ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 451
ตอนที่ 451 เลือดต้องล้างด้วยเลือด
สูญเสีย? กลับคืน?
ที่แท้เขาไม่เคยลืมอุบัติเหตุครั้งนั้นเมื่อสามปีก่อนมาโดยตลอด…….
ลั่วหานเอาตัวเองวางไว้อยู่ในอ้อมอกที่แสนอบอุ่นของเขา ดมกลิ่นผ่านผ้าพันคอบนตัวเขาอย่างละเอียด แผ่นหนึ่ง ถึงแม้ว่าข้างนอกเป็นทรายลอยเต็มฟ้าเหมือนเดิม เธอกลับรู้สึกว่าเหมือนดั่งติดตามความทรงจำกับเสียงเมื่อก่อนของเธอเดินไปถึงเมื่อสามปีก่อนที่ฝนตกแรง…….
“ฉันคิดว่าคุณลืมไปแล้ว ผ่านไปสามปีแล้ว นึกไม่ถึงว่าคุณยังจำได้ หลงเซียว ทำไมไม่ลืมไปเลยล่ะ? ลืมแล้วสำหรับพวกเรามากล่าวอาจจะดีกว่ากันนะ”
ศีรษะของเธอขยับหนึ่งทีอยู่ในอ้อมอกของเขา จากนั้นกอดกับเขาอย่างจริงจัง
หลงเซียวขยับแว่นตาดำของเธอหนึ่งที บนแว่นตาดำสะท้อนหน้าข้างๆของเขาออกมา หน้าข้างๆที่หล่องดงามถูกเส้นโค้งของแว่นตาดำสะท้อนจนโอเวอร์เล็กน้อย เขาแค่ยิ้ม “ลืมได้ยังไง? สูญเสียคุณไป คือน่าเสียดายที่สุดในชาตินี้ของผม ผมจะเสียดายมาก วันนั้นหาไม่เจอ ถ้าหากว่าผมมาถึงก่อนก้าวหนึ่ง…….ก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุแบบนั้นขึ้นแล้วลั่วลั่ว”
เขาเจ็บใจเหลือเกินเกาะแขนสองข้างของเธออย่างแน่น แน่นจนไม่สามารถแน่นได้อีก ดูเหมือนมีเพียงแค่นี้จึงสามารถรับรองว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่จากกันอีก
มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นมีพลังกอดปิดหลังครึ่งหนึ่งของเธอไป ท่าทีนั้นดูเหมือนจะฝังเธอเข้าไปในร่างกายของตนเอง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตนเอง ใครๆก็ไม่สามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้อีก!
ใครก็ไม่ได้เช่นกัน
ลั่วหานถูกคำพูดของเขาพูดจนคัดจมูก อยากจะร้องไห้ มีความสุขจนจะร้องไห้ ทราบซึ้งจนจะร้องไห้ “หลงเซียว นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ…….”
คางของเขาดันศีรษะของเธอไว้ สูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที ก็ไม่สนว่าจะสูดทรายเข้าไปหรือไม่ “ลั่วลั่ว ตอนที่สูญเสียคุณไป ผมคิดว่าตนเองก็ตายไปแล้วเช่นกัน คุณเอาชีวิตของผมไปด้วยแล้ว รู้ไหม?”
ประโยคเบาๆหนึ่งคำ ดูเหมือนอยู่ดีๆทะเลใจของเธอพลิกปลาวาฬยักษ์ตัวหนึ่ง ปุ้ง เสียงดังลั่น เสียงหนึ่ง ปลาวาฬพลิกตัวขึ้นมา คลื่นยักษ์สูงร้อยเมตร น้ำตาของเธอในที่สุดก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน ตาทั้งคู่เปียกอยู่หลังแว่นตาดำ
สูดจมูกแล้วสูดจมูกอีก เธอพูดว่า “หลงเซียว จากนี้ไปไม่เป็นแล้ว จะไม่เป็นอีกแล้ว”
หลงเซียวหลับตาที่ลึกล้ำ จูบเส้นผมของเธอจูบแล้วจูบอีก “ใช่ ไม่เป็นแล้ว จะไม่เป็นอีกแล้ว ผมจะไม่ให้คุณออกจากผมอีกแล้ว”
ลั่วหานพยักหน้าอย่างรุนแรง แว่นตาดำบนใบหน้าถูกเธอขยับจน เพี้ยงพร้าง หล่นลงไปเลย “อืม จะไม่ออกจากกันอีกแล้ว”
หลงเซียวก้มหัว มองเห็นใบหน้าเล็กๆของเธอ ถูกลมทรายเป่าจนแดงขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะตาคู่นั้น รอยน้ำตายังไม่แห้ง เคยหลั่งน้ำตาอย่างเงียบสุภาพไป สะท้อนแสงจุดสีฟ้าเย็นออกมา ฝังอยู่บนใบหน้าของเธอดูดีเป็นพิเศษ
เขาจ้องมองจนหลงใหลเล็กน้อย นิ้วลูบแก้มของเธอ จูบตาและหน้าของเธออย่างอ่อนโยน ใช้จูบของตนเองไปขจัดรอยน้ำตาของเธอ ดูเหมือนชิมไวท์แดงที่ยอดเยี่ยม “น้ำตาเหล่านี้ คือรินไหลเพื่อผมใช่ไหม?”
