ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 561
ตอนที่ 561 แค่ได้เจอท่านเซียวชีวิตรักก็แทบจะพังทลาย
เธอหวังว่าจะได้ถูกเติมเต็มความปรารถนา เขาจะทำให้เธอสมหวังได้
หลงเซียวเดินไป จูงลั่วหานออกมา ใช้มือนวดลงที่คิ้วของเธอ“เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่คุ้มค่าอะไรเลย ก็แค่เสื้อตัวเดียวเอง คุณใส่อะไรผมก็ชอบหมดแหละ แถมคุณภรรยาก็ควรจะรู้ว่า ผู้หญิงที่ตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อคนที่รัก คนรักของคุณก็คือผม แค่ผมรู้สึกว่าดูดีก็พอแล้ว”
ลั่วหานปัดมือของเขาทิ้ง จู่ๆอารมณ์ก็กลับดีขึ้นมา“ปากของคุณหลงยิ่งอยู่ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆเลยนะ เวลาจะคุยกับคุณต้องพกพจนานุกรมจีนสมัยใหม่มาด้วยใช่ไหม?”
หลงเซียวส่งสัญญาณให้อาเซียงจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ส่วนตนเองพาลั่วหานออกไปนอกห้องนอน เดินไปพลางพูดขึ้น“ทางด้านดวลฝีปากผมสู้คุณไม่ได้หรอก แค่คุณพูดมาประโยคเดียวผมก็เงียบปากแล้ว”
ทั้งสองลงบันไดมา หลงเซียวประคองลั่วหานนั่งลงบนโซฟารูปวงกลม เอาน้ำมาเสิร์ฟให้เธอ
ลั่วหานรู้สึกแปลกใจ ทำไมจู่ๆเขาถึงเอาใจใส่ขนาดนี้?
“ว่ามาสิ อยากพูดเรื่องอะไรกับฉันก็พูดมา? ไปรู้จักกับใครมาอย่างนั้นเหรอ ผู้หญิง? อายุเท่าไร? ทำอะไร? ความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
ลั่วหานถือแก้วน้ำนิ่งสนิท เงยคางมองเขา ท่าทางแบบนั้นมันเหมือนกับแม่ที่กำลังสอบสวนลูกอยู่
หลงเซียวยิ้มออกมาทันที“ใช่ ผู้หญิง เป็นหมอ พัฒนาถึงขั้นที่ร่วมเรียงเคียงหมอน ร่วมหอลงโรงตกผลึกกลายเป็นความรักไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องอายุ สำหรับผมแล้ว เธออายุยี่สิบอยู่ตลอดเวลาแหละ”
ลั่วหานไม่ได้ดื่มน้ำเข้าไปสักคำ ยิ้มออกมาอย่างหุบลงไม่ได้“พอเถอะ สรุปแล้วเรื่องอะไรกันแน่? งานเลี้ยงในตอนค่ำ คุณหลงกำลังทำบางสิ่งที่มันไม่เหมือนกับสิ่งที่เห็นอยู่ใช่ไหม? ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม? คุณหลงจัดงานเลี้ยง จะเชิญมหาเศรษฐีมาครึ่งประเทศเลยใช่ไหม? ฉันต้องถือโอกาสนี้เสนอขายสินค้าของบริษัทฉู่ซื่อด้วยเลยไหม? หรือว่าช่วยโฆษณาให้แทนโรงพยาบาลหวาเซี่ย?”
