ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 546
ตอนที่ 546 เราเลิกกันแล้ว
หลังจากคุยโทรศัพท์กับฟางหลิงหยู้จบ ลั่วหานก็วางโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าอย่างเท่ๆ เธอมีนัดตรวจในตอนบ่าย ดังนั้นเธอจึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
เมื่อเธอหันหลังเดินกลับไปที่ห้องทำงาน เธอเห็นหลินซีเหวินนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างโง่ๆผ่านม่านหน้าต่าง ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ดอกกุหลาบที่เธอเพิ่งให้เธอไป แววตาของเธอดูเหมือนจะจ้องให้ดอกไม้นั้นกลายเป็นคนซะเลย
หลินซีเหวินเบะปากไว้ และลากคางลงอย่างน่าสงสาร “ เฮ้ … คนเหมือนกันแต่ชีวิตแตกต่างกัน ทำไมฉันช่างน่าสงสารขนาดนี้?
ลั่วหานไขว้มือไว้ด้านหลัง แล้วเดินไปข้างๆเธออย่างเบาๆ และจงใจโน้มใบหน้าของเธอเข้าไปหาเธอปิดกลีบดอกไม้ไว้
แก้มที่สวยงามและสง่างามค่อยๆขยายขึ้นต่อหน้าหลินซีเหวิน และดวงตาที่ใสชัดเจนก็สบตากับเธอ เธอตกใจมาก “โอ้พระเจ้า! คุณหมอฉู่นี่กำลังทำอะไรคะ?”
หลินซีเหวินตกใจและรีบเอามือกดหน้าอกของเธอไว้ ตกใจหมดเลย! ถ้าไม่ใช่คุณหมอฉู่ แต่เป็นคนอื่นมาทำแบบนี้กับเธอ เธอคงจัดการไปแล้วแน่ ๆ
ลั่วหานยักไหล่และถามว่า “เธอกำลังทำอะไรอยู่? สีหน้าของคุณหมอหลินที่ไร้เดียงสาและไม่มีเรื่องเครียดของเราเหมือนจะคิดถึงความรักอยู่นะ”
ใบหน้าของหลินซีเหวินร้อนขึ้นเล็กน้อย และเธอพูดตรงจุดประเด็นเลย น่าอายชะมัด!
“ ไอ้หลงจื๋อ ไปอเมริกาตั้งหลายวันแล้วยังไม่กลับมาอีก เดี๋ยวก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เขาจะไม่กลับมาอีกแล้วหรือ?”
เธอกับหลงจื๋อมักจะส่ง WeChat และคุยโทรศัพท์กัน แต่เขาอยู่ห่างกันมีมหาสมุทรแปซิฟิกอันห่างไกลกั้นไว้ แค่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เท่าฝ่ามือ จะไปรู้สึกถึงความอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไร?
นิ้วเรียวของ ลั่วหานบีบที่ปลายจมูกเล็ก ๆ ของเธออย่างเอ็นดูเธอ และดันแว่นเธอขึ้นเล็กน้อย“ คิดถึงเขาเหรอ?”
หลินซีเหวินสารภาพว่า “อืม เขาจากจีนไปสิบวันแล้ว รู้สึกเหมือนห่างหายไปครึ่งปีเลย เฮ้อ ไม่น่าล่ะความสัมพันธ์ทางไกลไปไม่รอดสักคู่ ถ้าฉันเป็นฉัน ฉันเดาว่าฉันก็ต้องยอมแพ้เหมือนกัน
สิบวัน…….
