวดคิ้วขึ้น แผนกลเม็ดมัดใจสาว? เธอให้ฉายานี้กับเขาจริงๆเหรอ
“สิ่งที่ผมจะพูดไม่ใช่เรื่องนี้ การที่ผมเข้าใกล้เจิ้งซิน เพราะมีจุดประสงค์ที่มากกว่านั้น ไม่ใช่แผนกลเม็ดมัดใจสาว แต่เป็นการสืบขั้นลับ”
ลั่วหานเลี้ยวรถแล้วถามว่า “สืบขั้นลับ?”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่เธอเข้าใจผิดไปเอง ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ แผนการเดียวกันแต่คนดำเนินการคนละคน มักจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”
ลั่วหานเหนื่อยใจ “ค่ะๆ ฉันเถียงสู้คุณไม่ได้หรอกค่ะ ฉันกลับโรงแรมก่อนนะคะ คุณทำงานต่อไปเถอะค่ะ”
“ครับ”
หลังวางสายลง หลงเซียวก็หันไปพูดว่า “ไปบริษัทเป่าลี่ก่อนนะ”
“ท่านไม่ได้จะกลับไปประชุมที่บริษัทเหรอครับ? ประธานวังของบริษัทเป่าลี่นัดทานข้าวกันเย็นนี้”
“เอกสารการประชุมผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่งออกไปก็พอ ตอนนี้ไปบริษัทเป่าลี่ก่อน อ้อ อีกอย่างรบกวนช่วยอะไรผมหน่อย ทำให้เสร็จก่อนทุ่มครึ่ง
“ครับ ท่านประธาน”
หลงเซียวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแผนที่ข้อมูล B-share และหาบริษัทหลันเทียน เขาเลื่อนนิ้วไปบนหน้าจอเพื่อดูเส้นโค้งที่ผันผวน แววตาของเขาแฝงไปด้วยความมืดมน
ต่อจากนั้นเขาก็มองไปยังบริษัทเฉียวซื่อ และปิดหน้าจอลงโดยไม่พูดอะไรออกมา
——
ลั่วหานกลับมาถึงโรงแรมก็จัดการถอดรองเท้าส้นสูงออก เปลี่ยนเป็นรองเท้าทำงาน เมื่อนึกถึงวันที่หลงเซียวเห็นแผลที่เท้าของเธอและเป็นเดือดเป็นร้อน เธอก็อดยิ้มไม่ได้
ห้องพักสวีทของโรงแรมเงียบและเก็บเสียงได้ดีมาก ลั่วหานเปิดทีวีเพื่อให้ห้องมีเสียงขึ้นเล็กน้อย ละครเรื่องจริยธรรมของครอบครัวกำลังออกอากาศทางทีวี นางเอกพร้อมกับพ่อแม่ของเธอทั้งครอบครัวกำลังคุยและหัวเราะสนุกสนาน
เธอไม่ได้โทรหาพ่อแม่ที่อเมริกานานแล้วสินะ
ลั่วหานกอดหมอนแล้วต่อสายไปที่เบอร์โทรหนึ่ง เสียงปลายสายดังอยู่ชั่วครู่จึงมีคนรับ
ตอนนี้ที่อเมริกาเป็นเวลาหกโมง ตามปกติเธอน่าจะตื่นแล้ว
“ตื่นแล้ว แอนน่า ไม่ได้โทรมาตั้งนานเลยนะ เป็นยังไงบ้างคิดถึงหม่ามี้แดดดี้เหรอลูก?” น้ำเสียงอันอบอุ่นเอ่ยขึ้น
“ขอโทษนะคะหม่ามี้ หนูวุ่นมากจริงๆช่วงนี้ มีเรื่องต้องจัดการหลายเรื่องเลย รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหนูจะไปหานะคะ อ้อ แดดดี้ล่ะคะ? ไปออกกำลังกายแล้วหรือยัง?”
เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นจากไกลๆ “แอนน่าเหรอ? ดีใจขนาดนั้น”
“ใช่น่ะสิ ไม่ได้โทรมาตั้งนานแล้ว”
เฉียวหย่วนฟานรับสายแล้วพูดว่า “แอนน่า ที่ประเทศจีนงานยุ่งมากใช่ไหม? เห็นบริษัทภายใต้ชื่อของลูกได้ซื้อกิจการบริษัทโม่ซื่อ
โม่ซื่อเป็นบริษัทใหญ่ ต้องดูแลหลายๆอย่าง อย่าลืมนึกถึงสุขภาพตัวเองด้วยนะ ”
“แดดดี้เนี่ยรู้ข่าวไวจังนะคะ เรื่องของบริษัทหนูยังไม่ได้เข้าไปดูแลด้วยตัวเองหรอกค่ะ มีคนช่วยจัดการให้ แดดดี้เป็นยังไงบ้าง? สบายดีไหมคะ?”
“สบายดี ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก”
“ที่บริษัทล่ะ พวกเขายังจ้องเล่นงานแดดดี้อยู่หรือเปล่า?” ลั่วหานไม่ได้เอ่ยชื่อตู้หลิงเซวียนออกมาโดยตรง
“เควินเหรอ……เขากวาดซื้อบริษัทเล็กๆในอเมริกาจำนวนมาก จุดสนใจเขาอยู่ที่การเงิน และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยตรงกับบริษัทบริษัทเฉียวซื่อหรอก”
หืม?การเงิน?
บังเอิญไปไหม?หลงเซียวเพิ่งซื้อบริษัทโม่ซื่อและกำลังเตรียมที่จะเปลี่ยนเป็นการเงิน เขาเพิ่งเริ่มลงทุนในเรื่องนี้ เกรงว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรแดดดี้กับหม่ามี้ต้องบอกหนูทุกเรื่องนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว” ลั่วหานรู้สึกละอายใจมากที่ไม่ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพวกเขา
ทั้งสองสามีภรรยาพูดมาว่า “เด็กน้อย บอกไปแล้วจะช่วยอะไรได้?”
“หนูช่วยไม่ได้ แต่พวกคุณมีลูกเขยที่ทำได้ทุกเรื่องนะคะ!”
“ฮ่าๆๆๆๆ! ใช่สิ หลงเซียวนี่นา”
หลังจากวางสายลง ลั่วหานก็นั่งกอดหมอนแล้วคิดถึงเรื่องการเงิน นี่มัน……
แม้ว่าธุรกิจเดิมของเขาจะเกี่ยวข้องกับการเงินเล็กน้อย แต่บริษัทหลันเทียนก็เหมือนกับMBK ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก
ลั่วหานครุ่นคิดยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไร ทันใดนั้นกริ่งของห้องพักก็ดังขึ้น
ลั่วหานเปิดประตูออก ฝ่ายบริการลูกค้าของโรงแรมยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณนายหลง มีใครบางคนฝากของขวัญไว้ให้ค่ะ โปรดรับไว้ด้วย”
ลั่วหานมองดูกล่องนั้นด้วยความประหลาดใจ “ใครกันคะ?”
“ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ คุณลองเปิดดูไหมคะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมาก”
ลั่วหานเปิดกล่องของขวัญที่บรรจุอย่างสวยงามออก ด้านในเป็นชุดเดรสสีแดงที่สวยงามพร้อมกระโปรงยาวลากพื้นสวยงาม
ด้านในมีการ์ดเขียนไว้ว่า
“ขอเชิญคุณหนูฉู่ลั่วหานไปร่วมงานเลี้ยง เวลาสองทุ่มตรง ณ ภัตตาคารสตาร์เซ็นจูรี่ชั้นบนสุด ถ้าไม่เจอไม่กลับ”
ไม่เจอไม่กลับงั้นเหรอ?
ลั่วหานมองดูตัวอักษรภาษาอังกฤษบนการ์ด เธอเดาไม่ออกว่าเป็นใคร
คืนนี้เหรอ? เธอจำไม่ได้ว่ามีเพื่อนในเมืองเจียงเฉิงที่ใจกว้างแบบนี้ด้วยหรือ? แปลกจริงๆ
หรือจะเป็นเพื่อนรัก ลู่ซวงซวง?
หรือว่าเป็นพวกเดียวกับหลงเซียว?
ลั่วหานหยิบชุดขึ้นมาเทียบดู ไม่ว่าจะเป็นใคร ไปเจอก่อนค่อยว่ากัน!