ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 490
ตอนที่ 490 ไม่พลอดรักกินยาตาย
เกาจิ่งอานเข้าใจความหมายของหลงเซียว จู่ๆก็รู้สึกอกหัก ไม่เพียงแค่อกหัก อีกทั้งเป็นรักที่ไม่สมหวังด้วย
มือสองข้างจับพวงมาลัยอย่างมั่นคง สายตาแอบไปที่ใบหน้าสวยผ่านกระจกมองหลัง ซึ่งทำให้ผู้ชายอย่างเขาทั้งชื่นชมและอิจฉา และถอนหายใจพูดว่า “พี่หลง คุณนี่ชอบพลอดรักให้ฉันเห็นตลอด แบบนี้มันดีจริงๆเหรอ ทำแบบนี้รังแกคนโสดอย่างฉันไปไหม”
นิ้วของหลงเซียวเลื่อนไถที่หน้าจอโทรศัพท์ ยังไม่ได้รับข้อความตอบกลับ ลั่วลั่วคงกำลังยุ่งอยู่ ระหว่างรอข้อความ ก็ถือโทรศัพท์พลิกไปมาโดยไม่รู้ตัว
“มันถึงเวลาที่คุณต้องคิดเกี่ยวกับการแต่งงานของคุณหรือเปล่า” หลงเซียวถามออกไปเฉยๆ มองผ่านไปยังดวงตาของเกาจิ่งอาน ทั้งสองคนมองประสานสายตากันผ่านกระจก
เกาจิ่งอานก้มหน้าลง หรี่ตาลง และตอบด้วยเสียงที่หดหู่ว่า “พี่ชาย เรื่องนี้จะโทษฉันไม่ได้ จะโทษก็ต้องโทษที่รอบตัวฉันมีหญิงงามมากเกินไป ฉันตาลายหมดแล้ว แต่ละคนต่างร้องไห้และตะโกนบอกว่าอย่างแต่งงานกับฉัน คุณคิดว่า ใครเหมาะที่ฉันจะแต่งงานด้วย จะแต่งกับคนนี้ คนนั้นก็เสียใจ จะแต่งกับคนนั้น คนนี้ก็จะกระโดดตึกตาย”
หลงเซียวเบะปากเล็กน้อย ยิ้มแสยะพูด “พูดอย่างนี้แสดงว่า จะส่งตัวเองไปให้พวกเขา อย่างนี้ใช่ไหม”
เกาจิ่งอานกระแอมไอ ดวงตาเป็นประกายก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัย พยายามซ่อนอะไรบางอย่างและพูด “พี่หลง คนที่รักฉัน กับคนที่ฉันรัก ไม่ได้เจอกันง่ายๆหรอก ฉันแค่ยังไม่พบก็เท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นนี้ได้ ถ้าเจอแล้วค่อยว่ากันนะ”
เรื่องสละโสด ไม่ใช่แค่คิดแล้วจะเป็นไปตามที่คิดได้
หลงเซียวพยักหน้า และมองออกไปไกลๆที่ท้องฟ้ายามกลางคืนอย่างเงียบๆ เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มและพูด “ที่คุณพูดนั้นถูกต้องแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นนี้ได้ แต่ฉันเจอแล้วนะ”
เกาจิ่งอาน ครุ่นคิดสิ่งที่เขาหมายถึงอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ ที่จะแสดงสีหน้าแค้นเคืองออกมา “ว้าว!”
