ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 445
ตอนที่ 445 ลั่วลั่ว พวกเรามาขี่จักรยานกันเถอะ
ณ เมืองหลวง ตึกบริษัท MBK
“คุณหลง ราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท MBK ในวันนี้ตกต่ำแล้วครับ ไม่ทราบว่าคุณจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรครับ?”
“คุณหลง ภาพลักษณ์ของบริษัท MBK ดีมาโดยตลอด ในสายตาของผู้คนเป็นเหมือนมังกรของวงการธุรกิจในประเทศ แต่ช่วงนี้โครงการใหญ่ทั้งที่อเมริกาและเมืองเจียงเฉิงกลับเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น รบกวนช่วยให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้กับสื่อมวลชนด้วยครับ”
“คุณหลง โครงการที่เมืองเจียงเฉิง ทำไมหลังจากได้รับใบอนุญาต จู่ๆถึงถูกฟ้องว่าฝ่าฝืนการก่อสร้างครับ? ไม่ทราบว่ามีการเข้าใจผิด หรือว่า…..”
“ฮาโหล! ฮาโหล! คุณหลง! ช่วยตอบด้วยครับ!”
หลงจื๋อที่เพิ่งลงจากรถและเพิ่งเดินมาถึงบริษัทก็ต้องพบกับเหล่านักข่าวที่เข้ามาโอบล้อมสัมภาษณ์อย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาช่วยเคลียร์เส้นทางทันเวลา ไม่เช่นนั้นคงถูกเหล่านักข่าวล้อมไปไหนไม่ได้แน่
“คุณหลง! คุณหลง ช่วยตอบด้วยครับ! ทำไมบริษัท MBK ถึงเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ครับ แล้วทำไมคุณหลงเซียวถึงไม่ออกหน้ามาช่วยครับ?”
“คุณหลงเซียวอยู่ไหนครับ?”
หลงจื๋อรีบเดินเข้าประตูหมุนกระจกอย่างรวดเร็ว จากนั้นเหล่านักข่าวก็ถูกปิดกั้นอยู่ข้างนอก
“คุณชายรองไม่เป็นอะไรนะครับ? เหล่านักข่าวพวกนี้บ้าบิ่นกันจริงๆ ผมแนะนำว่าต่อไปคุณให้คนขับรถขับไปลานจอดรถชั้นใต้ดินดีกว่าครับ” จี้ตงหมิงเดินเข้ามาเห็นหลงจื๋อมีสีหน้าขาวซีด
หลงจื๋อขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้? โครงการที่เมืองเจียงเฉิงเกิดอะไรขึ้นอีกหรอ?”
จี้ตงหมิงหยิบข้อมูลฉบับหนึ่งมอบให้เขา “ที่ผมมาหาคุณก็เพราะเรื่องนี้ครับ ดูเหมือนคุณท่านหลงยี่ มีปัญหากับเจิ้งเฉิงหลินครับ คนที่ออกใบอนุญาตคือเจิ้งเฉิงหลิน ดังนั้นตอนนี้เขาเลยเล่นงานกลับครับ”
“บ้าเอ่ย!”
หลังจากที่หลงจื๋ออ่านเอกสารเสร็จก็พูดคำหยาบคายคำหนึ่ง ขณะเดียวกันเส้นเลือดบนหน้าผากก็พูดขึ้น เพราะนอนไม่หลับมาหลายวัน ดวงตาเลยมีรอยแดงจางๆ และมีสายตาเหนื่อยล้าด้วย
จี้ตงหมิงก้มตัวลงหยิบเอกสารที่เขาขว้างทิ้งลง และพูดขึ้นว่า “คุณชายรองครับ ใบอนุญาตยังไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดครับ ขอเพียงพวกเราพยายามต่อไป ต้องสามารถเอากลับมาได้แน่ คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนใจเลยครับ ปล่อยให้คุณท่านหลงยี่ ช่วงชิงโอกาสนี้อย่างเต็มที่ก่อนครับ”
หลงจื๋อดึงเนคไทลงด้วยท่าทางเคร่งเครียด แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องที่จัดการยาก หากจัดการกลัวผลลัพธ์จะยิ่งแย่ลง! เกรงว่าเขาจะยิ่งทำให้สถานการณ์ที่เมืองเจียงเฉิงยิ่งแย่ลงมากกว่า!”