เสียงเข้มต่ำน่าฟังของเขา ก้องอยู่ในหูของเธอ น่าหลงใหลมาก น่ามึนเมามาก น่ายั่วยวนคนมาก
ลั่วหานขานรับพยักหน้า “อย่าพูดคำหวานที่ดึงดูดใจคนเหล่านี้อีกเลย ฉันไม่สามารถตอบสนองกลับคุณ ได้แต่ส่งน้ำตาให้คุณ”
เขากลับยิ้มแล้ว เสพสุขมาก ยิ้มอย่างมีความสุขมาก “ดีจริงๆ เป็นรสหวาน”
น้ำตาที่ขม ถูกเขาม้วนเข้าไปในปลายลิ้น เป็นรสหวาน หวานมาก น้ำตาที่รินไหลเพื่อเขาจากคนที่เขารัก ทุกหยดล้วนเป็นน้ำผึ้งที่มีค่ามหาศาล
เข้าไปในปาก ก็เข้าไปในใจด้วย
ลั่วหานจนใจเล็กน้อยใช้ศอกชนเขาหนึ่งที “เอาล่ะ! ดัดจริตต่อไปอีก คนอื่นจะคิดว่าพวกเราเพิ่งเป็นคู่รักที่มีความรักร้อนแรงล่ะข้างหลังคือโรงแรม ไม่กลัวจะถูกคนเห็นเป็นเรื่องล้อเล่นหรือ”
หลงเซียวขยับริมฝีปาก ยิ้มอย่างยั่วยวนพูดว่า “มองเห็นแล้วก็จะเป็นยังไงล่ะ? พวกเราก็คือมีความรักร้อนแรง”
“ล้วนเป็นสามีภรรยาที่เก่าแก่แล้ว ยังมีความรักร้อนแรงหรือ? คุณหลงอย่าหลอกตัวเองหลอกคนอื่นอีกเลย”
“แต่งถูกแล้ว ทุกวันล้วนเป็นช่วงที่ความรักร้อนแรง”
“ตีฝีปาก! ก็ไม่รู้ว่าเรียนมาจากไหน ปากเก่งขนาดนี้”
เขาไม่ตีฝีปากกับเธออีกเลย กลับเนื้อกลับตัวพูดว่า “คืนนี้พักอยู่ในโรงแรมทะเลทรายคืนหนึ่ง พรุ่งนี้พวกเราไปดูเขตภัยพิบัติแผ่นดินไหวของปีโน้น จากนั้นไปชมดอยฝั่งโน้นสักที เป็นยังไงล่ะ?”
“ได้ค่ะ! ฉันไม่มีความเห็นใดๆ แท้จริงแล้วฉันก็อยากรู้เช่นกัน หลังจากแผ่นดินไหวแล้วความก้าวหน้าการก่อสร้างของฝั่งนี้เป็นยังไงแล้ว ใช่แล้ว หลังจากนั้นคุณเคยมาทำความเข้าใจสถานการณ์ของฝั่งนี้หรือไม่?”
หลงเซียว อืม เสียงหนึ่ง ลากเสียงยาวไม่ได้ตอบกลับโดยตรง “โอ๊ะ…….ก็ไม่ได้ทำความเข้าใจมาก แต่ว่าใช้นามของคุณบริจาคเงินให้เขตเภทภัยของฝั่งนี้เล็กน้อย”
บริจาคเลยหรือ?
