ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 565
ตอนที่ 565 คลื่นใต้น้ำเพิ่มระดับขึ้น
“นี่แก!หลงเซียว คิดไม่ถึงว่าแกจะพูดกับฉันแบบนี้!แกมันไอ้เนรคุณ!”
หลงถิงโมโหฉุนเฉียว ยื่นมือออกมาจะทุบตีหลงเซียว แต่มือของเขาเพิ่งจะง้างขึ้น หลงเซียวก็คว้าข้อมือของเขาไว้ก่อน
แสร้งทำเป็นยกคิ้วเบาๆ“แค่เรื่องล้อเล่นกันระหว่างพ่อลูกเท่านั้น พ่อถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ? มีคนมากมายกำลังดูอยู่นะ”
“แก……”
เขาบอกว่าเป็นการล้อเล่น คิดไม่ถึงว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้เขาจะพูดออกมาว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น!
ลั่วหานขำแทบตาย หลงถิงเอ๋ยหลงถิง สองมือของคุณโชกไปด้วยเลือดของคนจำนวนนับไม่ถ้วน คงจะนึกไม่ถึงว่าจะมาเผชิญกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้สินะ!
รู้สึกดีจริงๆ!รู้สึกดีสุดๆ!
หลงถิงข้อมือเริ่มเจ็บ โกรธจนเส้นเลือดปูดออกมาจากหน้าผาก เส้นเลือดแต่ละเส้นนูนสูงออกมาจากผิวหนัง ทำให้ใบหน้าของเขาดูดุร้ายขึ้นมาอีกหลายเท่า
ข้างนอก
รถเมอร์เซเดส เบนซ์สีดำขับมาจอด รถขับผ่านพรมแดงจนกลายเป็นรอยล้อสีดำเป็นทาง จอดได้นิ่งเรียบมาก
ในรถมีเสียงหาวดังออกมาด้วยความขี้เกียจ ส้งชิงเซวี๋ยนยืดเอวขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสบายๆ“โอ้ พ่อหนุ่มผู้ทำลายธุรกิจของครอบครัว!”
หยังเซินได้ยินส้งชิงเซวี๋ยนพูดถึงประธานของเขาแบบนี้ สีหน้าก็ดำมืด“ศาสตราจารย์ส้ง เชิญลงรถครับ ท่านประธานกับคุณหญิงอยู่ข้างในหมดแล้วครับ”
ส้งชิงเซวี๋ยนจัดๆเสื้อคลุมยาวสีเขียวที่ดูเด่นแปลกแตกต่างจากคนทั่วไปของตัวเอง ก่อนจะเดินลงจากรถอย่างสบายๆ เงยหน้าขึ้นมาเห็นดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่บนฟ้าพอดี ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง เขาดันได้ยินเสียงคนกำลังก่อเรื่องอะไรอยู่ จุ๊ๆ คนที่กำลังก่อเรื่องคนนั้น ก็ดันเป็นหลงเซียวที่เขาไม่อยากจะด่าแม้แต่ประโยคเดียวประโยค
จุ๊ๆ!
วัยรุ่นหนอ ช่างพลิกกลับไปกลับมาไม่หยุดไม่หย่อนจริงๆ
“โอ้ มีพวกหนักข่าวซะด้วย มาสัมภาษณ์ฉันกันเหรอ”
ส้งชิงเซวี๋ยนเดินตรงเข้าไป กลุ่มนักข่าวไม่ได้สนใจอะไรเขา แค่รู้สึกว่าเขาใส่ชุดที่ค่อนข้างแปลกก็เท่านั้น แถม พวกเขาก็ไม่ได้สนใจชายแก่ด้วย พวกเขาอยากรู้แค่การเคลื่อนไหวล่าสุดของBOSSใหญ่ข้างในเท่านั้น
ส้งชิงเซวี๋ยนก็ถูกเพิกเฉยไปโดยสิ้นเชิง“แน่ใจเหรอว่าจะไม่สัมภาษณ์ฉัน? อีกเดี๋ยวถ้าอยากสัมภาษณ์ล่ะก็ ฉันจะไม่พูดอะไรแล้วนะ”
นักข่าวเหลือบตามองเขา ไม่พบจุดไหนที่คุ้มค่ากับการสัมภาษณ์เลย กะอีแค่ชายแก่ที่มีความสัมพันธ์กับเหล่าเศรษฐีเท่านั้น
“โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าไปแล้วนะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนโบกๆมือให้กับพวกนักข่าว เดินบนพรมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เดินด้วยท่าทางสบายจิตสบายใจสุดๆ หยังเซินก็อึ้งกิมกี่เช่นกัน ไม่เคยเจอลุงแบบนี้มาก่อน
หยังเซินไปส่งเขาถึงประตูด้วยตนเอง ก่อนจะพูดกำชับขึ้น“ศาสตราจารย์ส้ง คืนนี้มีแต่บุคคลระดับแถวหน้าภายในประเทศทั้งนั้น ท่าน……”
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่มีกะจิตกะใจที่จะฟังคำพูดไร้สาระของเขา เดินตรงเข้าไปในห้องโถงทันที โคมไฟระย้าที่ส่องสว่างสาดแสงลงมาทำให้เสื้อคลุมยาวดูสว่างขึ้นมา ส้งชิงเซวี๋ยนอ้าปากเล็กน้อยด้วยความไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไร
“นี่ใครกันน่ะ? สวมชุดแปลกขนาดนี้?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าบ้านจน คิดไม่ถึงว่าจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลงด้วย เหอะๆ!”
