ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 600
ตอนที่ 600 จิ้นเหยียน ช่วงนี้สบายดีไหม
ตาของลั่วหานนั้นได้จ้องมองไปที่ภาพถ่าย จ้องประมาณหนึ่งนาที เธอถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นขยับไม่ได้ ทั้งตัวนั้นได้แข็งราวกันโดนปูนแช่ จนกลายเป็นรูปปั้น
ฟางหลิงหยู้ที่เห็นลั่วหานตกใจถึงขนาดนี้นั้นก็ได้มองออกว่าเธอนั้นไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ก็เลยเปลี่ยนไปมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน จับมือของเธอไว้ด้วยสองมือ “ลั่วหาน ฉันรู้ว่าการบอกความจริงกับเธอนั้น อาจจะโหดร้าย และทำร้ายความรู้สึกเธอมากๆ แต่ว่า……”
สายตาของลั่วหานได้นิ่ง บรรยากาศที่น่ากลัวได้ปกคลุม น้ำตาเหมือนว่าจะไหลออกมา “คุณรู้ได้ยังไง? คุณรู้เรื่องนี้มาจากไหน?”
เธอนั้นตกใจก็จริง แต่ก็ไม่ได้เสียสติ ตอนนี้ฟางหลิงหยู้นั้นเหมือนมาที่หิวโทรม เห็นให้ก็อยากที่จะเข้าไปกัด เธอจำเป็น ต้องระวังไว้ก่อน
ฟางหลิงหยู้จับมือของเธอไม่ปล่อย มือซ้ายของเธอได้วางลงไปบนมือของเขา ที่นิ้วนางยังได้มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ เป็นแบรนด์ของสิบปีที่แล้ว แต่ว่ารู้แบบนั้นก็ยังไม่ล้าสมัย
แหวนวงนี้ราคาสูงมาก เป็นการยืนยันว่าเธอนั้นเป็น คุณนายตระกูลใสซื่อ เหมือนว่ามีคนสิ่งนี้แล้ว เธอก็สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยงของลั่วหานสั่งงานเธอ
“ฉันต้องรู้อยู่แล้ว……ก็แค่ที่ผ่านมานี้ฉันไม่กล้าพูดออกมา และไม่รู้ว่าจะพูดกับใครดี หลังจากที่พ่อของเธอจากไป ตระกูลฉู่ก็เหลือแค่พวกเราที่เป็นแม่หม้าย พวกเรานั้นยังต้องใช้ชีวิตต่อ จะไปกล้ามีเรื่องได้ยังไง?”
เธอพูดออกมาอย่างน่าสงสาร สายตาได้เศร้า เหมือนว่าพูดออกมาเป็นความจริง
“เหอะๆ! พูดออกมาอย่างน่าสงสาร! ยังมีอะไรอีก? เชิญคุณฟางพูดต่อ!” ลั่วหานได้จ้องตาของเธอ มองว่าที่พูดมานั้นเป็นความจริงหรือไม่
ฟางหลิงหยู้ถูกเธอมองจะเริ่มทำตัวไม่ถูก “วันนั้นฉันไปส่งข้าวให้พ่อเธอที่โรงพยาบาล เห็นว่าเขาเดินเข้าไป…ฉันอยากจะตามไป แต่ว่าฉันนั้นไม่มีโอกาสที่จะเข้าใกล้ห้องพักคนไข้ของพ่อเธอ มีบอดี้การ์ดสองคนเฝ้าอยู่ ไม่ให้คนเข้าใกล้”
เหอะๆ!
ลั่วหานได้หัวเราะออกมาราวกับประชด แต่งเรื่องซะเหมือนจริงเลย! แต่งเรื่องเก่ง!
ตาของลั่วหานนั้นเจ็บมา เจ็บมาก คิดไม่ถึง! คิดไม่ถึงเลยจริงๆ!
“ฟางหลิงหยู้ เธอยังจะมาแต่งเรื่องอีก ถึงตอนนี้ก็ยังมาแต่งเรื่อง!” ลั่วหานได้เพิ่มเสียงขึ้น ประโยชน์นี้ได้หยุดคำพูดของฟางหลิงหยู้
อีกคนนั้นเรื่องร้อนรน นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่กล้าขยับ
มือของลั่วหานนั้นได้กำไว้แน่น “เธอมีแผนอะไรคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ! ว่ามา เธอนั้นไปร่วมมือกับเขามาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม! พ่อฉันนอนVIPที่โรงพยาบาล มีพยาบาลเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าพ่อฉันเป็นอะไรก็จะรู้ทันที! ฟางหลิงหยู้ เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ ได้แต่งเรื่องพวกนี้มาหลอกฉัน!”
