ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 599
ตอนที่ 599 การตายของคุณพ่อลั่วหาน
ณ เมืองหนิงไห่ ห้องเพรสซิเดนสูทของโรงแรมฮิลตัน
ด้านหน้าของตู้หลิงเซวียนนั้นเป็นหน้าจอคอมขนาดใหญ่ ในนั้นเป็นกราฟเขียวแดงของผลแสดงหุ้นร้อยกว่าจุดนั้นได้ขยับไปมา สูงต่ำสลับกัน บางอันความต่างมาก บางอันนั้นก็ลงต่ำจนสุด
อารมณ์ของตู้หลิงเซวียนนับว่าไม่เลว มือของเขานั้นได้เคาะไปที่โต๊ะทำงาน โต๊ะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ย้อนยุคที่ดูดีนั้นได้ส่งเสียงที่น่าฟังออกมา “เห็นที คนของบริษัทไห่ลุนต้องร้อนรนแล้ว”
ผู้ช่วยนั้นได้ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างสุภาพเรียบร้อย เหมือนกับเขาที่ได้จ้องไปที่กราฟหุ้นของบริษัทบริษัทไห่ลุน รอยยิ้มนั้นได้ประดับอยู่บนหน้าอายุสามสิบของเขา “ท่านประธาน คราวนี้พวกเราไปเอาบริษัทไห่ลุนลงมาในทีเดียวเลยครับ?!”
ผู้ช่วยนั้นได้มีความกระตือรือร้นสูงมาก มือนั้นได้กำเข้า แบออก แล้วก็กำเข้า ร่างกายนั้นดีใจจนไม่รู้จะอธิบายยังไงถึงจะดี
ตู้หลิงเซวียนนั้นได้จ้องไปที่จ้องอีกครั้ง ลุกขึ้น เดินเหยียบพรมหรูรัสเซีย ฝีเท่านั้นได้เดินหน้าตู้ใส่เหล้า ใช้มือข้างเดียวเปิดตู้ลายย้อนยุค ได้เอาลาไฟต์ปีแปดสองออกมาขวดหนึ่ง เหมือนว่าจะไม่พอใจเท่าไหร่ “เอาลงได้ไหมฉันไม่มั่นใจ แต่ว่าคราวนี้บริษัทไห่ลุนได้หมดไปหนังเนื้อและหนัง ฉันนั้นต้องขอบคุณเขาดีๆ ซะแล้ว”
พูดไป เขาก็ได้เปลี่ยนจะลาไฟต์เป็นมาเทลปีหนึ่งศูนย์ เปิดฝาขวดสีทองออก เทให้ตัวเองนิดหน่อย มือซ้ายได้ถือแก้ว แล้วไปจ่อที่แสงแดดชมเชยความสวยของแสงที่มากระทบแก้ว
ผู้ช่วยนั้นอดที่จะตบมือไม่ได้ “ยินดีกับชัยชนะของท่านประธาน ขอแค่เอาบริษัทไห่ลุนมาได้ การที่บริษัทหลันเทียนจะก้าวเข้าตลาดจีนนั้นก็จะได้ก้าวผ่านก้าวที่สำคัญไปแล้ว อีกอย่างก็จะสามารถทำแบรนด์ของเราเองได้อย่างรวดเร็ว”
สีฟ้าที่งดงาม ทำให้คนอารมณ์ดีจริงๆ!
