ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 549
ตอนที่ 549 หึหึ นายกลัวฉันเหรอ
ถังจิ้นเหยียนและเจิ้งซิ่วหยาไม่ได้กินข้าวอย่างจริงจัง แต่กินขนมตามถนนคนเดินซะส่วนใหญ่ เจิ้งซิ่วหยากินอยู่อย่างเดียว ส่วนถังจิ้นเหยียนก็รับผิดชอบเรื่องจ่ายเงิน ถือของกินเล่นและทิ้งขยะ
เจิ้งซิ่วหยากินจนท้องกลม เสื้อแจ็คเก็ตรัดรูปของเธอถูกยืดออกเล็กน้อย ของกินในมือเธอ เธอกินไม่หมดแล้วจริงๆ เธอเอาให้กับถังจิ้นเหยียนทั้งหมด
เธอจงใจทำให้ท้องที่อิ่มจนกลมของเธอให้ดูใหญ่ขึ้น และพูดว่า “ถังจิ้นเหยียน นายว่าฉันดูเหมือนผู้หญิงท้องไหม?”
ดวงตาของถังจิ้นเหยียนที่อยู่ภายใต้แสงไฟ มีเงาฉายออกมา มองไม่ค่อยเห็นสีหน้าของเขา “มันดึกมากแล้ว คุณควรกลับไปได้แล้ว”
เจิ้งซิ่วหยายักไหล่แล้วใช้เสื้อกันหนาวปิดหน้าท้องไว้ เธอยิ้มและพูดว่า “อืม งั้นนายรอฉันสักครู่นะ เดี๋ยวฉันกลับมา”
แต่เมื่อเธอกำลังจะเดินไป เธอก็ตื่นขึ้นมาเหมือนตื่นจากความฝัน เธอหันกลับมาและยื่นมือไปหาเขา “ขอกระเป๋าเงินของคุณหน่อย ฉันไม่ได้พกเงินมา”
ถังจิ้นเหยียนวางกระเป๋าสตางค์ไว้ในมือของเธอทันที
เจิ้งซิ่วหยาเรออย่างเท่ๆ แล้วเขย่ากระเป๋าสตางค์ในมือ “สมบัติทั้งหมดของนายหรือเปล่า?”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าไม่ใช่
เจิ้งซิ่วหยาวิ่งไปที่ร้านขนมและซื้อขนมไหว้พระจันทร์หลายรสชาติ บรรจุลงในกล่องของขวัญแบบแปดชิ้น แล้วถือไว้ในมือของเธอ
เมื่อหันกลับไป เธอก็เห็นถังจิ้นเหยียนยืนอยู่ที่นั่นอย่างเรียบร้อย ท่ามกลางฝูงชนที่เสียงดัง แม้แต่ในเมืองที่มีเสียงดังขนาดนี้ เขาก็ยังคงเงียบและงดงามราวกับว่าโลกนี้ไม่เคยดึงเขาเข้ามาได้เลย
“ถังจิ้นเหยียน นี่สำหรับคุณ ฉันให้คุณ” เจิ้งซิ่วหยาแขวนริบบิ้นของกล่องของขวัญไว้ที่แขนของเขา ดอกโบตั๋นสีแดงสดขนาดใหญ่และดวงจันทร์บนกล่องของขวัญนั้นเด่นมาก ต่างจากบุคลิกของถังจิ้นเหยียนมาก
“จะซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาทำไม”
เจิ้งซิ่วหยายิ้ม“ติดสินบนคุณ ชอบไหม?”
ถังจิ้นเหยียนตะลึงกับสิ่งที่เธอพูด เขามองไปที่กล่องของขวัญขนมไหว้พระจันทร์จากนั้นก็มองไปที่เธอ “หมายความว่ายังไง?”
“ในฐานะตำรวจของประชาชน ฉันรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ฉันก็ยังติดสินบนคุณ ฉันใช้อาชีพของฉันเป็นตัวประกันนะ ดังนั้นถังจิ้นเหยียน เราไม่เลิกกันไม่ได้หรือ?”
