ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 580
ตอนที่ 580 เสี่ยวจื๋อ กลับมาเถอะ
ชาติกำเนิด? พยายาม?
สิ่งที่ โฉหวั่นชิงพูดมา เห็นๆ กันอยู่ว่าต้องการสื่อว่าหลินซีเหวินต้องการใช้ฐานะของหลงจื๋อเพื่อไต่เต้าให้ชีวิตดีขึ้นนี่นา
ดังนั้น พอหลินซีเหวินคีบผักขึ้นมาแต่ยังไม่ทันได้เอาเข้าปากเลย ก็รู้สึกว่าผักชิ้นนี้มันบูดแล้ว
เธอวางตะเกียบลง ความอยากอาหารได้จางหายไปแล้ว “คุณน้าวางใจเถอะค่ะ ถึงชาติกำเนิดฉันจะไม่ดี แต่ฉันก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ”
หลงจื๋อรู้สึกตัวช้ากว่าหญิงสาวไปหน่อยหนึ่ง แต่เขาก็ได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ลอยอยู่ในอากาศวางตะเกียบลงแล้วพูดขึ้นว่า “แม่ครับ เหวินเหวินเธอมีมีความสามารถมากนะครับ เป็นหมอศัลยแพทย์หัวใจที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลหวาเซี่ยแล้วนะครับ เป็นมือขวาของพี่สะใภ้เลยนะครับ!”
มีใครบ้างที่จะไม่รู้จักฉู่ลั่วหานผู้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจที่อายุน้อยที่สุดคนนั้น แล้วคนที่สามารถเป็นผู้ช่วยของเธอได้นั้นก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงผู้ช่วยก็เป็นได้แค่ผู้ช่วย ไม่มีทางอยู่เหนือกว่าคนนำอยู่แล้ว
โฉหวั่นชิงยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็คีบกุ้งใส่ถ้วยของหลงจื๋อกับหลินซีเหวินคนละตัว “เป็นผู้ช่วยของพี่สะใภ้ของแกใช่ไหม? พี่สะใภ้ของเธอค่อนข้างเก่งเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ควรเป็นแค่ผู้ช่วยตลอดไปหรอกใช่ไหม? เธอคิดว่ายังไงล่ะซีเหวิน?”
หลินซีเหวินยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ คำถามแบบนี้มันก็ไม่ต่างกับการตบหน้ากันชัดๆ มันคือการเยาะเย้ยกันเห็นๆ หรือเธอจะบอกว่า รอจนคุณหมอฉู่เกษียณเหรอ? รอเธอจบการศึกษาเหรอ? หรือจะบอกว่าคุณหมอฉู่กำลังฝึกให้เธอสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
แต่ที่พูดมาทั้งหมด ก็คือเธอเทียบกับคุณหมอฉู่นั่นเอง
เพื่อต้องการหยุดบรรยากาศที่ตึงเครียดระหว่างทั้งคู่ลง หลงจื๋อจึงได้พูดพร้อมกับหัวเราะว่า “แม่ครับ คนที่ผมต้องการคือเมียนะครับ ไม่ใช่หมอหัวใจสักหน่อย หัวใจผมไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้ต้องการผู้เชี่ยวชาญระดับพี่สะใภ้สักหน่อยครับผมคิดว่าเหวินเหวินตอนนี้ก็ดีมากแล้วนะครับ!”
แต่หลินซีเหวินกลับยิ้มไม่ออกอีกต่อไปแล้ว ถ้ายึดตามนิสัยของเธอเมื่อก่อนละก็ ลองมีใครมาพูดแบบนี้กับเธอดูสิ เธอคงจะพังโต๊ะไปแล้ว แล้วแถมฝ่ามือให้มันไปอีกที แต่นี่คือแม่ของหลงจื๋อ เธอต้องอดทนไว้!
