ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 597
ตอนที่ 597 คำพูดที่ดี
สีหน้าของหลงยี่ได้เริ่มกังวลขึ้นมา ได้มองพิจารณาหลงจื๋อ ได้ยิ้มออกมาอย่างสุภาพ “เสี่ยวจื๋อ ฉันยังต้องเอาบิลพวกนี้ไปให้พ่อของเธอจ่าย เอาอันนั้นให้ฉันก่อนเถอะ?”
หลงจื๋อมองเขาด้วยหางตา สายตาที่เย็นชานั้นไม่จ้องไปหาเขา “จ่าย? ของพวกนี้นายจะเอาไปให้ใครจ่าย!”
เห็นหลงจื๋อโมโห หลงยี่ก็รีบที่จะเอาตัวเองตัดออกไปจากเรื่องพวกนี้ เหอะๆ ออกมาไม่กี่คำ ได้ยิ้มจนมีรอยบนใบหน้าไม่กี่รอย “อันนี้……เสี่ยวจื๋อ อันนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ฉันก็แค่ทำตามคำสั่ง ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม นายอยากจะรู้อะไรก็ไปถามพ่อของนาย ฉันนั้นไม่รู้อะไรเลยจริง”
ได้ยินที่หลงยี่พูดนั้น สีหน้าของหลงจื๋อนั้นก็ได้ไม่ดีขึ้นมา! เหมือนว่าจะเห็นเส้นเอ็นแถวคอของเขานั้นได้ปูดขึ้น เส้นเลือดสีเขียวนั้นได้ขึ้นปูดขึ้น ขึ้นมาตัดกับสีผิวเขาอย่างน่ากลัว!
“หลงยี่ นายนี่มันใจกล้ามากเลยนะ! พวกอุปกรณ์ก่อสร้างนั้นเดือนที่แล้วก็ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นายกล้าที่จะเปลี่ยนมันกะทันหัน แล้วยังกล้าที่จะปัดความรับผิดชอบต่อหน้าฉัน เหอะๆ นายกล้ามากนะ! ขนาดฉันยังกล้าที่จะโกหก!”
หลงจื๋อ “ปึ้ง” ได้เอาเอกสารที่หนักโยนไปที่ตัวของหลงยี่ เป็นเพราะใช้แรงมากเกินไป หลงยี่นั้นได้เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยืนนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูก จับเอกสารมาบังหน้าไว้แน่น
“เสี่ยวจื๋อ อุปกรณ์ก่อสร้างมันก็เหมือนกัน ฉันไปเช็กมาแล้ว อุปกรณ์ของพวกเขานั้นมีแหล่งที่มาจากภาคใต้มาทั้งนั้น อีกอย่างบริษัทนี้นั้นราคาถูกกว่าบริษัทก่อน แค่สีใช้ทาอย่างเดียวราคาก็ต่างกันมาก”
เขาได้ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แต่ว่าข้างหลังนั้น มีศูนย์อีกหลายตัวแน่นอน
หลงจื๋อได้ทำหน้าเย็นชาแล้วฟังเขาจนหมด “ฟุ้บ” ได้กระชากคอเสื้อสูทสีดำของหลงยี่เข้ามา แล้วก็ได้เดินเข้าไปอย่างน่ากลัว สายตานั้นได้หรี่ลง จ้องมองหน้าเขาไม่ขยับ ได้พูดทั้งกัดฟันออกมาว่า “หลงยี่ นายอยากตายเหรอ! ถ้าเปลี่ยนบริษัทซื้ออุปกรณ์แบบลับๆ เอาเงินที่เยอะมาออกจากในนั้นเยอะขนาดนั้น! เอกสารพวกนี้นั้นในการประชุมผู้บริหารได้ลงมติกันตั้งนานแล้ว! งบประมาณที่คาดการนั้นก็ได้จ่ายลงมาแล้ว เงินที่เหลือ นายคิดจะจัดการยังไง? เอาเข้าในกระเป๋านาย?!”