ลั่วหานพูดร่ายยาวชุดใหญ่ พูดจนหลงเซียวเอามือกุมหน้าผาก อย่างที่คิดไว้ การดวลฝีปากเขาสู้เธอไม่ได้จริงๆ
“ไม่ใช่ งานเลี้ยงในคืนนี้ คนสำคัญมีแค่คนเดียวเท่านั้น คนอื่นเป็นผู้ชมทั้งหมด ดังนั้นในคืนนี้คนสำคัญของผมอาจจะรู้สึกเหนื่อยสักหน่อย คุณท้องอยู่ ผมไม่อยากทำให้คุณลำบากเกินไป ช่วงบ่ายคุณพักผ่อนที่บ้านก่อน ตอนค่ำผมค่อยเรียกคุณเอง”
หลงเซียวให้เธอนั่งลง แล้วลูบเบาๆที่ไหล่ของเธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งสามารถทำให้คนที่เห็นจมดิ่งลงไปข้างในได้
ลั่วหานไม่เชื่อ ว่าคนเจ้าเล่ห์แบบเขา จะพลาดโอกาสที่ดีขนาดนี้ไปได้ แต่เขาพูดขนาดนี้เธอก็เชื่อไว้ก่อนแล้วกัน“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก พละกำลังกับสติปัญญาก็พอไหวอยู่ แต่ว่า คืนนี้คุณต้องดื่มใช่ไหม? กินยาก่อนสักหน่อยสิ”
หลงเซียวไม่ตอบ ดูแค่เธอที่กำลังพูดอยู่ ท่าทางที่พูดเหมือนกับกำลังไม่สบอารมณ์
ลั่วหานถูกเขามองจนพูดอะไรไม่ออก“วันนี้คุณดูแปลกไปจริงๆ คุณอยู่แบบนี้ฉันเริ่มชักจะสงสัยแล้วว่าอะไรดลใจคุณกันแน่”
“เหอะๆ!เอาล่ะ ผมให้อาเซียงมานวดให้คุณแล้วกัน ผมจะออกไปก่อน ถ้าเกิดตอนค่ำผมกลับมารับคุณไม่ทัน ก็ให้หยังเซินพาคุณไปแทน ส่วนเรื่องเสื้อผ้าคุณไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องเล็กน้อยแบบนี้คุณภรรยาไม่ต้องมาจัดการเอง ผมเตรียมให้คุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
เขาลูบผมยาวๆของเธอ รวบผมเธอมาเล่นในมือด้วยความเคยชิน ก่อนจะทัดไปที่หลังหูของเธอ รู้สึกว่ามันยังไม่พอ จึงเอียงตัวจูบลงไปที่ติ่งหูของเธอ
สายตาสวยงามเปล่งประกายของลั่วหานมองสำรวจเขา“หลงเซียว คุณไม่มีเรื่องอะไรจริงๆใช่ไหม?”
“มีสิ ก็เลยต้องออกไปนี่ไง”
ลั่วหาน“……”
ทันใดนั้น รถของจี้ตงหมิงก็ขับมาถึงบ้านวิลล่า เขาถือถุงกระดาษลงมาจากรถ เห็นหลงเซียวในชุดสูทสีดำเดินมาจากบันได
“เจ้านาย เอ่อ……”
“ใส่เข้าไป ขับรถพาฉันไปส่งที่ที่หนึ่ง”
“ครับ!”
จี้ตงหมิงเอาเสื้อผ้าให้กับคนรับใช้ แล้วหันกลับมาขับรถด้วยความรวดเร็ว“เจ้านายจะไปที่ไหนครับ?”
“สุสาน”เขาพูดออกมาหนึ่งคำโดยที่ไร้ซึ่งสีหน้าอารมณ์ใดๆ
พรวด!!
จี้ตงหมิงแทบจะกระอักเลือด สุสาน?!วันไหว้พระจันทร์ไปสุสานเนี่ยนะ!เจ้านายนี่ช่างมีความคิดสร้างสรรค์เหมือนกันนะ!
หลงเซียวเปิดมือถือ กดเปิดข้อความข้อความหนึ่งขึ้นมาดู หลังจากที่อ่านจบไปหนึ่งรอบ เขาก็ตอบกลับไปสองสามคำ
ไม่นาน ก็มาถึงสุสาน สุสานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงเนื้อที่กว้างใหญ่มาก เพราะว่าทำเลดี มีลมพัดโกรก สุสานของที่นี่จึงแพงแบบต่อรองราคาไม่ได้ หลุมศพล้วนแต่เป็นคนที่มีเงินมีอำนาจของเมืองหลวงทั้งสิ้น
รถเบนซ์สีดำมาจอดอยู่ตรงทางเข้าสุสาน หลงเซียวซื้อเก๊กฮวยขาวกับดอกลิลลี่มาหนึ่งช่อ ดอกไม้ช่อใหญ่โตปิดบังส่วนด้านหน้าของเขาเอาไว้จนมิด
ก้าวเท้าเดินไปยังทิศทางที่เขาตั้งใจจะเดินไปอยู่แล้ว แววตาเศร้าโศก สีหน้าขมขื่น
จี้ตงหมิงตกใจจนกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก ตามชิดติดอยู่ข้างหลังเขาไม่กล้าห่างไปไหน“เจ้านาย จะมาไหว้หลุมศพใครเหรอครับ?”
แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเห็นเจ้านายมาสถานที่แบบนี้มาก่อน เอ่อ ไม่ใช่สิ นอกจากตอนที่คุณหญิงแกล้งตาย ทำให้ในวันเทศกาลของทุกๆปีที่เขาจะไปที่หลุมศพปลอมๆของเธอแล้ว ก็ไม่เคยไปไหว้หลุมศพใครคนอื่นอีก
แต่ตอนนี้คุณหญิงก็อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?
