ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 438
ตอนที่ 438 ถึงรสชาติจะอร่อย แต่จะกินเยอะไม่ได้
ความอ่อนโยนและบอกรักกันอย่างตรงไปตรงมา ทะลุเข้าหัวใจของเจิ้งซินอย่างจัง นับว่าได้ผลมาก
เจิ้งซินถูกความหวานของคู่สองสามีภรรยาเสียดแทงจนใบหน้าร้อนผ่าว ไม่นานเธอถึงปรับจังหวะการเต้นของหัวใจให้เข้าสู่ภาวะปกติ ความริษยาถูกกลบด้วยสายตาแน่นิ่งที่เฝ้ามองทั้งคู่พลอดรัก ทั้งที่ในใจลุกเป็นไฟ
“หมอฉู่นี่โชคดีจังเลยนะคะ! หลงเซียวเอาใจเมียเก่งจริงๆ!” เธอกัดฟันพูดกระแทกออกมาในทุกคำ ประหนึ่งว่าอยากจะให้คำแต่ละคำเหมือนมีดคมที่อยากเจาะใส่หน้าคนทั้งสอง
หลงเซียวยกแขนขึ้นโอบไหล่บางอย่างอ่อนโยน ดึงร่างของลั่วหานเข้ามาอยู่ในอ้อม “คุณเจิ้งชมเกินไป เราก็ขอให้คุณมีความสุขเหมือนกัน”
ลั่วหานก้มหน้าลอบยิ้ม “คุณเจิ้ง ขอให้คุณเอ็นจอยกับมื้อค่ำ”
เจิ้งซินกัดฟันกรอดจนเกิดเสียงกระทบกัน สายตาอาฆาตมาดร้าย “แน่นอน!”
หลงเซียวกับลั่วหานเดินกะหนุงกะหนิงจากไป โถงทางเดินที่ทอดยาวทิ้งกลิ่นอายความหวานชื่นของทั้งคู่เมื่อเดินผ่าน ที่เขาเรียกกันว่าบรรยากาศแห่งความสุข แต่กลับจิกแทงลงบนหัวใจของเจิ้งซิน เธอมองเงาของทั้งสองคน ความแค้นฝังลึกขึ้น
หลงเซียว ฉู่ลั่วหาน!
ฉันไม่ปล่อยให้พวกเธอไปมีความสุขแน่! ไม่มีทาง!
ทั้งคู่กลับมาที่ห้องพัก หลงเซียวเปิดกล่องอาหารออก กล่องข้าวทั้งสามชั้นบรรจุอาหารเย็นสดใหม่ ไอร้อนๆลอยล่อง
อาหารมื้อนี้เน้นบำรุงกระเพาะเป็นหลัก โจ๊กข้าวหอมกับผักหลากหลายชนิด แค่ได้กลิ่นก็หิว
ลั่วหานล้างมือเสร็จ เดินออกมาก็อดแซวไม่ได้ “คิดไม่ถึงว่าท่านประธานหลงที่ปกติทำแค่เซ็นชื่อลงบนเอกสาร จะมีสกิลอะไรแบบนี้ด้วย ข้าน้อยความรู้ตื้นเขินยิ่งนัก”
หลงเซียวหัวเราะ “ฉันยังมีสกิลอื่นๆอีกมากที่เธอไม่รู้ ต่อไปเธอค่อยๆขุดออกมาดูสิ แน่นอนว่า…” ชายหนุ่มส่งตะเกียบให้เธอ จังหวะที่มือใหญ่จับโดนผิวนุ่มเขาจึงรั้งไว้ชั่วขณะ “ฉันก็ยินดีที่จะให้คุณนายหลงกระตุ้นความสามารถอย่างอื่นของฉัน”
ลั่วหานกินโจ๊กเข้าไปคำนึง รสชาติหอมอร่อย “แค่เพราะว่าฉันไปกินของข้างทางครั้งนั้นมื้อเดียว คุณก็เลยเริ่มศึกษาด้านอาหารอย่างจริงจัง? มันจะไม่เวอร์ไปหน่อยหรอ?”