หลงยี่ที่โดนเขากระชากคอเสื้อนั้น เกือบที่จะยืนไม่อยู่ ขยับนิดหน่อยเพื่อที่จะยืนได้ ยิ้มออกมาแห้งๆ “หลงจื๋อ อย่าใจร้อนสิ นายฟังฉันอธิบายก่อน เรื่องนี้ถ้าปกปิดการประชุมพวกผู้บริหารได้ เงินที่เหลือก็เป็นของพวกเราแล้ว ทำธุรกิจต้องใช้สมอง นายพึ่งที่จะเข้ามาในสายงานนี้ ไม่เข้าใจกฎ จะอดตายก็เพราะไม่กล้านะ นี่มันก็คือกฎ”
“เลอะเทอะ! กฎอะไร! ฉันเตือนนายไว้ก่อนนะหลงยี่ เรื่องนี้ขอให้มันหยุดอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะมาเลือกอุปกรณ์เอง เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่งแล้ว”
แม่งเอ๋ย!
ปลิงตัวหนึ่ง! คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ให้สูบผลประโยชน์ของบริษัท คิดที่จะเอาเงินของบริษัทไปแบบลับๆ คนฉิบหายแบบนี้อยู่ในบริษัทนั้นจะทำให้เกิดแต่ผลเสีย นี่มันเป็นก็แค่ขี้หนู!
หลงจื๋อกัดฟัน ตัดสินใจแล้วว่าจะไล่หลงยี่ออกจากบริษัท!
“เสี่ยวจื๋อ นาย……นายจะทำอะไร? ก็คุณลุงเป็นคนสั่งให้ฉันไปอยู่แผนกการตลาด เรื่องการซื้อขายนั้นฉันเป็นคนจัดการ ฉันต้องเลือกวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงและราคาถูกที่สุด……”
“เหอะๆ!”
คำพูดของหลงยี่ได้ถูกหลงจื๋อขัด
“ฉันไม่เชื่อเรื่องคุณภาพสูงและราคาถูก ฉันรู้แต่ว่าราคาถูกไม่มีคุณภาพ หลงยี่นายฟังดีๆ บริษัทที่จะซื้อวัสดุด้วยนั้นของบริษัทจะต้องได้รับการตรวจสอบจากฉัน ไม่มีลายเซ็นของฉัน หากนายเปลี่ยนหรือยกเลิกสัญญาอย่างบุ่มบ่าม ฉันจะตรวจสอบอย่างละเอียด”
ฟึ้ม!
หลงจื๋อได้ผลักหลงยี่อย่างแรง ผลักเขาถอยหลัง คนโดนผลักนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยสไลด์ พื้นรองเท้าสีดำก็ได้ถูไปกับพื้น ส่งเสียงที่เสียบหู “อี๊ด”
“เสี่ยวจื๋อ นาย……”
“อีกอย่าง ฉันจะบอกนายเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอยู่ในบริษัทให้เรียกฉันว่าประธาน ถ้าให้ฉันได้ยินว่านายเรียกชื่อของฉัน แผนกการตลาดนายก็ไม่ต้องอยู่แล้ว จะส่งไปแผนกโลจิสติกส์!”
หลงจื๋อนั้นโมโหมากๆ ได้เอานิ้วชี้ไปที่หัวของหลงยี่ โมโหจนมือสั่น
“ผม……ผมรู้แล้วครับ” หลงยี่ได้กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็พูดออกมาจนหมด
“ไป!”
หลงจื๋อด่าออกไปคำสุดท้าย หน้าผากนั้นกระตุกไม่หยุด มองหลงยี่ที่กึ่งวิ่งออกไป ถึงได้ลับตาลงสูดหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุด
หลงยี่นั้นเป็นผู้จัดการของแผนกการตลาด เขาที่เป็นหัวหน้าก็เป็นแบบนี้ คนที่เป็นลูกน้องเขานั้นก็อย่าให้เอ๋ยเลย
เมื่อก่อนตอนที่พี่ชายอยู่นั้น ไม่มีคนกล้าทำแบบนี้
ตอนนี้เขานั้นรู้สึกเครียดมากๆ ไม่คิดว่าการบริหารบริษัทนี้จะยากแบบนี้ เหมือนก่อนตอนที่เป็นว่าที่ประธานนั้น พี่ชายได้เตรียมการมาให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็แค่ทำตามที่เขาแนะนำก็พอ
ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าจริงๆ ต้องขับเรื่องนี้เอง ยากจริงๆ ยากมาก!
