ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 567
ตอนที่ 567 ยอมเสียสละทรัพย์สินของตระกูลเพื่อรอยยิ้มของหญิงสาว
ทันใดนั้น ทั้งห้องโถงใหญ่ก็เงียบสนิท!
ภายในงานเลี้ยง คนที่สั่นด้วยความตื่นกลัวคนแรก คือหลงถิง สองตาของเขาเปิดออก จ้องมองลูกที่ตัวเองจับจ้องมาสามสิบปีด้วยความกลัวและไม่อยากจะเชื่อ จู่ๆก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คาดเดาไม่ได้ว่าผู้ชายคนนั้นจริงๆแล้วกำลังมีอะไรอยู่ในใจ
ยื่นไมโครโฟนกับกล้องเข้าไปข้างในอย่างบ้าคลั่ง นักข่าวที่พยายามจับภาพและเสียงก็ตกใจ ตาโตปากค้างมองผู้ชายที่สวมชุดสีน้ำเงินภายใต้แสงจากโคมไฟ ท่ามกลางความมึนงง พวกเขาเหมือนกับว่าไม่รู้จักเขาแล้ว
พวกของเกาจิ่งอานอ้าปากหวอ เลือดของพวกเขาเริ่มสูบฉีดแล้วเพราะว่าคำพูดประโยคเดียวของหลงเซียว ทำให้เริ่มเดือดดาลขึ้นมา ราวกับน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ
กวาดสายตามองไปทั่วห้องงานเลี้ยง นอกจากลั่วหานแล้ว ปฏิกิริยาของแขกในงานก็เหมือนกันไม่มีผิด
รูปร่างสูงเพรียวของลั่วหานยืนอยู่ด้านล่างขวาของเวทีอย่างสวยงาม เธอเงยดวงตาที่เปล่งประกายขึ้น สบตากันกับหลงเซียว ในช่วงเวลาสั้นๆ ใจของทั้งสองสื่อถึงกัน ไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจกันได้
ความประหลาดใจของลั่วหานถูกรอยยิ้มบนหน้าปกปิดไว้ ยกมุมปากขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย
จี้ตงหมิงเดินถือกล่องมายังลั่วหานทีละก้าวๆ ใช้สองมือมอบเอกสารที่เป็นตัวแทนของสิทธิ์และทรัพย์สินด้วยความเคารพ
“คุณหญิง เชิญท่านรับไว้ด้วยครับ”
ลั่วหานมองกล่องที่ดูสวยประณีต แววตาแฝงไปด้วยความสุข“รบกวนคุณแล้ว ผู้ช่วยจี้ ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนคุณอีกสักหน่อยแล้วกัน ช่วยฉันถือไว้ก่อนนะคะ”
จี้ตงหมิงอึ้งตะลึงไปสักพัก ทำไมคุณหญิงถึงไม่รับช่วงต่อล่ะ ปกติแล้ว ตอนนี้เธอควรจะน้ำตาไหลอาบเต็มหน้ายื่นสองมือมารับไว้ไม่ใช่เหรอ?
คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาจะนิ่งเฉยขนาดนี้ ใจแข็งเกินไปแล้ว หรือว่าตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว?
“ครับ คุณหญิง”จี้ตงหมิงถือกล่องนั้นพร้อมกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว เสร็จสิ้นภารกิจของผู้ช่วยในงานเลี้ยง ยืนมองเจ้านายอย่างเงียบๆและตั้งหน้าตั้งตารอ ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
กู้เยนเซินเริ่มตอบสนองกลับมาเป็นคนแรก เขาวางแก้วลงกลางคัน ก่อนจะปรบมืออย่างแรง เสียงปรบมือที่ดังฟังชัดทำให้สติของแขกในงานทยอยกันกลับคืนมา ในงานเลี้ยงจึงเริ่มมีเสียงดังกระหึ่มขึ้นมา
“ตะกี้ฉันได้ยินว่าอะไรนะ? คุณชายใหญ่ของMBKยกทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองให้กับภรรยาของเขา? คุณพระ!ฉันกำลังฝันไปหรือเปล่า?”นักข่าวคนหนึ่งอดไม่ไหว เสียงดังมาจากไมค์ พูดความในใจของทุกๆคนออกมา
หลงยี่กับหลงเซิ่งมองหน้ากัน“พ่อ หลงเซียวคิดจะทำอะไรกันแน่? ทำไมผมถึงดูไม่รู้เลยสักนิด? สรุปแล้วมันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
หลงเซิ่งก้มหน้าก้มตาลงครุ่นคิดอย่างละเอียดรอบคอบ เขาก้มมองไวน์องุ่นสีแดงที่อยู่ในมือ ถอนหายใจออกมา พูดขึ้นอย่างฝืนยิ้ม“มันกำลังประกาศสงครามกับพ่อของมันอยู่ มันคิดที่จะเป็นผู้ถือครองอำนาจ”
หลงยี่สีหน้าไม่ค่อยเข้าใจพ่ออย่างเห็นได้ชัด ขมวดคิ้วเลียริมฝีปากหนึ่งทีด้วยความอึ้งตกใจก่อนจะพูดขึ้น“แต่ว่า ต่อจากนี้หลงเซียวเป็นผู้สืบทอดของMBKนะ ตอนนี้มันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับที่สองของMBK มันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมางัดข้อกับลุงรองไม่ใช่เหรอ?”