“แต่ดูท่าแล้วเขาเหมือนจะคุ้นเคยกับที่นี่มากเลยนะ คงจะไม่ใช่เพื่อนลับๆของท่านเซียวหรอกใช่ไหม?”
“คุณดูละครเยอะไปหรือเปล่า?”
ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา ส้งชิงเซวี๋ยนสองมือไขว้หลัง เดินย่ำตามทำนางเพลงอย่างช้าๆเขาดูเหมือนเดินครุ่นคิดอะไรอยู่ แต่สายตากวาดมองคนในห้องโถงหนึ่งรอบ
โอ้ ไม่เลวเลย เหนือความคาดหมายเลยนะเนี่ย
จ้าวฟางฟางที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนทำตาโตด้วยด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าตื่นเต้นมากเกินไป แก้วในมือของเธอแทบจะไหลลื่นตกลงพื้น เธอจ้องส้งชิงเซวี๋ยนอย่างเหม่อลอย อ้าปากค้าง
ส้งชิงเซวี๋ยน!หมอที่ช่วยชีวิตเถียนเถียน!
เขาเป็นหมอเพียงคนเดียวที่รักษาโรคประเภทนั้น!
จ้าวฟางฟางถกกระโปรงขึ้น รอไม่ไหวที่จะอยากพุ่งเข้าไปพูดคุยกับส้งชิงเซวี๋ยน เธอแทบไม่สนใจเลยว่าเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน แทบไม่สนใจเลยว่าส้งชิงเซวี๋ยนจะอารมณ์ร้ายแรงแค่ไหน เธอต้องการรักษาอาการป่วยของลูก!เธอต้องทำให้ส้งชิงเซวี๋ยนก้มหัวให้ได้!
แต่แค่ เสียรองเท้าส้นสูงของเธอดังขึ้นมานิดเดียว จู่ๆตรงหน้าของส้งชิงเซวี๋ยนก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
หวังเค่ยเห็นส้งชิงเซวี๋ยนเข้ามา ก็เดินไปต้อนรับเขาด้วยความแปลกประหลาดใจ หวังเค่ยอยู่ตรงประตูทางเข้าของงานเลี้ยง ฝีเท้าเร็วมาก“ศาสตราจารย์ส้ง สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์ครับ!คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคุณที่นี่!”
ศาสตราจารย์ส้งเบะๆปาก“พ่อของเสี่ยวเถียนเถียนเองเหรอ ฮ่าๆ เถียนเถียนเป็นยังไงบ้าง?”
หวังเค่ยยิ้มหน้าบานพร้อมกับพูดขึ้น“หายสนิทแล้วล่ะครับ ไม่มีอาการกำเริบอีกแล้ว ศาสตราจารย์ส้งเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของเถียนเถียน คืนนี้ผมจะต้องดื่มให้กับคุณหนึ่งแก้ว!”
ส้งชิงเซวี๋ยนโบกๆมือไม่รับแก้วด้วยท่าทีรังเกียจ“คุณจะดื่มให้ผม? ช่างเหอะ ผมไม่ดื่มกับคุณ ผมจะดื่มกับเสี่ยวลั่วลั่วและเซียวเซียว!แหะๆ!”