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างอธิบายไม่ถูก แต่เจิ้งซิ่วหยาตั้งหน้าตั้งตารอ และเขาก็ไม่อยากจะทำร้ายเธออีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ซิ่วหยา นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆนะ คุณงี่เง่าไม่ได้”
เหรอ? วันนี้เธอกำลังงี่เง่าเหรอ?
เธอเป็นคนที่นิสัยชอบพูดไร้สาระมาตลอด แต่ตอนนี้เธอไม่ได้พูดตลกสักคำเลย
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจองคุณไว้ก่อนได้ใช่ไหม? คุณไปสหรัฐอเมริกาได้ แต่ฉันจะบอกคุณตอนนี้ว่า ตำแหน่งแฟนของถังจิ้นเหยียน ฉันจองแล้ว นอกจากคุณหมอฉู่แล้ว ฉันจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่น รอให้คุณปล่อยวางเธอได้ แล้วมาให้ฉันเข้าตำแหน่งนี้ทันทันเลย”
ไม่ใช่การเจรจา ไม่ใช่คำขอร้อง แต่เป็นคำสั่งโดยตรง เจิ้งซิ่วหยาไม่ได้พูดจาคลุมเครือกับเขาเลย
“ถ้าคุณไม่ตกลง ฉันไม่ให้คุณไปอเมริกาหรอก ฉันสามารถติดต่อฝ่ายบริหารของศุลกากรได้ ฉันแค่ออกหมายจับมาหนึ่งฉบับเท่านั้น คุณก็ไม่สามารถไปไหนได้เลย ถังจิ้นเหยียนฉันหน้าด้านขนาดนี้แล้ว นายยังไม่ตามใจฉันอีกเหรอ? ”
ครั้งนี้คุณหมอถังที่สง่างามมาตลอดพูดไม่ออกจริงๆ เขาพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ “โอเค”
……..
เมื่อหยิบกุญแจรถและออกจากหมูบ้านของถังจิ้นเหยียนไป เจิ้งซิ่วหยานั่งในรถแล้วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจิ้งซิ่วหยา นี่แกมันสมองมีปัญหาแถมยังเลวกับตัวเองใช่ไหม? ผู้ชายเยอะแยะทำไมไม่เอา ทำไมต้องไปตื้อไอ้คนที่ไม่ได้รักเธอเลยด้วย! ”
ปังปังปัง!
เจิ้งซิ่วหยารู้สึกรำคาญตัวเอง และทุบพวงมาลัยเพื่อระบายอารมณ์ ยิ่งระบายยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น เธอใช้ชีวิตอย่างเก๋ไก๋มา20กว่าปี เธออ้างว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมา ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะจบที่ถังจิ้นเหยียน
หัวใจแออัดมากจน แรงทั้งหมดของร่างกายของเธอถูกสูบออกไปเกือบหมด เจิ้งซิ่วหยาเงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอถูกทิ้งไปดื้อๆแบบนี้เลยเหรอ?
เธอตื้ออย่างหน้าไม่อายขนาดนี้ สุดท้ายก็โดนเขาทิ้งอยู่ดี?
หึหึหึ ดีมาก
เมื่อรถเลี้ยวและติดไฟแดง เจิ้งซิ่วหยาหยุดรถ ขณะที่เจิ้งซิ่วหยารู้สึกอึดอัดใจเธอเห็นรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างๆก็เปิดประตู
แม่เจ้า! ขณะรอไฟแดงเปิดประตูรถได้ด้วยเหรอ ประชาชนเมืองหลวงนี่สุดยอดจริงๆ
แต่เมื่อเห็นคนที่ออกมาจากรถ เจิ้งซิ่วหยาก็รู้สึกตื่นตัว“ หวาเทียน ลู่ซวงซวง?”