หลงเซิ่งกลอกตามองบนใส่ลูกด้วยอารมณ์ไม่ดี ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา“โง่!ชัดเจนขนาดนี้ยังมองไม่ออกอีกเหรอ?!”
หลงยี่มองอย่างละเอียด ครุ่นคิด แทบจะมองหน้าของหลงเซียวจนทะลุ แต่เขาก็มองไม่ออกอยู่ดี ทำได้แค่ส่ายหัว“พ่อ ช่วยอธิบายสักหน่อยสิ ผมไม่เข้าใจจริงๆ”
หลงเซิ่งอยากจะตบเขาสักที พูดตะคอกด้วยน้ำเสียงในลำคอที่เย็นชา“ดูไม่ออกก็ดูต่อไป!”
เป็นลูกชายของตระกูลหลงเหมือนกัน ทำไมลูกตัวเองถึงห่างจากหลงเซียวขนาดนี้ หลงเซิ่งรู้สึกสงสัยไม่น้อย ว่าลูกชายของเขาเป็นลูกแท้ๆใช่ไหม
พอเห็นผู้คนเริ่มดึงสติอารมณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว หลงเซียวจึงพูดขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน“ก็ตามที่ทุกท่านเห็น ผมไม่ใช่มหาเศรษฐีของฟอร์บส์อีกแล้ว แล้วก็ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของMBKแล้วด้วย สำหรับตำแหน่งของผม ผมคิดว่าท่านประธานของMBKจะให้คำตอบกับทุกท่านในช่วงสองสามวันนี้”
ผู้คนมองไปยังหลงถิง จ้องเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของหลงถิงชะงักนิ่งไปเรียบร้อยแล้ว
ไฟแฟลชของกล้องส่องมาบนหน้าของหลงเซียว แล้วก็ส่องไปที่ลั่วหานเช่นกัน แสงไฟที่สว่างแพรวพราวดูแสบตาไม่น้อย ลั่วหานกระพริบตาอย่างช่วยไม่ได้
หลงเซียวพูดประโยคนั้นจบ ก็ยกขายาวๆเดินตรงมายังลั่วหานอย่างสง่างามสงบนิ่งแต่ในใจก็กระวนกระวายเช่นเดียวกัน ยื่นมือออกมาใช้แขนของตัวเองปกป้องเธอไว้ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ“ทุกท่าน ภรรยาของผมไม่ชอบถ่ายรูป หวังว่าจะให้ความร่วมมือนะครับ”
กล้องในมือของพวกนักข่าวหยุดชะงักไป ไม่กล้ากดชัตเตอร์ต่อ
เกาจิ่งอานกลืนน้ำลาย ในค่ำคืนนี้เขาแทบจะกินน้ำลายของตัวเองจนอิ่มแล้ว“ให้ตายสิ กี่ปีมาแล้วเนี่ย คิดไม่ถึงว่าพี่ยังจะทำเรื่องพวกนี้อีก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นี่มันฆ่าคนโสดชัดๆ”
ไป๋เวยยิ้มอ่อนๆ“คุณเกาเอาแต่เรียกเขาพี่ๆ คงจะไม่แม้แต่แผนการในค่ำคืนนี้ก็ไม่รู้หรอกใช่ไหม?”
เกาจิ่งอานหันสายตาไปมองไป๋เวย“คุณเป็นเพื่อนสนิทกับพี่สะใภ้ของผม คุณรู้เหรอ?”
