ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 483
ตอนที่ 483 เจอคนเลวมามากก็จะฉลาดขึ้น
เมื่อชายสวมเสื้อกันลมสีดำเดินออกไปไกลแล้ว ลั่วหานก็พยายามนึกให้ออกว่าเป็นใคร แต่ในความทรงจำก็ไม่มีคนแบบนี้อยู่เลย เขาเป็นใครกันแน่
เรื่องสุดท้ายคืออะไร แม่ต้องการให้เขาทำอะไร
หรือว่าเขาจะเป็นฆาตกรลงมือฆ่าคนแทนเธอ แต่เขากล้าปรากฏตัวให้เป็นที่สนใจได้อย่างไร ถึงสมองจะน้อยแต่ก็คงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก
ลั่วหานคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เรื่องราวดำเนินมาถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน แล้วเธอยังต้องการอะไรอีก
ลั่วหานเต็มไปด้วยความสงสัย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และเคาะประตูห้องผู้ป่วย
หยวนชูเฟินส่งเสียงบอก “เข้ามาสิ”
“คุณแม่ วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง ดีขึ้นไหมคะ”
ลั่วหานยิ้มและเดินเข้าไป กุมมือของหยวนชูเฟินไว้ในมื้อทั้งสองข้างเพื่อทำให้อุ่น แต่มือของเธอจะเย็นได้ยังไง เพราะอากาศไม่ได้เย็นอะไร แต่เมื่อกี้เธอรู้สึกประหม่ามาก และรู้สึกได้ว่าฝ่ามือของเธอมีเหงื่อ
หยวนชูเฟินพลิกมือมาจับมือของลั่วหาน และหัวเราะเบาๆพูดว่า “ฉันสบายดี แค่เป็นโรคโลหิตจาง เธอคิดว่าฉันป่วยจริงๆเหรอ เธอยุ่งกับงานของเธอก็พอ งานก็เหนื่อยมากแล้ว อีกทั้งมีคนไข้มากมายรอให้เธอไปรักษา ดังนั้นไม่ต้องห่วงฉันเลย”
“ได้ยังไงกัน งานคือส่วนงาน คนไข้ก็ส่วนคนไข้ แม่ของฉัน จะเหมือนกันได้อย่างไร” ลั่วหานเข้าไปพิงไหล่ของหยวนชูเฟินด้วยความออดอ้อน ซึ่งดูเหมือนแม่กับลูกสาวที่รักกันมาก
เมื่อนึกถึงผลที่น่ากลัวของโรคมะเร็ง นึกถึงการตายที่เกิดขึ้นทุกวันในโรงพยาบาล ความกลัดกลุ้มที่อัดแน่นอยู่ในอกของลั่วหานอย่างรุนแรง จิตใจกลัดกลุ้ม หัวใจก็เต้นไปอย่างเชื่องช้า แต่ละครั้งก็มีเสียงสะท้อนดัง
หยวนชูเฟินพาลั่วหานมานั่ง ดึงผ้าคลุมไหล่ออกและแขวนไว้บนราวแขวนเสื้อ “เธอช่างพูดช่างจาเหลือเกิน ฉันเองคงพูดไม่ได้เท่าเธอ ฉันจะชาให้เธอลองชิมดูว่าชอบหรือไม่”
“ได้สิคะ คุณแม่ชงชาอะไรให้ฉันเหรอ”
“ชากระเจี๊ยบ เปรี้ยวเปรี้ยวหวานหวาน เธอต้องชอบแน่นอน” หยวนชูเฟินหยิบโหลแก้วใส ที่เต็มไปด้วยดอกตูมสีแดงเข้ม
หยวนชูเฟินใช้ที่คีบอันเล็กคีบดอกไม้สองสามดอกจากโหลแก้วใส่ลงในถ้วยน้ำชาเซรามิกสีขาว ขณะชงก็พูดไปด้วยว่า “ชาจีนมีรสอ่อนมาก เหมาะสำหรับล้างลำไส้และช่องปาก แต่สำหรับหญิงต้องดื่มชาดอกไม้ เพราะคาเฟอีนไม่ดีต่อร่างกาย ซึ่งชาดอกไม้มีความเป็นธรรมชาติไม่มีผลข้างเคียง”
ลั่วหานชื่นชมท่าทางการชงชาของเธอ มือขาวๆของเธอเทน้ำที่ต้มแล้วลงในถ้วยชา น้ำค่อยๆไหลเต็มแก้ว กลีบดอกถูกล้างออกด้วยน้ำ และจมลงไปที่ก้นถ้วยอย่างนุ่มนวล น้ำกลายเป็นสีม่วงแดงอย่างรวดเร็ว
“คุณแม่ดูเหมือนจะรู้จักศิลปะการชงชาเป็นอย่างดีนะคะ”
หยวนชูเฟินส่งชาที่ชงเรียบร้อยแล้วให้เธอ “เป็นความชอบของเมื่อก่อน ต่อมาก็ไม่ค่อยได้ทำแล้ว” ขณะที่เธอพูด ความคิดของเธอถูกดึงไปสู่อดีตอีกครั้ง ดวงตาของเธอก็ค่อยๆว่างเปล่า
มุมปากก็ยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนเด็กสาวที่มีความรักที่มีความสุข และรอบตัวเป็นโลกที่สดใส
ลั่วหานเดาว่า เธอน่าจะนึกถึงมู่เส้าเอิน