ตู้หลิงเซวียนมองไปนอกหน้าต่าง หน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสขนาดใหญ่ ได้แสดงภาพเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้ม และมีชายหนุ่มที่หล่อเหลาและดุดัน เขาได้จิบเหล้าขาวไป เสียงที่เย็นชาได้พูด “แข่งขันกับMBK ยากไม่แพ้กับการเอาหนังเสือ ไม่มีการเริ่มต้นที่ดี จะทำได้ยังไง? ”
“แต่ว่า ตอนนี้หลงเซียวไม่ได้อยู่MBKแล้ว ก็เท่ากับไม่มีแขนไปข้างหนึ่ง ความยากลำบากนั้นมีไม่มาก คราวนี้ท่านประธานเบาใจได้เลย”
ตู้หลิงเซวียนได้ส่ายหน้า “ไม่แน่ หลงจื๋อแม้จะยังหนุ่ม แต่ก็ฉลาดไม่น้อย พัฒนาได้เร็วมาก นายไม่ได้ดูข่าวเหรอ? หลงจื๋อพึ่งขึ้นตำแหน่งก็ได้ต่อยลูกพี่ลูกน้องตัวเอง เหอะๆ”
ผู้ช่วยกลับไม่คิดว่านี้สมควรชม จากนั้นเขาก็พูดต่อพร้อมยิ้มว่า “ใช่ หลงจื๋อนั้นมีความสามารถนะครับ ต่อยคนจนดังเลย”
“เหอะๆ !” ตู้หลิงเซวียนได้ดื่มเหล้าในแก้วจนหมด แล้วก็ส่งแก้วให้ผู้ช่วย “แต่ช่วงนี้หลงเซียวเงียบมา เขาทำอะไรอยู่?”
ผู้ช่วยตอบ “หลงเซียวตอนนี้บริษัทฉู่ซื่อและบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปกำลังอยู่โหมดกดดัน ถึงแม้จะเป็นแบรนด์เก่า แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีนัก ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนกลุ่มของโม่ซื่อกรุ๊ป อีกด้านเขาก็ได้สร้างการขายยาที่บริษัทฉู่ซื่อกรุ๊ป แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง”
“ต่อให้เป็นหลงเซียว โรมันก็ไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว! ตอนนี้MBKได้ปล่อยเขาไปแล้ว เมืองเจียงเฉิงนั้นน่ากลัวการเอาตัวรอดเพียงน้อยนิดของเขา เหอะๆ ฉันจะรอดู!”
มองว่าเขาจะตายยังไง!
ผู้ช่วยได้ชมเขาไปอีก “ตอนนี้ต่อให้ท่านประธานไม่ทำอะไรเลย ก็สามารถกำหนดกติกาของเกมได้! การตลาดของจีนนั้นได้อยู่ในมือของคุณแล้ว!”
ตู้หลิงเซวียนได้จ้อง “คำพูดที่ปลอมแบบนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องพูดให้ฉันได้ยินแล้ว!”
“ครับ……”
ตู้หลิงเซวียนได้จัดเสื้อของตัวเอง “เตรียมตั๋วเครื่อง วันนี้ฉันจะไปเมืองหลวง”
“ได้ครับท่านประธาน”
——
โรงพยาบาลหวาเซี่ย คลินิกผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหัวใจ
ลั่วหานได้ก้มหน้าจัดการผลตรวจของคนไข้ แล้วก็ได้เซ็นชื่อที่ผลตรวจCT “เป็นยาพวกนี้เหมือนเดิม เธอไปที่ห้องยาชั้นหนึ่งไปเอาใบสั่ง หนึ่งเดือนหลังจากนี้กลับมาตรวจซ้ำ ถึงตอนนั้นไม่จำเป็นต้องทำCT ทำแค่วัดคลื่นหัวใจ”
เซ็นชื่อเสร็จ ลั่วหานได้เอาของทุกอย่างใส่ในถุงกระดาษ
ผู้ป่วยพยักหน้าพร้อมขอบคุณ “ขอบคุณหมอฉู่มากๆ จริงๆ คุณเป็นหมอที่มีความอดทนสูงเท่าที่ฉันเจอมาเลย ต่อไปฉันจะมาดูกับคุณต่อ”
ลั่วหานได้ส่งของไปให้เขา ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ถ้าฉันไม่ได้เข้าเวรล่ะ? ใครดูก็เหมือนกัน กลับไปพักผ่อนให้มากๆ ระวังเรื่องการกินและการนอน”
“ได้ค่ะๆ ฉันต้องทำตามแน่นอน!”
คนไข้ออกไป ลั่วหานก็เรียกคนต่อไป มองชื่อขอคนไข้ คิ้วของลั่วหานได้ขมวด บังเอิญจัง?