ไป๋เวยแบะปาก“ไม่รู้ โลกของเทพบุตร ฉันไม่กล้าเดาหรอก”
หลงเซียวปกป้องลั่วหานอยู่ พูดใช้เสียงต่ำที่ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น“เหนื่อยไหม? ถ้าเหนื่อยก็รีบทำให้มันจบนะ”
ลั่วหานยิ้มเล็กน้อย“แสดงมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมถึงจะรีบจบไปทั้งทื่อๆแบบนี้ล่ะ? คุณหลง ต่อเถอะ พวกเราต้องทำจนจบ”
หลงเซียวสางๆผมของเธออย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือโอบไหล่ของเธอไว้“ไม่ว่าผมเหรอว่าทำก่อนแล้วค่อยอธิบายทีหลัง?”
ลั่วหานแบะๆปาก แววตาที่เป็นประกายแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์“ว่าสิ ดังนั้นคืนนี้พอกลับไปฉันจะลงโทษคุณให้สาสมเลย”
“เหอะ!ได้!”
ทั้งสองพูดคุยอย่างลับๆต่อหน้านักข่าวและแขกในงาน ยิ่งทำให้ดึงดูดความสนใจของคนขึ้นไปอีก
ไม่นาน หลงเซียวก็พูดขึ้นกับบรรดานักข่าวและแขกในงานอย่างช้าๆแต่กลับดูมีพลัง“แม้ว่าผมจะไม่ถือหุ้นของMBKอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่จากนี้ไปงานของMBKผมยังจะช่วยสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าประธานในอนาคตของMBKจะเป็นใคร หวังว่าเหล่ามิตรสหายที่ทำงานร่วมกันมานานทุกท่านจะยังคงรักษาความสัมพันธ์กับMBKต่อไปด้วยนะครับ”
ประโยคนี้ ไม่พูดก็ดี พอพูดออกมาก็เปลี่ยนบรรยากาศไปเลย บรรดาแขกในงานพากันเหลือบมองข้างๆ ทุกคนเริ่มซุบซิบพูดคุยกัน
“หลงเซียวไม่ถือหุ้นของMBKแล้ว จากนี้ไปเกรงว่าจะไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจกับMBKเหมือนกับเมื่อก่อนแล้วใช่ไหม? ยอมวางมือขนาดนี้ ไม่แน่อาจจะไม่อยากสืบทอดธุรกิจของวงศ์ตระกูลต่อแล้วก็ได้”
“เห้อ แสดงว่า ทุนที่พวกเราลงไปในMBK ก็น่าจะลดน้อยลงไปด้วยใช่ไหม? ถ้าเกิดมีความเสี่ยงขึ้นมา ไม่มีใครมารับผิดชอบแล้วน่ะสิ”
“ตอนที่MBKถอนตำแหน่งท่านประธานของหลงเซียวในตอนแรก ทำให้หุ้นของMBKหยุดชะงักลง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วนะ”
กู้เยนเซินรู้เรื่องราวต่างๆในชีวิตของหลงเซียวเป็นอย่างดี หลังจากที่คิดๆแล้วก็เข้าใจขึ้นมาทันที พูดกับพวกเขา“ถ้าเกิดไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเมื่อครั้งก่อน เกรงว่าท่านเซียวที่ทุ่มแรงกายแรงใจให้กับMBK ก็คงจะไม่ปล่อยMBKไปด้วยความจำใจหรอกใช่ไหม? จุ๊ๆ เสือถึงร้ายแค่ไหนก็ไม่กินลูกของตัวเอง สถานการณ์ที่ทุกคนเห็นเมื่อครั้งก่อน มันช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
ประโยคที่ว่าเสือร้ายแค่ไหนก็ไม่กินลูกของตัวเอง ทำให้ชื่อของหลงถิงกลายเป็นคนโหดร้ายขึ้นมาทันที ทุกคนคิดหน้าคิดหลังดูแล้ว ก่อนจะเผยรอยยิ้มประมาณว่า“อย่างนี้นี่เอง”ออกมาอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้นคำพูดซุบซิบต่างๆนานาก็ดังขึ้นมาไม่หยุดไม่หย่อน คนที่สายตาเฉียบแหลมมองความคลุมเครือนี้จนทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว จากนั้นความเท่าเทียมในใจก็เริ่มเอนเอียงไปทางหลงเซียว
เสียงซุบซิบพูดคุยค่อยๆลดน้อยลง หลงเซียวเข้าใจท่าทีของพวกเขาไม่น้อย ครุ่นคิดพิจารณามาหลายวัน มันได้ผล
หลงเซียวมองใบหน้าโมโหของหลงถิง ก่อนจะพูดอธิบายกับนักข่าวและแขกในงานต่อ“บริษัทฉู่ซื่อกับบริษัทโม่ซื่อร่วมมือกันแล้ว องค์กรก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง บริษัทฉู่ซื่อไม่ทำธุรกิจโทรคมนาคมหลักอีกแล้ว จากนี้ไปจะเน้นกิจการด้านการพัฒนาทางการเงิน ท่ามกลางการร่วมมือกันกับบริษัทเซิ่งซื่อ บริษัทฉู่ซื่อจะได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่”
ในเวลานี้ เลนส์กล้องสลับมาที่ตัวแทนของบริษัทเซิ่งซื่อ เขาพยักหน้ายิ้มๆให้กับหลงเซียว
บรรดาแขกในงานเข้าใจแจ่มแจ้งกับคำพูดของหลงเซียวในคืนนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังช่วยหาลูกค้าทางธุรกิจมาให้กับภรรยาของตัวเองไม่ใช่หรือไง?