เสี่ยวลั่วลั่วไม่เป็นไร แต่เซียวเซียวนี่……
หวังเค่ยสีหน้าดำมืดมน“อ๋อ แบบนี้เอง ศาสตราจารย์ส้งเชิญข้างในครับ”
ส้งชิงเซวี๋ยนจากไป เหลือเพียงความว่างเปล่า ทำให้หวังเค่ยเห็นจ้าวฟางฟางเข้าพอดี จ้าวฟางฟางในค่ำคืนนี้สวมชุดสีเหลืองอ่อนดูสวยงาม ชุดเกาะอกรัดช่วงรอบอกอย่างสง่างาม ดูมั่นอกมั่นใจกว่าเมื่อก่อนเยอะ
ที่ใบหน้าดูผ่านการใช้กรดไฮยาลูโรนิคมา ผิวดูอิ่มน้ำสุขภาพดีราวกับเด็กสาว แต่ความโกรธและความชั่วร้ายในแววตากลับเผยอายุที่แท้จริงของเธอ
หวังเค่ยยกแก้วขึ้นมา แกว่งๆไวน์ แสงไฟสว่างไสว ชุดสูทสีดำที่สวมใส่อยู่ทำให้รูปร่างสูงยาวของเขาดูสบายตามาก
จ้าวฟางฟางตกใจขึ้นทันที ความตกตะลึงทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับพลาดผู้ชายดีๆที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้คนหนึ่งไป ดังนั้นสีหน้าอารมณ์จึงดูประหลาดใจมาก
หวังเค่ยแววตาทอดถอนใจด้วยความเศร้าและหมดสิ้นหนทาง ยกขายาวๆขึ้นกะที่จะไม่ไปปฏิสัมพันธ์กับเธอ ความรักในอดีต เขาไม่อยากทำให้มันดูแย่ไปกว่านี้
แต่จ้าวฟางฟางกลับคิดอีกแบบ เธอกวาดตามองเหล่าแขกในงาน พบกว่าเสิ่นคั่วกำลังดื่มเหล้าคุยโม้กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอยู่ จึงตัดสินใจ เดินตรงไปยังหวังเค่ย
ส้งชิงเซวี๋ยนแหวกกลุ่มคน ยิ้มเหอะ สองมือสอดเข้าไปในแขนเสื้อ แขนเสื้อทั้งสองไว้ด้านหน้า เหมือนกับเหล่าคนรับใช้ในสมัยก่อนที่ใช้แขนเสื้อมาให้ความอบอุ่นกับมือในช่วงฤดูหนาว“เสี่ยวลั่วลั่ว ฉันมาแล้ว ไม่มีใครไปต้อนรับหน่อยเลยเหรอ?”
เขาเบะๆปาก ทำท่าออดอ้อนเหมือนเด็กเวลาโกรธ
ลั่วหานตกใจจนอ้าปากกว้าง จากนั้นก็ยิ้มแย้มอย่างยินดีขึ้นมาทันที“ชายชราคุณกลับมาได้ยังไง?”
หลงเซียวประสิทธิภาพสูงเกินไปแล้วไหม? รับคนกลับมาจริงๆ?
หลงเซียวก้มหัวอย่างมีมารยาท ก่อนจะพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“ลุง กำลังรออยู่เลย”
ส้งชิงเซวี๋ยนทำท่าทางอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยกแขนขึ้นสูง ใช้แขนเสื้อถูจมูกๆ เหมือนกับเด็กที่ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำมูก การกระทำนั่นมันที่สุดแล้วจริงๆ!
ลั่วหานขมวดคิ้ว กลั้นยิ้มชายชรา คืนนี้คุณจะมาแบบไหนกันเนี่ย?
ส้งชิงเซวี๋ยนก็ยิ้มตอบกลับให้เขาอย่างคาดเดาไม่ถูกเหมือนกัน“เตรียมอะไรไว้ในงานเทศกาลบ้าง? รีบเอามาเถอะ อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ มีไส้ไข่แดงไหม? ฉันชอบกินที่สุดเลย!”
ลั่วหาน“……”
หลงเซียวยิ้มอย่างอารมณ์ดี“มีครับ เตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลย”
ส้งชิงเซวี๋ยนพยักหน้าอย่างพออกพอใจ จากนั้นเขาก็เห็นหลงถิงที่มองสำรวจเขาอยู่จากที่ไกลๆ ถูๆจมูก“ดูท่าแล้ว ควรจะทักทายสักหน่อยสินะ!”
