ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 591
ตอนที่ 591 หลงจื๋อกลับประเทศ รับตำแหน่งCEO
แสงแดดหลังบ่ายนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรง แสงแดดได้ส่องกระทบไปตรงกระจกของตึกบริษัทMBK แสงสีทองที่ส่องประกายจะแสบตานั้นเหมือนว่าได้นำพาดวงอาทิตย์มายังโลกด้วย
ด้านนอกประตูของตึกบริษัทMBK ได้เต็มไปด้วยกลุ่มนักข่าว กะประมาณจากสายตาแล้วน่าจะมีห้าสิบถึงหกสิบคนได้ นักข่าว ช่างกล้อง ได้ยกกล้องถ่ายภาพไปทางลานด้านนอกของตึก เวลานี้ในลานได้มีพรมสีแดงหนาๆ ปูอยู่ พรมแดงนั้นได้ปูจนถึงสุดขอบลาน ได้เข้ากับถนนที่มีอยู่แล้ว
นักข่าวหลายสิบคนได้พากันรอ รอพระเอกของวันนี้เข้ามาในงาน
คนในงานได้เดินไปมา ในงานได้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย ทุกคนนั้นได้แสดงความคิดเห็นของตนออกมา และทุกคนก็ได้ยึดมั่นในความคิดเห็นของตนจนถึงที่สุด
“คุณชายรองกลับมาคราวนี้ คงต้องจะมาตัดสินผลแพ้ชนะกับท่านเซียวด้วยแน่? ดูจากMBKแล้ว เหมือนว่ามีฝ่ายหนึ่งนั้นได้เห็นด้วยกับคุณชายรอง” นักข่าวของบริษัทบริษัทหนึ่งพูด
“ฉันไม่เห็นด้วยนะ ความสัมพันธ์ของคุณชายรองกับท่านเซียวใครบ้างที่ไม่รู้? คราวก่อนที่ท่านเซียวไปจากMBK เป็นคุณชายรองที่ทำทุกวิถีทาง เชิญท่านเซียวกลับมาเองเลยนะ จะเกิดเรื่องบาดหมางได้ยังไง? พวกเธอคิดมากไปแล้ว” นักข่าวออนไลน์พูดขึ้น
“ที่ฉันเป็นห่วงตอนนี้ก็คือ ต้นไม้ที่เหมือนสงบแต่ลมนั้นไม่ใช่ พวกเธอดูเตรียมการของ MBKเพื่อที่จะต้อนรับคุณชายรองกลับมาสิ คราวก่อนที่ท่านเซียวกลับมา ได้รับอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?” นักข่าวอีกสำนักหนึ่งได้พูดขึ้น
“ต่อให้คุณชายรองเปิดศึกกับท่านเซียวจริงๆ คุณชายรองนั้นไม่ใช่คู่แข่งของท่านเซียวเหรอ ท่านเซียวมีประสบการณ์มากว่าสิบปี คุณชายรองมีอะไร?” คนหนึ่งพูด
อีกคนก็ได้ไม่พอใจขึ้นมา “สิบปีนับอะไร? ท่านเซียวตอนนี้ในมือก็มีแต่บริษัทฉู่ซื่อและบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปที่ไม่ดังอะไร คุณชายรองนั้นมีMBK คนธรรมดาสามคนก็สามารถเอาชนะจูกัดเหลียงได้ เธอคิดว่าคนของMBKพวกนั้นกินข้าวเปล่าเหรอ?”
นี่……
พอคิดแบบนี้ ยากที่จะตัดสินว่าแพ้ชนะจริงๆ
เสียงที่ต่างกัน ตำแหน่งที่ต่างกัน แต่ที่พวกเขาได้คำนวณจากสถานการณ์ที่เห็นนั้น ก็เป็นแค่การคาดเดาทั้งนั้น
และในที่ไม่ไกล หลงจื๋อได้นั่งในรถประจำตระกูลของหลงถิง รถLincolnสีดำด้านกำลังออกจากสนามบินตรงไปยังเมืองหลวงCBD หลงจื๋อนั่งอยู่ในที่นั่งข้างหลัง สีหน้าเย็นชา สายตาที่เหมือนกับหงส์คู่นั้นได้มองดูวิวของเมืองหลวง กลับรู้สึกว่าที่นี่นั้นได้เปลี่ยนไปจนเขาไม่รู้จัก
จริงๆ พึ่งจากไปไม่กี่วันเท่านั้น ที่นี่กลับเปลี่ยนไปหมด ทับภาพที่เขาเคยรู้จัก ทับภาพคนที่เขาเคยรู้จักมากมาย เรื่องที่เคยเข้าใจมากมาย
มือทั้งสองของเขาวางไว้บนเข่า ก็ได้เอามาเท้าคางไว้ เปลือกตาที่ปิดลง ปิดบังอารมณ์ความรู้สึกในแววตา เป็นแบบนั้นอยู่นาน เขาเปิดปาก “พ่อผมรู้ได้ยังไงว่าผมกลับมาวันนี้?”