จู่ๆรูปร่างสูงยาวของหลงเซียวก็หยุดลง เขาไปยืนอยู่ตรงหน้าป้ายสีดำ โค้งตัวไปมองชื่อที่อยู่บนป้าย โดยเฉพาะรูปที่อยู่ตรงกลาง
ด้านหน้าป้ายหลุมศพมีดอกไม้สดวางอยู่หนึ่งช่อ บนดอกไม้ยังมีหยดน้ำอยู่
จี้ตงหมิงมองรูปนั้นด้วยความสงสัย แล้วก็หันมามองเจ้านาย
“มู่เส้าเอิน? เจ้านายคุณมู่เป็นนักธุรกิจชาวจีนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากที่ประเทศอเมริกาในตอนนั้น แต่ทำไมป้ายหลุมศพของเขาถึงมาอยู่ที่ประเทศจีนล่ะ? ดูเหมือนว่าเขา……”จี้ตงหมิงไม่กล้าพูดต่อ พูดต่อไปก็จะยิ่งรู้สึกสยดสยองยิ่งมีกลิ่นคาวเลือดยิ่งกว่าเดิม
หลงเซียววางช่อดอกไม้สีขาวไว้หน้าหลุมศพ วางไว้ใกล้กันกับดอกไม้ช่อนั้น ก้มตัวลงไปใกล้ใบหน้าที่ดูมีความเมตตาและความอบอุ่น แววตาที่ดำแววทั้งเฉียบคมทั้งอ่อนน้อม“สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์นะครับ”
เขาพูดออกมาสองสามคำอย่างง่ายๆจี้ตงหมิงในหัวเต็มไปด้วยคำถาม แต่ไม่กล้าถาม บรรยากาศหนักแน่นเกินไปจริงๆ เขาไม่กล้าทำอะไรเสียงดัง
มู่เส้าเอินมีเพื่อนเก่าที่เมืองหลวงด้วยเหรอ? รู้สึกตกใจไม่น้อย
“ไปกันเถอะ”
หลงเซียวไหว้หลุมศพพ่อเสร็จ ก็เดินจากไป เดินออกจากหลุมศพโดยที่ไม่หันกลับมา
จางหย่งตามหยวนชูเฟิน สุดท้ายก็เห็นเธอเข้าไปในสุสาน ไหว้หลุมศพมู่เส้าเอิน จึงเอาข้อมูลนี้ไปบอกกับหลงเซียว หลงเซียวจึงตัดสินใจไปดูสักหน่อย
แต่หยวนชูเฟินก็จากไปเสียก่อน
ป้ายหลุมศพนี้ดูอายุหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าสร้างไว้ตอนไหน แต่ยืนยันได้ว่า แม่จะมาที่นี่ในวันนี้ของทุกๆปี
แม้ว่าจะป่วยหนัก ก็ยอมฝืนทนมาอย่างไม่ลังเล แต่ทำไมเธอถึงไม่อยากให้เขารู้เรื่องหลุมศพกันนะ?
หลงเซียวหลับตาอย่างครุ่นคิด
——
ตกกลางคืน พระจันทร์ที่เต็มดวงในวันไหว้พระจันทร์ ลอยสูงเด่นบนยอดไม้ ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆจากทางทิศตะวันออก แสงจันทร์ส่องแสงไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ทำให้เมืองทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยความสว่างไสวสีขาวนวล
ภายในห้องโถงงานเลี้ยงของตึกClub.HT เสียงเปียโนที่ไพเราะลอยละล่องอย่างช้าๆ ลำโพงช่วยกระจายเสียงเพลงเอื่อยๆไปยังทั่วทุกมุมของห้องโถง
โคมระย้าสวารอฟสกี้ส่องแสงไปทั่วห้องโถงจนสว่างแสบตายิ่งกว่าในตอนกลางวัน พื้นที่สะอาดและแวววาวสะท้อนให้เห็นกลุ่มคนที่กำลังสังสรรค์พูดคุยกันอย่างมีความสุข ตรงกลางห้องโถงมีแชมเปญวางเรียงสูงเป็นหอคอย
ทางส่วนของโซนอาหารก็มีขนมต่างๆนานาหลากหลายประเภท ขนมไหว้พระจันทร์ รูปร่างดูสวยและเก๋ไก๋ แต่ละชิ้นล้วนแต่เป็นงานฝีมือทั้งสิ้น
งานเลี้ยงตกแต่งสไตล์แบบบารอกเป็นหลัก ให้ความรู้สึกดูสวยงาม สูงศักดิ์ หรูหรา
ไป๋เวยกับกู้เยนเซินมาด้วยกัน ทั้งสองที่ดูเหมาะสมเข้ากัน สวมชุดทางการที่ดูสูงส่งเดินเข้าไปในกลุ่มคน ยืนอยู่ด้วยกันกับเหล่าผู้คนที่แต่งกายสวยงามหรูหราเพื่อมางานเลี้ยงเช่นเดียวกัน
ไป๋เวยถอนหายใจออกมา“เห็นแล้วยัง นี่สิถึงเป็นงานเลี้ยงเกรดสูง สมกับที่เป็นท่านใหญ่จริงๆ งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ที่หรูหราดูแพง!”