ขาของฟางหลิงหยู้ได้สั่ง เธอพูดออกไปด้วยความกลัว “ฉัน ฉันไม่ได้”
สายตาที่เย็นชาของลั่วหานได้มองฟางหลิงหยู้ที่ไม่มีทางหนี “นางแพศยา! เธอช่วยเขาทำอะไร! วันนี้พูดกับฉันตรงๆ เธออย่าลืมล่ะ ฉันให้เธอกลับมาได้ ก็มีหนทางให้เธอกลับไปได้ อีกอย่างฉันรับรองได้เลยว่าจะไม่มีใครที่เอาเธอกลับมาได้แน่นอน”
ที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง กับเรื่องนี้ฟางหลิงหยู้ไม่กล้าที่จะสงสัย เพราะงั้นเธอกลัวมาก
ตอนนี้ที่เธอเจอกับลั่วหานนั้นเขาไม่ได้เป็นผู้หญิงธรรมดาอีกต่อไป แต่ได้เป็นคนที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ “” ฉัน…..ฉันตอนนั้นก็แค่หลงผิดไป ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายพ่อของเธอจริงๆ ที่ฉันทำในดีต่อเขา ฉันพูดจริงๆ นะ”
“ไร้สาระ!”
คำพูดของลั่วหานได้หยุดคำพูดของเธอไป เธอได้ดันโต๊ะแล้วก็ลุกขึ้น หลับตาลงพยายามให้ตัวเองใจเย็นลง กลัวว่าโมโหแล้วจะมีผลต่อลูก แต่เธอก็รู้สึกว่าเธอนั้นทำไม่ได้ เธอทำไม่ได้!
“ฉัน ฉันพูดความจริงนะ ลั่วหาน พวกนี้พวกเรานั้นเป็นครอบครัว เธอต้องเชื่อฉัน เธอต้องเชื่อฉันนะ”
ท้องน้อยเหมือนว่าจะไม่สบาย ลั่วหานได้ใช้มือที่สวมแหวานกดท้องน้อย อ้อมโต๊ะไป ร่างกายที่ผอมบางได้ครอบตัวฟางหลิงหยู้ไว้ มือขวานั้นได้กระชากคอเสื้อของเธอไว้
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เธอได้ข้อดีมาจากเขาเท่าไหร่?”
คำพูดของฟางหลิงหยู้นั้น ลั่วหานไม่มีทางเชื่ออีกต่อไป
“ฉัน……ได้ ฉันพูด ตอนนั้นถังจงรุ่ยเป็นนักธุรกิจที่ดังในอเมริกา เขาบอกว่าเขาอยากจะร่วมหุ้นกับบริษัทฉู่ซื่อ เพราะงั้นผู้ช่วยของเขาได้ติดต่อฉัน บอก บอกว่าให้ฉันเปิดโอกาสให้พวกเขาสักครั้ง เจอ เจอพ่อเธอสักครั้ง ขอแค่เจอพ่อเธอ พวกเขาก็สามารถหากำไลให้บริษัทฉู่ซื่อ……”
แม่งเอ๋ย! ปัญญาอ่อน!
ทำไมถึงได้มือผู้หญิงที่โง่ขนาดนี้นะ!
ลั่วหานอยากจะฆ่าเธอให้ตายตรงนี้!
“แล้วไง? พูดต่อ”
ความเจ็บที่ท้องน้อยนั้นได้ชัดเจนความเดิม ลั่วหานได้ควบคุมตัวเอง หายใจช้าๆ ให้ปอดนั้นได้มีอากาศใหม่ๆ มากขึ้น ฉันให้กระทบลูกในท้องไม่ได้ ต้องไม่กระทบลูกในท้อง
“ฉัน ฉันพูด ผู้ช่วยของถังจงรุ่ยให้ฉัน ให้เช็กฉันเป็นจำนวนเงินสิบล้าน ให้ฉันล่อนางและหมอพยาบาลออกไป ยัง ยังพูดอีกว่าถ้าเจรจาสำเร็จ ก็จะให้ฉันอีกห้าสิบล้าน ฉันคิดว่าการร่วมหุ้นนั้นมันดีกับบริษัทฉู่ซื่อ เพราะงั้น เพราะงั้นก็เลยตกลงไป”
ลั่วหานนั้นเจ็บกระเพาะมากๆ ไส้นั้นเหมือนโดนไขควงหมุนจนเป็นเงื่อนตาย เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก หน้าผากนั้นได้เหงื่อค่อยๆ ไหลออกมา เธอโมโห ก็ได้จับคอเสื้อของฟางหลิงหยู้แน่นกว่าเดิม
“นาง……แพศยา”
ลั่วหานอยากจะง้างมือขึ้น ตบหน้าใบนี้ให้เสียโฉม แต่เธอนั้นออกแรงไม่ได้ ความเจ็บที่ท้องน้อยนั้นได้ส่งมา ส่งมาทั่วร่างกาย เจ็บจนเหมือนว่าได้คว้านเนื้อออกมา
ฟางหลิงหยู้ไม่รู้ว่าเธอนั้นท้องอยู่ คิดว่าเธอโมโหมากเกินไป ความโกรธเลยทำให้ใบหน้านั้นซีด เพราะงั้นเลยพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นว่า “ลั่วหาน เธอไม่เป็นอะไรนะ เธออย่าโมโห ตอนนี้เธอตีฉันด่าฉันก็ไม่เป็นประโยชน์ ศัตรูที่แท้จริงของพวกเรานั้นเป็นถังจงรุ่ย ตอนนี้ฉันไม่รู้เรื่อง โดนเขาหลอก!”