ได้จิบชาดอกไม้ รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยจริงๆ และพูดชม “ชาที่แม่ชงอร่อยมาก มีความสุขมากจริงๆที่ได้ดื่มชาของแม่! ไม่รู้ว่าจะมีใครโชคดีอย่างฉันได้บ้าง”
หยวนชูเฟินปัดผม หลบสายตาที่อ่อนโยนและพูด “เมื่อก่อนมีเพื่อนคนหนึ่ง เขาชื่นชอบการดื่มชามาก”
เพื่อนเก่าคนนั้นต้องเป็นพ่อของหลงเซียวแน่นอน
“ใช่รักแรกของคุณแม่รึเปล่าคะ” ลั่วหานถามแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
หยวนชูเฟินพยักหน้าตอบ “ใช่ รักแรก เขาเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องคุณภาพ เขาพิถีพิถันเรื่องการกิน การดื่มชาก็ด้วย เขาไม่ชอบดื่มชาที่คนอื่นชง เขาชอบดื่มชาที่ฉันชงเท่านั้น เขา….เขาชอบชาซีหูหลงจิ่งที่สุด ตอนนั้นพวกเราอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เขายังขอให้คนนำชาจากจีนกลับไปให้โดยเฉพาะเลยนะ”
ดูเหมือนว่า ความพิถีพิถันและรสนิยมที่ของหลงเซียวได้รับการสืบทอดมาจากมู่เส้าเอิน
ยีนช่างมีอิทธิพลมากจริงๆ
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ ทำไมพวกคุณไม่อยู่ด้วยกัน พ่อใช้เทคนิคโรแมนติกอะไร ถึงสู่ขอแม่แต่งงานได้สำเร็จ”
ลั่วหานแอบสังเกตสีหน้าของหยวนชูเฟิน และพยายามหาเบาะแสจากปฏิกิริยาของเธอ
หยวนชูเฟินจิบชา น้ำชาสีแดงไหลผ่านฟันและกลืนก่อนพูด “ฮา ฮา เธอคิดว่าพ่อเธอเป็นคนโรแมนติกงั้นเหรอ”
ลั่วหานนึกถึงหลงถิง ในใจก็เกิดความรู้สึกเยือกเย็น เพราะเขาไม่มีคำว่าโรแมนติกอยู่เลย ถ้ามู่เส้าเอินเป็นเจ้าชายที่สง่างาม หลงถิงก็คงเป็นนักรบโรมัน พวกเขาสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
สำหรับหยวนชูเฟินที่ชอบความละเอียดอ่อนสวยงามและพิถีพิถันในชีวิต ผู้ชายที่ตัวมีแต่กลิ่นเหม็นสาบอย่างหลงถิงจะกุมหัวใจของเธอไว้ได้อย่างไร
“พ่อดูไม่ค่อยเข้าใจความโรแมนติก ถ้างั้นต้องเป็นเพราะพ่อดีกับแม่มากๆ จึงทำให้แม่รู้สึกประทับใจได้ใช่ไหม”
หยวนชูเฟินนั่งเอนตัววางศอกบนพนักแขนโซฟา และมองลั่วหาน ทั้งคู่เงียบ แต่ต่างคนต่างรู้ว่าในใจกำลังสอดส่องกันและกันอยู่
ลั่วหาน เธอเป็นคนฉลาดกว่าที่ฉันคิดนะ”
หยวนชูเฟินจิบชาอีกครั้ง มีน้ำชาสีแดงติดที่ริมฝีปากของเธอ แต่ไม่นานก็หายไป
“ฉันพูดถึงความรักของแม่กับพ่อ เกี่ยวข้องอย่างไรกับการเป็นคนฉลาดเหรอคะ”
“ฉลาดเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าลั่วหาน บางครั้งความเงียบก็ดูเป็นสิ่งที่ฉลาดกว่า ไม่ว่าอย่างไร เธอต้องรู้จักรักษาแนวป้องกันสุดท้ายไว้ ไม่ทำร้ายตัวเอง และไม่ทำร้ายคนอื่น แน่นอนว่า ถ้าเธอต้องทำร้ายอีกฝ่าย แม่หวังว่าเธอจะปกป้องตัวเองให้ได้ก่อน”
หยวนชูเฟินสามารถสรุปได้ว่า ลั่วหานรู้ตัวตนที่แท้จริงของหลงเซียวแล้ว และยังรู้มากกว่าที่คิดด้วย
ลั่วหานจ้องมอง ดูเหมือนว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว มีเพียงหน้าต่างที่กั้นระหว่างทั้งสองไว้ เธอไม่ปล่อยให้หล่อนพูดทำร้าย คงเป็นอีกหนึ่งแนวป้องกันตัวเองสินะ
“แม่พูดกำลังพูดเรื่องตลกกับฉันใช่ไหม จะมีการทำร้ายกันได้อย่างไร พวกเรายังดีดีกันอยู่ และต่อไปก็จะยิ่งดีขึ้นด้วย” เธอตอบ ดื่มไปดื่มมารสชาติของชาก็เปลี่ยนไป ไม่มีความหวานเหลืออยู่เลย