ปรับการหายใจของตัวเองเสร็จ หลงจื๋อก็ได้เดินกลับเข้าไปที่หัวทำงานประธานใหญ่ เรื่องบ้างเรื่องต้องพูดให้ชัดเจน
——
หยวนชูเฟินค่อยๆ ตื่นขึ้น ตอนที่เธอตื่นนั้นเวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงบ่ายสองโมงแล้ว แสงแดดที่อบอุ่นยามบ่ายของฤดูใบไม้ผลิได้ส่งมาตรงใบหน้าของเธอ ได้มากระทบหน้าเธอราบกับมือของเด็ก
“อาเฟิน เธอตื่นแล้วเหรอ?”
เธอได้ลืมตาขึ้น ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นก็ได้นั่งอยู่ข้างๆ มือของเขานั้นได้มีหนังสือเล่มหนึ่ง แต่ว่าก็ยังอยู่หยุดที่หน้าเดิน รู้เลยว่าเขาไม่ได้พลิกไปหน้าต่อไป
หยวนชูเฟินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เหล่าส้ง นายทำไมมาอยู่ที่นี่?”
ส้งชิงเซวี๋ยนเห็นว่าเธอนั้นพยายามจะลุกขึ้น ก็ได้กดไหล่ของเธอแล้วพูดว่า “ไม่ต้องขยับ ร่างกายเธอตอนนี้อ่อนแอมาก นอนไปเถอะ เมื่อกี้เธอสลบไป พวกหมอช่วยเธออย่างยากลำบาก เธอจะเกิดเรื่องอีกไม่ได้”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นได้ไปจับอุณหภูมิที่หน้าผากของเธอ แล้วก็จับชีพจรเธอ ในที่สุดก็ปกติ
หยวนชูเฟินฝืนยิ้ม ใบหน้าที่อ่อนล้าของนั้นไม่มีแม้กระทั่งเส้นเลือด “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว จริงด้วย เซียวเอ๋อกับลั่วหานล่ะ? พวกเขามาแล้วเหรอ?”
“มาแล้ว แต่ว่าเด็กยังมีงานต้องยุ่ง ก็ได้กลับไปแล้ว ตอนที่เธอสลบไปนั้นเสี่ยวลั่วลั่วนั้นตกใจมากๆ ปกตินั้นเด็กคนนี้ไม่ร้องไห้หรอกนะ วันนี้ร้องไห้วะฉันยังสงสาร”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นเอามือไปจับที่หัวใจ ทำท่าเสียใจจนเว่อร์
ปากหยวนชูเฟินได้กระตุก หัวเราะแล้วพูดว่า “พอได้แล้ว เลยแสดงได้แล้ว เมื่อก่อนก็ชอบแสดง ตอนนี้ยังแสดงอีก กี่สิบปีแล้วไม่รู้จักเปลี่ยนบ้างเหรอ”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นได้เทน้ำให้เธอ วางทิ้งไว้ข้างๆ “ถึงแม้จะดูโบราณไปหน่อย แต่ว่าเธอก็หัวเราะแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หยวนชูเฟินส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “พวกคุณนี่น้า เธอกับเส้าเอินไปเป็นเพื่อนที่ดีกันได้ยังไง”
นิสัยต่างกันอย่างเห็นได้ชัดได้ขนาดนี้
คนหนึ่งอ่อนโยนราวกับสุภาพบุรุษ ไม่ค่อยหัวเราะ อีกคนนั้นเป็นไอ่บ้า ที่ชอบหัวเราะอยู่ตลอด
ส้งชิงเซวี๋ยนได้หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดว่า “อันนี้เธอไปถามเซียวเซียวได้ เขาทำไมถึงได้ไปเป็นเพื่อนรักกันกู้เยนเซิน?”
