ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 576
ตอนที่ 576 แสนแดดอ่อนๆ คนรักอุ่นๆ
โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ถังจิ้นเหยียนเอาแต่วางแผนเรื่องที่จะจากไป ดังนั้นแม้แต่วันหยุดเขาก็ยังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล กินนอนก็อยู่ที่โรงพยาบาลหมด ตั้งแต่วันที่สิบสี่ของปฏิทินจีน จนตอนนี้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว
เมื่อคืนเขายังนำทีมทำการผ่าตัดหัวใจให้คนไข้ไปเคสหนึ่ง ตอนผ่าตัดเสร็จก็เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว จากนั้นก็มีเคสฉุกเฉินที่เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้ามาอีก เนื่องจากคนขับเมาแล้วขับจนไปชนท้ายรถบรรทุกเข้า หัวใจโดนกรีดแทง เขาจึงได้ทำการผ่าตัดเพื่อเย็บหัวใจไป
เมื่อการผ่าตัดทั้งสองครั้งเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปถึงตีห้าแล้ว ถังจิ้นเหยียนไม่ได้พักมายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว ตอนหกโมงเช้าเขาก็ทรุดลงเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอจึงมีพยาบาลคนหนึ่งดึงตัวเขาขึ้นไปนอนพักที่ห้องพักที่อยู่ชั้นบน
ถังจิ้นเหยียนได้นอนตอนหกโมงเช้าจนถึงสิบเอ็ดโมงถึงได้ตื่นขึ้นมา
ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นมาอยู่บนหัวแล้ว บรรยากาศที่แสนสดชื่น แม้แต่แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างมาแล้วยังให้ความรู้สึกที่สดชื่นเลย
แต่ว่า ถังจิ้นเหยียนนั้นลืมไปแล้วว่าเมื่อวานคือวันไหว้พระจันทร์
เขาหรี่ตา แล้วลุกขึ้นนั่งโดยยังมีผ้าห่มห่มอยู่ที่ตัว เนื่องจากใช้สายตามากเกินไป จนทำให้ตอนนี้เขารู้สึกเมื่อยตามากขยี้ตาไปหลายทีแล้วค่อยลืมตามามองใหม่
แล้วก็หันไปเจอมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะพอดี แบตหมดไปแล้วอย่างนั้นเหรอ และไม่รู้ด้วยว่ามันดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ถังจิ้นเหยียนหาสายชาร์จแบตจนเจอ เสียบสายชาร์จ หน้าจอสว่างแล้ว เขาใส่รหัสผ่านแล้วเครื่องก็เริ่มทำงานจากนั้นเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
รินชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
พอมือถือถูกเปิดขึ้นมา ก็มีข้าวความประมาณร้อยแปดสิบข้อความเด้งขึ้นมา
มองไปเขาก็เห็นเข้ากับข้อความที่ลั่วหานส่งมา
“จิ้นเหยียน สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์ค่ะ”
หัวใจ ถูกเขย่าเบาๆ อย่างแปลกๆ
“คุณหมอถัง สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์!”
ข้อความที่ส่งมาอวยพรประมาณนี้มีอีกเป็นสิบ ส่วนข้อความที่เหลืออีกร้อยกว่าข้อความ ก็เป็นข้อความที่เจิ้งซิ่วหยาส่งมาทั้งสิ้น
“ถังจิ้นเหยียน นี่คุณจะร่วมเทศกาลไหมเนี่ย? ฉันอยากไปดื่มกับคุณ!”
“ถังจิ้นเหยียน คุณกินขนมไหว้พระจันทร์ไปแล้วรึยัง? ไส้เม็ดบัว? ไส้ถั่วดำ? ไส้หมูเค็ม? แล้วไส้หลากสีล่ะกินรึยัง?”
“ถังจิ้นเหยียน นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ตอบข้อความสิ!”
“ถ้ายังไม่ตอบกลับอีกฉันจะไปฆ่าคุณ!”
……………
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ข้อความเหล่านั้นก็กลายเป็นเหมือนบทกวีสำหรับเขาไปแล้ว
“นี่! ฉันอยู่หน้าบ้านของคุณแล้วนะ ฉันเอาเหล้ามาด้วย เรามีดื่มเหล้าชมจันทร์กัน”
“นี่ถังจิ้นเหยียน คุณถูกฉางเอ๋อฉุดไปดวงจันทร์แล้วใช่ไหม?”