ลั่วหานเงยหน้าจ้องมองเขา หยีตาโตที่สดใสถามว่า “แฮ่แฮ่ คุณหลงบริจาคไปเท่าไหร่ล่ะ?”
หลงเซียวชูสามนิ้วขึ้น
ลั่วหานครุ่นคิดสักหน่อย “สามสิบล้านหรือ?”
หลงเซียวพยักหน้า “ประมาณนั้นล่ะ”
อืม ใช่แล้ว ประมาณนั้น เพียงแค่เพิ่มศูนย์มากกว่าหนึ่งตัวเท่านั้น
ปีโน้นลั่วหานเกิดอุบัติเหตุในเขตเภทภัย หลงเซียวเกิดความพะวงในใจต่อฝั่งนี้อยู่ตลอดเวลา จากนั้นเขาบริจาคสามร้อยล้านให้ฝั่งนี้ ใช้นามของลั่วหานบริจาค
ได้ยินว่าประชาชนในพื้นที่เพื่อที่จะขอบคุณเธอ แกะศิลาจารึกหยกขาวชิ้นหนึ่ง ตกลงว่าจริงหรือไม่จริง ปีนั้นหลงเซียวไม่มีอารมณ์มาพิสูจน์ความจริง
นึกถึงตรงนี้ หลงเซียวไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ดึงลั่วหานหมุนตัวกลับโรงแรมทะเลทราย
โรงแรมในทะเลทราย ยังเป็นครั้งแรกที่ลั่วหานมาพัก สดใหม่มาก น่าประหลาดใจมาก!
ห้องของพวกเขาอยู่ที่ชั้นลอยของโรงแรม กลางวันทั้งสี่ทิศล้วนเป็นแผ่นกั้นความร้อน พักอยู่ข้างในจะไม่รู้สึกถึงความร้อนจากทะเลทราย กลางคืนแผ่นกั้นความร้อนถูกเครื่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ย้ายออก กำแพงทั้งสี่ทิศล้วนเป็นกระจก ด้านหนึ่งเป็นกระจกที่มองทะลุได้ สามารถมองเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สว่างที่สุดสะอาดที่สุดกว้างขวางที่สุดในท้องฟ้าตอนกลางคืนของทะเลทราย
“หลงเซียว สวยมากจริงๆ บนโลกนี้มีทิวทัศน์ที่งดงามขนาดนี้ ยังรอพวกเราไปพบเห็นอยู่ล่ะ ดีจริงๆ” เธอนอนอยู่ในอ้อมอกของเขา เตียงน้ำคู่ของทั้งสอง ขยับเบาๆ เตียงน้ำก็จะสะเทือน ที่ที่ทั้งสองนอนอยู่ เพราะว่าแรงกดดัน บุบลงไปหลุมหนึ่ง พวกเขาก็จมอยู่ในหลุมนั้น ชิดกันกับอุณหภูมิกายซึ่งกันและกันอย่างมิดชิด
“โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ พวกเรายังมีเวลามากมายค่อยๆดู”
“อืม! ค่อยๆดู!”
เธอหนุนอยู่บนแขนของเขา หลับสนิทในอุณหภูมิกายกับกลิ่นหอมของเขา
มองเห็นเธอนอนอย่างสงบแล้ว หลงเซียวลุกขึ้นอย่างเบาๆ คำนวณเวลา ใกล้ถึงแล้ว…….
หลงเซียวเดินไปที่ห้องโถงของโรงแรม ทะเลทรายที่อยู่ในทิวทัศน์ยามค่ำคืน คือเงียบสงบที่เงียบเหงากลวงว่าง คือเงียบสงบที่เงียบนิ่งรกร้างว่างเปล่า คือเงียบสงบที่ความตายกับความอันตรายซ่อนเร้นอยู่ทุกที่
หลงเซียวเดินไปนั่งอยู่ระเบียงนอกห้องโถงใหญ่ ขาทั้งคู่สลับไขว้สลับกัน ศอกพับอยู่บนท้องน้อย “พูดเถอะ”
ผู้ชายที่อยู่ตรงกันข้ามพยักหน้า “เจ้านาย เกาจิ่งอานกลับมาแล้ว ปัจจุบันนี้กำลังอยู่ที่เมืองหลวง”
หลงเซียวพยักหน้า “ดูแล้วเวลาที่ผมคาดเดาไว้ไม่ต่างกันมาก เขาอยู่เมืองหลวงทำเรื่องอะไรล่ะ?”