ให้ตายเถอะ! ไอ่เดรัจฉานสมควรตาย!
ลั่วหานอยากจะด่าเธอ แต่ว่าได้เม้นปากไว้แน่น พูดอะไรไม่ออก
นิ่งไปสักพัก เธอถึงได้พูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “เรื่องนี้ ยังมีใครรู้อีก”
ฟางหลิงหยู้ตกใจจนตัวสั่น “ไม่มีคนรู้ ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ถังจงรุ่ยคงไม่มีทางให้คนอื่นรู้ เป็นฉันที่จับสังเกตได้ ไปหารูปภาพของเข้าเจอ”
จับสังเกตได้? จับได้ห่าอะไร!
“เธอ เธอฟังฉันแล้วจำไว้ให้ดี เรื่องนี้อย่าให้คนอื่นรู้เด็ดขาด” ลั่วหานเสียงสั่น เหงื่อนั้นได้ไหลออกมาไม่หยุด
“ลั่วหาน เธอเป็นอะไร? เธอ……”
ขาของลั่วหานอ่อนจนรับน้ำหนักได้ไม่ไหว ก็ได้ล้มไปข้างๆ เก้าอี้
ดีที่ปฏิกิริยาของฟางหลิงหยู้นั้นเร็ว ได้ประคองเธอไว้ ยืนมือไปจับมือของเธอ ก็ได้ตกใจมากๆ “มือของเธอทำให้เหงื่อเยอะแบบนี้? เธอเป็นอะไรไป? ฉู่ลั่วหาน!”
ลั่วหานนั้นได้พยายามพูดอะไรออกมา “โรง……โรงพยาบาล”
ฟางหลิงหยู้เข้าไป “ได้ ได้……ฉันส่งเธอไปโรงพยาบาล”
ขึ้นรถ ลั่วหานก็ได้ให้ฟางหลิงหยู้โทรไปหาหมอซุน หมอซุนนั้นเป็นหมอประจำตัวของหลงเซียว ตอนนี้ลั่วหานไม่อยากให้คนของโรงพยาบาลหวาเซี่ยนั้นตกใจ เพราะงั้นเธอก็เลยให้หมอซุนเตรียมการไว้ล่วงหน้า
รถได้ขับไปที่ที่จอดรถของโรงพยาบาลหวาเซี่ย หมอซุนและผู้ช่วยสองคนได้รออยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว
ฟางหลิงหยู้อยากจะขึ้นไปกับพวกเขา แต่ก็ถูกหมอซุนห้ามไว้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง……
หมอซุนถอดหน้ากากออก มองลั่วหานที่อยู่บนเตียงอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี “คุณนายหลง คุณเป็นคนท้อง คุณคงยังไม่ลืมใช่ไหม?”
หลังมือของลั่วหานนั้นได้หยาดน้ำเกลือ ได้มองตามสายไปดูยา “ฉันรู้”
“รู้? รู้แล้วยังเกือบทำคนตาย?! ตอนนี้คุณยังท้องไม่ครบสามเดือน เด็กในท้องอาจจะเป็นอะไรไปก็ได้ คุณอย่างน้อยก็เป็นหมอ เรื่องพวกนี้ไม่รู้เหรอครับ? คุณ…..คุณนี่นะ! ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่ใหญ่กว่าลูกในท้อง นี่เป็นสายเลือดของท่านเซียวนะ!”
จริงๆ เลย เวลาแบบนี้แล้วยังมาอวดเจ้านายของตัวเองอีก!
สีหน้าของลั่วหานยังซีดอยู่ แต่ว่าเธอนั้นพยายามยิ้มออกมา “เอาหน่าเอาหน่า ฉันรู้แล้วค่ะหมอซุน เมื่อกี้ขอบคุณมากๆ ต่อไปฉันจะระวัง”
หมอซุนหึออกมา “ผมไม่เชื่อ เดียวกลับไปผมฉันให้เครื่องทดสอบสัญญาณชีพที่มือของคุณ พอเจออะไรที่ผิดปกติ ผมก็จะไปหาคุณทันที”
นี่……นี่มันเว่อร์เกินไปหรือเปล่า!