สำหรับคนที่ความรักกำลังหวานชื่น อย่าว่าแต่สิบวันเลย วันสองวันก็แสนจะทรมาน ลั่วหานเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี เธอจึงพูดว่า “เอาอย่างงี้ไหม ถ้าเขาไม่กลับจีนในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ฉันจะอนุมัติวันหยุดให้เธอ เธอบินไปเยี่ยมเขาที่สหรัฐอเมริกา และถือโอกาสไปเยี่ยมแม่ผัวในอนาคตของเธอ ดีไหม? ”
เมื่อลั่วหานพูดถึงแม่ผัวในอนาคต น้ำเสียงของเธอดูคลุมเครือมาก และเธอจงใจพูดให้ช้าลง เพราะล้อเล่นและให้กำลังใจไปด้วย
หลินซีเหวินกัดริมฝีปากและหันหน้าไปอย่างเขินอาย“ คุณหมอฉู่ล้อฉันเล่นใช่ไหมคะ? ไม่คุยด้วยแล้ว ฉันจะไปหาคุณหมอถังพูดคุยเรื่องก่อนการผ่าตัด”
ลั่วหานหยุดแกล้งเธอและพยักหน้า“ ช่วงนี้คุณหมอถังผ่าตัดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ คนหลายพันคนมารักษาแค่เขาคนเดียว เธอเลิกทำแล้ว ผู้ป่วยทั้งหมดจะถูกส่งมอบให้กับหมอถัง ถ้าคุณหมอถังก็เลิกผ่าตัดเหมือนกัน งานของโรงพยาบาลหวาเซี่ยคงจะวุ่นวายน่าดู”
หลินซีเหวินเดินถือสมุดบันทึกออกไป ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะชื่นชมถังจิ้นเหยียนมากกว่าลั่วหานไปแล้ว
ลั่วหานใช้นิ้วลูบคางของเธอและพูดกับตัวเองว่า เธอท้องและไม่สามารถผ่าตัดได้ จิ้นเหยียนเป็นเสาหลักของโครงการนี้ อย่างบอกนะว่าหลงเซียวส่งเขาไปต่างประเทศจริงๆ?
ต้องใช่แน่ๆ ต้องเป็นแค่คำพูดตอนโกรธแค่นั้นแน่ๆ
ลั่วหานมองไปที่ดอกกุหลาบ นึกถึงคำพูดของหลินซีเหวิน จากนั้นก็นึกถึงหลงจื๋ออีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
โฉหวั่นชิงเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่? เธอจะสอนลูกชายของเธออย่างไร?
หลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวเสร็จ ลั่วหานก็ไปทำงานในแผนกผ่าตัดหัวใจ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะใกล้ถึงวันฉลองวันหยุดแล้ว หลายคนถือโอกาสวันหยุดมาตรวจสุขภาพ ผู้ป่วยสองสามรายแรกเพียงแค่มาพบแพทย์เพื่อขอถ่ายภาพหัวใจและการตรวจอื่น ๆ
ยุ่งไปสักพัก หลังจากตรวจผู้ป่วยจนหมด ลั่วหานหยิบแก้วน้ำไปพักผ่อนที่ห้องน้ำชา ห้องน้ำชาสำหรับแพทย์ในห้องวินิจฉัยของห้องโถงอยู่ใกล้กับสำนักงานมาก แค่เลี้ยวก็ถึงแล้ว
ลั่วหานเทน้ำเดือดมาหนึ่งแก้ว และหยิบมะนาวแห้งมาสองสามชิ้น จากกล่องวางใบชาแห้งมา ฤดูใบไม้ร่วงอากาศจะแห้งมาก การดื่มน้ำมะนาวเยอะๆจะช่วยให้ความชุ่มชื้น และยังสามารถทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้
“คุณหมอฉู่ วันนี้ฉันเห็นยามาใหม่ในห้องยา ฮิฮิ เดาสิว่าฉันพบความลับอะไร?”
ลั่วหานเพิ่งยกแก้วไปถึงริมฝีปาก คุณหมอเฉินแผนกศัลยแพทย์ที่อยู่ห้องทไงานตรงข้ามก็เอ่ยปากพูดอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเธอกลมใสและใบหน้าของเธอกลมๆ มีผิวหนังที่บอบบางและนุ่มเนียน ใบหน้าที่ดูเด็กๆของเธอน่ารักดี ถ้าเธอไม่พูด ไม่มีใครรู้ว่าเธอวัยสามสิบแล้วและมีลูกชายวัยห้าขวบอีกหนึ่งคนด้วย
ลั่วหานกลืนน้ำมะนาวลงไปและถามว่า “ความลับอะไร?”