ผู้ชายเสื้อดำพูดว่า “เพิ่งกลับประเทศก็ไปยังซุนปิงเหวินที่นั่นก่อน ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง”
ดูแล้ว เกาจิ่งอานก็ยังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเช่นกัน ไปตีระฆังเตือนให้ โม่หรูเฟยก่อน ป้องกันเธอจะไปทำลายเรื่องใหญ่ของเขา
“บริษัท MBK ล่ะ?”
“อันนี้……มีเรื่องหนึ่งแปลกประหลาดมาก ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่” ผู้ชายคิดอยู่ขมวดคิ้วอย่างงง
“พูด”
“ใช่ คุณชายรองอยู่ดีๆวันนี้ใช้นามของท่านออกแถลงการณ์ชุดหนึ่ง ในการออกแถลงการณ์พูดว่า ภายในหนึ่งอาทิตย์ท่านก็จะกลับบริษัทควบคุมสถานการณ์โดยรวม คุณชายรองทำแบบนี้ ก็ไม่ใช่ขุดหลุมให้ตัวเขาเองอยู่หรือ? เขาทั้งๆที่รู้ว่า……”
หลงเซียวกลับค่อยๆยกมือขึ้นมาห้ามเสียงของเขาไว้ ยิ้มอย่างราบเรียบหนึ่งที ยิ้มเบามาก เร็วมาก “ดูแล้ว เขาฉลาดขึ้นแล้ว”
“เจ้านายคือหมายความว่าอะไรหรือ?”
หลงเซียวงอริมฝีปาก ตาสังเกตเห็นบางอย่างได้อย่างชัดเจนคู่นั้นมีแสงปัญญาที่นับไม่ถ้วนกะพริบอยู่
“กลับไปเถอะ หลายวันนี้ไม่ต้องเข้ามารายงานสถานการณ์กับผมอีก ช่วยติดตามเสิ่นคั่วให้ผมด้วย”
“ได้ครับ เจ้านาย”
นิ้วของหลงเซียวเคาะที่จับของเก้าอี้หวายเบาๆ เขาคิดว่าหลงจื๋อจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วขนาดนี้ ดูแล้วเขาก้าวหน้าไม่น้อย ดีมาก
——
อาคารบริษัทซุนซื่อห้องรับแขกระดับสูง
เกาจิ่งอานไขว้ขาข้างหนึ่งอย่างสะเพร่าหยิ่งเย็นชา ในมือจับแก้วกาแฟ มีความรังเกียจเล็กน้อย มีความเหยียดหยามเล็กน้อย “ผมว่าน้องสาว อย่างน้อยปีโน้นแกก็ยังเป็นลูกสาวคนโตคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของบริษัทโม่ซื่อ ตอนนี้ก็ใช้ของเล่นแย่ๆเหล่านี้ ช่างน่าจริงๆนะ! ในบ้านของผมยังมีเครื่องปั้นดินเผาราชวงศ์หมิง ที่ใช้เหลือไว้ชุดหนึ่ง เป็นชาดที่ดี เผ่าจากกวานเหยา(เป็นเตาราชสำนัก หมายถึง เตาทางการที่ผลิตภาชนะสำหรับราชสำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือและซ่งใต้ มีอายุเก่าแก่ถึง 1,000 ปี)”
โม่หรูเฟยนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งโน้น นิ้วมือกำแน่น ข้อกระดูกขาวซีด “ถ้าหากว่าพี่ชายมาเพื่ออวดรวย ไม่จำเป็นเลย! คุณดื่มกาแฟไปแล้ว คาดว่าคำพูดที่เตรียมไว้จะมาด่าฉันก็พูดไปพอสมควรแล้วเช่นกัน เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้!”