กู้เยนเซินยกแก้วไวน์ขึ้นมา แกว่งเล็กน้อย“คุณอยากได้ไหม? รอพวกเราแต่งงานกันผมจะจัดงานเลี้ยงแบบนี้ให้กับคุณ ไม่สิ ให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ไปเลย”
ไป๋เวยสูดหายใจเข้าจมูก“ช่างเถอะ!ท่านเซียวทำขนาดนี้ก็เพราะวามคิดสร้างสรรค์ ส่วนคุณก็แค่ทำตามเขา ไม่เอาหรอก!”
กู้เยนเซินหาวหนึ่งที“เวยเวย คุณมีอคติกับผมมากเกินไปเปล่า อย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับคุณชายหลงตลอดเวลาสิ ตอนที่ผมอยู่มหาวิทยาลัยก็ถูกเขานำห่างไปถึงขนาดที่ไฟหลังรถยังมองแทบไม่เห็นแล้ว”
ไป๋เวยหลุดขำออกมา ตบๆที่คางของเขาพร้อมกับพูดขึ้น“ไม่เป็นไร ฉันไม่รังเกียจคุณหรอกค่ะ”
“โถ่!”
พูดคุยกันไป คนในงานก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แถมแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นคนรู้จักในวงการธุรกิจที่มีหน้ามีตากันทั้งนั้น
เกาจิ่งอานที่สวมสูทสีดำ ยิ้มมาทางกู้เยนเซินอย่างกระฉับกระเฉง“โอ้ งานเลี้ยงของพี่ผมไม่ธรรมดา ตะกี้ผมเห็นคนของบริษัทเซิ่งซื่อและคนของบริษัทจุนหลินด้วยล่ะ ท่านประธานของบริษัทซีเฟิงก็อยู่ด้วย”
กู้เยนเซินแบะปาก“ไร้สาระ งานเลี้ยงของคุณชายหลง อย่างน้อยก็ต้องเชิญคนแก่ประสบการณ์ของแวดวงธุรกิจมาอยู่แล้ว แต่ว่า……”สายตาของกู้เยนเซินพบว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเกาจิ่งอานคิดไม่ถึงว่าจะเป็นโจวโร่หลิน!
โจวโร่หลินยิ้มแห้งๆ“ประธานกู้ ประธานไป๋ บังเอิญจังเลยนะคะ”
รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน!
โจวโร่หลินใช้แรงหยิกเกาจิ่งอาน“คนโกหก!ไหนคุณบอกว่าจะไม่เจอคนรู้จักไง!!”
คุณชายกู้ยิ้มเหอะๆให้กับไป๋เวย“อุ้ยตายเสี่ยวโจวเตรียมเปลี่ยนงานแล้วเหรอ? เจ้านายในอนาคตของคุณดีกับคุณจริงๆเลยนะ พาคุณมาเข้าร่วมงานด้วย”
เกาจิ่งอานตบๆลงที่หัวของโจวโร่หลิน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ“ผมไม่ใช่เจ้านายในอนาคตของเธอ แต่อาจจะเป็นสามีในอนาคตของเธอต่างหากล่ะครับ”
โจวโร่หลินยกส้นสูงขึ้นมา เหยียบลงไปที่รองเท้าหนังของเขา——
กึก!
เหยียบไม่โดน!
เกาจิ่งอานที่เคยโดนมาก่อนเริ่มที่จะเรียนรู้แล้ว หลบเธออย่างลื่นไหล โจวโร่หลินกัดฟันด้วยความโมโห“เหอะๆๆ ประธานกู้คุณอย่าเข้าใจผิด ประธานเกาได้รับบาดเจ็บไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ฉันก็แค่มาช่วยเขาเท่านั้นเองค่ะ เหอะๆๆๆ!”