จี้ตงหมิงซักถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณชายรองครับ ไม่ทราบว่าคุณจะพูดยังไงกับคณะกรรมการครับ? แล้วโครงการที่เมืองเจียงเฉิง ไม่ทราบว่าคุณยังอยากให้คุณท่านหลงยี่ จัดการต่อไหมครับ?”
ซักถามเสร็จก็จ้องมองสายตาของหลงจื๋อ ขณะเดียวกันก็รอคอยคำตองจากเขา
หลงจื๋อก้าวเท้ากว้างเดินไปที่ประตูลิฟท์ แล้วขมวดคิ้วด้วยสีหน้าสับสน “ยังไม่มีข่าวคราวจากพี่ใหญ่ของผมเลยหรอ?”
“ครับ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวเลยครับ เขาตัดช่องทางการติดต่อทั้งหมดเลยครับ”
“จดหมายล่ะ? ส่งจดหมายหรือยัง?”
“ส่งแล้วครับ แต่ก็ไม่มีการตอบรับอะไรครับ ก่อนเจ้านายจากไปเคยบอกว่า สถานที่ที่เขาไปอาจจะไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีสัญญาณ เกรงว่าไม่สามารถดูจดหมายมั้งครับ” จี้คงหมองมองประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของหลงจื๋อ
และแอบเปรียบเทียบเขากับเจ้านายเงียบๆ
ในตอนนั้นเขาเป็นผู้ช่วยของหลงเซียว ซึ่งหลงเซียวอายุน้อยกว่าหลงจื๋อด้วย ในตอนนั้นบริษัท MBK กำลังประสบวิกฤตที่ใหญ่ที่สุด จนหลงเซียวเกือบเฉียดตาย สุดท้ายเขาก็สามารถนั่งอยู่ตำแหน่งประธานจนได้
เขาใช้เวลาเพียงสามเดือนนำพาบริษัท MBK ที่ขาดทุนกลับมาได้กำไร และนำพาบริษัทก้าวหน้า
แต่หลงจื๋อที่อยู่เบื้องหน้า ไม่ต้องให้จี้ตงหมิงวิพากษ์วิจารณ์ก็รู้ว่าเขายังอ่อนหัดอยู่
“พี่ใหญ่ไปไกลขนาดนั้นเลยหรอ เจ้าบ้า แล้วจะจัดการยังไงต่อที่นี่?” หลงจื๋อก้าวเท้าเดินเข้าลิฟท์
จี้ตงหมิงเดินเข้าลิฟท์ตามเขา และพูดขึ้นว่า : “หรือว่าคุณชายรองลองศึกษาแผนงานที่เจ้านายจัดการสถานการณ์ที่คล้ายคลึงดูครับ บางทีอาจจะสามารถหาวิธีการได้นะครับ”
หลงจื๋อเหมือนกับฟื้นคืนชีพได้อย่างนั้น เลยรีบพูดด้วยน้ำเสียงกระปี๋กระเป๋าว่า “จริงด้วย! งั้นนายช่วยไปเอาแผนงานที่พี่ใหญ่จัดการในตอนนั้นด้วย!”
“ครับ คุณชายรอง”
เพิ่งเข้าห้องทำงาน โทรศัพท์ของหลงจื๋อก็ดังขึ้น
หลงจื๋อยกโทรศัพท์ขึ้น ขมวดคิ้วและพูดว่า “สาวบ้านนอก เป็นอะไรหรอ?”
หลินซีเหวินพูดขึ้นว่า “หลงจื๋อ ฉันเห็นข่าวแล้ว ตกลงเกิดอะไรขึ้นหรอ ดูเหมือนบริษัท MBK จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น คุณเป็นยังไงบ้างหรอ? นักข่าวสร้างความลำบากต่อคุณไหม?”