ห้องยามียาใหม่ ๆ เข้ามาทุกวัน และความสัมพันธ์ระหว่างโรงพยาบาลกับโรงงานผลิตยาฮ่าฮ่าพูดแล้วมันค่อนข้างแฟนตาซี
คุณหมอเฉินยักคิ้วแล้วกล่าวชมว่า “มันเป็นยาของโรงงานเภสัชกรรมของฉู่ซื่อ! ยาปฏิชีวนะชนิดใหม่ที่โรงพยาบาลของเราพัฒนาขึ้น ตอนนี้ถูกผลิตโดยตระกูลของคุณ คุณหมอฉู่ฉันชื่นชมคุณจริงๆ! คนรวย! คนรวยรายใหญ่เลย”
ใบหน้ากลมๆของคุณหมอเฉินแดงก่ำด้วยรอยยิ้ม เขาดูน่ารักมาก
ลั่วหานหยุดลงสักพักและดื่มชาต่ออย่างไม่แยแส “ ยาใหม่เริ่มขายในปริมาณมากตั้งแต่เนิ่นๆแล้วไม่ใช่หรือ? โรงพยาบาลของเราต้องได้รับยามาทดลองใช้ก่อนนี่นา”
เมื่อพูดถึงยาใหม่ ลั่วหานรู้เพียงแค่ว่า ในระหว่างกระบวนการผลิตหลงยี่เกือบทำให้แผนทั้งหมดล่มสลาย ต่อมาหลงเซียวใช้โรงงานผลิตยาของหลงยี่เพื่อพัฒนาขึ้น
สำหรับเรื่องราวต่อมาเธอไม่เคยถามอีกเลย และโครงการของพวกเขาใช้ยาปฏิชีวนะที่นำเข้าเท่านั้น และไม่เคยสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ในประเทศเลย แม้ว่าจะดูเป็นการดูถูกแต่ก็ต้องยอมรับว่าต่างประเทศมีความก้าวหน้ามากกว่าในประเทศมาก ในแง่ของการรักษา
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นมาก่อน โรงงานผลิตยารักษาฉู่ซื่อ ฉันค่อนข้างตื่นเต้น คุณหมอฉู่คุณมีอุตสาหกรรมมากมาย และยังมี บริษัท ใหญ่ ๆ และคุณก็ได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างท่านเซียว จริงๆคุณไม่ต้องทำงานเลยก็ได้ ทำงานเหนื่อยจะตาย เป็นผู้หญิงควรดูแลตัวเองให้ดีหน่อย ไม่อย่างงั้นอีกหน่อยมีลูกหรืออะไร จะเหนื่อยมากๆเลยนะ ”
ลั่วหานไม่ได้สนใจ เธอดูเวลาและเตรียมตัวจะกลับไปทำงาน “ฉันไปยุ่งก่อนนะ คุณหมอเฉิน”
คุณหมอเฉินกระพริบตา“ เฮ้ๆ คุณหมอฉู่คะ วันนี้ฉันอยากเลิกงานเร็วหน่อย สามีของฉันติดธุระไปทำงานต่างถิ่น และฉันจะต้องไปรับลูกที่อนุบาล งั้นฉันขอโอนคนไข้ของฉันให้คุณได้ไหม?”
“ ได้สิ”ลั่วหานตอบลงทันที
ไปรับลูกเหรอ? ลั่วหานชอบคำพูดนี้มาก
“ได้ค่ะได้ค่ะ!”
เนื่องจากเธอได้รับตรวจคนไข้ของคุณหมอเฉินมาด้วย ลั่วหานจึงเสร็จงานช้ากว่าปกติไปหนึ่งชั่วโมง เมื่อเธอนั่งทำงานเป็นเวลานาน เธอรู้สึกปวดเอวเล็กน้อย และเธอก็ลุกขึ้นไปที่ห้องทำงาน ระหว่างทางเธอทุบเอวของตัวเองไปเรื่อยๆ ท้องยังไม่ทันโตขึ้นมา ปฏิกิริยาของคนท้องก็มาก่อนแล้ว การเป็นแม่นี่มันไม่ง่ายเลย!