ไป๋เวยทำท่าเข้าใจ“เสี่ยวโจว ใจเย็น พวกเราไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
โจวโร่หลินสีหน้านิ่งขรึม ทั้งโกรธทั้งอาย
พูดพลาง โม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวินก็มาด้วย โม่หรูเฟยเข็นรถเข็นของซุนปิงเหวิน การปรากฏตัวของทั้งสองแย่งซีนทั้งงาน คนหนึ่งสวมชุดเซ็กซี่วับๆแวมๆ ส่วนอีกคนก็พิการ
“ให้ตายสิ!พี่ทำไมถึง……”เกาจิ่งอานยังไม่ทันพูดจบ เงยหน้าไปเห็นเสิ่นคั่วกับจ้าวฟางฟางพอดี“เห้ย!พวกเขาก็มาเหมือนกันเหรอเนี่ย!”
คุณชายกู้ทำสายตาส่งซิกให้กับเขา“อย่างเพิ่งเห้ยก่อน คุณดูสิว่านั่นคือใคร”
เกาจิ่งอานหันหน้าไปดู อ้าปากค้าง“พวกหลงถิง หลงจื๋อ? งานเลี้ยงวันนี้คงจะไม่ใช่สงครามโลกใช่ไหม? คุณชายกู้คุณพกปืนมาแล้วยัง?”
กู้เยนเซินปากยิ้มเล็กน้อย ยกไหล่“ไม่ได้พกมา อีกเดี๋ยวผมกะจะขุดหลุมเอาชีวิตรอดแทน”
ทันใดนั้น จู่ๆงานเลี้ยงก็เงียบลง เหล่าบรรดาผู้คน สายตาต่างจับจ้องไปยังบันไดวน คนสวมชุดสีน้ำเงินดูสง่างาม บรรยากาศนิ่งเงียบกดเสียงดังวุ่นวายของเหล่าคนนับร้อยในห้องโถงชั้นหนึ่งจนเงียบสนิท
หลงเซียวยืนอยู่ตรงราวบันไดสีทอง แววตาที่นิ่งลึกกวาดมองบรรดาแขกในงานหนึ่งรอบ มุมปากดูเย้ยหยันอย่างบอกไม่ถูก
เกาจิ่งอานตาโตทันที ดึงโจวโร่หลินไว้พร้อมกับพูดขึ้น“ยัยบ๊อง พี่ของผมหล่อใช่ไหมล่ะ!”
“หล่อ!นำคุณไปหลายร้อยขุมเลยล่ะ!”
เกาจิ่งอานรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดแล้ว เอนหัวของเธอไปทางอื่นไม่ให้เธอมองอีก“ผมกับพี่สไตล์ไม่เหมือนกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้!”
ไป๋เวยชื่นชมอย่างเหม่อลอย“เทพบุตร นี่มันเทพบุตรชัดๆ!”
กู้เยนเซินไอกระแอมสองที“คุณภรรยานั่นอะไรน่ะ กินขนมไหว้พระจันทร์ไหม?”
“ถอยไป!ไม่กิน!”
กู้เยนเซินพูดสบถออกมา“พอเห็นหลงเซียวแล้วไม่สนใจคนรักเลย คงจะไม่เห็นหัวสามีแล้วสินะ!”
เกาจิ่งอานแท็กมือกับเขาด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ทำไมผมถึงต้องเกิดมาร่วมโลกกับหลงเซียวด้วยเนี่ย!”
ไป๋เวยกับโจวโร่หลินกลอกตามองบนใส่พวกเขาทั้งสองคน“ไสหัวไปเลย!”
ท่ามกลางคำชื่นชมของผู้คน หลงเซียวที่สวมชุดสีน้ำเงินเดินลงมา มุมปากยิ้มสูงส่งราวกับมาให้ทานอย่างไรอย่างนั้น
“ทุกท่านอุตส่าห์เสียสละมาจากที่ไกลๆ กระผมต้องขอขอบพระคุณอย่างสุดซึ้ง”
เขาหยิบแก้วแชมเปญหนึ่งแก้วมาจากถาดของเด็กเสิร์ฟ ชูขึ้นมาข้างหน้า“คืนนี้ผมกับภรรยาของผมขอเชิญทุกท่านเชยชมพระจันทร์ร่วมกัน ไกลสุดหล้าในเวลานี้ก็จันทร์ดวงเดียวกัน!”