คิดไปมันก็ถูก เป็นโชคชะตาที่ประหลาดจริงๆ
หยวนชูเฟินยิ้มเสร็จ ก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “วันนี้ฉันเจอคนคนหนึ่ง”
ส้งชิงเซวี๋ยนได้เดาอะไรบางอย่างได้ ก็ไม่ได้พูดล้อเล่นอะไรอีก ก็ได้มองเธอย่างจริงจัง “อืม เธอว่ามา เห็นใครแล้ว?”
หยวนชูเฟินลับตาลงอย่างหมดแรง พูดออกมาอย่างอ่อนแรงว่า “หลงเซิ่ง”
แก้วของส้งชิงเซวี๋ยนได้ตกลงไป “ให้ตายเถอะ! ทำไมเป็นเขา?! พูดแบบนี้ พวกเขารู้แล้ว?!”
“อืม หลงถิงรู้แล้ว หลงเซิ่งก็รู้แล้ว อีกอย่าง การมาของหลงเซิ่งวันนี้ นายเดาสิว่าเขาอยากจะทำอะไร?”
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่ได้เป็นคนที่คิดลึกซึ้งขนาดนั้น ไม่รู้จริงๆ ว่าหลงเซิ่งจะทำอะไร เขาจะตั้งศัตรูเป็นคู่แข่งของหลงถิงเหรอ? “เธอว่ามาเถอะ เขาจะทำอะไร?”
หยวนชูเฟินคิดแล้วรู้สึกน่าสมเพช “เขาอยากจะซื้อหุ้นในมือของฉัน ในมือฉันนั้นมีหุ้นร้อยละสามของMBKอยู่ เขาอยากจะซื้อไปทั้งหมด”
ส้งชิงเซวี๋ยนขมวดคิ้ว “ไอ่เวรนี่ เธอเป็นถึงขนาดนี้แล้ว เขายังจะมาบีบบังคับเธอ เวรเอ๋ย! เรื่องนี้ฉันจำเป็นต้องพูดกับเซียวเซียว ให้เขาเอาหลงเซิ่งจนตาย! ไอ่แก่นี่ แก่ขนาดนี้แล้วยังจะมาหาเรื่องอีก!”
——
บริษัทฉู่ซื่อ ห้องทำงานประธาน
โทรศัพท์ของหลงเซียวได้ดังขึ้น เขามองแวบเดียวก็ได้รับสาย “ว่ามา”
เป็นแผนกความปลอดภัยของโรงพยาบาล “คุณหลง คนที่คุณให้พวกเราไปตรวจสอบพวกเราได้เจอแล้วครับ คนที่เข้ามาวันนี้นั้น มีคนหนึ่งที่ได้เข้าไปที่ห้องพักของแม่ของคุณ เป็นลุงของคุณคุณหลงเซิ่ง”
คิ้วข้างหนึ่งของหลงเซียวได้หยักขึ้น นิ้วมือได้เคาะไปที่โต๊ะด้วยความเคยชิน “เป็นเขาเองเหรอ”
“ใช่ครับคุณหลง นี่เป็นคนคนเดียวที่เข้าไปในห้องของคุณแม่ของคุณครับ เข้าไปประมาณยี่สิบห้านาที ตอนที่เขาออกไปจากห้องพักคนไข้ประมาณห้านาทีนั้น คุณหมอก็ได้พุ่งเข้าไป”
แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนทำให้แม่อารมณ์แปรปรวน เพราะงั้นแม่อยู่ถึงได้สลบ
หลงเซิ่ง!
คนที่ดูแล้วเหมือนว่าไม่แข่งแย่งกับใครเลยนั้น คิดไม่ถึงว่าจะมาก่อกวนในช่วงเวลาสำคัญ!
ให้ตายเถอะ!
หลงเซียววางสาย ก็ได้ยกโทรศัพท์ภายในขึ้น กำลังจะโทรไปหาจี้ตงหมิงให้เตรียมการจัดการหลงเซิ่งสักหน่อย แต่ว่าคิดๆ ดูแล้วไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับเขา
เพราะงั้น หลงเซียวก็ได้เอาโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังจะหาเบอร์โทร ก็ได้มีคนโทรเข้ามาก่อน
เป็นเบอร์ของส้งชิงเซวี๋ยน
“ลุงส้ง แม่ผมเป็นยังไงบ้าง?”
ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คิดแม่ของเขา
ส้งชิงเซวี๋ยนได้หัวเราะออกมา ปลายสายนั้นก็ได้พูดกับหยวนชูเฟินว่า “เป็นไง? ฉันเดาไม่ผิดใช่ไหม? เขาต้องถามถึงเธอก่อน”
หยวนชูเฟินหัวเราะ “เซียวเอ๋อ แม่ไม่เป็นไรจ้ะ ลุงของลูกนั้นมีเรื่องจะคุยด้วย”
ได้ยินเสียงของหยวนชูเฟิน ใจของหลงเซียวก็ได้วางลงสักที “อืม ลุงส้งว่ามาเลย”
“ฉันบอกอะไรเธอนะเซียวเซียว พวกตระกูลหลงนั้นไม่มีใครดีสักคน หลงเซิ่งนั้นอยากให้แม่ของเธอขายหุ้นในมือให้เขา ดูความทะเยอทะยานของหลงเซิ่งสิ อยากจะซื้อหุ้นเพื่อที่จะเพิ่มอำนาจของตระกูลหลง!
แม่งเอ๋ยฉันทำไมถึงไม่เคยสังเกต หลงเซิ่งที่ดูแล้วเหมือนเป็นคนที่ไม่กล้าจะทำอะไร คิดไม่ถึงว่ามีความคิดแบบนี้!”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นพูดไปด่าไป ได้ด่าออกมาอย่างสาแก่ใจ ภาพบรรยากาศนั้นคงน่าดูไม่น้อย
หยวนชูเฟินนั้นอยู่ตรงนั้นเงียบๆ “……”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “อืม ผมรู้แล้ว ผมเตรียมต่อกรกับเขาอยู่ เห็นทีเรื่องของตระกูลหลง ผมนั้นต้องจัดการหน่อยแล้ว”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นได้จึๆ ออกมา “เรื่องเก็บกวาดบ้านแบบนี้ ต้องจัดการโดยเร็ว! แต่ว่า พวกตระกูลหลงนั้น เธอไม่เก็บกวาดก็ดีอีกแบบ ให้เขาอยู่ในตระกูลหลง ไม่นานหลงถิงต้องซวยแน่ๆ! เธอแค่ไปให้บทเรียนเขาสักหน่อย ตีจนพิการอะไรแบบนี้ ไม่ต้องเอาเขาจนตาย เอาให้ตายเลยมันไม่สนุก ให้เขาเป็นภัยของตระกูลหลงต่อไป!”
“ไม่ได้ ตอนนี้ประธานบริษัทของMBKนั้นเป็นเสี่ยวจื๋อ เสี่ยวจื๋อนั้นใสซื่อมาก เขาไม่ใช่คู่แข่งของหลงเซิ่ง ผมต้องจัดการเรื่องนี้แทนเขา”
หลงเซียวพูดออกไปแบบไม่ให้ขัดจังหวะ
หยวนชูเฟินนั้นพยักหน้าอย่างพอใจ เห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย “เซียวเอ๋อ แม่เห็นด้วย ไม่ว่ายังไง เสี่ยวจื๋อนั้นไม่ผิด เขาเห็นลูกเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเขา แม่หวังว่าพวกลูกทั้งสองนั้นจะดีกันไปตลอด ส่วนเรื่องในอดีตนั้น อย่าให้มันมาทำลายความสัมพันธ์ของพวกลูก”
ส้งชิงเซวี๋ยน “……อาเฟิน เธอ……ใจกว้างจริงๆ!”
หยวนชูเฟินส่ายหน้า “อาจเป็นเพราะคนนั้นใกล้จะตายแล้ว เพราะงั้น……”
“แม่ครับ!” ได้ขัดคำพูดของหยวนชูเฟิน หลงเซียวพูด “ผมจะไม่ทำให้เสี่ยวจื๋อต้องลำบากใจ แต่ว่าคำพูดพวกนี้ ต่อไปแม่อย่าพูดอีกนะครับ