“คนต่อไป ฟางหลิงหยู้”
ลั่วหานขับเมาส์ ให้หน้าจอนั้นกลับไปหน้าหลัก ด้านหน้าได้มีคนใส่ชุดสีขาวเดินเข้ามา ค่อยๆ นั่งลง
ฟางหลิงหยู้ได้เอากระเป๋าวางที่ตัก มองลั่วหานแล้วยิ้มอ่อน ไม่ได้เจอกันตั้งยาว เหมือนว่าเธอจะสวยขึ้น และเติบโตขึ้นมีความเป็นผู้หญิงขึ้นมาก เสื้อกาวน์สีขาวก็สะอาด ผมนั้นได้มัดอย่างไม่ตั้งใจ รูปหน้านั้นได้สวยและดูดี
ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าหรือหน้าตา ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหรือรูปร่าง เหมือนว่าฉู่ซีหรานนั้นไม่ใช่คู่แข่งของเธอ
ไม่แปลก……ไม่แปลกที่หลงเซียวนั้นรักฉู่ลั่วหานได้ขนาดนี้ กับคนอื่นนั้นเย็นชามาก
ลั่วหานนั้นไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพราะงั้นเธอนั้นมองไม่เห็นหน้าตาของเธอ
“ร่างกายเป็นอะไรคะ?” ลั่วหานได้เปิดปากถามออกไป ได้วางเมาส์ลง มือวางไว้มองคีย์บอร์ด
เห็นได้ชัดว่าฟางหลิงหยู้ทำตัวไม่ถูก ฝืนยิ้มออกมา “ลั่วหาน ฉันเอง”
อื้อ? เป็นฟางหลิงหยู้จริง?
พอเงยหน้า สายตาได้ประสานกัน สองคนนั้นตกใจไม่น้อย
ที่ลั่วหานตกใจนั้นคือ อยู่ๆ ฟางหลิงหยู้มาทำไม? ทำไมไม่บอกกันก่อน
ที่ฟางหลิงหยู้ตกใจนั้น สามปีกว่าแล้วที่ไม่ได้เจอกัน หน้าตาของลั่วหานนั้นต่างจากเหมือนก่อนมาก ถึงแม้ก่อนที่เธอจะมานั้นได้ดูรูปแต่วิดีโอแล้ว ตัวจริงนั้นสวยกว่ามาก!
“คุณฟาง คุณสงสัยในหน้าตาของฉัน?”
“ไม่ใช่……ฉันฟังที่ซีหรานพูด หลังจากที่เกิดเรื่องปีนั้น หน้าตาก็ได้เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าจะสวยกว่าเมื่อก่อน” ฟางหลิงหยู้พยายามพูดอะไรที่น่าฟัง อยากจะให้ลั่วหานอารมณ์ดี
แต่ลั่วหานนั้นไม่เล่นด้วย “คุณอยากจะพูดอะไรให้พูดมาตรงๆ ทำพูดพวกนั้นนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว คุณอุตส่าห์มาจากเจียงเฉิง คงไม่ได้จะมายินดีอะไรกับฉัน”
กับความฉลาดของเธอนั้นฟางหลิงหยู้นั้นทั้งเกลียดและกลัว เธอเกลียดความตรงไปตรงมาของเธอ เกลียดความใจเย็นของเธอ!
“ก็จริง ฉันมาหาเธอ ก็แค่อยากจะพูดกับเธอเรื่องที่รับปากตอนนั้น เธอช่วยให้ฉันกลับประเทศ ฉันบอกเรื่องพ่อของเธอให้ เธอคงไม่ลืมใช่ไหม?”