เกาจิ่งอานค่อยๆติดกระดุมที่แขนเสื้อเชิ้ตให้ดีๆ ทั้งจัดคอชุดสูทอย่างช้าๆ “น้องสาว สิ่งที่ควรพูดผมก็พูดหมดแล้ว ถ้าหากว่าแกยังมีสมองของคนคนหนึ่งจริงๆ ก็ไม่ควรหาเหาใส่หัว แกควรเข้าใจ เป็นคนนะ……บางเวลาไม่ใช่คนอื่นหาเรื่องแก แต่ว่าเป็นตัวแกเองหาเรื่องใส่ตัวเอง”
เกาจิ่งอานลุกขึ้นมายืน มือเรียวยาวตบไหล่โม่หรูเฟย ตบแล้วตบอีก จากนั้นอยู่ดีๆกดทับลงไปทีหนึ่ง เกือบจะตบโม่หรูเฟยจนล้มลงไป
“ตนเองหนักเท่าไหร่ จะต้องรู้ตัวบ้าง อย่าตายแล้วล้วนไม่รู้ว่าตายยังไง น้องเขยที่ดีของผมขาทั้งคู่ล้วนพิการแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนกลางคืนสามารถทำให้แกมีความสุขหรือไม่……..ถ้าหากว่าน้องสาวไม่อยากแค่จะสูญเสียความสุขของครึ่งท่อนกาย ยังอยากจะสูญเสียความสุขของชีวิตครึ่งหลัง งั้นก็ทำต่อไป”
เขาพูดจบ บนใบหน้าของโม่หรูเฟยโมโหจนบวมเขียวดำไปหมด “ถ้าจะพูดว่าเกาจิ่งอานหาเหาใส่หัว ฉันเห็นแล้วคุณก็เป็นเช่นกัน! พี่สาวถูกหลงเซียวส่งเข้าคุก คุณยังเป็นสุนัขอยู่ข้างกายเขา! เหมือนดั่งผู้รับใช้คนหนึ่ง……..”
“เพี๊ยะ!”
อยู่ดีๆเกาจิ่งอานยกมือขึ้นใช้หนึ่งฝ่ามือตบที่บนใบหน้าของโม่หรูเฟยอย่างรุนแรง หนึ่งฝ่ามือที่ดังกังวาน ทันทีนั้นประทับรอยแดงๆอันหนึ่งอยู่บนใบหน้าโม่หรูเฟย
“เกาจิ่งอาน!”
“ร้องอะไรล่ะ? พี่ได้ยินอยู่ อย่าร้องดั่งเรียกเรือ โอ๊ะ ใช่แล้ว ตามหลักของพี่จะไม่ตีผู้หญิง แต่พี่ไม่เคยพูดมาก่อนว่าจะไม่ตีคนชั้นต่ำ…..ก็ไม่ถูกนะ จากที่ผมดูมา น้องสาวแม้แต่เทียบกับคนชั้นต่ำแกก็เทียบไม่ได้ แกพูดว่าแกเป็นคนแบบไหนล่ะ?”
โม่หรูเฟยจับหน้าที่ถูกเขาตีจนร้อนเจ็บไว้ ยกมือจะโต้ตอบกลับ กลับถูกเขาจับไว้แล้ว
อยู่ดีๆเกาจิ่งอานยิ้มขึ้นมาอย่างรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน “ผมนึกออกแล้ว น้องสาว รวบรวมเรื่องที่แกเคยทำมาก่อน พี่รู้สึกว่า——โสเภณีคำนี้ใช้อยู่บนตัวแกเหมาะสมกว่า ปีโน้นมีลูกของดาราเด็ก ยังอยากจะปีนขึ้นเรือของพี่หลงตอนนี้ก็เปลี่ยนมาปรนนิบัติอยู่บนเรือของซุนปิงเหวิน แกช่างเป็นอีแรดจริงๆนะ……..”
เขาพูดคำว่าอีแรดคำนั้น ท่าทีเหลาะแหละอย่างมาก
“เกาจิ่งอาน! มึงไอ้สัตว์คนนี้! กูจะฆ่ามึง!”
“น้องสาวเก็บแรงไว้เถอะ พ่อแท้ๆของแกปีนั้นก็ยังไม่สามารถฆ่าผมให้ตายได้ ก็แค่แกหรือ? โอ๊ะ ลืมบอกแกว่าพี่หลงใจเมตตา ได้เอาแค่วิสาหกิจของบริษัทโม่ซื่อ แต่ว่าแกอย่าลืมแล้ว บนกายพ่อแท้ๆแม่แท้ๆของแก แบกรับความแค้นบัญชีเลือดของพวกเราตระกูลเกา ผมจะค่อยๆ…… ทีละนิด ทีละหน่อย ทำให้พวกคุณเลือดต้องล้างด้วยเลือด!”
พูดจบ เกาจิ่งอาน “เพี้ยง” โยนแก้วกาแฟใบนั้นจนแตก เตะประตูออกเดินก้าวใหญ่จากไป