หยวนชูเฟินส่ายหัวและพูด “หลายสิ่งหลายอย่างสิ่งที่ได้เห็นได้ยินอาจไม่เป็นความจริง อย่ารีบแสดงไพ่ไม้ตายใบสุดท้ายของตัวเองออกมา เธอต้องดูสถานการณ์ให้เข้าใจชัดเจน และดูให้รู้จุดแข็งของคู่ต่อสู้ให้ดีก่อน”
นี่เธอกำลังบอกใบ้ถึงสงครามระหว่างพวกเขากับหลงถิงใช่ไหม
“ฉันจะทำให้ได้ค่ะ” ลั่วหานตอบรับ
“ลั่วหาน ตอนนี้เธอคงมีคำถามมากมายที่อยากถามฉัน แต่มันยังไม่ถึงเวลา เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะบอกพวกเธอเอง อย่าคิดไปสุ่มสี่สุ่มห้า ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวเธอและเซียวเอ๋อ” หยวนชูเฟินลูบไปมาที่หลังมือ และแตะแหวนแต่งงานของเธอด้วยท่าทางอ่อนโยน
ลั่วหานลดหนังตาลงมองและพูด “ที่แม่บอกว่าฉันฉลาด แต่ในความคิดของฉันแม่ฉลาดกว่าฉันมาก ที่แท้แม่ก็รู้เห็นทุกอย่างหมดแล้ว ”
“ฉันไม่ฉลาดหรอก แค่ฉันเจอคนเลวๆมามากกว่าเธอ”
พูดจบ หยวนชูเฟินก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พอแล้ว พูดกับเธอไปมากขนาดนี้ ฉันก็เหนื่อย ฉันขอนอนพักสักหน่อย”
“โอเค แม่พักผ่อนเถอะค่ะ ถ้าต้องการอะไรให้บอกฉันหรือพยาบาลได้ทันที”
เจอคนเลวๆมามากกว่าเธองั้นเหรอ หนึ่งในนั้นคงรวมถึงหลงถิงด้วยสินะ
เมื่อออกจากห้องผู้ป่วย ลั่วหานก็ตรงไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เมื่อเห็นหมอฉู่เดินเข้ามา ก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งด้วยความประหม่า ในใจคิดว่าเกิดอะไรผิดพลาดเหรอไม่ จนภรรยาของประธานกรรมการต้องลงมาตรวจสอบด้วยตนเอง
“หมอฉู่……”“สวัสดีหมอฉู่”เจ้าหน้าที่กล่าวทักทายเธอ
ลั่วหานพยักหน้า และสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและพูด “รบกวนคุณช่วยตรวจสอบเทปกล้องวงจรปิดให้ฉันหน่อย”
ลั่วหานพูดขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด โดยไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
หลายคนในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครพูดหรือขยับ มาขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยตรง ดูเหมือนไม่เป็นไปตามระเบียบ แต่ใครจะกล้าพูดขึ้นมาล่ะ
“ทำไม ฉันต้องการดูกล้องวงจรปิดไม่ได้เหรอ หรือต้องโทรหาประธานกรรมการเพื่อขออนุญาตก่อนใช่ไหม” ลั่วหานหรี่ตาเล็กลงสีหน้าเย็นชาถาม
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้หมายความอย่างนั้นหมอฉู่ต้องการตรวจสอบเทปช่วงไหน เวลาประมาณกี่โมงเหรอ” รปภ.ยอมทำตามที่ขอ เพราะไม่กล้าที่จะมีปัญหากับลั่วหาน
ประธานกรรมการไม่สามารถล่วงเกินได้ ภรรยาของประธานยิ่งไม่ควรล่วงเกิน ในโลกนี้คงไม่มีใครไม่รู้ว่า ประธานรักภรรยามากแค่ไหน รักมากจนสามารถเอาโลกทั้งใบมาให้เธอ
“หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ที่ทางเดินด้านนอกห้องพักฟื้น”
“ได้ครับหมอฉู่ กรุณารอสักครู่”
เจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดรีบค้นหาตามเวลาและสถานที่ดังกล่าว พบว่าทางเดินมีพยาบาลผู้หญิงในชุดสีชมพูหลายคนเดินผ่านไปมา จากนั้นก็ไม่เห็นเงาใครสักคน
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ลั่วหานก็ปรากฏตัวขึ้นในหน้าจอ ในเวลานี้คนใส่ชุดสีดำก็กำลังจะปรากฏตัว
เป็นดังที่คาดหมายเอาไว้ ร่างคนชุดสีดำผลักประตูและลดปีกหมวกลงเดินออกมา
“โอเค หยุด!”