“เชี่ย! คุณช็อคกับข่าวไปแล้วใช่ไหม? คือว่า คุณกำลังร้องไห้อยู่เหรอ? ฉันให้คุณยืมไหล่ได้นะ อย่าร้องเลยนะ”
“นี่ ข่าวนี้นี่มันบัดซบจริงๆ เลย แต่คุณอย่าคิดทำอะไรบ้าๆ นะ”
ถังจิ้นเหยียนที่ดื่มน้ำอยู่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ข่าวเหรอ? ข่าวอะไร?
ข้อความสุดท้ายคือ “เทศกาลไหว้พระจันทร์ได้ผ่านไปแล้ว คุณจะลงมาจากสวรรค์ไหม? ฉันซื้อเหล้ามาเยอะมากเลยนะวางอยู่ตรงหน้าประตูบ้านคุณนะ ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณคงกำลังรู้สึกแย่ ดังนั้นตำรวจคนนี้จะเสียสละช่วยคุณโดยการดื่มเหล้าเป็นเพื่อนคุณเอง”
ถังจิ้นเหยียนคิ้วขมวดกันจนเป็นปม จากนั้นก็ตอบกลับไปคำหนึ่ง
“เมื่อคืนผมทำการผ่าตัดไปถึงสองเคส ส่วนมือถือก็แบตหมดครับ”
หลังจากตอบกลับข้อความแล้ว ถังจิ้นเหยียนก็เปิดข่าวขึ้นมาอ่าน
เขาเลื่อนไปยังหน้าที่กำลังเป็นกระแสและกำลังติดเทรน มันก็คืองานเลี้ยงวันไหวพระจันทร์ที่เขย่าโลก ตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยกรอบสีดำ กระโดดเข้ามาในสายตาของเขาทันที ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกดูดเข้าไปในความอำมหิตยังไงอย่างนั้น
มือของถังจิ้นเหยียนสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่สามารถดื่มน้ำจนหมดได้เพราะมือสั่นเกินไป มันทะลักออกมาจนหยดโดนเท้า และยังทำให้กางเกงสีดำของเขาต้องเปียกไปด้วย
ข่าวนี้มันทำให้หัวใจของถังจิ้นเหยียนเจ็บปวดเหมือนโดนกรีดแทง มันคมเหมือนกับถูกมีดผ่าตัดแทงอยู่ภายใน แม้แต่เลือดยังไม่ไหลออกมาเลย
ถังจิ้นเหยียนวางมือถือลง ยกมือขึ้นมากุมหน้า แล้วซุกหน้าเข้าไปในเข่าทั้งสองข้าง
หลงเซียวได้ยกทรัพย์สินทั้งหมดของเขาให้ลั่วหานแล้ว เขาได้แสดงให้คนนับร้อยล้านได้เห็นแล้วว่าเขานั้นหนักแน่นและซื่อสัตย์กับลั่วหานขนาดไหน
แต่ เขาเองก็ทำได้เหมือนกันนะ
ไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน แม้แต่ชีวิตเขาก็ยอมมอบให้เธอได้
ในห้วงแห่งความเจ็บปวด มือถือของเขาก็ได้สั่นขึ้นทีหนึ่ง
ถังจิ้นเหยียนหยิบมันขึ้นมาดู เจิ้งซิ่วหยาเป็นคนส่งข้อความมา
“อื้ม! ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้คุณหยุดได้ใช่ไหมคะ? เดี๋ยวฉันไปหาคุณที่บ้าน แล้วดื่มของที่ฝากไว้ตรงหน้าบ้านคุณให้หมดเลย ตกลงตามนี้นะคะ”
ดวงตาของถังจิ้นเหยียนแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรือทนไม่ไหวจนร้องไห้ออกมากันแน่
หลังจากที่ปรับอารมณ์เสร็จ ถังจิ้นเหยียนก็เดินออกจากห้องพักไป
___
ภายในห้องทำงานบนยอดสุดของบริษัทMBK
“ปั้ง!!! #
หลงถิงเขวี้ยงแฟ้มฉบับหนึ่งลงพื้น เอกสารที่อยู่ภายในกระจัดกระจายไปทั่วพื้น จนทั้งห้องกลายเป็นสีขาว
เหลียงจ้งซุนรีบย่อตัวลงไปเก็บเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาทีละใบทีละใบ แล้วจัดมันให้เป็นระเบียบอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างสุภาพว่า “ท่านประธานบริษัทครับ การที่คุณชายใหญ่ออกจากบริษัทมันเป็นสิ่งที่คุณต้องการมาโดยตลอดเลยไม่ใช่เหรอครับ? คุณต้องรู้สึกผ่อนคลายถึงจะถูกไม่ใช่เหรอครับ?”