หลังจากที่คบกับถังจิ้นเหยียน เธอก็ค่อยๆรู้จักผู้คนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่คนรู้จักกัน
ลู่ซวงซวงดูโกรธมากและสีหน้าของหวาเทียนก็ไม่ได้ดีนัก
เจิ้งซิ่วหยาลดกระจกรถลงครึ่งหนึ่งและได้ยินเสียงของพวกเขา
“ซวงซวง เธออย่าเพิ่งไป มีอะไรเราไปคุยกันบนรถ ลงรถตอนนี้มันอันตราย” หวาเทียนจับมือของลู่ซวงซวงแล้วดึงเธอกลับเข้าไปในรถ
ลู่ซวงซวงดิ้นรนอย่างหนัก น้ำตาคลอทั้งสองข้าง “หวาเทียน คุณไม่อยากแต่งงานกับฉันจริงๆหรือ?”
หวาเทียนเลียริมฝีปากของเขาและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้“ ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่แต่งงานกับคุณ? อย่างน้อยตอนนี้ยังแต่งไม่ได้ เธอให้เวลาฉันอีกสักหน่อยได้ไหม?”
เจิ้งซิ่วหยารู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก เธอถูกบอกเลิก ลู่ซวงซวงถูกปฏิเสธการแต่งงาน ผู้หญิงทำไมมันถึงน่าสงสารขนาดนี้?
ลู่ซวงซวงกัดฟันและดิ้นอย่างหนักขึ้น ข้อมือของเธอถูกหวาเทียนจับไว้อย่างแน่น เธอรู้สึกปวดทุกครั้งที่ดิ้น“ มั่ว! ข้ออ้าง อะไรคือให้เวลานายหน่อย? ให้เวลาคุณหาผู้หญิงที่สวยๆเหรอ ? แล้วฉันทำชุดแต่งงานให้คุณอย่างโง่ ๆ พี่จะบอกให้นะ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่มีคนแต่งด้วย ถ้านายไม่อยากแต่งงานกับฉัน มีคนอยากแต่งงานกับฉันอีกเยอะแยะ ”
ไฟแดงเริ่มนับถอยหลัง หวาเทียนเหลือบไปเห็นแสงสีแดง และทันใดนั้นก็โอบลู่ซวงซวงด้วยแขนทั้งสองข้างเข้าไว้ในอ้อมแขน กดแขนของเธอที่ดิ้นเหมือนปู “งานแต่งมีเพียงครั้งเดียวในชีวิต ฉันสัญญาว่าจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้เธอ ให้เธอได้แต่งอย่างสง่างาม ฉันไม่อยากให้คุณรู้สึกเสียดาย ดังนั้นคุณให้เวลาฉันหน่อย”
หวาเทียนกลั้นมาตั้งนาน เขาหลับตาลงและพูดทุกอย่างออกมา
คนที่ถูกกอดอยู่ในอ้อมแขนของเขา นั้นตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลืมตา และมองไปที่เขาอย่างไม่น่าเชื่อ“ นี่นายพูดจริงจังหรือเปล่า?”
หวาเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม“ อืม จริงๆ”
ลู่ซวงซวงผู้ทนอะไรแบบนี้ไม่ได้ก็หัวเราะในทันที เธอจับหัวของหวาเทียนกลางถนนแล้วกระโดดขึ้นและจูบเขา
“อืม! ฉันเชื่อคุณ!”
ไอ้บ้าเอ๊ย !
พวกเขาทำทัศนคติทั้งสามของเจิ้งซิ่วหยาพังหมด ไหนทะเลาะกัน แม่งเอ๊ย กลับกลายเป็นหวานให้คนอื่นดุนี่มันอะไรกัน?
แม่ง! !
ทำให้เธออิจฉาตายซะเลยดีกว่า!
หวาเทียนส่งลู่ซวงซวงขึ้นรถ และปิดประตูให้เธอ รถChangan Ford สีขาวก็ขับไปพร้อมกับความสุขของเขาสองคน
ในทางกลับกันเจิ้งซิ่วหยาในรถ BMWกับความโศกเศร้าที่ไหลหลั่งจนกลายเป็นทะเลกว้างใหญ่
“ไอ้เลว !!!”