ถามจบ หลงจื๋อรู้สึกว่าตัวเองนั้นน่าขัน ก่อนที่เขากลับประเทศ แม่ต้องเอาข่าวคราวของเขานั้นบอกพ่อแน่ๆ เขานี้นะปัญญาอ่อนจริงๆ
คนที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับเหลียงจ้งซุนได้หันหลังกลับไปมองหลงจื๋อด้วยความเคารพและอ่อนโยน “คุณชายรองกำลังจะรับตำแหน่งประธานของMBK ความเคลื่อนไหวของคุณ พวกเราต้องรู้อยู่แล้ว”
“เหอะๆ แบบนี้เอง……” เขาหัวเราะเบาๆ
เหลียงจ้งซุนก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “ประธานใหญ่นั้นเห็นความสำคัญของคุณมากๆ เป็นทั้งความคิดถึงของพ่อที่มีให้ลูกชาย และความหวังที่มีให้คุณ ประธานใหญ่นั้นหวังกับคุณไว้มาก”
จริงเหรอ?
หลงจื๋อกระตุกที่มุมปาก รอยยิ้มได้แข็งอยู่ตรงนั้น “พ่อฉันรู้ได้ยังไงว่าฉันกลับประเทศแล้วจะไปที่บริษัทก่อน?”
แววตาของเหลียงจ้งซุนนั้นได้ยิ้มแล้วก็ปนไปด้วยเคารพ “อันนี้ ผมก็ไม่รู้ เกรงว่าคุณชายรองต้องไปถามท่านประธานใหญ่เองแล้วล่ะครับ”
เหอะเหอะ!
ก่อนหน้านี้หลงจื๋อคิดว่าคนพวกนี้นั้นไม่ได้ฉลาดอะไรมากมาย ตอนนี้กลับพบว่า พวกเขาพูดจา ทำงาน ต่อให้เป็นแค่สายตาอย่างเดียว ก็สามารถที่จะอ่านออกว่าคนอื่นนั้นต้องการอะไร
ก่อนหน้านี้เขานี้โง่มากจริงๆ
คิดว่า “ใช่” ก็คือ “ใช่” “ไม่รู้” ก็คือ “ไม่รู้” ตอนนี้ถึงจะเข้าใจ หลายๆครั้ง ไม่รู้อาจจะเป็นเพราะไม่อยากจะพูดออกมาก็แค่นั้น และไอ่ที่ว่าใช่ อาจเป็นเพราะว่าไม่อยากที่จะพูดไปมากกว่านี้เลยตอบผ่านๆ
พออยู่ในสนามรบที่ทุกคนต่างพากันสวมหน้ากากเผชิญหน้ากันในที่ที่มองไม่เห็น เขาเคยเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ต่อมาก็กลายเป็นทหารปอดแหกที่หนีรบ และตอนนี้ เขาเตรียมที่จะกลับไปยังสนามรบอีกครั้ง ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตต่อไปจะเป็นยังไง
ตอนที่คิดไป รถก็ได้ขับเข้าไปศูนย์กลางห้างCBD ระยะห่างที่ค่อนข้างเยอะ หลงจื๋อเห็นอาคารตึกMBKที่สูงใหญ่ อาคารบริษัทที่อยู่รวมกับตึกอาคารอื่นนั้นทำให้ดูแตกต่าง บรรยากาศที่ดูน่าเกรงขามนั้นได้กลบรังสีของบริษัทรอบๆ ไป
และเขา กำลังกลับไปที่นั่น
“คุณชายรอง เดียวตอนที่คุณลงจากรถ ต้องระวังคำพูดคำจาให้มากๆ ประตูหน้าบริษัทมีนักข่าวอยู่ไม่น้อย คุณสามารถที่จะเงียบ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทจะทำการแถลงข่าวอธิบายเอง”