หลงจื๋อนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วจิบกาแฟคำหนึ่ง “ไม่เลย อันที่จริงก็สร้างความลำบากแหละ เกรงว่าครั้งนี้คงข้ามผ่านลำบาก”
หลินซีเหวินพิงข้างประตู “ไม่มีวิธีการแก้ไขเลยหรอ? ให้แผนกประชาสัมพันธ์ออกหน้ารับมือก่อนสิ คุณรักษาตัวด้วย เวลานักข่าวบ้าคลั่งน่าหวาดกลัวมาก”
เมื่อหลงจื๋อได้ยินเสียงของหลินซีเหวิน ความรู้สึกไม่สบายใจก็ทุเลาลง “ผมไม่เป็นอะไรครับ โชคดีที่ผมเป็นตัวแทนประธาน พวกเขาเลยไม่กล้า”
หลินซีเหวินพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้แปลกมาก พี่ใหญ่คุณหายตัวไป คุณหมอฉู่ก็หายตัวด้วย อีกอย่างติดต่ออะไรไม่ได้เลย โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง จดหมายก็ไม่ตอบ ไม่สามารถติดต่อช่องทางไหนได้เลย เหมือนกับหายระเหยในอากาศ”
เหมือนกับหลงจื๋อคิดบางอย่างออก พี่ใหญ่จากไป ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด หรือว่าพี่ใหญ่รู้มาตั้งนานแล้ว?
หรือว่า…..
ไม่ เป็นไปไม่ได้! พี่ใหญ่ไม่วางแผนแบบนี้หรอก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องทำแบบนี้
“คุณอย่าเพิ่งสนใจสิ่งเหล่านี้ ดูแลตัวเองดีๆ ช่วงนี้ผมคงยุ่งมาก ไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย ไม่ต้องให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนหรอก”
โทรศัพท์ยังไม่ทันวางสาย ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น “คุณชายรองครับ คณะกรรมการเรียกคุณไปพบค่ะ”
หลงจื๋อพูดขึ้นว่า “ทราบแล้วครับ”
——
ณ บริษัทฉู่ซื่อ ห้องประชุม
ไป๋เวยปิดเอกสารลง “เอาล่ะ การประชุมวันนี้พอแค่นี้ล่ะกัน ปัญหาที่พวกเราถกเถียงกันเมื่อกี้ฝากพวกคุณรีบลงมือจัดการด้วย เงินทุนแรกของวันนี้เพิ่งเข้าระบบ หลังจากติดตามรีบพัฒนาต่อ”
“ครับ ประธาน”
“เลิกประชุม”
หลังจากที่สิ้นสุดการประชุม พนักงานระดับสูงของพนักงานบริษัทฉู่ซื่อก็พากันเดินออกจากห้องประชุม ไม่นานในห้องประชุมเหลือเพียง ไป๋เวยหวังเค่ยและกู้เยนเซิน
กู้เยนเซินกล่าวชื่นชมว่า “ทำได้สวยงามมาก! สวยจนเกินความคาดหมาย! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ไป๋เวยพูดขึ้นว่า “อย่าทำลายบรรยากาศ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ!”
กู้เยนเซินเดินมากดหยุดวิดีโอชั่วคราว “ไม่มีอะไรมากหรอก”
หวังเค่ยแค่นเสียงหัวเราะประชดขึ้น และพูดขึ้นว่า “หัวหน้ากู้ เรื่องนี้ไม่ต้องพูดออกมา ทำเลยก็ไม่มีใครสกัดกั้นคุณหรอก”
ไป๋เวยพูดขึ้นว่า “แต่ถ้าหากฉันบอกว่าไม่ได้ล่ะ?”
กู้เยนเซินกัดริมฝีปากเล็กน้อย “หากคุณบอกว่าไม่ได้ ผมก็จะหลีกเลี่ยง”
“ว้าว!” ไป๋เวยอดใจไม่ไหวร้องอุทานออกมา พร้อมกับมองบนใส่เขา “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว มีอะไรก็ว่ามา”
กู้เยนเซินกดเปิดวีดีโอบนโทรศัพท์ “พวกคุณดูนี่”
เป็นวีดีโอที่หลงจื๋อถูกเหล่านักข่าวเข้ามาล้อมรอบนอกประตูบริษัทเมื่อตอนเช้า
ไป๋เวยยกมือประสานกัน พร้อมทิ้งตัวพิงบนโต๊ะประชุม “ดูเหมือนบริษัท MBK ขาดประธานหลงเซียวไม่ได้เลย”
หวังเค่ยพยักหน้าเห็นด้วย แล้วกดอ่านแสดงความคิดเห็น “ดูเหมือนมีคนกำลังประณามบริษัท MBK อยู่ มีคนบอกว่า ยิ่งบริษัท MBK จัดการประธานหลงเซียว ผู้สนับสนุนของคุณหลงหลายคนเหมือนกับนั่งไม่ติดแล้ว”
กู้เยนเซินนั่งบนเก้าอี้ โดยนั่งไขว้ขาข้างหนึ่ง พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ “ตำแหน่งของคุณหลงไม่ใช่ว่าใครก็สามารถนั่งได้ เพราะหากนั่งไม่ดีก็จะ –– แครก!”