ใช่แล้ว ควรจะทักทาย สามสิบปีลมพายุผ่านไปแล้ว ผ่านอะไรมาไม่น้อย ทั้งสองคนในช่วงเวลานี้ ล้วนแต่เดินมาถึงจุดบั้นปลายของชีวิตกันแล้ว หันกลับไปมองเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ความรู้สึกที่ผ่านมาเกรงว่าจะมีแค่คนแบบเราๆเท่านั้นที่จะเข้าใจ
ส้งชิงเซวี๋ยนเดินก้าวเท้าตรงไป ทีละก้าวๆ ใบหน้ายิ้มแย้ม เดินตรงไปยังเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา เดินตรงไปยังสิ่งชั่วร้ายสิ่งนั้น
ก้าวก้าวนี้ ช่างยาวเหลือเกิน ข้ามผ่านมาหลายสิบปี!
จู่ๆรูม่านตาของหลงถิงก็หดลง ราวกับว่าเห็นปีศาจ ร่างกายของเขาสั่นไปหมด หลงเซิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ เห็นเข้ากับส้งชิงเซวี๋ยน
ใช่เขาเหรอ?
“เพื่อนเก่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”ส้งชิงเซวี๋ยนเอียงๆปากอย่างสบายๆไม่จริงจัง ยิ้มอย่างอิสระ
หลงถิงรีบจัดการกับอารมณ์อย่างรวดเร็ว พยายามเก็บความตื่นตกใจเอาไว้“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนหัวเราะเหอะๆ“พอเห็นฉันแล้วตกใจใช่ไหมล่ะ? ฮ่าๆๆ ก็ใช่สินะ ดูเหมือนว่านายไม่ค่อยอยากที่จะเจอฉันเท่าไรนี่นา”
หลงถิงกำมือแน่น เส้นเลือดหลังมือของเขาปูดขึ้นมาสูงกว่าเมื่อกี้มาก จิตใจของเขาในค่ำคืนนี้ได้รับความกดดันจนเกินพิกัดแล้ว
“ฉันไม่เข้าใจว่านายกำลังพูดอะไรอยู่ ไม่เจอกันหลายสิบปี นายก็ยังเหมือนเดิมเลยนะ!”
ส้งชิงเซวี๋ยนยื่นมือออกมา ตบที่แขนของเขา“หลงถิง สามสิบปีแล้ว ฉันแก่แล้ว นายก็แก่แล้ว มีแค่คนที่ตายไปแล้วเท่านั้น ที่ไม่แก่”
ในหัวของหลงถิงเต็มไปด้วยกระแสเลือดมหึมากำลังถาโถมไปมา แรงกระตุ้นที่รุนแรงแผ่กระจายเต็มอกของเขา แทบจะฉีกคอของเขาให้ขาด แทบจะบีบคอของเขาจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
ส้งชิงเซวี๋ยนเหมือนกับเชื่อมต่ออดีตกับปัจจุบัน พอเขาโผล่มาแล้ว ความทรงจำพวกนั้นก็พรั่งพรูขึ้นมา มันกระตุ้นอยู่ในหัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ในตาของเขาว่างเปล่า ริมฝีปากคล้ำเขียว สีหน้าซีดขาว
“ส้งชิงเซวี๋ยน คืนนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ สิ่งที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด!”ความมั่นใจของเขาเริ่มถูกบั่นทอนไปทีละนิดๆ
“นายก็คิดถึงเส้าเอิน? ก็ใช่สินะ ในตอนนั้นเขาเคยช่วยนายอยู่ห่างๆนี่ ถ้าเกิดไม่มีเขา จะมีหลงถิงในตอนนี้ได้ยังไง จะมีMBKในตอนนี้ได้ยังไง? หลงถิง นายมีการสร้างอาคารที่อุทิศให้กับเส้าเอินบ้างไหม? ไปไหว้เขาทุกๆวันที่หนึ่งกับสิบห้าบ้างหรือเปล่า?”
เส้าเอิน……
มู่เส้าเอิน
ชื่อนี้เหมือนกับมีดดาบที่แหลมคม แทงทะลุเข้าไปในใจของหลงถิง
เขาพยายามแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ แต่ยังไงก็ปิดบังใบหน้าที่ซีดขาวไม่ได้“ส้งชิงเซวี๋ยน ถ้าเกิดนายพูดมาอีกหนึ่งครั้ง อย่ามาว่าฉันแล้วกันถ้าฉันจะไล่นายออกไปอย่างไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในตอนนั้นของพวกเรา”
“ดูนายสิๆ ตื่นกลัวอะไร? ถ้าเส้าเอินอยู่ล่ะก็ จะต้องว่านายแน่ๆ ไม่หนักแน่นเอาซะเลย!”
หลงเซิ่งรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างชัดเจน จึงดึงหลงถิงเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น“น้องรอง เส้าเอินในตอนนั้นไม่ใช่ว่า……”
“หุบปาก!”