สายตาของฟางหลิงหยู้นั้นเป็นประกาย ในใจนั้นกลับกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ลั่วหานนั้นไม่ได้ลืม แต่เรื่องหลายเรื่องในอดีตนั้นเธอไม่อยากจะคิดถึง เรื่องบางเรื่องถ้ากลับไปพูด ก็จะทำให้ตัวเองด่างพร้อย และคนที่ตายก็ด่างพร้อยเหมือนกัน
“ไม่ลืม แต่ทางที่ดีคุณพูดความจริงออกมา ถ้าเกิดคุณกล้าที่จะโกหก คุณรู้ผลของมันใช่ไหม”
ลั่วหานได้มองไปที่นาฬิกาตรงกำแพง
ฟางหลิงหยู้พูด “ไม่ต้องมองแล้ว ฉันเป็นคนสุดท้าย เอาแบบนี้ ฉันเลี้ยงข้าวเธอ พวกเรากินข้างไปคุยไป”
……
ผ่านไปยี่สิบนาที ร้านอาหารหลินเจียงเซียน เมืองหลินเจียง
ที่ร้านอาหารหลินเจียงเซียนนั้นทำอาหารภาคใต้ สีอาหารนั้นสวยงาม ชื่อเมนนั้นก็น่าฟัง ชื่ออาหารทุกชื่อก็ได้มีป้าย เช่นกวีฉือ ทำนองระลึกนู่เฉียว: นิ่งปลากะพง กวีฉือ ปูซ่อนจื่อ: ผัดไก่
ฟางหลิงหยู้ได้ดูไปทีล่ะอัน พูดทำลายความอึดอัดว่า “ชื่อเมนูร้านอาหารร้านนี้น่าสนใจดีนะ บรรยากาศย้อนยุค คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือนั้นคนดูไม่รู้เรื่อง”
ลั่วหานพยักหน้า ตอบไปเรียบๆ ว่า “อืม อาหารภาคใต้ชอบทำอะไรเปลี่ยนใหม่”
ฟางหลิงหยู้ได้วางเมนูลง ให้ลั่วหานเป็นคนตัดสินใจ “เธอสั่งเธอ พูดออกมาก็น่าอาย ฉันไม่รู้ว่าเธอนั้นชอบกินอะไร”
เหอก็ ก็จริง! เธอจะรู้ว่าฉันชอบกินอะไรได้ยังไง ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ในสายตาของเธอมีแค่ซีหรานคนเดียว!
ลั่วหานเลือกไปไม่กี่อย่าง “ขาหมูหวาน ถั่วฝักยาวผัดขิง หมูผัดซีอิ๊ว ผัดเนื้อวัว ซุปเต้าหู้ ยำสาหร่าย ผัดปลาทู พวกนี้ก่อน ให้เธอลองทานเมนูจานเด่น”
ผักหกซุปหนึ่ง สามมันสามจืด ยังมียำ ไม่ว่าอะไรเธอก็ดูแลให้เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นนอกจากความชอบแล้วฟางหลิงหยู้พูดอะไรไม่ออก
“ได้ ดี ไม่เลวเลย”
พนักงานได้ออกไป ในนั้นก็มีแค่คนสองคนจ้องหน้ากัน ฟางหลิงหยู้นั้นไม่รู้จะทำอะไร ก็ได้ดูเมนูรอบแล้วรอบเล่า
“พ่อของเธอชอบกลอนมากๆ เมื่อก่อนในบ้านมีภาพกลอนเต็มไปหมด ห้องหนังสือก็เต็มไปด้วยหนังสือ พ่อของเธอเป็นคนรักการอ่านจริงๆ”
ลั่วหานได้หึออกมา “คุณผิดแล้ว เป็นแม่ของฉันที่ชอบอ่านหนังสือ ส่วนมากนั้นเป็นของแม่ พ่อฉันไม่กล้าทิ้ง ก็เลยเก็บไว้”
ลิ้มรสดีๆล่ะคุณฟาง ในใจของผู้ชายคนนี้นั้นคิดถึงและรักนั้น คือคนที่ตายไปแล้ว!