คนที่คุ้นชินอย่างเหลียงจ้งซุนเหมือนว่ากำลังพูดเรื่องที่เล็กมากเรื่องหนึ่ง ได้อธิบายเรื่องที่ใหญ่มากออกมาแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเป็นเพราะอยู่ในสังคมมานานจนคุ้นชิน
เรื่องพวกนี้ เมื่อก่อนเขานั้นไม่ทันสังเกต วันนี้พึ่งมารู้ว่าต้องเรียนรู้อีกมาก เรียนรู้อีกเยอะ
“ผมรู้ว่าต้องทำอะไร” หลงจื๋อยอมรับว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ตัวเองนั้นไม่รู้ แต่เขานั้นไม่โง่ ไม่ใช่หุ่นเชิด ไม่ต้องการให้คนอื่นมาบอกตัวเองว่าต้องทำอะไรบ้าง
ถ้าอยู่ในเรื่องที่จริงจังเหลียงจ้งซุนไม่เคยไปปนกับเรื่องอื่น และไม่เจรจาต่อ แต่เป็นการพูดออกมาตรงว่า “คุณชายรอง สายตาของพวกนักข่าวนั้นร้ายกาจมาก การใช้ศัพท์อาจไม่เหมาะสมบ้าง คุณห้ามใส่อารมณ์เด็ดขาด และห้ามพูดอะไรผิดไป พูดผิดไปคำหนึ่ง ฝ่ายแถลงการณ์อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะแก้สถานการณ์ให้ได้”
คิ้วของหลงจื๋อเลิกขึ้น เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี “ลุงเหลียง ลุงหมายความว่า อีกเดียวผมไม่ต้องพูดอะไรเลยใช่ไหม? เดียวถ้าพวกเขาพูดว่าเป็นถึงประธานแต่อะไรก็พูดไม่เป็นให้ทำยังไง?”
เหลียงจ้งซุนหัวเราะ “คุณชายรองพูดถูก ผมเองที่คิดมากไป”
“มาแล้ว!มาแล้ว!รถมาแล้ว!”
“รถของประธานหลง! คุณชายรองมาแล้ว!”
พวกนักข่าวอยู่ก็ได้ตะโกนเรียกออกมา กล้อง ไมค์ แสงไฟทั้งหมดได้ส่องไปยังรถยนต์สีดำ เวลานี้คนนั้นได้วิ่งเข้าไปราวกับสายน้ำ ล้อมรถLincolnจนแม้แต่แมลงก็ออกไปไม่ได้
หลงถิงนั้นได้ยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดในห้องทำงาน รับสายของเหลียงจ้งซุน
“ท่านประธาน พวกเรามาถึงแล้ว เดียวอีกสิบนาทีท่านลงมาได้เลย”
สายตาของหลงถิงได้มองไปยังกลุ่มคนที่เล็กราวกับมด มองดูนาฬิกาบนข้อมือ “ที่เคยบอกไป ได้บอกออกไปหมดแล้ว?”
เหลียงจ้งซุนพูดอืมออกมา เพราะว่าหลงจื๋ออยู่ข้างหลัง เขาไม่กล้าที่จะพูดออกไปตรงๆ “ท่านประธานวางใจเถอะครับ คุณชายรองโตแล้ว รู้เรื่องแล้วครับ”
ประโยคนี้หมายความว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้คุณชายรองรู้เรื่องมากกว่าใคร
ยามเปิดประตูรถ ขาข้างหนึ่งของหลงจื๋อก้าวลงไป รองเท้าหนังสีดำได้เหยียบลงไปบนพื้น จากนั้นก็ตามด้วยร่างที่ใส่ชุดสีดำ กางเกงสูทที่รีดมาอย่างดี ได้ทำให้ขาทั้งสองข้างของเขานั้นดูดีมากๆ
“คุณชายรอง คุณชายรอง ขอถามหน่อยค่ะการที่กลับมาคราวนี้คือเตรียมสานต่อMBKเหรอคะ?”