มันเวอร์ก็จริง แต่เขาชอบ
“บางทีสกิลนี้มันอาจจะอยู่ในตัวฉันอยู่แล้ว แค่บังเอิญได้โอกาสนำออกมาใช้ ไม่งั้นคราวหน้าเธอซื้อเสื้อผ้ามาเยอะๆ บางทีMBKอาจจะขยายธุรกิจเข้าไปถึงด้านวงการแฟชั่นก็อาจจะเป็นได้”
ลั่วหานกินไปพลาง หยอกเขาไปพลาง “ของที่ฉันชอบมีเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม ไวน์ ไข่มุก จริงสิ ยังมีอีกตัวเลือกที่สำคัญมาก ช่วงนี้ฉันอินกับไอดอลหนุ่มสุดๆเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นหยางหยาง หวังอี้ป๋อ”
“เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ฉันจะซื้อผลงานทุกอย่างของพวกนั้นมาให้ จัดงานมีตให้ เธอชอบใคร ฉันก็จะจ้างคนนั้นมา”
ลั่วหานเบ้ปาก “นึกว่าจะจ้างพวกเขามาอยู่กับฉันซะอีก”
หลงเซียวใช้ตะเกียบใหม่จิ้มลงบนปลายจมูกเธอ “ไม่ได้ เมียของฉัน ฉันอยู่ดูแลเองดีที่สุด ให้คนอื่นมาแทน ฉันไม่ไว้ใจ”
“ฮ่า! ดี!”
ใครจะคิด คุณชายหลงผู้แสนเย็นชาจะกลายเป็นพ่อหนุ่มนักรัก!
แต่ เธอชอบ! ชอบมาก!
เมื่อตอนเย็นหลงเซียวกินอาหารทะเล กับดื่มไวน์มานิดหน่อยในงานเลี้ยง เวลานี้เขาอยากกินอะไรอ่อนๆเคลือบท้องพอดี ทั้งสองคนนั่งกินข้าวพร้อมกับพูดคุยกันสบายๆในห้องพัก
“จริงสิ วันนี้คุณเล่นฉีกหน้าเจิ้งซินออกสาธารณะขนาดนั้น เธออาจจะหมายหัวคุณก็ได้ เรื่องใบอนุญาต…คุณไม่กังวลหรอ?”
ลั่วหานกินพร้อมกับถามไปด้วย
หลงเซียวพยักหน้า “สิ่งที่ฉันกังวลตอนนี้คือ ยัยนั่นคงไม่มีปัญญาถอนใบอนุญาต วิธีที่จะทำได้ดีที่สุดคือใช้วิธีอื่นที่ได้ผลมากกว่านี้ เร็วกว่านี้”
ลั่วหานกัดปลายตะเกียบครุ่นคิด “ทำไม?”
หลงเซียวยกยิ้มมุมปาก แววตามีเลศนัย “ฉันมีแผนอยู่แล้ว คุณนายมีหน้าที่แค่รอฟังข่าวดีก็พอ”
ลั่วหานทำเสียงจิ๊จ๊ะ แล้วกินต่อ
แต่ขณะที่เธอกำลังจะกินไข่ดาวต่ออีกสองสามคำ หลงเซียวกลับลงมือเก็บจาน!
“ทำไมไม่ให้ฉันกินต่อ? อันนี้อร่อย ฉันอยากกินอีกหน่อย”
หลงเซียวเก็บอุปกรณ์บนโต๊ะขึ้น “ถึงอร่อยก็ไม่ควรกินเยอะ ลืมบทเรียนครั้งที่แล้วแล้วหรอ? ยังคิดจะกินต่อ หรือจะให้ฉันอยู่นวดท้องให้เธอในห้องคนไข้อีก?”
ชายหนุ่มเปล่งเสียงหืมออกมา น้ำเสียงเซ็กซี่ดูดวิญญาณ
ลั่วหานจับเส้นผมตัวเองอย่างเสียอาการ “เอ่อ…ไม่กินก็ได้ อิ่มแล้ว”
พ่อแม่ของเป่ยเป่ยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ยังไม่หายดี เฉินว่านเหนียนสองสามีภรรยาเองก็อายุมากแล้ว ลั่วหานจึงให้พวกเขากลับไปพัก แล้วขอทำหน้าที่ดูแลเป่ยเป่ยเอง
ในห้องผู้ป่วยที่เงียบสงบ เส้นบนหน้าจอแสดงอัตราการเต้นของหัวใจขึ้นสูงลงต่ำเป็นจังหวะ เงียบมากจริงๆ
“ทำไมคุณยังไม่กลับอีก?”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “เมียฉันอยู่ที่นี่ เธอจะให้ฉันไปไหนล่ะ?”