เจิ้งซิ่วหยาด่าอย่างเสียงดัง และหลับตาลง ตัดสินใจหาอะไรสักอย่างให้ตัวเองทำ เทียบกับแอลกอฮอล์แล้ว เธอต้องการทำงานอย่างบ้าคลั่งมากกว่า
คิดไปคิดมา เจิ้งซิ่วหยาก็โทรโจวจั่น
“เจ้านายครับ ฟ้ายังไม่ถล่ม ทำไมเจ้านายถึงยอมโทรหาผมล่ะครับ?” โจวจั่นขยิบตาให้เฉินเจา
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระเดี๋ยวนี้ ไปที่ห้องเก็บเอกสาร และหาคดีที่นายส้งและคุณหมอฉู่เกือบตกเป็นเหยื่อในครั้งที่แล้วมา” เจิ้งซิ่วหยารับโทรศัพท์โดยใส่หูฟังและขับรถกลับไปที่สถานีตำรวจ
โจวจั่นขยิบริมฝีปากของเขาและถามอย่างงงงวย “คดีนั้นยังไม่พบตัวคนร้ายไม่ใช่เหรอ ข้อมูลที่พยานให้มานั้นมีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการสอบสวนจิตวิทยาหรือคนรอบตัวศาสตราจารย์ส้ง ก็ไม่มีผู้ต้องสงสัยเลย ”
เจิ้งซิ่วหยาเหยียบคันเร่งจนสุดแล้ว รถก็ขับเข้าถนนกลางคืน“ ตราบใดที่คนยังมีชีวิตอยู่ ต้องมีจุดบกพร่องแน่ๆ เราอาจจะตั้งลักษณะของคดีในครั้งที่แล้วผิดไป แยกคดีของหยวนชูเฟินกับคดีนี้ออกจากกัน คนที่ต้องการฆ่าคุณส้งน่าจะเป็นใครอีกคน”
โจวจั่นรีบลุกขึ้นโดยเร็วพูดว่า “ครับ ผมจะรีบเอาข้อมูลทั้งหมดออกมาทันที”
“ อีก10นาทีจะไปสถานีตำรวจ ชงกาแฟเข้มๆให้ฉันหนึ่งแก้ว ฉันจะทำงาน!”
หึหึ โจวจั่นหันไปหาเฉินเจาและพูดว่า “กัปตันครับ หัวหน้าเจิ้งบ้าไปแล้วรึเปล่าครับ? เธอจะสืบคดีของศาสตราจารย์ส้งอีกครั้ง”
เฉินเจาพยักหน้าอย่างนิ่งๆ“ ดูเหมือนว่าเจิ้งซิ่วหยาได้รับการกระทบอย่างมาก ไปหาข้อมูลมาเถอะ ถ้าเธอเปลี่ยนผลกระทบให้เป็นความแข็งแกร่งเพื่อไขคดีได้ มันก็ไม่เป็นไร!”
โจวจั่นจับๆไปที่หัว หัวหน้าไร้มนุษยธรรมที่สุด!
วันรุ่งขึ้น ณโรงพยาบาลหวาเซี่ย
หยวนชูเฟินนั่งเงียบ ๆ บนระเบียงของหอผู้ป่วย โดยมีขาตั้งวาดรูปอยู่ข้างหน้า เธอกางกระดาษสีขาวออก เธอถือจานสีในมือซ้ายและถือพู่กันบาง ๆ ในมือขวากำลังวาดรูป
มีเพียงเส้นโค้งเลือนรางบนกระดาษวาดเขียน ซึ่งมีสีสันสดใส ส่วนใหญ่เป็นสีชมพูเหลืองอ่อน ราวกับต้นฤดูใบไม้ผลิ
หยวนชูเฟินพูดกับพยาบาลขณะวาดภาพว่า “คุณเห็นอะไรไหม?”
พยาบาลมองอย่างตั้งใจ สังเกตอย่างใกล้ๆ แล้วส่ายหัว “ฉันมองไม่ออกว่าท่านผู้หญิงกำลังวาดอะไรค่ะ”
หยวนชูเฟินแต้มสีเหลืองอ่อนขึ้นไป ริมฝีปากสีซีดของเธอยิ้มออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร
แต่สักพักพยาบาลก็พูดว่า “ท่านผู้หญิงคะ คุณควรกลับไปนอนที่เตียงนะคะ กำลังจะต้องเคมีบำบัดครั้งที่สามแล้ว คุณเหนื่อยมากเกินไปไม่ได้”
หยวนชูเฟินแต้มลงบนกระดาษอีกสองสามครั้ง “ฉันต้องรีบวาด ไม่งั้นฉันคงวาดไม่เสร็จ”
หลังจากพยาบาลฟังเธอจบ เธอก็รู้สึกอยากร้องไห้และอึดอัดในใจ “ไม่หรอกค่ะคุณผู้หญิง คุณจะต้องดีขึ้นแน่นอน คุณผู้หญิงคะ คุนเอาพู่กันให้ฉันเถอะค่ะ อีกสักพักคุณหลงและคุณหมอฉู่จะมาแล้ว”
หยวนชูเฟินยื่นพู่กันให้เธอ “ช่วยเก็บขาตั้งภาพวาดให้ฉันหน่อย อย่าบอกพวกเขานะ”
“ โอเคค่ะคุณผู้หญิง ฉันพาไปนอนพักนะคะ”
หยวนชูเฟินนอนลงไป คุณหมอมาถึงก่อน ตรวจร่างกายให้เธอ แล้วฉีดยา และอาการต่างๆของเธอค่อนข้างคงที่ โชคดีที่อาการของเธอไม่แสดงออกในช่วงเคมีบำบัด ถือว่าเป็นความโชคดี
หลังจากหยวนชูเฟินฟังคำให้กำลังใจเหล่านี้แล้ว หยวนชูเฟินก็เอ่ยปากยื่นข้อเสนอกับหมออย่างกล้าหาญว่า “หมอคะ พรุ่งนี้หลังทำเคมีบำบัดเสร็จ ฉันอยากออกจากโรงพยาบาลสักสองสามวัน”
“ออกจากโรงพยาบาล? ทำไมล่ะ? ตอนนี้คุณดีขึ้นเยอะมาก ถ้าคุณออกจากโรงพยาบาล เราไม่สามารถรับประกันผลการรักษาของคุณได้ ฉันไม่แนะนำให้คุณออกจากโรงพยาบาล”
หยวนชูเฟินยืนยันว่า “ฉันมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ ดังนั้นเดี๋ยวลูกชายและลูกสะใภ้ของฉันจะมา คุณหมอช่วยฉันสักรอบนะ คุณหมอคะ กลับมาฉันจะให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างแน่นอน”
หมอจับแว่นไว้แล้วลังเล
หยวนชูเฟินขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดคุณหมอก็ยอม
“หลังจากทำการบำบัดครั้งที่สามแล้ว ฉันยอมให้คุณออกไปได้ แต่คุณอยู่ข้างนอกได้แค่สองวันเท่านั้น”
สองวัน?
หยวนชูเฟินครุ่นคิดสักพัก“ โอเค สองวันก็สองวัน
ด้านนอกประตู หลงเซียวและลั่วหานสบตากัน
ลั่วหานขมวดคิ้วและพูดด้วยเบาๆว่า “คุณแม่จะทำอะไร?”
หลงเซียวโอบเธอไว้ด้วยแขนข้างเดียว มือที่อบอุ่นของเขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ “ตอนนี้ยังไม่รู้ ฉันจะหาวิธีสืบให้ได้”
ลั่วหานกัดริมฝีปากสีชมพูของเธอและพยักหน้า “ฉันรู้สึกมาตลอดว่า คุณแม่มีเรื่องปิดบังพวกเราไว้ คุณจะสืบหน่อยไหม? อย่าปล่อยให้แม่ทำอะไรอย่างใจร้อน”
หลงเซียวพยักหน้าพร้อมกับประสานมือกับเธอ“ คุณกลัวไหม? ที่มีแม่สามีที่แรงขนาดนี้”
เก่งจริงๆ จ้างฆาตกรรมก็ทำมาแล้ว
ฝ่ามือของลั่วหานลูบไปที่ท้อง เบะปากแล้วถามเขากลับ “คุณกลัวไหม? ที่มีภรรยาที่แรงขนาดนี้?”
หลงเซียวยักคิ้ว ยิ้มแล้วตอบว่า “ฮ่าๆ ผมกลัว”