ลั่วหานเบะปาก “ฉันออกไปได้เมื่อไหร่?”
“คุณยังจะออกไปอีก? คุณอยากไปสวรรค์เหรอ? สองวันนี้อยู่ที่นี่ไปก่อน รอให้คงตัวก่อนค่อยว่ากัน” หมอซุนได้เขียนอะไรในใบตรวจ แล้วก็ได้พูดออกมาต่อ “กลับไปถ้าท่านเซียวรู้ คุณรอดูเถอะครับ”
เอ่อ……ลั่วหานเริ่มปวดหัวทันที
“นายอย่าบอกเขา บอกเขาว่าฉันมาที่นี่ฉีดอาหารเสริม ขอร้องล่ะหมอซุน” ลั่วหานกะพริบตา
จะให้หลงเซียวรู้ไม่ได้ เขาต้องเล่นงานฟางหลิงหยู้แน่ ดีไม่ดีอาจจะเล่นงานใสซื่อด้วย
หมอซุนได้มองอาจพิจารณา หลุดขำออกมา “พวกคุณสองคนนี่น่าสนใจจริงๆ เขาไม่สบายไม่ให้ผมบอกคุณ เธอเกิดเรื่องก็ไม่ให้บอกเขา? สองสามีภรรยาต้องช่วยเหลือเป็นห่วงกันและกันไม่ใช่เหรอ?”
ลั่วหานส่ายหน้า “บางครั้ง รักใครมากๆ ก็หวังว่าเขานั้นจะฟังแค่ข่าวดี ได้แล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ”
หมอซุนก็ได้ถูกเขาไล่ไปทั้งแบบนี้ ตอนที่เดินออกไปก็บ่นว่า “ข่าวดี? บอกแต่ข่าวดีไม่บอกเรื่องร้ายก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรมั้ง?”
คนออกไปแล้ว ลั่วหานก็ได้หาโทรศัพท์ สมาร์ตโฟนที่เหมือนไม่หนักนั้น ตอนนี้กลับหนักมากๆ
ได้เลื่อนไปดูเบอร์ที่บันทึก ก็เห็นเบอร์ที่ไม่ได้โทรไปหามานาน ในใจลั่วหานนั้นก็เหมือนหญ้า ขด แห้งใต้แสงแดด
จิ้นเหยียน เป็นคนที่ให้ความสดใสในชีวิตของเธอ ชายหนุ่มที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบนั้น
เธอทำใจที่จะเอาไม่คิดรวมกับฆาตกรได้ยังไง?
แต่ว่า……
จิ้นเหยียนยืนยันที่จะไปจากหวาเซี่ย ไปจากประเทศจีน เท่าที่ดูจากวันนี้คงไม่ได้เป็นเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอ?
ถ้าเป็นเพราะความรู้สึก ต้องทำถึงขนาดนี้เหรอ?
หรือว่า จิ้นเหยียนเห็นผิดปกติ อาศัยข้ออ้างนี้หนีเธอไป?
อีกอย่าง ตอนนั้นเธอน่าจะถามให้มากกว่านี้……ตอนนั้นเป็นไปที่บ้านของถังจิ้นเหยียนเป็นครั้งแรก ก็น่าจะถามแล้ว!
ถังจิ้นเหยียนนั้นเป็นศัลยแพทย์ที่อายุน้อย ตอนนั้นออกมาก็ได้มาบ้านที่หรูหราขนาดนั้น ฐานะทางบ้านของเขาจะธรรมดาได้ยังไง?
อีกอย่างการแต่งกายของถังจิ้นเหยียน รูปลักษณ์ การพูด จะเป็นบ้านที่ฐานะธรรมดาเลี้ยงออกมาเหรอ?
คิดไปคิดว่า ผมของลั่วหานก็จะขาวแล้ว
ในที่สุด เธอก็ได้กดปุ่ม “โทรออก” หลังเบอร์…..
เวลานี้ที่อเมริกาได้อยู่ช่วงกลางคืนแล้ว แต่ว่าลั่วหานรอจนถึงเช้าไม่ได้
รอสายอยู่สักพักก็ได้มีคนรับ
ทางนั้นได้มือเรื่องรอบข้างส่งมา เสียงลุกขึ้นจากเก้าอี้ เสียงถูของเสื้อผ้า และเสียงของที่วางลง
ผ่านไปสักพัก เสียงที่อ่อนโยนของถังจิ้นเหยียนก็ได้ส่งมา “ลั่วหาน”
ลั่วหานได้กระชากมุมผ้าห่มอย่างไม่ได้ตั้งตัว แล้วออกแรง!
“จิ้นเหยียน ช่วงนี้สบายดีไหม?