แต่ว่า เหอะๆ วิธีการนี้ของเขา ทุกคนยอมรับจริงๆ
หลงเซียวกลัวว่าภรรยาจะมีชื่อเสียง ที่ผ่านมาจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของภรรยามากกว่าตนเอง เขาเต็มใจที่จะควักเงินออกมาซื้อบริษัทโม่ซื่อเพื่อขยายขอบเขตให้กับบริษัทฉู่ซื่อ แถมยังช่วยกู้สถานการณ์การขาดทุนของบริษัทฉู่ซื่อด้วย เห็นประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน!
การลงทุนกับโปรเจกต์ที่อยู่ภายใต้บริษัทฉู่ซื่อจะต้องไม่ผิดแน่นอน!
ตอนนี้เริ่มมีคนมาติดต่อกับผู้ช่วยและเลขาของตนบ้างแล้ว เตรียมที่จะซื้อหุ้นของบริษัทฉู่ซื่อหรือไม่ก็เตรียมที่จะลงทุนกับบริษัทฉู่ซื่ออย่างเร็วที่สุด
ลั่วหานอยากที่จะยิ้ม ชื่นชมสรรเสริญหลงเซียวในใจ“แบบนี้ก็ได้เหรอ คุณหลง การแสดงความรักออกหน้าออกตาก่อนหน้านี้ก็เพื่อที่จะเตรียมเปิดทางให้ตอนนี้สินะ!”
นักธุรกิจหน้าเลือดที่แสนเจ้าเล่ห์!
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆยิ้มกว้าง“คุณภรรยาพูดแบบนี้ก็ไม่ค่อยถูก เพราะว่าความรักน่ะมันของจริง”
หลงเซียวพูดขึ้นต่อ“นอกจากนี้ เนื่องจากลั่วลั่วเป็นหมอ ในตอนนี้บริษัทฉู่ซื่อก็กำลังทำการผลิตยา จากนี้ไปด้านอุตสาหกรรมของบริษัทฉู่ซื่อของเราก็จะเน้นด้านการผลิตตัวยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นหลัก จากนี้ไปพวกเราจะสร้างความผาสุกให้กับสังคม มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและต้องการความช่วยเหลือ ขจัดผลประโยชน์ทางการค้า ก่อตั้งบริษัทผลิตยาฉู่ซื่อ”
ของพวกเรา?
สองคำที่ดูสนิทสนม ดังนั้นจึงรับรองได้ว่า ความสัมพันธ์ของหลงเซียวกับลั่วหานแน่นแฟ้นไม่มีแบ่งแยก แต่กลับแตกหักกับตระกูลหลงไปเรียบร้อยแล้ว
บริษัทฉู่ซื่อมีช่องทางการขนส่งเป็นของตัวเอง ตอนนี้มาทำธุรกิจการผลิตควบคู่กันไปด้วย บวกเข้ากับอำนาจในการโฆษณาของโรงพยาบาลหวาเซี่ยอีก กลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางด้านอุตสาหกรรมยาในเวลาอันรวดเร็วแน่นอน
ตู้หลิงเซวียนที่อยู่ที่โรงแรมเมืองหนิงไห่ที่อยู่ห่างออกไป นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ สองตาจ้องหน้าจอด้วยสายตาเย็นชา กำปั้นวางบนที่ตั้งแขน มองหลงเซียวกับลั่วหาน มองทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งคุ้นตาและแปลกตาภายในงานเลี้ยง
กัดริมฝีปากอย่างแรงจนกลายเป็นรอยเส้นตรง
“ปัง!”