“ฮะ? แต่ฉันกำลังเข้าเวรเฝ้าคนไข้นะ นี่มันงานของฉัน”
หลงเซียวนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางเป็นปกติ “ส่วนฉันกำลังดูแลเมีย นี่เป็นหน้าที่ของฉัน อีกอย่าง ยามสุขเราร่วมสุข ยามเหนื่อยฉันก็พร้อมจะเหนื่อยไปกับเธอ”
ลั่วหานหมดคำพูด “คุณทำแบบนี้จะยิ่งเหนื่อยเปล่าๆ กลับไปนอนเดี๋ยวนี้”
“ถ้ายังไล่ฉันอีก ฉันจะให้โรงพยาบาลออกกฎพิเศษ ต่อจากนี้ห้ามหมอเข้าเวรดึกเพราะคนไข้ไม่ว่าจะคนไข้คนไหนก็ตาม”
ความเผด็จการของเขา อบอุ่นที่สุดเลย!
เอาเถอะ ลั่วหานตัดสินใจเชื่อฟังเขา
ลั่วหานนั่งพิงกับโซฟา แล้วหยิบหนังสือการแพทย์ออกมาเปิดอ่าน ส่วนหลงเซียวก็หยิบโน้ตบุ๊คขึ้นเปิดอ่านข้อมูลที่ต้องช้ำสำหรับวันพรุ่งนี้ เวลาล่วงเลยจนดึก ภายในห้องคนไข้ ร่างของทั้งคู่พิงเข้าด้วยกัน ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเป็นสวยงามราวกับภาพวาด
——
ที่วิลล่าตระกูลหลง ภายในห้องหนังสือของหลงถิง
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ ฉันจะให้โอกาสสุดท้ายกับแก โครงการที่เมืองเจียงเฉิงฉันยกให้แกเป็นคนจัดการ ครั้งนี้หลงเซียวปูทางไว้ให้หมดแล้ว ถ้าแกยังทำพัง อย่ามาโทษที่ฉันจะไม่นับแกเป็นญาติ”
หลงถิงมีสีหน้าดุดัน สายตาคมจ้องไปที่หลงยี่อย่างจงเกลียดจงชัง
หลงยี่โค้งตัวขอบคุณแล้วยิ้ม “ลุงรอง ครั้งก่อนมีคนจงใจให้ร้ายผม ผมจะรักภักดีกับบริษัทมาตลอด ลุงรู้ดี เพื่อบริษัทแล้วให้ผมถวายชีวิตก็ยังได้ ผมสาบาน!”
หลงยี่ยกมือขวาขึ้นทำท่าสาบานต่อดินฟ้า แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของหลงถิงมีเพียงเสียงแค่นหัวเราะเพราะโกรธเกรี้ยว
คนของตระกูลหลง มันจะไม่มีสักคนที่จะรับผิดชอบได้จริงๆหรอ?
หลงจื๋อใจอ่อน จัดการอะไรก็ไม่ค่อยนิ่ง ยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ ไม่มีความหนักแน่น ถึงแม้ความสามารถในการทำงานจะเป็นจุดแข็ง แต่เขายังขาดทักษะความเป็นผู้นำกับความน่าเชื่อถือ
ในขณะที่หลงยี่ค่อนข้างฉลาดหลักแหลม แต่ก็เจ้าเล่ห์ ทำให้เป็นอุปสรรคยามทำงาน ลูกหลานตระกูลหลงทั้งสองคนเทียบกับมู่เส้าเอินไม่ติดจริงหรอ!
ให้ตายสิ!