“พี่ชาย คุณควรจะใจดีกับคนโสดสักหน่อยนะ อวดความรักฉันยังพอรับได้ แต่อย่าวางยาฆ่าตัวตายกันเลย อันนี้ฉันรับไม่ได้จริงๆ”
ถ้าเขาไม่ได้ขับรถอยู่ เกาจิ่งอานคงอยากพนมมือไหว้ขอร้องให้ปล่อยเขาไป
“ขับรถเถอะ” หลงเซียวนั่งเอนพิงเบาะหลัง และไม่พูดเรื่องนี้ต่อ แต่เปลี่ยนเรื่องสนทนาแทน “ฉันจะกลับจีนพรุ่งนี้ เวลากระชั้นชิด ฉันคงไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อแม่ของพี่สะใภ้ของคุณนะ พรุ่งนี้ให้คุณนำของขวัญไปเยี่ยมเยียนผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน รู้ใช่ไหมว่าต้องพูดยังไง”
เกาจิ่งอานเกือบกระอักเลือดออกมาและพูดว่า “พี่ชาย พ่อตาแม่ยายของคุณ……ให้ฉันไปไม่เหมาะสมรึเปล่า ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ หรือ….จะไปคราวหน้า ว่ากันว่าคนที่ดูแลเอาใจยากที่สุดในโลกมีสองคน คนหนึ่งเป็นพี่สะใภ้ ส่วนอีกคนเป็นแม่ยาย คุณให้ฉันไป…ฮึ ฮึ”
หลงเซียวพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ทำไม ฉันให้โอกาสคุณฝึกการเป็นลูกเขย ไม่อยากได้เหรอ ไม่อยากรู้ว่าจะทำให้ว่าที่พ่อตาแม่ยายพอใจได้อย่างไรเหรอ”
เกาจิ่งอานกลืนน้ำลายอย่างแรงหลายครั้ง รู้สึกว่าคอของเขาเองกำลังจะลุกเป็นไฟ “ฮา ฮา ฮา พี่ชาย แบบฝึกหัดอันนี้….ดูเหมือนว่าไม่น่าจะใช่แบบนี้นะ”
“คำพูดของฉัน คุณไม่เชื่องั้นเหรอ”
หลงเซียวพูดประโยคนั้นออกมาเบาๆ ดูน่าเกรงขาม แม้ว่าน้ำเสียงดูจะไม่แรงเกินไป แต่ก็ทำให้เกาจิ่งอานไม่กล้าพูดอะไรอีก
เกาจิ่งอาน ลูบหัวไปมาอย่างหดหู่และพูด “ก็ได้! ยังไงซะก็เป็นพ่อตาแม่ยายของพี่ชาย ฉันก็จะเสี่ยงชีวิตให้! พรุ่งนี้ฉันไปเยี่ยมคุณเฉียว! ว่าแต่ ฉันควรนำของขวัญแบบไหนไปให้พวกเขาจึงจะเหมาะสมล่ะ”
“ลองคิดดูเอาเอง ว่าจะเอาใจพ่อตาแม่ยายในอนาคตยังไง ก็ให้เตรียมของแบบนั้นไปนั่นแหละ” ขณะที่พูด หลงเซียวหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของเขา และยื่นส่งไปที่เบาะนั่งและพูด “เงินในบัตร คุณรูดใช้ได้ตามต้องการเลย”
เกาจิ่งอานเหล่ตามองบัตรธนาคารที่เขายื่นให้ “พี่ชาย นี่มันเรื่องเล็กน้อยมาก ฉันไม่ขัดสนเรื่องเงิน ซื้อของขวัญไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย คุณเอากลับไปเถอะ”
หลงเซียวไม่เสียเวลาพูดเยอะ เลยยื่นมือไปวางบัตรทิ้งไว้ที่เบาะข้างๆเขา และพูด “พ่อตาแม่ยายของฉัน จะใช้เงินของฉันก็ปกติอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนเงินใดๆ อีกอย่าง คุณเก็บบัตรใบนี้ไว้ ต่อไปฉันยังมีเรื่องที่จะให้คุณทำอีก”
เกาจิ่งอาน ลูกกระเดือกขยับไปมา และถามอย่างระมัดระวัง “พี่ชาย คุณยังมีเรื่องอะไรอีกบ้าง ให้ฉันได้เตรียมใจด้วยนะ”
“ยังไม่มั่นใจ ถึงเวลาแล้วจะบอกคุณนะ”
เกาจิ่งอานเลือกที่จะตอบรับเงียบๆ “ได้ครับ พี่ชาย”
กลางคืนยิ่งดึกยิ่งมืด และกลางคืนในต่างประเทศ ก็ไม่สวยงามและสบายเท่าบ้านเกิด
หลงเซียวดูที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง แต่ลั่วหาน ยังคงไม่ตอบข้อความกลับมาหาเขา หรือกำลังเข้าผ่าตัดอยู่
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย เมืองหลวง
ลั่วหาน ถือแฟ้มประวัติผู้ป่วย และกำลังตรวจดูคนไข้ทีละคน มีหลินซีเหวินและหวาเทียนตามอยู่ด้านหลังเธอ ในห้องผู้ป่วยมีชายคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบปีนอนอยู่ เนื่องด้วยมีอาการหัวใจวายจากการดื่มเหล้าเกินขนาด และโชคดีที่อาการไม่ร้ายแรงมาก
หลินซีเหวินดึงเสื้อของลั่วหาน และพูดเตือนด้วยเสียงต่ำ “หมอฉู่ ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ป่วยทั่วไปของแผนกโรคหัวใจ ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไร ถึงเข้ามาที่ห้องพักแผนกของเราได้”