“คุณน้านะ ตอนนี้ฉันอายุยังน้อย มีเรื่องอีกมากมายที่ฉันยังต้องเรียนรู้อีก ถ้าตอนนี้ยังไม่เป็น ต่อไปฉันจะต้องทำมันให้ได้แน่นอนค่ะ” หลินซีเหวินให้คำสัตย์ นี่คือการทำตัวที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอแล้วนะ ดีที่สุดแล้วนะ!
ใจหนึ่งหลงจื๋อก็ต้องเคารพผู้เป็นแม่ เป็นห่วงเธอที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปี ดังนั้นคำพูดที่เธอพูดตอนนี้อาจจะดูแรงไปบ้าง แต่เขาเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งมุมมองที่เธอมองหลินซีเหวินจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
โฉหวั่นชิงคีบผัก “ใช่ เธออายุยังน้อย เสี่ยวจื๋อเองก็ยังเด็ก ดังนั้นเรื่องแต่งงานก็พักไว้ก่อนแล้วกัน ยังไม่ต้องรีบ รอพวกเธอโตกว่านี้อีกสักสองสามปีค่อยว่ากัน ตอนนี้การงานของหลงจื๋อก็ยังไม่มั่นคง งานของเธอก็ยังไม่เติบโตอย่างเต็มที่เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
ในใจของหลินซีเหวินนั้นรู้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา “ค่ะ ตามที่คุณน้าพูดเลยค่ะ”
หลงจื๋อกุมมือเธอแล้วกดมันไว้ “แม่ครับ เรื่องนี้เราค่อยหารือกันอีกทีนะครับ เหวินเหวินยังต้องเตรียมตัวอีก เดี๋ยวผมไปช่วยเธอเก็บของก่อนนะครับ”
อาหารมื้อหนึ่งจบลงด้วยการไม่ได้กินอะไรเลย หลินซีเหวินเก็บกระเป๋าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ของบางอย่างที่ยัดไม่เข้าไปเธอก็ตัดสินใจไม่เอาแล้ว
พอหลงจื๋อเห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่ดีนัก จึงไปปลอบไปว่า “โกรธเหรอครับ? แม่ผมเธอก็พูดไปอย่างนั้นแหละ จริงๆ ไม่ได้มีอะไรเลย คุณอย่าคิดมากเลยนะ ผมแต่งงานกับคุณนะไม่ใช่แม่สักหน่อย”
หลินซีเหวินเหมือนถูกกระตุ้น “หลงจื๋อ ฉันคงต้องมองแม่ของคุณใหม่แล้ว เธอทำให้ฉันได้เปิดโลกจริงๆ”
หน้าหล่อๆ ของหลงจื๋อเสียไปครึ่งหนึ่ง “เหวินเหวินครับ ถ้าคิดไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับแม่ผมละก็ รอเราแต่งงานกันก่อนแล้วค่อยย้ายออกไปอยู่ด้วยกันก็ได้นะครับ”
หลินซีเหวินไม่รู้จะยิ้มหรือจะร้องดี “คุณชายรองหลงคะ คุณคือคุณชายรองของตระกูลหลง ทั้งๆ ที่คุณกับพี่ใหญ่ของคุณมีพ่อคนเดียวกันแท้ๆ ฉันละคิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าทำไมพวกคุณถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้? ถ้าคำพูดพวกนั้นถูกพูดใส่พี่สะใภ้ของคุณหล่ะก็ พี่ใหญ่ของคุณยังจะทำเป็นไม่ได้ยินอยู่หรือเปล่า?”
เธอรู้สึกน้อยใจ น้อยใจเป็นอย่างมาก!
เธออุตส่าห์บินมาเพื่อที่จะได้หวานชื่นกับเขาสักหน่อย แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเธอจะต้องมาเจอกับแม่ผัวที่หยาบคาย แม่ผัวที่น่าขยะแขยงที่สุดแบบนี้!
ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เธอได้รับการตอบแทนแบบนี้
หลงจื๋อลากกระเป๋าของเธอไว้ในมือ จากนั้นก็กอดเธอโดยที่ยังมีที่จับกระเป๋าคั่นอยู่ “ขอโทษนะครับ ผมรู้ว่าคุณรู้สึกไม่ดีแต่ว่าแม่ของผมกับแม่ของพี่ใหญ่นั้นไม่เหมือนกัน แม่ของผมคือคนรักของพ่อ ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในเงามืด ที่ผ่านก็ไม่เคยได้รับการยอมรับจากใครมาก่อนเลย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้ผมกลายเป็นคนที่สู้หน้าใครไม่ได้”
หลินซีเหวินขำออกมาอย่างขมขื่น “ดังนั้น ความหมายของแม่คุณก็คือ ให้คุณไปแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลที่มีชื่อเสียงร่ำรวย จะได้ดูเหมาะสมกับคุณใช่ไหมคะ?”
“ผมไม่สนใจหรอกครับ! คนที่ผมรักไม่จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านั้นก็ได้!” หลงจื๋อเริ่มร้อนรนแล้ว ทำไมถึงยังเกลี้ยกล่อมเธอไม่ได้นะ!
หลินซีเหวินปัดมือของเขาออก ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา “ฉันรู้แล้วค่ะ คุณไปอยู่กับเธอเถอะ เดี๋ยวฉันเรียกรถไปเอง”
“ไม่ครับ ผมจะไปส่งคุณเอง!” หลงจื๋อดึงกระเป๋าของเธอเอาไว้ หันไปหยิบเสื้อคลุมลายทางออกมา แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากประตูไป
เมื่อถึงสนามบิน หลินซีเหวินก็รับพาสปอร์ตกับกระเป๋าเดินทางไป “ฉันจะไปเช็คอินแล้ว คุณกลับไปเถอะค่ะ”
บรรยากาศที่น่าอึดอัด อารมณ์ความรู้สึกของทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ การจากลาก็ส่วนหนึ่ง แต่ตัวการหลักคือปัญหาระหว่างทั้งคู่ที่เป็นเหมือนเหวขนาดใหญ่ที่ยากจะมาบรรจบกันได้
ในใจของหลงจื๋อเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจที่แน่นอยู่กลางอก ราวกับว่าหลังการจากไปในครั้งนี้ เธอจะไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว เขาจึงพุ่งเข้าไปกอดเธอเอาไว้ เอาหน้าซุกไหล่ของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ยัยบ้านนอกคุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหมครับ?”
หลินซีเหวินเงยหน้าขึ้นมา ยิ้ม “ก็ต้องดูว่าคุณทำตัวยังไง”
พอหลงจื๋อมองเห็นความหวังเส้นเล็กๆ จึงรีบไขว่คว้ามันเอาไว้ “ครับ แล้วคุณอยากให้ผมทำตัวยังไงล่ะครับ? คุณพูดมาเลยผมยอมทุกอย่าง”
หลินซีเหวินทำปากเบี้ยว “แค่อยากให้คุณทำตัวให้สมกับเป็นคุณ ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ ทำในสิ่งที่คุณทำแล้วมีความสุข อย่าให้ใครหรือเรื่องอะไรมาบังคับคุณได้ และอีกอย่าง หลงจื๋อ ฉันอยากให้คุณกล้าหาญกว่านี้หน่อย อย่าเอาแต่หลบหนี อย่าถอยหลัง ฉันอยากเห็นคุณโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ”