หลงยี่เห็นใบหน้าเคร่งขรึมนั้น จึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ลุงรองเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เป็นอะไรงั้นหรอ?!” ทันใดนั้นเขาก็ตวาดเสียงดัง หลงถิงคว้ากล่องใส่ปากกาไม้ไผ่แกะสลักแล้วขว้างลงกับพื้นเสียงดัง “พลั่ก” ปากกาลูกลื่นสีทองหลายด้ามกองลงบนพื้น
“แกถามว่าเป็นอะไรหรอ? โปรเจคที่อเมริกาเละตุ้มเป๊ะ แกยังมาสร้างปัญหาที่เมืองหลวงอีก! พวกไม่ได้เรื่อง!”
หลงยี่ก้มหน้าไม่กล้าพูดอีก
“ไสหัวออกไป! พรุ่งนี้ไปเมืองเจียงเฉิงซะ เอางานในมือของหลงเซียวมาทำให้เรียบร้อย! ไอ้ไม่เอาไหน!” หลงถิงด่าหลานชายไปหนึ่งชุด หลงยี่จึงเดินออกไปจากห้อง
หลงถิงนวดขมับ สีหน้าหนักอึ้ง ถ้าโครงการที่อเมริกาเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอีก เกรงว่านอกจากหลงเซียวคงไม่มีใครจัดการได้อีก ไหนจะบริษัทหลักที่เมืองหลวงอีก…
หรือจะต้องเรียกให้เขากลับมา?
ไม่! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
หลงยี่เดินกลับห้องอย่างเหลิงในใจ เขาตรงเข้าไปกอด โจวหยู่เช่นแล้วจูบ “ที่รัก ลุงรองให้ฉันไปรับไม้ต่อโครงการสร้างตึกที่เมืองเจียงเฉิง นั่นมันตึกที่ใหญ่ที่สุดในMBKเลยนะ! รู้ไหมว่าค่าเหนื่อยเท่าไหร่?”
โจวหยู่เช่นหย่อนสะโพกนั่งลงบนต้นขาของเขา แขนทั้งสองคล้องคอ “ตาแก่นั่นคิดอะไรของเขานะ? สมองเลอะเลือนไปแล้ว? ทำแบบนี้มันตัดแขนตัดขาลูกตัวเองชัดๆเลยไม่ใช่หรอ?”
มือหนาวางลงบนเอวของเธอ “ใครสนกัน! พรุ่งนี้เธอไปเมืองเจียงเฉิงกับฉัน อยู่ห่างไกลกันขนาดนั้น ตาแก่นั่นยังมีปัญญาจะด่า? กล้าหรอ!”
“ฮึๆ สามี คุณเก่งที่สุด!” โจวหยู่เช่นซบลงกับแผงอก แล้วหัวเราะอย่างเอาใจ
หลงยี่ประคองเอวเธอขึ้น “สามีเธอยังเก่งได้มากกว่านี้อีก!”
“ฮ่าๆๆๆ! คุณมันร้าย!”
คืนนั้น หลงจื๋อไม่อาจข่มตาหลับได้ทั้งคืน เขานั่งเหม่อลอยอยู่ตรงระเบียงในห้องนอน ในสมองฉายคำพูดที่คุยในโทรศัพท์ซ้ำไปมา หัวใจเหมือนถูกมีดสักเล่มแทงลงอย่างจัง เขาเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
หรือว่าตอนนี้จะเป็นเธอจริงๆ…คนที่ทำให้เขาสองแม่ลูกต้องสูญเสียทุกอย่าง? เป็นเธอจริงๆ…
พี่ชายที่เขาเคารพมากที่สุด แม่ที่เขาเกรงกลัวมากที่สุด
ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอโหดร้ายถึงขนาดบีบให้แม่ของพวกเขาต้องมีจุดจบอย่างโศกนาฏกรรม?
หลงจื๋อดื่มไวน์คำใหญ่ ดวงตาทั้งสองปิดลงอย่างยากลำบาก
——
สถานีตำรวจ ณ เมืองหลวง
เจิ้งซิ่วหยาดึงผมตัวเองอย่างแรง “โอ้วชิท!!”