นักข่าวคนแรกได้ถามออกมา จากนั้นก็มีคำถามตามมาอีกนับไม่ถ้วน เหมือนกระสุนที่สาดมาไม่หยุด
——
ภาพการสัมภาษณ์ที่แสนคึกคัก ได้ถ่ายทอดสดบนอินเทอร์เน็ตไปด้วยนั้นปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมของหลงเซียว ในมือของหลงเซียวนั้นถือแก้วกาแฟอยู่ จิบบลูเมาน์เทนที่แสนจะขมปาก
แอนดี้ที่ส่งเอกสารเสร็จ ก็ไม่ได้ออกไปทันที เธออยากจะดูว่า คุณชายรองที่นักข่าวแห่กันทำข่าวนั้น สุดท้ายจะแสดงท่าทีแบบไหนออกมา
หลงเซียวไม่ได้เงยหน้า “เข้ามาดูเถอะ เธอยืนไกลขนาดนั้น ดูอะไร?”
แอนดี้ตกใจ ไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตัวเอง “ได้เหรอคะ?”
หลงเซียวพยักหน้า แอนดี้ก็ได้เดินเข้า ก็ได้เห็นหลงจื๋อที่ตอบคำถามพอดี ถามอะไรนั้นไม่รู้ แต่ว่าคำตอบที่หลงจื๋อพูดออกมานั้นกลับชัดเจนทุกถ้อยคำ
“อย่างที่ทุกคนได้เห็น การที่ผมกลับมาคราวนี้ ก็เพราะที่จะมารับตำแหน่งประธานที่ว่างอยู่ของMBK MBKนั้นเป็นบริษัทใหญ่ยักษ์ จะขาดคนมารับตำแหน่งสำคัญแบบนี้ได้ยังไง?”
เขาพูดติดขัดนิดหน่อย แต่ใจเย็นมาก ไม่ตื่นไมค์ ไม่สั่น พูดกระชับ
แอนดี้กอดอก มือเท้าคาง “ท่านประธาน ฉันทำไมรู้สึกว่าคุณชายรองไม่เหมือนเมื่อก่อน”
“อืม ใช่ไม่เหมือนเมื่อก่อน โตขึ้นแล้ว” เขาจิบกาแฟ สายตานั้นใกล้กับหน้าจอมาก แต่กับคนในจอนั้นกลับห่างไกล อีกอย่างหลงเซียวรู้ดี ความเป็นจริงแล้วระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นไกลกว่า เกรงว่าจะไกลกว่าที่คิด
ในคอม หลงจื๋อนั้นยังตอบคำถามนักข่าว
“……ใช่ ฉันจะติดต่อประชุมผู้บริหาร เกี่ยวกับแผนการใหม่ของMBK……”
“แน่นอน ผมพูดผม เขาคือเขา พวกเรานั้นมีการทำงานแตกต่างกัน มันไม่มีอะไรที่จะมาเทียบได้!”
เขา หมายถึงหลงเซียว
“การแข่งขันนั้นเป็นเงื่อนไขที่นักธุรกิจต้องมี แต่จะแข่งขันกับใครนั้น การตลาดเป็นตัวกำหนด”
ตรงไปตรงมามาก แต่มีความมั่นใจ ไม่เหมือนกับเด็กที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นอีกแล้ว
หลงเซียวได้ส่งข้อความให้ลั่วหาน “ลั่วลั่ว เปิดคอมตอนนี้ คำถามที่เธอเคยถามฉัน คำตอบมันอยู่ในนี้”
ส่งข้อความเสร็จ หลงเซียวก็ดูสัมภาษณ์ต่อ “แอนดี้ เธอคิดว่าฉันกับเสี่ยวจื๋อ ต่อไปจะเป็นยังไง?”
แอนดี้ไม่เข้าใจความหมายของเขา “ที่ท่านประธานถามนั้น หมายถึงการแข่งขันระหว่างบริษัทเหรอคะ?”
