ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 620
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 620 ทุกที่ล้วนเป็นรีสอร์ทส่วยหวินเจียน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถบัสมาถึงรีสอร์ทส่วยหวินเจียน เมื่อรถจอดลง คนกี่สิบคนต่างทยอยลงมาอย่างเป็นลำดับ เพิ่งลงจากรถมาก็ตะลึงกับวิวที่อยู่ตรงหน้า
“แม่เจ้า! นึกไม่ถึงเลยว่าที่เมืองหลวงเราจะมีสถานที่สวยงามแบบนี้อยู่ แค่ดูประตูก็ตื่นเต้นมากแล้ว!”
“GODนี่คือรีสอร์ทในตำนานของท่านเซียว!! ที่หรูหราสูงสง่านี้ใครจะกล้าเรียกว่ารีสอร์ท! ถ้านี่คือรีสอร์ท ที่ๆเราทุกคนอาศัยคงเป็นสลัม! ”
“ฉันอยู่ในคอกหมา!”
“ของฉันคอกหมายังเทียบไม่ติด!”
พนักงานหญิงต่างถกเถียงกันอย่างถอนหายใจ มีทั้งความชื่นชมอิจฉาไปพร้อมๆกัน แต่ต่างก็ดีใจที่ได้มีโอกาสมาที้พื้นที่ของท่านเซียว
“ช่วยฉันถ่ายรูป! ถ่ายตัวหนังสือนี่นะ! หินอ่อนใหญ่! สีดำ!”
“ฉันก็จะถ่าย!”
“โอ้ย เธอแย่งซีนฉันแล้ว ต่อแถว ทีละคน”
พนักงานหญิงตะโกนให้ต่อแถว แล้วโพสท่าชูสองนิ้วกับกล้อง ถ่ายป้าย“รีสอร์ทส่วยหวินเจียน”สามคำนี้ที่ให้ความดูเหมือนชีวิตที่ดีลงไปในกล้อง
ผู้รับผิดชอบ รับผิดชอบจัดห้องให้ทุกคนเช็คอินเข้าตามที่วางแผนไว้ หลายสิบคนต่างแย่งกันเข้าไปชมทิวทัศน์
โจวโร่หลินสะพายกระเป๋าเป๋ไว้ สวมเสื้อเบสบอลปักสีฟ้าอ่อน กางเกงสแล็คสีดำและรองเท้า Adidas สีขาว ยืนอยู่นอกประตูอย่างสดชื่น“ คนรวย! ฉันรู้สักทีว่าอะไรคือของที่คนรวยมี, ฉันนี่คงไกลเกินเอื้อม ไกลเกินเอื้อมจริงๆ!”
แอนดี้ถือกระเป๋า LV สีดำใบใหญ่ ที่เป็นทรงหลวมข้างในเต็มไปด้วยของใช้ของสองวันหนึ่งคืนนี้ จึงค่อนข้างหนัก เธอยกมันขึ้นสะพายไว้ตรงไหล่ และยิ้มพูดว่า“ ตอนที่ท่านเซียวเป็นประธานของ MBK ไม่รู้ว่าอำนาจจะใหญ่กว่านี้อีกกี่สิบเท่า รีสอร์ทที่หนึ่งไม่ถือว่าอะไร ท่านเซียวมีโรงกลั่นเหล้าองุ่นเป็นของตัวเองในฝรั่งเศสด้วย รู้ป่าว?”