มือที่โอบกอดตัวเธออยู่นั้นค่อยๆ คลายออก แต่ก็ยังทำใจไม่ลงอยู่ดี “ครับ ผมจะทำ ผมจะพยายามให้มากกว่านี้ครับ”
หลินซีเหวินตบๆ ไหล่ของเขา “โอเค ฉันต้องไปแล้ว กระเป๋าก็ต้องโหลด แล้วยังต้องไปตรวจเช็คความปลอดภัยอีกแถมการตรวจสอบของอเมริกายังประหลาดมากอีกด้วย”
พอเธอยิ้ม หลงจื๋อก็รู้สึกว่าท้องฟ้าของเขานั้นสดใสขึ้นมาทันที “อื้ม! พอถึงเมืองหลวงแล้วโทรหาผมด้วยนะ แล้วผมจะรออยู่ที่นี่ รอคุณกลับมานะครับ”
“หลงจื๋อ ฉันรักคุณ” หลินซีเหวินเขย่งขาขึ้น จูบเข้าที่ปากของเขา ริมฝีปากหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างเนิ่นนาน
หัวใจของหลงจื๋อถูกแทบหยุดชะงัก รอตั้งนานกว่าจะได้สติกลับมา “ผม……”
หลินซีเหวินเอามือปิดปากของเขา “ไว้คราวหน้าค่อยพูดนะคะ เหลือให้ฉันคาดหวังบ้าง”
………
เครื่องบิน บินไปแล้ว เหลือไว้เพียงแค่เมฆเส้นขาวๆ เส้นหนึ่ง จากนั้นมันก็ค่อยๆ สลายไปในท้องฟ้า
หลงจื๋อเหม่อมองอยู่นาน อยู่ๆ ในใจก็รู้สึกหวิวๆ ขึ้นมา เธอไปแล้ว มันเหมือนกับว่าวิญญาณ หัวใจ ความรู้สึกทั้งหมดที่มีได้ถูกเธอเอาไปหมดแล้ว
ประเทศจีน เมืองหลวง……พอคิดว่าเธอไปอยู่ที่นั่น หลงจื๋อก็เกิดความรู้สึกที่พูดไม่ออก
ครึดๆๆ มือถือในกระเป๋ากางเกงกำลังสั่น
หลงจื๋อได้สติกลับมา พอเห็นรายชื่อบนหน้าจอ ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเขาวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
เขาเอานิ้วเลื่อนไปเพื่อรับสาย แล้วพูดพร้อมเสียงหัวเราะว่า “พี่ใหญ่ ทำไมถึงโทรมาหาผมได้เนี่ย?”
หลงเซียวกำลังทำโออยู่ที่ฉู่ซื่อ พนักงานกลับไปจนเกือบหมดแล้วแต่เขานั่งทำเอกสารสัญญาด้านความร่วมมืออยู่เลย “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
หลงจื๋อไม่ได้ขึ้นรถ เขาเดินไปตามสนามที่กว้างใหญ่ของสนามบินอย่างช้าๆ มือข้างหนึ่งล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงร่างกายที่ผอมสูงของเขามันช่างดูสะดุดตาเหลือเกิน “ก็ดีครับ แล้วพี่หล่ะครับเป็นยังไงบ้าง?”
กู้เยนเซินเปิดประตูเข้ามาในห้อง “คุณชาย นี่คือรายละเอียดของโครงการ คุณตรวจสอบดูหน่อยครับว่ามันมีปัญหาตรงไหนรึเปล่า”
หลงเซียวพยักหน้า “ครับ”
เมื่อหลงจื๋อรู้ว่าพวกเขายังทำงานกันอยู่ เลยยกมือขึ้นมาดูเวลา นี่มันห้าทุ่มแล้วนะ พี่ใหญ่ยังทำงานอยู่อีกเหรอเนี่ย?
“ฉันสบายดี แกอยู่ที่อเมริกาก็คงเห็นข่าวแล้วใช่ไหม? ฉันออกจากMBKแล้ว ดังนั้น เสี่ยวจื๋อ___แกกลับมาเถอะMBKมันเป็นของแกแล้ว”
เป็นของแกแล้ว ลูกชายที่แท้จริงของหลงถิง
คำๆนี้มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ยจริงๆ เลย!