หวาเทียนบีบจมูก หัวเราะออกมาเบาๆ มองไปที่ผู้ป่วยชายที่นอนอยู่บนเตียงด้วยหางตาและพูด “ง่ายมาก คุณดู สายตาที่เขามองหมอฉู่ก็ชัดเจนแล้ว ว่าเป็นแฟนคลับตัวยงของหมอฉู่ เขาทำได้ทุกอย่าง เพื่อจะได้เข้าใกล้หมอฉู่”
หลินซีเหวินตะโกนพูด “อะไรกัน อย่างนี้ก็ได้เหรอ ใช่วิธีแบบนี้ เตียงในโรงพยาบาลของเรายิ่งไม่เพียงพอนะสิ”
“เลี่ยงไม่ได้ ใครใช้ให้หมอฉู่ของเราเป็นคนดังล่ะ หลายคนมาที่นี่เพราะชื่นชม ไม่ป่วยก็แสร้งทำเป็นป่วย และหาวิธีเพื่อให้ได้รักษากับหมอฉู่”
ได้ยินที่ทั้งสองคุยกัน คิ้วที่สวยงามของลั่วหาน ผูกกันเป็นโบว์อย่างสงสัย และมองไปที่ผู้ป่วย
ชายคนนั้นยังจ้องมองไปที่ลั่วหาน ด้วยความหลงใหล พวกเขาสบตากัน ดวงตาใสของลั่วหาน ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ชายคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม โบกมือทักทายลั่วหาน และยิ้มอย่างสุภาพ
“หมอฉู่ คุณมาตรวจคนไข้แล้วเหรอ”
ชายคนนี้ดูเป็นคนที่มีการศึกษา แต่วิธีนี้ทำให้คนไม่อาจจะเห็นด้วย
ลั่วหาน พลิกดูแฟ้มผู้ป่วยของเขา แต่ด้านในไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชายคนนั้น ในนั้น ลั่วหาน จึงถามขึ้น “เขาป่วยเป็นอะไร”
หลินซีเหวินทำปากมุ่ยพูด “เขา…..”
หลินซีเหวินยังพูดไม่จบ ผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ดึงแฟ้มออกมาจากใต้หมอน ยิ้มแล้วส่งให้ “หมอฉู่ คุณหาอันนี้อยู่หรือเปล่า”
ลั่วหาน ได้ยินคำพูด เห็นรอยยิ้มที่ดูภูมิใจของเขา และพูด “โอ้ รู้เยอะดีนะ ยังรู้ด้วยว่าต้องเอาประวัติการรักษามาให้หมอดู”
ผู้ป่วยชายนอนลงดีแล้ว ใช้มือทั้งสองวางบนผ้าห่ม กดหน้าท้องแล้วหมุนนิ้วไปรอบๆ ท่าทางดูผ่อนคลายมากและพูด “แน่นอนอยู่แล้ว ฉันได้ยินมาว่าหมอฉู่เป็นมือหนึ่งที่เชี่ยวชาญมากของหวาเซี่ย ฉันมาที่นี่เพราะคุณโดยเฉพาะ ได้โปรดช่วยตรวจฉัน ดูว่าฉันต้องรักษาอย่างไรบ้าง”
ผู้ป่วยชายยิ้ม ใบหน้าไม่มีริ้วรอยเลย มีการบำรุงผิวดีมาก แค่มองก็บอกได้เลยว่าผิวได้รับการปรนนิบัติอย่างดีมาหลายปี
ลั่วหาน เปิดแฟ้มผู้ป่วยดูอีกครั้ง จับคางและพูด “ดื่มเกินขนาดเหรอ”
ผู้ป่วยชายพยักหน้าพูด “มีงานเลี้ยงเยอะ เลี่ยงไม่ได้ คนทำธุรกิจอย่างพวกเรา ต่างตัวเหมือนตัวเองเป็นถังเหล้ากันทั้งนั้น แต่ความจริงลำบากใจกันทั้งนั้น หมอฉู่ ตรวจดูสิ ว่าอาการของฉันร้ายแรงหรือไม่ ฉันมีเงิน ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย”
หลินซีเหวินและหวาเทียนยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ทั้งคู่เม้มปากแสดงท่าทางดูถูก
คนรวยหวงแหนชีวิต แต่ไม่หวงเงินที่ใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อได้รับการรักษาจากแพทย์ที่ดีที่สุด ลั่วหาน จึงไม่แปลกใจ
ลั่วหาน ยิ้มเบาๆ มือถือกระดาษและเขย่าไปมา “คุณจูที่นี่คือแผนกผู้ป่วยศัลยกรรมหัวใจ ฉันไม่ทราบว่าคุณเข้ามาได้อย่างไร แต่ได้โปรดออกไปภายในวันนี้ด้วย”
ผู้ป่วยชายรีบโบกมือ ทำหน้ายิ้มๆและพูด “ไม่เอาสิ หมอฉู่ ฉันแค่อยากให้คุณตรวจฉัน ฉันไม่เชื่อหมอคนอื่น ฉันเชื่อแค่คุณ! แค่ครั้งเดียว คุณตรวจให้ฉันสักครั้ง ฉันมักจะรู้สึกว่าหัวใจของฉันไม่ปกติ ไม่สบายตัว คุณตรวจให้ฉันอีกครั้ง ค่าตรวจเท่าไหร่คุณบอกมาได้เลย”
ลั่วหาน กดปากกาลูกลื่นพร้อมเขียน “ต้องการตรวจเหรอ โอเคได้——หมอหลินเดี๋ยวจัดให้เขาทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และทำซีทีสแกนสมอง หัวใจ ตับ ม้าม และกระเพาะอาหาร จากนั้นทำอัลตร้าซาวด์ทั้งตัวให้เขา และให้ทำ MRI ด้วย เพื่อเป็นมะเร็งขึ้นมา แล้วก็ ทำการทดสอบการทำงานของตับด้วย ทำCEAให้ก็แล้วกัน ซึ่งไวกว่าการตรวจการทำงานของตับแบบธรรมดา….”