เหลียงจ้งซุนพูดไปพร้อมกับสังเกตสีหน้าของหลงถิงไปด้วย โดยกลัวว่าจะเผลอทำอะไรที่มันขัดใจหลงถิงออกมา
หลงถิงตบลงที่โต๊ะทำงานอย่างแรง โต๊ะไม้สีทองกระแทกจนเขาเจ็บปวดไปถึงหัวใจ “ไอ้สาระเลว! ไอ้ชาติชั่ว! ฉันจะฆ่ามัน!”
หลงถิงที่โกรธจนสุดขีดกำลังกัดฟันโลหะอย่างสุดแรงจนเกิดเสียงดัง สายตาที่โหดเหี้ยมจ้องมองไปยังปืนไรเฟิลที่แขวนอยู่ตรงกำแพง แววตาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
เหลียงจ้งซุนรีบพูดขึ้น “ท่านประธานบริษัทครับ ตอนนี้สถานการณ์กำลังคับขัน เราควรรีบเชิญคุณชายรองกลับมาดีไหมครับ? สองวันนี้ตลาดหุ้นยังไม่เปิด ไม่รู้ว่าตอนนี้ราคาหุ้นจะเป็นยังไงบ้างแล้ว ดังนั้นการเรียกตัวคุณชายรองกลับมาจึงสำคัญมาก เผื่อว่าพรุ่งนี้ตอนตลาดเปิดมาจะได้ดูไม่น่าเกลียดมากครับ”
หลงถิงหันมาถลึงตาใส่เขา “พรุ่งนี้เหรอ? พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง! เรียกตัวเสี่ยวจื๋อกลับมาเดี๋ยวนี้ จะให้เขามาทำให้ฉันขายหน้าอีกไม่ได้!”
เหลียงจ้งซุนเองก็ไม่กล้าออกความเห็นโดยภาระการ และยังคงตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง “ถ้าอย่างนั้น ท่านคิดจะทำยังไงต่อครับ?”
หลงถิงได้ถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกของอเมริกา “คุณออกไปก่อน”
เหลียงจ้งซุนโค้งคำนับ “ครับ ถ้าท่านมีอะไรให้รับใช้ก็สามารถเรียกผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
ประตูของห้องทำงานถูกปิดลง หลงถิงหยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรหาโฉหวั่นชิงในทันที
ยามค่ำคืนที่มืดมนในมหานครนิวยอร์ก ซอกซอยต่างๆ ต่างก็เข้าสู่การหลับใหลไปหมดแล้ว ดวงจันทร์ขึ้นสูงตระหง่านส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
โฉหวั่นชิงถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกจนตื่น หยิบมือถือขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของหลงถิงเธอก็รีบเปิดผ้าห่มออก แล้วตั้งสติ
จากนั้นก็รับสายด้วยเสียงที่อ่อนโยน “พี่หลงโทรมามีอะไรรึเปล่าคะ?”
หลงถิงใช้มือกุมขมับ เส้นเลือดตรงขมับกำลังกระตุกเป็นการใหญ่ “คุณเห็นข่าวแล้วใช่ไหมครับ?”
ไม่ใช่การถามไถ่ แต่มันเป็นการซักถาม
โฉหวั่นชิงตอบไปอย่างเรียบเฉย “ค่ะ เห็นแล้วค่ะ การกระทำของหลงเซียวฉันเห็นมาทุกอย่างเลยค่ะ พี่หลงค่ะ พี่เป็นยังไงบ้าง? อย่าเครียดจนทำให้ตัวเองทรุดนะคะ เพราะฉัน……ฉันเป็นห่วงนะคะ” ความรู้สึกน้อยใจที่แอบแฝงอยู่ ความรู้สึกไม่พอใจที่แอบแฝงอยู่ ความรู้สึกไม่เป็นธรรมที่แอบแฝง เธอได้แสดงความรู้สึกของตัวเองผ่านคำพูดไปอย่างชัดเจน
หลงถิงไม่ได้สนใจความถามเหล่านั้น และได้ถามไปตรงๆ ว่า “หลงเซียวออกจากMBKไปแล้ว ต่อไปประธานของMBKก็คือหลงจื๋อ คุณต้องโน้มน้าวเขา ให้เขายอมกลับมารับตำแหน่งประธานของMBKด้วยความเต็มใจให้ได้!”
คำสั่งเคร่งครัดที่เรียบง่ายแต่เย็นชา
โฉหวั่นชิงขำออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง เธอเดินไปที่หน้าต่าง จ้องมองไปยังดวงจันทร์ที่ล่องลอยอยู่ แล้วตอบไปอย่างดีใจว่า “พี่หลงคะ นี่พี่จะยกMBKให้เสี่ยวจื๋อของเราจริงๆ เหรอคะ?”