หลงจื๋อยักไหล่ เอาหน้าซุกเข้าไปในเนกไทที่ลอยขึ้นมา ถอนหายใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า “พี่ครับผมจะไม่กลับไปอีกแล้ว MBKมันเป็นของพี่ ผมจะไม่รับตำแหน่ง พ่อจะต้องเรียกพี่กลับไปแน่นอนครับ”
หลงเซียวเปิดเอกสารแผ่นหนึ่งออก วาดตามอง แล้วเปิดไปอีกแผ่น “เสี่ยวจื๋อ พี่ใหญ่ถามแกหน่อย ถ้าวันหนึ่งเราต้องเผชิญหน้ากันเยี่ยงศัตรู แล้วแกจะทำยังไง?”
หลงจื๋อไม่อาจเข้าใจความหมายของเขาได้ “นี่พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย?”
หลงเซียวตวัดปากกาเซ็นชื่อของตัวเองลงไป ปิดเอกสารลงแล้วคืนให้กู้เยนเซิน กู้เยนเซินยังไม่รีบที่จะออกไป เมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อเสี่ยวจื๋อ เขาก็รู้เลยว่าเขาต้องการทำอะไรต่อจากนี้
“เสี่ยวจื๋อ แกไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ แกจะทำตัวเป็นเด็กไปตลอดไม่ได้ ตอนนี้ภาระหน้าที่ของMBKต้องยกให้แกแล้ว แกต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ต่อไป ฉู่ซื่อกับMBKจะต้องเกิดสงครามกันขึ้นแน่ๆ ฉันหวังว่าแกจะสามารถลุกขึ้นมาท้าทายกับบททดสอบนั้น”
น้ำเสียงที่ทุ้มลึกทรงพลังของหลงเซียว มันช่างหนักแน่นแน่วแน่เหลือเกิน แต่เขาก็ยังพยายามปกป้องศักดิ์ศรีของหลงจื๋ออยู่
“พี่ใหญ่ครับ พี่จะทำให้ฉู่ซื่อกับMBKทำสงครามกันเหรอครับ? ทำไมต้องทำสงครามกันด้วยล่ะครับ?” หลงจื๋อคิดมาตลอดว่า ที่พี่ใหญ่ของเขาไปบริหารฉู่ซื่อ ก็เพื่อทำให้ทั้งสองบริษัทเดินหน้าไปด้วยกันอย่างมั่นคงด้วยความกลมเกลียว
แสดงว่าเขานั้นซื่อเกินไป
กู้เยนเซินแทบจะขำออกมาแล้ว คุณชายรองครับ คุณนี่มันใสซื่อได้โล่เลยจริงๆ นะครับเนี่ย!
หลงเซียวถลึงตาใส่กู้เยนเซิน แล้วพูดต่อ “เสี่ยวจื๋อพี่ใหญ่ต้องการให้แกรีบๆ โตเป็นผู้ใหญ่ แล้วดึงเอาความพยายามทั้งหมดที่แกมีออกเพื่อต่อกรกับฉันอย่างเท่าเทียม สู้ด้วยทั้งหมดที่แกมี ถือเป็นมันคือการให้เกียรติคู่แข่งที่ดีที่สุดแล้วถ้าแกคิดว่าฉันเป็นพี่ชาย ก็ลองไปคิดดูให้ดีๆ แล้วกัน”
พอพูดถึงที่นี่ หลงเซียวก็ตัดสายไป
กู้เยนเซินนั่งอยู่ลงตรงหน้าเขา แล้วถามต่อด้วยความอึดอัด “ผมว่านะคุณชายหลง คุณนี่เป็นคนที่เข้าใจยากจริงๆ เลยนะครับ ในเมื่อคุณต้องการที่จะทำลายMBKอยู่แล้ว แล้วคุณยังจะเรียกเขากลับมาทำไมครับ? มันจะทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องมีปัญหาเอาได้นะครับ!”