เขายกมือข้างหนึ่งทำเป็นเหมือนมีด แล้วปาดคอตัวเองหนึ่งที
ไป๋เวยหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา และพบวีดีโอนั้น “อืม คนดูไม่น้อยเลยนะ เพิ่งลงแค่ชั่วโมงเดียวเองก็มีคนดูกว่าหนึ่งล้านคนแล้ว ความกดดันทางสื่อมวลชนสร้างผลกระทบด้านลบต่อบริษัท MBK มากจริงๆ”
กู้เยนเซินพูดขึ้นว่า “ตอนนี้โครงการเมืองเจียงเฉิงของบริษัท MBK ยังเจรจาไม่สำเร็จ ผมคิดว่า….คงพังพินาศแน่”
หลังจากที่หวังเค่ยจัดเอกสารประชุมเสร็จก็พูดขึ้นว่า “หลังจากคุณหลงจากไป บริษัท MBK ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น พวกคุณรู้สึกว่ามันบังเอิญไปไหม?”
เพียงประโยคเดียวกลับสามารถดึงสติทั้งสองคน ไป๋เวยหันหน้าสบตากับกู้เยนเซิน “คุณกำลังหมายความว่า ประธานหลงคาดการณ์อยู่แล้วว่าจะมีวันนี้หรอ?”
“ฉันไม่กล้าพูดแบบนี้ แต่พวกคุณไม่รู้สึกว่ามันบังเอิญเกินไปหรอ?”
กู้เยนเซินลุกขึ้นยืน “ไม่หรอกมั้ง! นายพูดแบบนี้ ทำให้ฉันตกใจหมดเลยนะ! คุณหลงเป็นคนรอบคอบ ยากที่จะคาดการณ์ได้ แต่….เขาคงไม่มีทางไม่รู้หรอกใช่ไหม?”
ไป๋เวยลากเก้าอี้มานั่ง “ไม่ว่าจะเป็นแผนการล่วงหน้าหรือความบังเอิญ ดูเหมือนตอนนี้คนที่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างมีเพียงเขา แต่ว่า….ใครจะไปรู้ว่าพวกเขากำลังเที่ยวอย่างโรแมนติกกันที่ไหน เหมือนกับประชดเลย! ที่นี่กำลังอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียด แต่พวกเขากลับกำลังเที่ยวที่ไหนสักแห่งอย่างมีความสุขอยู่”
“ว้าว! น่าอิจฉามาก! เวยเวย พวกเราไปด้วยกันไหม?”
“ไปตายหรอ? กลับไปทำงาน!”
“โธ่!”
——
หลงเซียววางชุดออกกำลังกายสีขาวสองตัวบนเตียง เป็นชุดออกกำลังกายคู่ ไม่มีแบรนด์ แต่เพียงมองดูแวบเดียวก็ทราบว่าเป็นช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นคนจัดทำ
หลังจากลั่วหานอาบน้ำเสร็จก็เช็ดหัว “นี่คืออะไรหรอ?”
หลงเซียวยกมือกดบ่าของเธอให้นั่งลง แล้วหยิบผ้าขนหนูแห้งมาเช็ดผมของเธอ “วันนี้พวกเราไปขี่จักรยานกันเถอะ สวนดอกทิวลิปมีขนาดใหญ่มาก หากเดินชมคงเหนื่อยมากแน่ แต่ถ้าขับรถคงสัมผัสความงดงามไม่ได้ ดังนั้นพวกเราขี่จักรยานกันเถอะ”
“จริงหรอ? ขี่จักรยานหรอ?”