การผ่าตัดของถังจิ้นเหยียนสิ้นสุดลงแล้ว เขาและหมออีกสองสามคนเพิ่งลงจากลิฟต์ ถังจิ้นเหยียนเดินอยู่ด้านหน้าสุด เสื้อคลุมสีขาวที่ดูสดใสและรอยยิ้มอ่อนโยนมาพร้อมสายลม ในมือของเขาถือข้อมูลของคนไข้ไว้ เขาเซ็นชื่อลงไปขณะเดินไปด้วยอย่าหล่อเหลา
ลั่วหานอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหาตัวเอง
ถังจิ้นเหยียนส่งข้อมูลคนไข้ให้กับผู้ช่วยของเขา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็สบตากับลั่วหานพอดี ดวงตาที่อบอุ่นของเขาก็ถูกย้อมด้วยความอบอุ่นของแสงแดดยามบ่าย “ลั่วหาน”
หมอสองสามคนที่ตามหลังมาต่างกลับไปยุ่งงานของตัวเอง รวมถึงหลินซีที่เอียงศีรษะและแลบลิ้นใส่ลั่วหาน
“เพิ่งเข้าผ่าตัดเสร็จเหรอ?” ลั่วหานถาม
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้า เนื่องจากใช้สายตาในระหว่างการผ่าตัดมากเกินไป ดวงตาของเขาจึงเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง “อืม เพิ่งผ่าตัดจบ อาจจะเป็นเพราะใกล้วันหยุดแล้ว ผู้ป่วยช่วงนี้ดูเหมือนจะอารมณ์ดี และการผ่าตัดก็เป็นไปด้วยดี”
ลั่วหานหัวเราะเบา ๆ มือข้างซ้ายบีบไปที่เอวของเขาเพื่อนวดบรรเทาความเจ็บ และมือขวาสอดเข้าไปในกระเป๋าใหญ่ “ฉันไม่เชื่อเหตุผลนี้หรอก ฉันค่อนข้างเชื่อว่าเพราะความหล่อของคุณทำให้คนไข้รู้สึกปลอดภัย และคนไข้ของฉันก็ให้คุณดูแลหมดเลย ตอนนี้คุณกดดันมากใช่ไหม? รอช่วงนี้ยุ่งเสร็จ คุณให้ตัวเองได้พักผ่อนครั้งใหญ่หน่อย! ”
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้ว แล้วเอามือล้วงกระเป๋าและเหยียดเสื้อคลุมสีขาวออกมาด้านนอก “ไม่เป็นไร ฉันกำลังจะทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลหวาเซี่ยในเร็ว ๆ นี้”
“ทำไมล่ะ?!” ลั่วหานโพล่งคำถามแปลกใจออกมาและก้าวไปหาเขา เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่ลุกโชน
หรือว่าหลงเซียวให้คำสั่งเขาจริงหรือ? !
ถังจิ้นเหยียนมองไปที่ลั่วหาน มองเข้าไปในดวงตาของเธอ และมองดูตัวเองในเธอ
ทำไม?
จุดประสงค์ของการมาที่นี่ของเขาเพียงแค่ต้องการอยู่เคียงข้างเธอ และได้รับโอกาสที่จะได้คบกับเธอ
และแล้ว หลงเซียวใช้การกระทำของเขาพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ในความพยายามนี้ของเขา ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเขาต้องพ่ายแพ้
เพราะฉะนั้น ……
“ตอนนั้นที่ฉันมาที่นี่ เพื่อช่วยคุณในการผ่าตัด ให้ผ่านไปด้วยดี ร่วมกันช่วยชีวิตผู้คนให้มากขึ้น ตอนนี้คุณ คุณหมอหลินและหวาเทียน สามารถทำการผ่าตัดได้ด้วยตัวเองแล้ว ในเมื่อที่นี่ไม่ต้องการฉันอีกต่อไป ฉันก็ควรเกษียณแล้ว อีกอย่างทางอเมริกา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เรียกตัวฉันมาหลายครั้งแล้ว ”
เขายิ้มเล็กน้อย สิ่งที่เขาพูดออกมามันแตกต่างจากที่เขาคิดในใจโดยสิ้นเชิง
หัวใจของ ลั่วหานคลายลง ไม่ใช่เพราะหลงเซียวก็โอเคแล้ว แต่หัวใจของเธอกลับจมลงอีกครั้ง “จิ้นเหยียนตอนนี้คุณยังไปไม่ได้ โครงการนี้ต้องการคุณมาก ฉัน … ”
แต่มันเห็นแก่ตัวเกินไปที่จะใช้ลูกเพื่อขอความเห็นใจของเขา? เขามีแผนอนาคตของตัวเอง และพ่อแม่ของเขาอยู่ที่อเมริกากันหมด เธอควรปล่อยเขาไปไหม?