หลงเซียวเอามือกุมขมับ แล้วยิ้มออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย “ก็ใช่ไงครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วผมจะทำลายหลงถิงกับMBKลง แล้วยังจะตามให้เสี่ยวจื๋อกลับมาทำไม? คุณกู้ครับ___ผมไม่อยากให้เสี่ยวจื๋อต้องเจ็บปวดครับ ความชั่วที่หลงถิงทำผมไม่อยากให้เขาต้องมารับผิดชอบด้วย”
“อะไรเนี่ย! ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ! ในเมื่อไม่อยากให้เขาเจ็บปวด คุณก็ควรปล่อยให้เขาอยู่ที่อเมริกาต่อไปสิครับ แต่การเรียกเขากลับมาแบบนี้มันก็ต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว นี่คุณเพี้ยนไปแล้วหรือยังไงครับ!”
กู้เยนเซินลุกพรวดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นมามองเขา ยกกาแฟขึ้นมาดื่ม “ถ้าเกิดว่าเสี่ยวจื๋อไม่อยู่ที่ประเทศจีน แล้วผมไปทำลายMBK หลงถิงถึงคราวหายนะ พอเขากลับมาเขาจะเป็นยังไง? เขาผูกพันกับหลงถิงมาก เขาอาจจะโทษตัวเอง รู้สึกผิด แล้วอยู่กับความรู้สึกนั้นตลอดไป ดังนั้น การที่ผมให้เขาต่อสู้กับผมอย่างเท่าเทียม พยายามอย่างเต็มที่แล้วแพ้ไป ก็ยังดีกว่าการพ่ายแพ้ไปโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย”
กู้เยนเซินปากค้างอยู่นานกว่าจะด่าออกมาได้คำหนึ่ง “เชี่ย! คุณหลง นี่คุณคือคนที่คิดจะแก้แค้นจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? มัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลังอยู่นั่นแหละ ห่วงคนนั้นห่วงคนนี้ แล้วคุณจะไปเอาชนะหลงถิงได้ยังไงกันครับ?
ผมจะบอกอะไรคุณให้นะครับ ทำไมคนชั่วถึงสามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จได้? เพราะคนชั่วนั้นมันมองแค่เป้าหมายพวกมันเลือดเย็นโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย แต่คนดีนั้นห่วงหน้าพะวงหลัง อยากที่จะวิ่งเร็ว แต่ก็ไม่อยากเหยียบดอกไม้ใบหญ้าที่อยู่ข้างทางให้ตาย แล้วมันจะไปเอาชนะคนชั่วได้ยังไงล่ะครับ!”
หลงเซียวหัวเราะออกมา และยังคงยืดมั่นในความคิดของตัวเอง “แต่ว่าคุณกู้ครับ คุณอย่าลืมนะว่า การแก้แค้นโดยไม่เลือกวิธีนั้น มันรั้นแต่จะทำให้ความแค้นถูกส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น แต่การก้าวเดินอย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์นั้นก็จะได้มาซึ่งบัลลังก์ที่มั่นคงและยั่งยืนนะครับ”
ความแค้นระหว่างพ่อกับหลงถิงคือการฆ่าฟันกันในเงามืด
แต่ตอนนี้ ระหว่างเขากับลูกชายของหลงถิง จากประชันกันในสนามรบที่ประจักษ์ต่อคนทั้งโลก เพื่อเสี่ยวจื๋อแล้ว เขาเองก็ทำได้เพียงแค่นี้
กู้เยนเซินสบถออกมาเบาๆ “เชี่ย! แล้วคุณไม่กลัวหลงถิงมันจะเล่นสกปรกเหรอครับ? คุณจะไปนับคุณธรรมอะไรกับคนอย่างมันได้? แม่งเอ๊ย ผมไปยิงมันให้ตายเลยง่ายกว่า!”
หลงเซียวหยิบเสื้อสูทตรงหลังเก้าอี้ขึ้นมาเพื่อเตรียมกลับบ้าน “ดึกมากแล้ว คุณกลับก่อนเลยครับ เรื่องการลงทุนที่เมืองหนิงไห่พรุ่งนี้ค่อยไปว่ากันในที่ประชุม อีกอย่าง___ชีวิตของดอกไม้ใบหญ้าที่อยู่ข้างทาง คนที่ผ่านทางมาก็ต้องปรานีเอาไว้นะครับ”