หลงเซียวกับลั่วหานกำลังมองมาทางนี้อย่างสบายๆ หลงถิงถูกส้งชิงเซวี๋ยนทำให้ตกใจไม่น้อย มองอย่างสะใจที่เขากำลังได้รับในสิ่งที่เขาควรจะได้รับ
ลั่วหานสีหน้ายิ้มแย้ม“หลงถิงแทบจะตกใจตายแล้ว งานเฉลิมฉลองเทศกาลใหญ่นะคะ คุณอย่าทำให้มันดูไม่ดีเกินไปดีกว่านะ”
หลงเซียวกลับพูดตอบกลับอย่างไม่เห็นด้วย“ตกใจไม่มีทางทำให้ตายได้หรอก ตอนที่เขากล้าฆ่าคนในตอนนั้น ยังกล้าหาญชาญชัยอยู่เลย แต่ลุงส้งเล่นซะขนาดนี้ เขาก็อาจจะนอนหลับไม่สนิทไปอีกหลายเดือนก็ได้”
เขาพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ ลั่วหานสีหน้าบิดเบี้ยว สามีของเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
“คุณสามี จุดประสงค์ของคุณในคืนนี้ เพื่อที่จะขู่ให้หลงถิงกลัวแค่นี้? ฟุ่มเฟือยเปล่าประโยชน์เกินไปไหม?”ลั่วหานกังวล งานเลี้ยงหนึ่งงานใช้เงินไม่น้อยเลยนะ
หลงเซียวมองไปนอกห้องโถง แสงจันทร์ส่องมายังกระจกของห้องโถงทำให้เห็นสถานที่ เยี่ยม โอกาสมาถึงแล้ว
จี้ตงหมิงกับหลงเซียวสบตากันหนึ่งที พยักหน้า ก่อนจะเดินไปยังหน้าต่างกระจกของห้องโถงงานเลี้ยง แล้วกดปุ่มหนึ่งปุ่ม
ผ้าม่านของหน้าต่างค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ผ้าม่านที่หนาและหนักม้วนเก็บไปทันที ดวงจันทร์กำลังลอยอยู่ข้างบน ที่บนกระจกตั้งใจทำให้เป็นเงาด่างๆดำๆของต้นไม้และใบไม้ ทำให้แสงจันทร์ที่กำลังสาดแสงอยู่ดูเหมือนดวงจันทร์ที่กำลังอยู่บนยอดไม้
“ว้าว!งามจังเลย!สวยมาก!”
“สวยสุดๆ!โรแมนติกจัง!”
“พระเจ้า ทำไมหลงเซียวถึงช่างโรแมนติกขนาดนี้เนี่ย!!”
โจวโร่หลินกับไป๋เวยก็มองข้างนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย คุณพระ คิดไม่ถึงว่าการผสมผสานกันระหว่างว่าสิ่งที่สร้างขึ้นกับธรรมชาติจะน่าอัศจรรย์ขนาดนี้!
มันดูเข้ากันอย่างไร้ที่ติมากเลย!
“เทพบุตร เทพบุตรของฉัน!”
“เทพบุตรของฉัน!”
จี้ตงหมิงพยักหน้าให้กับหลงเซียวอีกรอบ จากนั้นใบหน้าก็ยิ้มแย้ม เวลามาถึงแล้ว
หลงเซียวจูงมือของลั่วหานเอาไว้“คุณภรรยา คุณจำที่ผมบอกได้ไหม?”
ลั่วหานพยักหน้า“จำได้ ฉันจะเชื่อฟังคุณ”
ทั้งสองคนเดินตรงไปที่พรมแดง เดินบนกลีบดอกไม้ที่สวยงามทีละก้าวๆ เหยียบลงบนผืนหมอกที่ลอยล่องไปมา ในขณะเดียวกันเปียโนก็บรรเลงเพลงของฟรันทซ์ ซูเบิร์ทที่แสนไพเราะและโรแมนติก เสียงดนตรีกับแสงจันทร์เข้ากันเป็นอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลมันกำลังพอดี
เหล่าบรรดาแขกต่างๆก็ถูกทั้งสองคนดึงดูดความสนใจอีกครั้ง ถึงขนาดที่หลงถิงกับส้งชิงเซวี๋ยนก็มองมาทางนี้เหมือนกัน
เกาจิ่งอานอึ้งตะลึงไป“โอ้โห คืนนี้มันมีเซอร์ไพรส์กี่อย่างกันแน่เนี่ย?