โจวโร่หลินตาโตใบหน้าเต็มไปด้วยความนับถือ “พี่แอนดี้ นี่พี่กำลังเล่าเรื่องซีรีย์ให้ฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ซีรีย์จะกล้าแสดงอย่างนี้เหรอ? ต้นทุนสูงเกินไป โรงกลั่นเหล้าองุ่นของท่านเซียวเรียกว่าโรงกลั่นเหล้าความฝันของคืนกลางฤดูร้อน เป็นโรงกลั่นเหล้าเก่าแกที่มีมานานกว่าสองร้อยปี แต่ สุดท้ายก็โดนท่านเซียวขายทิ้งไปแล้ว”
“เชี้ย! ทำไมขายทิ้ง? ท่านเซียวขาดแคลนเงินเหรอ? ท่านเซียวไม่ขาดแคลนเงินนะ
แอนดี้พยักไหล่” ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมขายทิ้ง เป็นเรื่องของหลายปีก่อนแล้ว ตอนฉันทำเรื่องเห็นตัวเลขแล้ว ตกใจถึงกระทั่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ”
โจวโร่หลิน:“……”
ต้องใช้เงินเท่าไหร่เชียว?
เถียนเถียนนอนหลับแล้ว หวังเค่ยอุ้มเถียนเถียนลงจากรถ สะพายกระเป๋าเป๋ใบใหญ่ไว้ตรงไหล่ ของของเด็กเยอะฉะนั้นจึงแน่นไปทั้งกระเป๋า
จี้ตงหมิงดูท่าแล้วเขาคงหนักน่าดู เลยไปช่วยเขาถือกระเป๋าเอง “ฉันช่วยนายเอาไว้ นายอุ้มเด็ก”
“ไม่เป็นไร ฉันไหวอยู่”
“เอางี้ ฉันช่วยนายอุ้มเด็ก ฉันรู้สึกว่ากระเป๋านายหนักกว่าเด็กอีก” จี้ตงหมิงก้างแขนออกจะรับไว้
หวังเค่ยส่งเด็กให้จี้ตงหมิง “ระวังหน่อยนะ ถ้าอุ้มเหนื่อยแล้วก็ให้ฉัน”
“สบายใจได้”
รีสอร์ทส่วยหวินเจียนมีพื้นที่ที่ใหญ่มาก ตรงกลางมีแม่น้ำสายหนึ่ง ที่พักอยู่ตรงข้ามแม่น้ำ เดินเข้าไปในประตูสิบกว่านาทีแล้ว นั่งเรือต่อ
จี้ตงหมิงอุ้มเด็กเดินอยู่ข้างหลัง แอนดี้ก็เดินช้าลง จู่ๆทั้งสองคนก็เดินคู่กันอย่างไม่รู้ตัว
แอนดี้พูดแซว “ไม่คิดว่านายจะชำนาญกับการอุ้มเด็ก”
จี้ตงหมิงอุ้มเด็กไว้ตรงแขน เด็กน้อยหลับในอ้อมแขนเขาอย่างนิ่ง “เมื่อก่อนลูกของลูกพี่ลูกน้องฉันอยู่บ้านฉัน ฉันอุ้มมาเยอะแล้ว อย่าว่าแต่อุ้มเลย ชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม ร้องเพลงกล่อมนอน ฉันเป็นหมด”
แอนดี้หัวเราะกับคำตอบที่ตรงๆของเขา “พูดอย่างกับคนเป็นพ่อ”
“ฉันอยากเป็นพ่อนะ แต่เสียดายที่ยังหาแม่ของลูกไม่เจอ” เขาพูดอย่างหน่วงๆ ยิ้มกับเสี่ยวเถียนเถียนที่อยู่ในอ้อมกอด ใบหน้าเด็กที่หลับอยู่ช่างสงบจริงๆ นุ่มราวกับดอกไม้
ถ้าเขาอุ้มลูกของตัวเอง คงรู้สึกพิเศษกว่านี้?
แอนดี้ลิ้มรสสิ่งที่เขาพูดตะกี้ มีความทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย “เฮอเฮอ ผู้ช่วยจี้เป็นคนดีขนาดนี้ ยังกังวลว่าจะหาแม่ของลูกไม่เจออยู่เหรอ?”