ลั่วหาน รีบเขียนลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว หลังจากเขียนเสร็จเขาก็ฉีกกระดาษออก และเขียนหน้าถัดไป “หมอหวา คุณจูเขาดื่มแอลกอฮอล์มากเกินขนาด ดังนั้นต้องทำความสะอาดระบบทางเดินอาหารให้เขาอีกครั้ง ทำการล้างลำไส้แล้วกัน ค่อนข้างละเอียดทั่วถึงกว่า….”
ล้างลำไส้เหรอ โอ้แม่เจ้า ล้างเข้าไปในทวารหนัก มันแย่ซะยิ่งกว่าไปตายอีกนะ
หลินซีเหวินและหวาเทียนทั้งคู่กลั้นยิ้มไว้ เห็นแค่สีหน้าเขียวปัดคุณจู ซึ่งสีหน้าดูไม่ดีเลย
“ได้เลย หมอฉู่ ฉันจะไปจัดเตรียมให้คุณจูเดี๋ยวนี้”
ลั่วหาน เขียนใบสั่งจบ พูดว่า “มีทั้งหมดสามสิบรายการ จัดเกณฑ์ที่สูงที่สุดให้เขา ค่ารักษาทั้งหมดแปดหมื่นหกพัน ไปจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนละกัน หลังจากนั้นให้ไปตรวจได้”
ฉันแค่…แค่คิดเกี่ยวกับที่คุณรักษาให้ฉัน ถ้าคุณไม่สะดวก ฉันจะไป ฉันไปโอเคไหม ฮ่าฮ่าฮ่า”
ลั่วหาน ปิดแฟ้มผู้ป่วยลงและพูด “โอเค จะไปก็รีบไป มิฉะนั้นคุณต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียม”
“โอเคโอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ไปที่แผนกอายุรกรรมทันที”
เมื่อเดินออกจากห้องผู้ป่วย ลั่วหาน หันกลับไปมองคุณจูอย่างเย็นชา และขมวดคิ้วถาม “เขาคนนี้เป็นใคร มาจากไหน มาที่นี่ได้อย่างไร”
หลินซีเหวินส่ายหัว “ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่คนที่มาที่นี่ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน และน่าจะมีความสัมพันธ์ผู้บริหารของโรงพยาบาล”
“โอเค ค้นหาให้แน่ชัดว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แล้วบอกฉัน”
หวาเทียนพยักหน้าตอบ “โอเค ฉันจะค้นหาให้เดี๋ยวนี้ ฐานะคนไข้คนนี้ดูเหมือนว่าไม่ธรรมดา”
“โอเค ถ้าตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะไปดูตรงหมอถัง” ลั่วหาน จัดระเบียบรายชื่อคนไข้เรียบร้อยดีแล้ว
หลินซีเหวินชี้ไปที่กระเป๋าของเธอ “หมอฉู่ โทรศัพท์ของคุณดังขึ้นเมื่อกี้ ฉันนึกว่าคุณได้ยินเสียงมันมาสักพักแล้วซะอีก”
“ห่ะ”
ลั่วหาน ไม่ได้สังเกต จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และพูดว่า “พวกคุณไปทำงานได้แล้ว และหากพบผู้ป่วยเช่นนี้อีกไม่จำเป็นต้องรายงานให้ฉันทราบ ให้แจ้งรปภ.ได้เลย ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมจัดการ ก็ให้พวกเขามาหาฉัน”