“เพ้อเจ้อ! เขาเป็นลูกชายของฉันนะ!”
โฉหวั่นชิงเม้มปาก แล้วพูดด้วยความรู้สึกที่ดีใจอย่างยิ่ง “ฉันรู้แล้วค่ะ แล้วคุณอยากให้ฉันทำยังไงคะ?”
หลงถิงมองไปยังประตูของห้องทำงาน เดินไปล็อกประตู จากนั้นก็เดินไปที่หน้าต่างมองไปยังเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ที่อยู่เบื้องล่าง ดวงตาที่น่ากลัวกำลังหรี่เล็กลง “ฟังนะ สิ่งที่ฉันจะพูดต่อจากนี้คุณต้องนำมันไปบอกต่อให้หลงจื๋ออย่างไม่ผิดเพี้ยน หลงจื๋อจะได้ดำรงตำแหน่งประธานของMBKหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะทำออกมาได้ดีขนาดไหน”
โฉหวั่นชิงพยักหน้าด้วยความหวาดระแวง “ค่ะ ฉันจะบอกเขาให้ครบทุกคำเลยค่ะ พี่หลงพูดมาได้เลยค่ะ”
___
ไอแดดที่อบอุ่น ทำให้รู้สึกเกียจคร้าน โดยเฉพาะคนท้อง พอถึงตอนเที่ยงก็รู้สึกง่วงแล้ว
ลั่วลั่วนอนอยู่บนโซฟาที่อยู่ข้างหน้าต่าง แล้วหลับไปอย่างสบาย
ตอนที่หลงเซียวกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นลั่วหานนอนอยู่ตรงนั้น ในมือยังถือหนังสือไว้อยู่เลย หนังสือที่กำลังเอนเอียงอยู่ในเหมือนจะร่วงลงมา
หลงเซียวยิ้มออกมา นั่งลงข้างๆ เธอ หยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาวางไว้ข้างๆ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขนแกะสีเหลืองที่เธอห่มอยู่ขึ้นมาห่มให้เรียบร้อย
พอคนรับใช้เห็นว่าหลงเซียวกลับมาแล้วก็รีบเข้ามาถามว่า “คุณชาย ทานอาหารเที่ยงแล้วรึยังคะ?”
หลงเซียวส่งสัญญาณให้เธออย่างส่งเสียงดัง จากนั้นก็โบกมือให้เธอออกไปก่อน
คนรับใช้อมยิ้ม จากนั้นก็ออกไปอย่างเงียบๆ
หลงเซียวนอนลงข้างๆ โซฟาที่ลั่วหานอยู่ นอนลงบนพรม ชันเข่าขึ้น หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดู
คู่มือสำหรับคนท้อง คำแนะนำอย่างละเอียดตั้งแต่ตั้งครรภ์จนเด็กคลอด การเปลี่ยนแปลงของเด็กในท้องที่จะเกิดขึ้นในทุกวันก็มีเขียนไว้ อาหาร การพักผ่อน การออกกำลังกาย แม้แต่อาหารเสริมต่างๆ ก็ยังมีแนะนำอยู่ในนั้นด้วย
เปิดไปเปิดมา เนื้อหาหน้าหนึ่งก็ได้สะดุดตาของหลงเซียวเข้า ในนั้นเขียนไว้ว่าเด็กในครรภ์เมื่อผ่านช่วงสี่ห้าเดือนแรกไปแล้วก็สามารถตั้งชื่อเล่นให้เขาได้แล้ว จากนั้นก็หมั่นพูดคุยกับเขาผ่านท้องน้อยบ่อยๆ สมองของเด็กน้อยจำค่อยๆ ซึมซับชื่อนั้นเข้าไป พอเขาเกิดมาก็จะสามารถแยกแยะได้อย่างง่ายดาย เด็กน้อยในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่สามารถเชื่อมความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับลูกน้อยได้ดีมาก
มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? ดีมาก เขาชอบ
หลงเซียวปิดหนังสือลง ขยับเข้าใกล้ลั่วหาน ตอนที่เธอนอนหลับสนิทนั้นดูสดใสมาก มือที่เล็กเรียววางอยู่ตรงท้องน้อยคอยปกป้องเด็กน้อยด้วยสัญชาตญาณ
หลงเซียวจูบลงที่หลังมือของเธอ เอียงตัวแล้วแนบหูลงบนท้องน้อยของเธอ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าจำนวนเดือนยังไม่ถึงลูกน้อยก็ยังไม่อาจมีการตอบสนองใดๆ แต่เขาก็ยังคาดหวังที่อยากจะรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเขาสักนิด
พอหูของเขาแนบลงบนท้อง ลั่วหานก็ตื่นขึ้นมา
พอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหลงเซียวกำลังแอบฟังเสียงลูกในครรภ์เหมือนเด็กน้อย ลั่วหานก็ได้ยิ้มออกมา
“คุณคะ นี่คุณไม่รู้เหรอคะ? ว่าตอนนี้เขายังไม่มีรูปร่างเลย คุณไม่ได้ยินหรอกค่ะ”
พอหลงเซียวเห็นเธอตื่นแล้ว หลงเซียวก็ยื่นมือมาลูปเส้นผมของเธอ ผมที่ยาวมาถึงบ่าของเธอ แสงแดดทำให้เส้นผมของเธอเป็นประกายขึ้นมาอีก มันงดงามจนไม่อาจให้ความเคารพได้
“ผมทำคุณตื่นเหรอครับ?”