“ชัดเจนมาก เป็นการแข่งขันที่เลี่ยงไม่ได้ อีกอย่าง ฉันกับเสี่ยวจื๋ออาจจะไม่ลงรอยกันอีกต่อไป” หลงเซียวเสียงเข้ม
“การแข่งขันนั้นมีทั้งข้อดีและเสียตามมา ถ้าเกิดต่างฝ่ายต่างช่วยกัน ก็จะทำให้ทั้งสองบริษัทแข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้าแข่งแบบประสงค์ร้าย ก็จะทำให้ทั้งสองนั้นล่ม” แอนดี้ได้ใช้เหตุผลมาวิเคราะห์
แต่ว่าบางเรื่อง ไม่สามารถใช้เหตุผลมาวิเคราะห์ได้ อย่างเช่นเรื่องนี้
จี้ตงหมิงได้เดินเข้ามาในห้องทำงานราวกับว่าพึ่งเห็นผีมายังไงอย่างงั้น “เจ้านาย! การให้สัมภาษณ์ของคุณชายรอง! คุณชายรองได้มาถึงMBKแล้ว!”
พอเขาพูดตะโกนเสร็จถึงพบว่า แอนดี้กับหลงเซียวได้พูดคุยกันเรื่องเนื้อหาสัมภาษณ์
ก็เลยเก้อเขินขึ้น “ที่แท้พวกคุณกำลังดูอยู่นี่เอง”
หลงเซียวพยักหน้า “อืม เห็นแล้ว ให้หยังเซินเตรียมรถ เดียวสักพักฉันอาจจะออกไปข้างนอก” หลงเซียวได้สั่ง
เหงื่อตรงหน้าผากของจี้ตงหมิงได้ไหลออกมา “ครับ ผมจะไปเดียวนี้ คุณชายรองหลับประเทศแล้ว คุณพระ……”
——
หลงถิงปรากฏตัวได้ตรงเวลา ได้มีภาพพ่อลูกที่รักกันต้องหน้ากล้องกับหลงจื๋อ มือของหลงถิงได้โอบไหล่เสี่ยวจื๋อไว้ ได้แสดงออกมาว่าเป็นพ่อที่ดีที่สุดในโลกออกมา
“ขอบคุณการมาของนักข่าวทุกคน ส่วนข่าวลือที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าในใจของทุกคนได้มีคำตอบกันอยู่แล้ว——ถูกต้อง ลูกชายของผมหลงจื๋อ กำลังจะกลายเป็นCEOแนวหน้าของMBK ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การตัดสินใจที่ใหญ่ๆ ของMBK หลงจื๋อจะได้ร่วมมีเสียงด้วย”
หลงจื๋อพยักหน้าอย่างสุภาพ อยู่ต่อหน้าหลงถิง ยังเด็กแต่ได้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาพยักหน้า “จากนี้ไป ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้MBKได้พัฒนาต่อไป ผมเชื่อว่า พ่อลูกร่วมใจ จะเป็นกำลังที่ยิ่งใหญ่! หวังว่า ฝ่ายที่ได้ร่วมงาน หุ้นส่วนกับMBK จะเชื่อมั่นในMBK พวกเราไม่เกรงกลัวต่อความยากลำบาก ไม่เกรงกลัวการแข่งขัน!”
หลงถิงได้ยิ้มออกมา ฝ่ามือที่ใหญ่ได้ตบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ ได้พอใจกับคำตอบของเขาอย่างบรรยายไม่ออก!
เห็นได้ชัด ถ้าไม่ผ่านเรื่องบางเรื่อง มองคนบางคนไม่ออก เขาไม่มีทางที่จะเติบโต!
“ยินดีด้วยค่ะท่านประธาน ยินดีกับคุณชายรองนะคะ! ”
“ยินดีกับคุณชายรอง! ”
พวกนักข่าวได้เริ่มสลายตัว ลานที่คึกคักได้เงียบสงบเหมือนเดิม ความตื่นเต้นที่มีเมื่อกี้นั้น เวลานี้ได้สงบลงดังเดิม
หลงจื๋อได้เอามือของหลงถิงออก “พ่อ พ่อได้เตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว? เพราะเท่าที่ดูจากตอนนี้ ผมนั้นได้ครอบในกะลามาตลอด”
หลงถิงได้หัวเราะออกมา “ระหว่างพ่อลูก พูดพวกนี้ทำไม? ลูกพึ่งกลับมา พ่อมีหลายเรื่องเลยที่อยากจะพูดกับลูก เดิมตามพ่อมา ไปดูห้องทำงานของลูกกัน”
หลงจื๋อกลับปฏิเสธออกมา “ไม่แล้วพ่อ ผมไปเจอคนคนหนึ่งก่อน ขอยืมรถไปขับหน่อย”