“ ฉันท้องแล้ว จิ้นเหยียนเพราะฉะนั้นฉันขอร้องอย่างเห็นแก่ตัว ขอให้คุณอยู่ต่ออีกสักพักได้ไหม?”
หลังจากพิจารณาแล้ว ลั่วหานเลือกที่จะบอกความจริงออกไป เธอขอให้เขาอยู่ต่อไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนไข้ ทางการแพทย์ของอเมริกาก้าวหน้ามาก และไม่ขาดแคลนคนเก่งที่มีความสามารถ แต่เธอมีไว้ใจแค่เขาเท่านั้น
มือของถังจิ้นเหยียนที่อยู่ในกระเป๋าของเขากำแน่นอย่างเห็นได้ชัด และเส้นเลือดตรงหลังมือของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาเม้มปากอย่างสง่าและอ่อนโยน “ เป็นข่าวดีจริงๆ ขอแสดงความยินดีด้วยนะลั่วหาน ในที่สุดคุณก็ได้เป็นแม่คนสักที แต่ว่าฉันตกลงกับทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแล้ว เดือนหน้าฉันก็จะเข้าเรียน ฉันจะลาออกหลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ ”
“ห๊ะ!มันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ !!”
เร็วเกินไปรึเปล่า! เธอยังไม่ได้เตรียมใจเลย!
ใช่ มันเร็วเกินไป
ถังจิ้นเหยียนเก็บคำเชิญนั้นไว้ในลิ้นชักเป็นเวลานาน เมื่อคืนตอนดึกๆเขาคิดทบทวนแล้ว จึงตัดสินใจ
เขามองไปที่ ลั่วหานด้วยความผูกพัน และความอัดอั้นในใจของเขากำลังจะไหลออกมาจากดวงตาของเขา “ที่จริงฉันควรจะพูดให้เร็วกว่านี้ แต่บอกตอนนี้ยังไม่สายเกินไป”
หัวของ ลั่วหานใหญ่ขึ้นหลายเท่า ข่าวร้ายมาเร็วเกินไปราวกับพายุทอร์นาโด!
“คุณกับคุณตำรวจเจิ้งกำลังคบกัน ถ้าคุณไปแล้ว เธอจะทำยังไง? คุณทิ้งเธอได้ลงคอเหรอ? จิ้นเหยียนลองคิดดูอีกครั้งดีกว่า ฉันสามารถปฏิเสธกับทางฮาร์วาร์ดแทนคุณได้ ฉันกับผู้อำนวยการเป็นเพื่อนมานาน … ”
แต่ว่า ถังจิ้นเหยียนไม่ได้ให้โอกาสเธอพูดจนจบ แต่เขากดไปที่ไหล่ของลั่วหานด้วยมือขวาเบา ๆ และมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน แต่มันกลับเจ็บปวดมาก “เราเลิกกันแล้ว ”
ลั่วหานงงขึ้นมาทันที เธอจ้องมองไปที่เขา “นายพูดว่ายังไงนะ? ถังจิ้นเหยียนนี่นายพูดบ้าอะไรกัน?”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น “เธอไม่ได้ฟังผิดไป ฉันคิดมาดีแล้ว ฉันให้ความสุขกับเธอไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ เพราะฉะนั้นฉันจึงขอเลิกกับเธอ”