“ฉัน……”
จี้ตงหมิงพูดออกมาคำหนึ่ง เด็กในอ้อมกอดตื่นแล้ว เถียนเถียนขยับทีหนึ่ง ตาโตๆที่น่ารักมองไปหาชายที่กำลังอุ้มตัวเองอยู่
“คุณลุง พ่อหนูล่ะ?”
คำของจี้ตงหมิงที่ “ถ้าฉันถามคุณ จะยอมหรือเปล่า?” ยังพูดไม่จบ ก็โดนเถียนเถียนขัดไป ช่างสมหวังก็เธอไม่สมหวังก็เธอเลยจริงๆ
“พ่อเธออยู่ข้างหน้านั่นไง เดี๋ยวคุณลุงพาเถียนเถียนขึ้นเรือ เรานั่งเรือไปฝั่งตรงข้ามด้วยกัน”
“อืม ขอบคุณค่ะคุณลุง!”
แอนดี้เก็บผมที่อยู่ข้างหน้าไปไว้ที่ข้างหู เคลียร์ช่องคอก่อนพูด “เถียนเถียน หลับสบายไหม?”
ที่เด็กหลับ ไม่น่าเป็นเพราะง่วง แต่เป็นเพราะเมารถสักมากกว่า
ปากพับน้อยๆของเถียนเถียน “อืม หลับสบายค่ะ คุณป้าคนสวย”
แอนดี้:“……”
ระยะทางอีกนิดๆก่อนที่รถบ้านสีดำจะมาถึงรีสอร์ท ดวงตาวาวๆของลั่วหานกลมโตขึ้นกว่าเดิม ที่นี่ มองไปแล้วคุ้นจังเลย คุ้นมากจริงๆ!
เธอเคยมาที่นี่ ที่ที่ถังจิ้นเหยียนนัดเธอมาเที่ยวสมัยนั้น! ก็คือที่นี่แหละ!
วันนั้นหลงเซียวจู่ๆก็ราวกับลอยลงมาจากฟ้า แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเพียบหนึ่ง
ลั่วหานจ้องไปที่ใบหน้าที่เฉยชาของหลงเซียว ถามเป็นคำเป็นประโยคว่า “นี่มันอะไรกัน คุณสามี?”
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นมองป้ายทางเข้ารีสอร์ท ป้ายหินอ่อนสีดำแกะสลักอยู่บนกำแพงหินใหญ่แผ่นหนึ่ง หินที่นูนเว้าไม่เรียบถูกพนักงานเช็คจนไม่มีที่ติ
“ที่ๆฉันจะพาเธอมา ก็คือที่นี่แหละ ไม่ทำให้คุณภรรยาผิดหวังใช่ไหม?” มุมปากด้านซ้ายของหลงเซียวยิ้มขึ้น พูดขึ้นมาด้วยความอ่อนโยน
ใบหน้าที่ขาวแดงของลั่วหานเขียวไปทันที “ท่านเซียว คุณไม่ได้จะบอกกับฉันว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ของคุณใช่ไหม?
เชรด! ตอนนั้นเธอกับถังจิ้นเหยียนมาเจอกันที่พื้นที่ของท่านเซียว?!
ปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเร่อเลย!
หลงเซียวมองเธอที่ทำกำลังตัวไม่ถูก“ ไม่ใช่ของฉัน แต่เป็นของเราตอนนี้ชื่อของคุณถูกเพิ่มเข้าไปในโฉนดของรีสอร์ทแห่งนี้แล้วดังนั้นจึงเป็นสมบัติส่วนรวมของเรา”
นี่ไม่ใช่ประเด็น ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือ ช่างมัน ลั่วหานไม่มีหน้าที่จะพูดเรื่องเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาจริงๆ
ผู้จัดการวิลล่าเปิดประตูออก หยังเซินขับรถเข้าไปจอดอยู่ที่ริมแม่น้ำ
ทันทีที่รถของพวกเขาจอดลง รถFerrariสีแดงคำรามคันหนึ่งที่เต็มไปด้วยเสียงดังก้องไกล จนพังคