ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 556
ตอนที่ 556 รักไปแล้ว จะเป็นเพื่อนได้ยังไง
หลงเซียวยกนิ้วมือขึ้นเคาะหัวไปมา ก่อนจะเอามือหนุนหัวเอนหลังพิงเก้าอี้ “ให้เงินก้อนโต? ดูเหมือนว่านายอยากจะถูกทำร้ายสินะ”
เกาจิ่งอานกลับรู้สึกว่าวิธีนี้มันน่าเชื่อถือ แถมยังมีความคิดเห็นดีๆ ในวิธีแบบนี้อีกเยอะด้วย
“ก็ผู้หญิงน่ะครับพี่ หากทำดีกับเธอ แค่พาเธอไปเที่ยวเล่น ซื้อของขวัญดีๆ ให้เธอดีใจ แล้วก็อยู่คอยช่วยเหลือเธอในช่วงเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงแบบนี้ไม่ดีหรือครับ?” ผู้เชี่ยวชาญจอมปลอมอย่างเกาจิ่งอาน สรุปเคล็ดลับการตามจีบสาวขึ้นมาด้วยตัวเอง
หลงเซียวเองก็ไม่ได้ค้านอะไร แต่ก็ไม่กล้าเห็นด้วย “เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับคนน่ะนะ อะไรที่เหมาะสมที่สุดนั่นคือดีที่สุด ฉันเชื่อว่านายทำได้”
เกาจิ่งอานได้ยินพี่ชายให้กำลังใจเขาด้วยตัวเอง ทำให้รู้สึกเหมือนร่างกายมีแรงขึ้นมา พร้อมทั้งกำหมัดชูขึ้นสูง “พี่ครับ ผมต้องสู้ต่อไปให้ได้ ขอบคุณมากครับพี่ชาย!”
หลงเซียวเผยอยิ้มมุมปาก ทำให้แววตาที่เย็นชา อบอุ่นลงจากรอยยิ้มของเขา “แค่นายคิดได้ก็ดีแล้วล่ะ โจวโร่หลินเป็นแค่เด็กผู้หญิงเรียบร้อยเรียบง่ายคนหนึ่ง อย่าไปทำร้ายเธอเข้าล่ะ”
เกาจิ่งอานยกมือขึ้นจับผมที่ยุ่งเหยิงเพราะเธออย่างเขินอาย “ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยล่ะครับ เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมีความรู้สึกกับผู้หญิงแบบนี้ ผมคงจะไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมครับ?”
หลงเซียวก็ไม่ได้ลงความเห็นอะไรไปแน่นอน แต่แค่พูดแนะในฐานะที่เป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและช้าๆ “มีเรื่องหนึ่งที่นายต้องเข้าใจไว้ด้วยนะ ความรักไม่ใช่สิ่งที่อยากได้แล้วจะได้เลย หรือคิดจะทิ้งแล้วทิ้งได้เลยหรอกนะ ถ้าหากนายตัดสินใจที่จะรู้สึกไปแล้ว ก็จะรู้สึกเหมือนเสพติด ขั้นนี้นายอาจจะอยู่ในช่วงเสพสุขจนถึงขั้นมัวเมาได้ แต่หากเมื่อถึงเวลาอยากจะร้างราเมื่อไหร่ มันจะเจ็บปวดขมขื่นเสียยิ่งกว่าสิ่งใด แล้วนายก็จะเห็นว่า คนๆ นั้นได้เข้ามาในชีวิตนายแล้ว จะยังไงนายก็ไม่อาจสะบัดทิ้งไปได้”
เกาจิ่งอานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขารู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว “พี่ชาย พี่อย่าขู่ให้ผมกลัวแบบนี้สิ ผมยังไม่ได้เริ่มเลยนะ ผมเสียจนผมขนลุกชูชันไปหมดแล้วเนี่ย”
หลงเซียวมองไปทางที่ๆ เตรียมไว้ให้ลั่วหานข้างๆ ห้องหนังสือ ด้านบนมีข้าวของเครื่องใช้ของเธอถูกจัดวางเอาไว้ ส่วนมุมขวาบนมีกรอบรูปที่ตั้งสูงประมาณเจ็ดนิ้วรูปหนึ่ง โดยมีรูปภาพของคนที่สวมชุดกาวน์สีขาวอยู่
“นายถามว่าตอนที่ฉันรักกับพี่สะใภ้ ฉันมีความรู้สึกยังไงใช่ไหม ก็สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นี้ล่ะ คือความรู้สึกของฉัน ความรักไม่อาจหยุดได้เมื่อได้ลิ้มลอง รู้ไหม?”
ความทรงจำเก่าๆ ของเขา ทั้งที่ผ่านมาไกลแสนไกล หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่วนเวียนอยู่ในสมองของเขา สำหรับในใจของหลงเซียวแล้ว มีเพียงร่างกายที่สวมชุดสีขาวนั้น ราวกับยาเสน่ห์ที่ทำให้เคลิบเคลิ้มไป
สำหรับความรู้สึกที่มีต่อเธอ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อยากลิ้มลองจริงๆ
เกาจิ่งอานเม้มปากที่เรียวบางของเขา พร้อมทั้งยิ้มร่ากอดแท็บเล็ตอยู่แบบนั้น “พี่ชาย พี่พูดได้น่าตกใจเหมือนกันนะ จนผมเหงื่อแตกหมดแล้วเนี่ย พี่อย่าทำโหดร้ายเลยได้ไหม? ผมเพิ่งจะมีความคิดแบบนี้เองนะ อย่าเพิ่งขัดความกระตือรือร้นของผมให้หายไปเลย”
หลงเซียวหัวเราะหึออกมา พลันคิดไปถึงนิสัยของเกาจิ่งอานที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แล้ว คนอย่างเขาไม่มีทางได้คบกับลั่วหานง่ายๆ ได้แน่ ถ้าหากเรื่องยากเย็นแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วหลังจากนี้เขาจะแบกรับหน้าที่ของความเป็นชายได้ยังไงล่ะ?
จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ทำไมล่ะ? กลัวหรือ? ในเมื่อกลัว ก็อาศัยโอกาสในตอนนี้รีบคว้าไว้สิ อย่าไปทำร้ายใครเขาอีก”
“อย่านะพี่! ผมไม่มีทางปล่อยมือหรอก! ต่อให้เป็นยาพิษก็ไม่ปล่อย อีกอย่างผมก็ตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะจับโจวโร่หลินให้ได้!” เกาจิ่งอานพูดขึ้นอย่างมีวาทศิลป์ ซึ่งช่างแตกต่างกับชีวิตตามปกติของเขาลิบลับเลย
ดูเหมือนว่าเกาจิ่งอานจะรู้สึกจริงๆ สินะ เจ้าหมอนี่มันเป็นศัตรูตัวฉกาจจริงๆ หึๆ!
เกาจิ่งอานกัดฟันเพื่ออดกลั้นความเจ็บขณะพลิกตัว พร้อมทั้งกอดหมอนสีขาวบริสุทธิ์เอาไว้ “ใช่แล้วพี่ ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ผมจะส่งของขวัญอะไรให้เธอดีล่ะ?”
หลงเซียวเคาะนิ้วลงบนพนักแขน ซึ่งแสงไฟก็สะท้อนลงบนแหวนบนนิ้วมือของเขา จนส่องเป็นประกายวิบวับออกมา “ให้ของที่เธอต้องการสิ”
เอ๋? ของที่เธอต้องการหรือ?
เกาจิ่งอานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ว่าสิ่งที่โจวโร่หลินต้องการคืออะไร?
ดูเหมือนว่าอะไรเธอก็ต้องการทั้งหมดเลยนะ
“โอเคครับ ผมรู้แล้ว ขอบคุณมากนะครับพี่ชาย รีบพักผ่อนนะครับ”
หลงเซียววางมือถือลง ก่อนจะส่ายหัวยิ้มและช่วยไม่ได้ เจ้าเกาจิ่งอานนี่นะ!
อีกฝั่ง เกาจิ่งอานก็ตื่นเต้นเสียจนนอนไม่หลับ หลังจากพลิกตัวไปมาอยู่หลายรอบ เขาก็พยุงตัวลุกขึ้น เดินไปมองตัวเองในกระจก เขาทำผมให้เรียบ จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ลองโพสต์ท่าอยู่หลายท่า
“ถึงจะอาศัยหน้าตาได้ก็เถอะ แต่ยังไงก็ต้องใส่ความจริงใจเข้าไปด้วย เกาจิ่งอาน ฉันว่าฉันชอบนายเข้าแล้วล่ะ ฮ่าๆ!”
……
วันต่อมา เมฆในยามเช้าค่อยๆ เคลื่อนไปตามกระแสลมอุ่นๆ ในฤดูใบไม้ร่วง แสงแดดที่อบอุ่นก็สาดส่องลงมายังต้นไม้ใบหญ้าบนพื้นโลก จนทั่วทุกที่นั้นเต็มไปด้วยแสงสีทองอร่ามตา
หลงเซียวตื่นมาแต่เช้า พลางมานั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว คนรับใช้ของเขาก็ยกชาที่ชงมาเสร็จหมาดๆ ให้เขา เขายกขึ้นจิบหนึ่ง ก่อนจะพลิกเอกสารนั้นไปอีกหน้า
หลังจากที่ลั่วหานตื่น ก็จัดเก็บของต่างๆ อย่างเรียบร้อย พอออกจากห้องมาเห็นท่าทางที่ดูสง่างามและผ่อนคลายของหลงเซียว เธอก็ยืนพิงราวบันไดแล้วยิ้มพูด “วันนี้ไม่ออกไปข้างนอกหรือคะ?”
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นมองไปทางลั่วหาน ตอนนี้เธอสวมเสื้อไหมพรมสีนู้ดบางๆ ที่ห่อหุ้มร่างกายที่สูงโปร่งและสวยงามวิจิตรนั้นไว้ ทำให้ทั่วทั้งตัวของเธอดูอบอุ่นอย่างมาก
เขาวางแก้วชาลง พร้อมทั้งปิดเอกสารเหล่านั้น ก่อนจะผายมือเรียกให้เธอมาหา “ผมได้วันหยุดนักขัตฤกษ์สามวันน่ะ วันนี้เป็นวันแรก คุณไม่อยากให้ผมเสวยสุขอยู่ที่บ้านบ้างเลยหรือ?”
ลั่วหานอ้าปากหาว ก่อนจะพูดอย่างอิจฉา “วันนี้สายๆ ฉันต้องไปที่โรงพยาบาลน่ะ เป็นหมอไม่มีวันหยุดหรอก คุณก็น่าจะเข้าใจ”
หลงเซียวดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นก็ให้ลั่วหานนั่งลงบนตักของเขา เขาใช้แขนยาวๆ โอบเอวของเธอเอาไว้ พร้อมทั้งเอามือสองข้างวางไว้บนหน้าท้องของเธอ “เลิกงานกี่โมงล่ะ เดี๋ยวผมไปรับคุณเอง”
“ประมาณเที่ยงคืนน่ะค่ะ แต่ช่วงนี้หมอที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น ต่างก็กลับไปฉลองเทศกาลที่บ้านไม่น้อย ทำให้ฉันเองก็มีงานเพิ่มขึ้นด้วย รอให้ฉันจัดการเสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวบอกอีกทีนะคะ”
หลงเซียวขมวดคิ้วแน่น เขาเอามือพันไปกับเส้นผมของเธออย่างรักใคร่ อีกทั้งดันหัวของเธอให้เข้ามาซบไหล่ของเขา “ถ้าไม่งั้นคุณก็ขอลาสักปีเลยสิ รอให้คลอดลูกก่อนค่อยกลับมา ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยเกินไปน่ะ”
แต่ลั่วหานกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เธอยังอยากจะทำงานมากกว่า “เวลาว่างไม่มีอะไรทำน่ะเหนื่อยยิ่งกว่าอีกนะ ไม่ต้องถกเรื่องนี้หรอก” เธอเชิดหน้าของเขาขึ้น ก่อนจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากที่น่ามองของเขา “ใช่แล้ว หลินซีเหวินจะบินไปประเทศสหรัฐอเมริกาวันนี้แล้ว เธอกับเสี่ยวจื๋ออยู่ห่างกันนานขนาดนี้ คงจะต้องรู้สึกอาลัยอาวรณ์กันมากแน่ ดังนั้นฉันเลยให้เธอหยุดพักไปอาทิตย์หนึ่งเลยน่ะค่ะ”
หลงเซียวไตร่ตรองอยู่ในใจครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มขึ้นพูด “ก็ได้ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณทำงานเอง”
พอถึงเวลาแปดโมงลั่วหานก็มาถึงที่ทำงาน ตอนที่เธอไปถึงนั้นถังจิ้นเหยียนก็ถึงอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองคนไปเจอกันอยู่หน้าประตูพอดี
ลั่วหานคิดจะเข้าไปทักทาย แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป ก็เห็นผู้อำนวยการเฉินวิ่งมาตามถังจิ้นเหยียน พร้อมทั้งจับแขนเขาแน่นลากไป
“นี่! เสี่ยวถัง ใกล้จะวันเทศกาลแล้ว นี่นายมาล้อเล่นอะไรอยู่อีก? ลองพูดมาซิว่ามันหมายความว่ายังไงกัน?” ผู้อำนวยการเฉินหยิบซองจดหมายสีขาวออกมาจากกระเป๋า พร้อมด้านบนถูกเขียนด้วยคำว่า “จดหมายลาออก” เอาไว้
ลั่วหานพลันรู้สึกเหมือนมีสายฟ้าโจมตีเข้าอย่างหนักที่กลางใจ จนค่อยๆ ลามไปทั่วทั้งร่างกาย จู่ๆ ถังจิ้นเหยียนก็ยื่นใบลาออกแบบนี้ เขาจะทำได้ยังไงกัน?
ถังจิ้นเหยียนยิ้มพูดอย่างนอบน้อมและสุภาพ “ผู้อำนวยการครับ ผมอธิบายไปแล้วนะครับ หวังว่าคุณจะเคารพการตัดสินใจของผมนะครับ”
ผู้อำนวยการเฉินส่งเสียงร้องพลางถอนหายใจไม่หยุด พร้อมทั้งฉุดกระชากลากถูถังจิ้นเหยียนให้เดินเข้าไปตามโถงทางเดิน เพื่อหลีกเลี่ยงกลุ่มคนก่อนจะพูดอ้อนวอนขึ้นต่อ “เสี่ยวถัง ถ้ามีอะไรไม่พอใจกับโรงพยาบาลก็บอกมาสิ เรื่องเงินเดือนหรือว่าสวัสดิการหรือ? หรือว่าเป็นเครื่องมือการแพทย์? หรือว่าจะเป็นระบบของโรงพยาบาล? เรื่องพวกนี้พวกเราสามารถพัฒนาได้นะ แล้วก็สามารถปรึกษากันได้ด้วย ทำไมจู่ๆ นายถึงได้ตัดสินใจไปแบบนี้?”
ลั่วหานเองก็ก้าวเดินตามไปราวกับจิตหลุดลอย เธอบีบกระเป๋าสะพายข้างไว้แน่น พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ผู้อำนวยการคะ คุณหมอถังไม่ได้ไม่พอใจกับโรงพยาบาลหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ได้ไม่พอใจเรื่องเงินเดือนด้วย เขาเพียงแค่อยากจะหยุดพักชั่วคราว รอให้เขาพักผ่อนเสร็จก่อนค่อยกลับมาก็ได้นี่คะ”
ถังจิ้นเหยียนกับผู้อำนวยการเฉิน หันมามองลั่วหานอย่างพร้อมกัน เธอเผยมุมปากยิ้ม ใบหน้าเธอดูสดใสขึ้นเพราะแสงแดดที่ตกกระทบลงมา
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้ว “คุณหมอฉู่ นี่คุณ…”
ผู้อำนวยการเฉินยังคงรั้งถังจิ้นเหยียนเอาไว้อย่างดีใจ “จริงหรือ? นายแค่อยากจะพักผ่อนจริงใช่ไหมเสี่ยวถัง? โธ่ ทำไมนายไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ ฉันตกใจแทบแย่! ถ้าหากนายลาออกจริงๆ เหล่าสาวๆ ในโรงพยาบาลคงจะร้องไห้แน่ๆ! ฮ่าๆๆ ดีๆๆ แค่ไม่ออกก็ดีแล้วล่ะ!”
ถังจิ้นเหยียนรีบอธิบาย “ผู้อำนวยการครับ…”
แคว่ก!
ผู้อำนวยการเฉินฉีกจดหมายลาออกของเขาเป็นสี่ส่วน ก่อนจะยกมือขึ้นตบบ่าของถังจิ้นเหยียน “หนุ่มน้อย สู้นั่งเฉยๆ ดีกว่าพูดพาเรื่องยุ่งยากให้ตัวเองดีกว่านะ ฮ่าๆ งั้นฉันจะจัดวันหยุดให้นายเอง”
ลั่วหานเองก็พยักหน้ายิ้ม “ผู้อำนวยการคะ ผู้อำนวยการช่วยให้เงินเดือนในช่วงที่คุณหมอถังหยุดสามเดือนได้ไหมคะ?”
“ได้สิๆ แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว! ระหว่างที่ขอลาหยุด ฉันไม่ลดเงินเดือนให้ด้วย แถมยังมีสวัสดิการให้ครบถ้วน วางใจได้เลย!”
ถังจิ้นเหยียนยื่นมือออกมาห้ามปราม แต่ผู้อำนวยการเฉินกลับเดินจากไปอย่างมีความสุขจนไกลแล้ว
ลั่วหานเงยหน้ายิ้มให้เขา “ฉันไปทำความรู้จักกับผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมาแล้วล่ะ คุณจะไปเป็นอาจารย์ที่นั่นสามเดือนใช่ไหมล่ะ หลังจากนั้นสามเดือนค่อยกลับมาที่นี่ก็แล้วกัน”
ถังจิ้นเหยียนปิดตามลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและทุ่มต่ำ “อย่าขู่ฉันสิลั่วหาน ได้ไหม?”
“ฉันก็อยากจะขู่นายนั่นแหละ แค่เวลาสามเดือนก็เพียงพอแล้ว จะได้มีเวลาเพียงพอที่จะคิดว่าตัวเองอยากจะทำอะไร ถังจิ้นเหยียน คุณหมอถัง นายเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ มีคนไข้ตั้งมากมายที่รอการช่วยเหลือ เหล่าคนที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลตอนที่ไม่มีใครช่วยน่ะ สิ่งที่พวกเขาหวังจะเห็นมากที่สุดคือใครกันล่ะ?”
ถังจิ้นเหยียนเบือนหน้าหนี “ฉันอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้หรอก ขอโทษด้วยนะลั่วหาน”
ลั่วหานส่ายหัว “คนที่ต้องพูดขอโทษคือฉันต่างหาก นายไม่อยากอยู่ที่นี่ เพียงเพราะว่านายไม่อยากจะเจอฉัน ฉันยอมรับว่าการที่ฉันรั้งนายไว้มันเห็นแก่ตัว แต่เพื่อหลบหน้าฉัน นายกลับทอดทิ้งผู้ป่วยที่เชื่อมั่นในตัวนายเหล่านั้น ทอดทิ้งเหล่าคนไข้ที่ต้องเดินทางมาแสนไกลเพื่อมาหานาย แบบนี้นายไม่เห็นแก่ตัวกว่างั้นหรือ?”
ขณะนั้นก็มีทั้งหมอและพยาบาลที่เดินผ่านไปผ่านมา ยิ้มทักทายพวกเขา “สวัสดีคุณหมอถัง คุณหมอฉู่”
ถังจิ้นเหยียนผงกหัวรับ ลั่วหานเองก็ยิ้มกริ่มพูดต่อ “วันนี้คุณหมอถังของพวกเธอ รู้สึกว่าหล่อกว่าปกติหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว! ทุกวันน่ะคุณหมอถังหล่อทะลุขีดอยู่แล้ว! ถือว่าเป็นเทพบุตรคนแรกของพวกเราเลยนะ!” นางพยาบาลคนหนึ่งกล่าวชมออกมา
“คูณหมอถัง การผ่าตัดเมื่อวานสำเร็จไปด้วยดีเลยนะ ตอนนี้ผู้ป่วยฟื้นแล้วด้วย เขาบอกว่ารอให้คุณไปตรวจเขาที่ห้อง แล้วเขาจะขอบคุณต่อหน้าให้ได้น่ะ!” คุณหมอท่านหนึ่งยิ้มแก้มปริ พลางชูนิ้วโป้งให้
“เก่งมากเลยค่ะ คุณหมอถัง!”
หลังจากพวกนั้นจากไป ลั่วหานก็คว้าบัตรทำงานที่แขวนอยู่ตรงคอเสื้อของเขาขึ้น พร้อมกับพูดอย่างมั่นใจ “ได้ยินแล้วหรือยังคุณหมอถัง นายจะทำใจทิ้งพวกเธอได้ลงคอเชียวหรือ? นายทำใจทิ้งเหล่าผู้ป่วยที่นายได้สร้างปาฏิหาริย์ให้กับพวกเขางั้นหรือ?”
ถังจิ้นเหยียนทั้งเคยดิ้นรน เคยลังเล เคยคิดถึงความเป็นไปได้หลายๆ อย่างมาก่อน แต่เขาก็ยังคงส่ายหัว “ลั่วหาน เธอให้ฉันได้เห็นแก่ตัวสักครั้งเถอะนะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”
ลั่วหานรั้งชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “จิ้นเหยียน พวกเราจะคบกันในฐานะเพื่อนไม่ได้จริงๆ งั้นหรือ? พวกเราให้โอกาสอีกฝ่ายสักครั้ง สัญญากับฉันสิว่าจะอยู่ต่อ ได้ไหม?”
ถังจิ้นเหยียนสะบัดมือของเธอทิ้ง ก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น “ลั่วหาน แล้วเธอช่วยผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจของฉันสักครั้งได้หรือเปล่า? ช่วยเอาเธอที่อยู่ในใจของฉันทิ้งไปได้ไหม?