โจวจั่นตกใจจนวิญญาณเกือบออกจากร่าง “ลูกพี่อย่าโพล่งขึ้นมาแบบนี้ดิ ตกใจหมด ต้องเข้าเวรดึกก็สยองมากพอแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ แสงสีฟ้าส่องเข้ากับใบหน้า ตอนที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเห็นลูกตาขาวเพียงแค่ส่วนหนึ่งในสาม “โจวจั่นนายเดาซิว่าฉันเจออะไร? ฉันนี่มันโคนันในร่างมนุษย์ชัดๆ”
โจวจั่นดื่มกาแฟคำนึงเรียกความฮึกเหิม “งั้นผมก็คงเป็นเชอร์ล็อค โฮล์มส์แล้ว ไหนเจออะไร? ชิท อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นได้ไหม! ผีเข้าจริงดิ!”
“ไปตาย!!”
เจิ้งซิ่วหยาดันโน้ตบุ๊คให้หันไปทางเขาเล็กน้อย “จากที่ฉันสืบค้นมาหลายอย่าง ตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายผู้ต้องสงสัยก็มีเพียงหนึ่งเดียว ผู้ที่สามารถจ่ายเงินก้อนใหญ่วานจ้างคน อีกทั้งในความเชื่อมโยงสุดซับซ้อนของตระกูลมหาเศรษฐี เธอคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาโดยไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เคยเรียนอยู่ที่อเมริกาสามสิบปีก่อน แต่ที่บังเอิญสุดๆ เธอเคยคบค้าสมาคมอยู่กับส้งชิงเซวี๋ยน”
โจวจั่นส่ายแก้วกาแฟกระดาษไปมา สายตาหรี่มองไปยังรูปถ่ายบนหน้าจอ ใบหน้าหยดย้อยที่อยู่ในรูปเก่าๆสีน้ำตาล “ชิท! โคตรสวย สวยแบบไม่ตัดต่อ ไม่ผ่านแอพ ว่าแต่…นี่ใครกัน?”
เจิ้งซิ่วหยาหยิบแก้วกาแฟในมือเขาไป แล้วลูบหัวเขาก่อนจะว่า “หายใจเข้าลึกๆ ห้ามตกใจล่ะ ฉันกลัวว่านายจะหัวใจวายตายซะก่อน แล้วก็อย่าเพิ่งบอกหัวหน้าเฉิน นี่เป็นเรื่องใหญ่ ฉันต้องสืบให้แน่ใจก่อน”
“ได้ ว่ามา”
เจิ้งซิ่วหยาคลิกเม้าส์ หน้าจอเด้งภาพหญิงสาววัยกลางคนท่าทางสง่างาม เธอสวมชุดกี่เพ้าหรูหรา ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีต สัดส่วนเครื่องหน้าเป๊ะไปหมดทุกส่วน
“ปึ้ง!”
โจวจั่นเผลอถลาลงจากเก้าอี้ จนไปนั่งแหมะก้นติดกับพื้น “ทะ…ทำไมถึงเป็นเธอได้! ลูกพี่ อย่ามาล้อเล่นนะ เธอ…เธอเป็นถึงภรรยาของเจ้าของMBK ภรรยาของหลงถิง แม่แท้ๆของหลงเซียว! พี่…พี่อยากตายใช่ไหม!”
เจิ้งซิ่วหยาปิดหน้าจอลง “เฮ้อ…นายคิดว่าฉันไม่ช็อคหรอ? แต่ฉันสืบข้อมูลของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดแล้ว ภรรยาของโม่ล่างคุนก็สืบแล้ว แต่ความสอดคล้องของผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมดชี้ไปที่เธอ แถมตอนนี้มาคิดๆดู โอกาสเป็นไปได้เกือบร้อยเปอร์เซ็น ฉันเองก็หวังว่าตัวเองจะเข้าใจผิดพลาด”
โจวจั่นเอามือยันพื้นลุกขึ้น กลืนน้ำลายดังอึก “ลูกพี่ กลัวหัวหลุดออกจากบ่าหรือเปล่า? ขืนหลงเซียวรู้เข้า มีหวังตัดหัวพี่ขาด ไม่สิ เขาคงเอาหัวพี่ไปห้อยหน้าประตูเทียนอันเหมินมากกว่า”