ลั่วหานตะโกนแล้วพูด “ลบเทปส่วนนี้ออก และย้อนกลับไปหาดูตอนที่คนคนนี้เข้ามา ตรงไหนที่เห็นเขาปรากฏตัว ก็ให้ลบเทปส่วนนั้นออกให้หมด”
คนในห้องรปภ.ต่างประหลาดใจ และถามอย่างโง่ๆ “หมอฉู่…..ทำไม”
“ฉันสั่งให้พวกคุณลบก็ลบไปสิ จะถามทำไมให้มากความ”
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ จึงเริ่มดำเนินการลบตามที่บอก ในไม่ช้าเทปบันทึกก็ถูกลบออกไป
ฉู่ลั่วหาน เห็นเทปบันทึกที่หายไปแล้ว ก็โล่งใจและพูด “จำไว้ว่า เรื่องวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้าใจไหม”
“หมอฉู่ไม่ต้องกังวล พวกเราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“ดี”
ลั่วหานออกจากห้องวงจรปิด โทรศัพท์ในกระเป๋าของก็ดังขึ้น
น่าแปลกใจ ที่หลงถิงจะโทรมาหาเธอ
“คุณพ่อ มีอะไรเหรอคะ” ลั่วหานเดินอ้อมไปทางสวนดอกไม้ ไปที่ตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาล
หลงถิงถามด้วยเสียงเย็นชา “ฉู่ลั่วหาน แม่ยายของเธออยู่ที่ไหน”
เหอะ มาตามหาคนจากเธอ เป็นไปตามที่คาดคิดไว้จริงๆ
ลั่วหานตอบไปด้วยความสุภาพ “ทำไมคุณพ่อถึงมาถามหาจากฉันล่ะ”
“อย่ามาทำแกล้งโง่กับฉัน คนรับใช้เห็นว่าเธอเป็นคนมารับออกไป ยังกล้าบอกว่าไม่รู้เหรอ” หลงถิงถามอย่างไร้ความอดทน เขานั่งอยู่ในห้องทำงานชั้นบนของตึกบริษัทMBK อยู่ในเมืองหลวงขนาดใหญ่ แต่เขาไม่ใจ
ลั่วหานหยุดอยู่ข้างพุ่มดอกไม้ ภายในมีดอกเดซี่บานส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ และตอบ “ฉันแค่มีหน้าที่ไปรับแม่ออกมาเท่านั้น หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้แล้วว่าแม่ไปที่ไหน พ่อไม่ได้ติดต่อแม่ไปโดยตรงบ้างเหรอ ลองโทรหาแม่ดูก่อนสิคะ”
ฉู่ลั่วหาน เธอยังจะแกล้งโง่อีก! เธอซ่อนหล่อนไว้ที่ไหน!”
ฟังจากเสียงตะโกนด้วยความโกรธ และเสียงทุบโต๊ะ ดูเหมือนว่าหลงถิงจะเป็นกังวลเกี่ยวกับหยวนชูเฟินอย่างมาก
หยวนชูเฟินไม่ได้รักหลงถิง แต่หลงถิงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเธอ
“พ่อเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน ฉันมีงานที่ต้องทำ ขอวางสายก่อนนะคะ” ลั่วหานอยากวางสายหลังจากพูด
“ฉู่ลั่วหาน แกต้องการอวดดีกับฉันใช่ไหม กล้าอกตัญญูกับฉัน แกกล้ามาก!” น้ำเสียงคุกคาม ซึ่งหมายถึงการประกาศสงครามอย่างแน่นอน
“คุณพ่อคิดมากไปหรือเปล่า ฉันเป็นลูกสะใภ้ของคุณ และเป็นภรรยาของหลงเซียว ฉันจะอยู่ข้างสามีของฉันเท่านั้น มีฐานะเป็นภรรยา แค่นั้น!