ลั่วหานหันหน้ามองเขาด้วยสายตาตกใจ ขณะเดียวกันหลงเซียวก็ยังคงช่วยเธอเช็ดผมให้แห้ง “จริงสิ ขี่จักรยานกัน หลังจากกินอาหารเช้าและเปลี่ยนชุดเสร็จ พวกเราออกเดินทางตั้งแต่โรงแรมเลย แล้วขี่ตามเส้นทางแม่น้ำ ผมเคยเห็นเส้นทางแล้ว อยู่ไม่ไกล”
“โอเค!”
ขี่จักรยานเหมือนกับซี่รีย์เกาหลีแน่เลย คิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดได้ สุดยอด!
แต่…หลังจากที่ลั่วลั่วรู้สึกตื่นเต้นนั้น เธอก็เริ่มรู้สึกเครียดแทน “คือ…ฉันขี่จักรยานไม่เป็น”
หลงเซียวเผยสีหน้านิ่งอึ้งชั่วขณะ “ไม่เป็นไร เดียวผมพาคุณไปเอง”
“ฉันตัวหนักนะค่ะ กลัวทำให้คุณเหนื่อย”
“สามีของคุณมีความสามารถด้านนี้อยู่”
หลงเซียวหยิบไดร์เป่าผมช่วยเธอเป่าผม
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายอมรับว่าฉันตัวหนักหรอ?”
ผู้หญิงพูดโต้เถียงขึ้น
หลงเซียว : “……”
“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ? พาฉันไปกินของจุกจิกมาตั้งครึ่งเดือน เลี้ยงจนฉันอ้วนแบบนี้ คุณคิดว่าฉันอ้วนหรอ?”
ผู้หญิงพูดจาไม่มีเหตุผลจริงๆ
“คุณไม่ได้อ้วน แต่ผมมีพละกำลัง คำอธิบายแบบนี้โอเคไหม?”
“สามารถบอกว่าไม่ได้ได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“…..” ก็ได้! คุณมันป่าเถื่อน!
หลังจากเปลี่ยนเสื้อ ทั้งสองคนก็กินอาหารพื้นเมืองของที่นี่ จากนั้นก็เดินจูงมือกันไปขี่จักรยาน
ตอนที่ลั่วหานเห็นจักรยานก็เผยสีหน้าเก้อเขิน “จักรยานคู่….”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “ผมคิดมาก่อนแล้วว่าคุณอาจขี่จักรยานไม่เป็น เลยเลือกจักรยานคู่ คิดไม่ถึง….อืม”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เธอจ้องมองสีหน้าของหลงเซียว สุดท้ายอดใจไม่ไหวหัวเราะออกมา “ฉัน….กลัวทำจักรยานเอียง จนทำให้พวกเราล้มด้วยกัน”
หลงเซียวครุ่นคิดสักพัก และรู้สึกว่าเป็นไปได้ “งั้นเปลี่ยนเป็นจักรยานเดียว คุณนั่งข้างหลัง เดียวผมขี่เอง”
ขี่จักรยานไม่เป็นถือเป็นเรื่องยากในการควบคุมเส้นทาง หลงเซียวคิดว่าความปลอดภัยสำคัญที่สุด
“ไม่ต้องหรอก เอาคันนี้แหละ คุณขี่ข้างหน้าควบคุมเส้นทาง ส่วนฉันขับตามหลังคุณ หากขี่จักรยานเดียวคุณจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบคนเดียว ส่วนฉันเป็นตัวถ่วง แต่ถ้าขี่คันนี้ ฉันสามารถช่วยคุณอยู่ข้างหลัง ถึงยังไงสองแรงก็ดีกว่าแรงเดียวอยู่แล้ว คุณคิดว่ายังไง”
ลั่วหานจับคันขับของจักรยานข้างหลัง พร้อมจ้องมองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง
หลงเซียวลูบเส้นผมของเธอ “ผมสามารถแบกรับคนเดียวได้ คุณไม่ต้องมาแบกรับแทนผมหรอก”
“สามีภรรยาต้องแบ่งปันกัน ฉันไม่อยากเป็นแค่คนดู”