ฟางหลิงหยู้ยิ้มออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก พยายามไม่ให้หน้านั้นเสีย “พูดแล้วคนที่พ่อเธอรักมากที่สุดก็คือเขา ฉันถึงขั้นคิดว่า พ่อของเธอเคยรักฉันบ้างไหม”
รอยยิ้มของลั่วหานได้หายไป “รักหรือไม่รัก คุณไม่รู้เหรอ? คนคนหนึ่งถ้ารักคุณ คุณต้องรู้อยู่แล้ว”
“ใช่ จริงสินะ ไม่รักก็เหมือนกัน” ฟางหลิงหยู้พูด
“คุณฟาง เข้าเรื่องกันเถอะ พูดพวกนี้กับฉันไม่มีประโยชน์”
ฟางหลิงหยู้นั้นอยากจะทำให้หวั่นไหว แต่เธอพึ่งเริ่มก็ถูกดูออกแล้ว ดีที่อาหารได้มาเสิร์ฟแล้ว ฟางหลิงหยู้เอาตะเกียบคีบขึ้นมาทาน คลายความอึดอัด
“ตอนนั้นพ่อของเธอนั้นป่วยหนักจริงๆ เขามีโรคหัวใจ ใจนั้นจะเจ็บ”
ตะเกียบของลั่วหานที่คีบเต้าหู้นั้น เพราะมือสั่น ก็ได้ตกกลับไป
ใช่ หลังจากนั้นเธอถึงรู้ว่า หลังจากที่แม่เสียไปพ่อก็ไม่โรคหัวใจ เป็นเพราะเสียใจเกินไปถึงได้มา แต่ว่าตอนที่เธอรู้นั้นทุกอย่างมันสายไปแล้ว
ฟางหลิงหยู้เห็นปฏิกิริยาของเธอ ใจก็ได้มีความหวัง จากนั้นก็พูดต่อว่า “วันที่พ่อเธอป่วยหนักนั้น เธอก็รู้ว่าเขานั้นเจอกับใครไหม?”
ลั่วหานรู้สึกว่าข้าวนั้นไม่ต้องกินมันแล้ว เธอนั้นกินไม่ลง “ใคร?”
ฟางหลิงหยู้ได้คีบเนื้อให้ลั่วหาน “ตอนที่พ่อเธอทำธุรกิจนั้นได้มีคนร่วมงานด้วย แต่ว่าคนคนนั้นอยู่ที่อเมริกาตลอด ไม่เคยกลับมา”
“ฉันให้คุณพูดประเด็ด!”
ฟางหลิงหยู้ตกใจ “เธออาจจะไม่รู้จักเขา ก็จริง เขานั้นไปไหนมาไหนน้อย ตอนนี้ได้ขยายธุรกิจระดับโลก เขาเป็นคนแต่งตั้งกลุ่มหมิงถัง ต่อมาชื่อถังเจี่ยถี่ เขาไปสอนหนังสือที่มหาลัย กลายเป็นศาสตราจารย์ธรรมดาๆ เขาชื่อถังจงรุ่ย”
ลั่วหานคิดไปสักพัก แต่ว่าเธอไม่รู้จักถังจงรุ่ยเลย ชื่อนี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
เห็นว่าเธอนั้นเหมือนจะไม่รู้จัก ฟางหลิงหยู้ก็ได้ผ่อนคลาย เปิดกระเป๋าHermes เอารูปภาพข้างในออกมา นั้นเป็นภาพถ่ายรวม ชายสองคนได้กอดไหล่กัน คนหนึ่งอายุสี่สิบ คนหนึ่งอายุยี่สิบ
“ดูนี่ ด้านซ้ายเป็นถังจงรุ่ย”
ลั่วหานเอารูปมาดู ตะเกียบในมือก็ได้ตกลงไป ตกลงไปกับพื้น!
“นี่……นี่……”
ฟางหลิงหยู้ทำหน้า แล้วพูดไปทีล่ะคำ “ฉันรู้ว่าเธอนั้นต้องตกใจ ถังจงรุ่ยเธอไม่รู้จัก แต่ลูกชายของเขา เธอต้องรู้จักแน่ๆ”
ใช่! เธอรู้จัก! เธอต้องรู้จักอยู่แล้ว!
ใบหน้ายี่สิบกว่าๆ รอยยิ้มอ่อนโยน แววตาที่สดใส คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าเป็นถังจิ้นเหยียน!!
คิดไม่ถึงว่าเป็นถังจิ้นเหยียน!!