ลั่วหานส่ายหน้า แล้วหาวออกมา “ไม่ค่ะ ฉันหลับไปตั้งครึ่งชั่วโมง มันพอแล้วค่ะ ถ้านอนมากไปเดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับเอาได้ค่ะ”
ไออุ่นจากแสงแดด สาดส่องอยู่บนลำตัวของทั้งคู่ กลายเป็นเครือข่ายแข่งความอบอุ่นที่ผสานทั้งคู่เข้าด้วยกัน
หลงเซียวย้ายขึ้นมานั่งบนโซฟา เอาหัวของลั่วหานมาอิงไว้ที่ไหล่ของตัวเอง ดึงเธอให้มาอยู่ในอ้อมกอด จูบลงบนหน้าผากของเธออย่างรักใคร่ “ลำบากคุณแล้วลั่วลั่ว การตั้งท้องมันเหนื่อยมาก เรามีแค่คนเดียวก็พอเนอะ”
“มันเป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่อยู่แล้ว ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ส่วนเรื่องว่าจะมีกี่คนนั้น……คนแรกยังไม่เกิดเลยนะคะ คุณมองการณ์ไกลเกินไปแล้ว?”
เธอไม่ได้รู้สึกลำบากเลยแม้น้อย ในทางกลับกัน หลังจากที่เธอตั้งท้องมันก็ยิ่งทำให้ชีวิตคู่ของพวกเธอมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก!
ส่วนเรื่องลูกคนต่อไปนั้น แล้วค่อยว่ากันก็ได้
หลงเซียวหลับตาลง ดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่แสนมีความสุขนี้ “เรื่องที่บริษัทผมได้จัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ พรุ่งนี้ผมจะเริ่มงานที่ฉู่ซื่อ เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างของฉู่ซื่อผมจะรับช่วงต่อเองครับ”
นิ้วมืออันเรียวยาวที่ไร้กระดูกของลั่วหานได้สอดเข้าไปในทรงผมของเขา วิ่งๆเล่นอยู่ในม้วนผมของเขา ขยี้ผมสั่นๆ ของเขาจนยุ่ง จากนั้นก็จัดให้มันกลับมาเรียบร้อยดังเดิม “หือ! อำนาจทั้งหมดของฉู่ซื่อเป็นของฉัน แต่สิทธิ์ในการบริหารทั้งหมดเป็นของคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ไม่ต้องมารายงานฉันหรอกค่ะ ดังนั้น คุณหลงคะ เชิญคุณบริหารให้เต็มที่เลย ส่วนไหนที่กำไรคุณก็เอาไป ส่วนไหนที่ขาดทุนฉันจะรับผิดชอบเองค่ะ”
ฮึๆ ช่างใจกว้างจริงๆ เลยนะ
หลงเซียวหรี่ตา ขนตาที่งอนยาวของเขาขยับไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ซุกเข้าไปในอ้อมแขนของลั่วหานอย่างเกียจคร้านผู้ชายที่สูงร้อยแปดสิบกว่ากำลังทำตัวเหมือนแมวน้อยที่ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดเธอเพื่อความอบอุ่น
“ผมไม่แพ้หรอกครับ อะไรที่เคยแพ้ไปต่อไปก็จะได้คืนมาเองครับ”
ลั่วหานมองดูใบหน้าที่สดใสของเขา ยิ้มจนหน้าบานเหมือนดอกพุดซ้อนที่บานสะพรั่งใช่ฤดูใบไม้ผลิเลย “พ่อแก ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร แค่มีคุณมันก็เพียงพอแล้วค่ะ”