เขาซัดกระจกนิรภัยลงบนพื้น แก้วแตกละเอียดทันที
หลงเซียว!หลงเซียว!
แนะนำทั้งสองธุรกิจจนเสร็จ ตำแหน่งของหลงเซียวก็ชัดเจนเรียบร้อยแล้ว เขาวางมือจากMBK ส่งต่อให้กับภรรยาเป็นผู้ดูแล จากนั้นก็เป็นเด็กฝึกงานของภรรยาแทน
เอ่อ……
กู้เยนเซินชั่วร้ายไม่น้อย ยิ้มแหะๆ“ประธานเกา พี่ของคุณกลายเป็นเด็กฝึกงานไปแล้ว ดีใจไหม?”
เกาจิ่งอานยิ้มอย่างพออกพอใจ“ดีใจสิ คุณลองคิดดูนะ พี่ของผมเป็นเด็กฝึกงานให้กับพี่สะใภ้ ส่วนคุณเป็นเด็กฝึกงานให้กับพี่ของผม จุ๊ๆ”
“เห้ย!”
หลังจากแนะนำธุรกิจเสร็จ หลงเซียวหน้าตาหล่อเหลาตายด้านของเขาก็เริ่มดูมีชีวิตชีวามากขึ้น“คิดว่าทุกท่านคงจะต้องตั้งคำถามมากมายอยู่ในใจแน่นอน อย่างเช่นทำไมผมต้องยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับภรรยา?”
คนที่อยู่ข้างล่างต่างพากันพยักหน้า พวกเขาอยากรู้อยากเห็นจะตายอยู่แล้ว!
หลงเซียวพยักหน้า พูดอธิบายขึ้นอย่างอดทน“ง่ายมาก เงินทองเป็นของนอกกาย แต่ลั่วลั่วเป็นคู่ชีวิตของผม ยอมเสียสละเงินทองเพื่อรอยยิ้มของเธอ ผมคิดว่ามันคุ้มค่าที่สุดแล้ว”
ลั่วหานให้ความร่วมมือมาก เธอเข้าใกล้ไหล่ของเขาอย่างรู้ใจ“คุณสามี ขอบคุณมากนะคะ แต่ว่าสำหรับฉันแล้ว ทรัพย์สินก็เป็นของนอกกาย ฉันแค่มีคุณก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”
แปะๆๆๆ!
เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นมาข้างล่างเวที ความรักนี้ให้เต็มสิบไปเลย!
กู้เยนเซินแทบจะกระอักเลือด“ยังไม่เคยเจอคนที่หน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อน!เห็นๆอยู่ทั้งสองคนรวยขนาดไหน ยังจะมาแสร้งทำเป็นไม่สนเงินทองอีก โห่ๆ!”
ไป๋เวยชำเลืองตามองกู้เยนเซิน ปรบมืออย่างแรง“ใช้ทรัพย์สินของตระกูลเพื่อรอยยิ้มของคนรัก ให้ตายเถอะ ท่านประธานเผด็จการนี่ช่างเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ!”
หลงถิงกำมือแน่น จ้องเขม็งหลงเซียวที่ส่องสว่างเฉิดฉายอยู่บนเวที ลมหายใจหนักหน่วงที่จมูกเต็มไปด้วยความโกรธ
ไอ้บัดซบหลงเซียว!ไอ้ชาติชั่ว!
เขาดูออกว่าตนเองคิดที่จะเฉดหัวเขาออกจากMBK คิดที่จะดีดเขาออกจากตำแหน่งประธานของMBK ก็เลยชิงลงมือตัดหน้าก่อน คิดไม่ถึงว่าจะขอลาออกเองต่อหน้าบุคคลระดับแนวหน้าของวงการธุรกิจกว่าครึ่งประเทศแบบนี้!
ไม่ใช่แค่ขอลาออกเฉยๆ แถมยังพูดซะสวยหรูดูดีขนาดนี้อีก บัดซบสิ้นดี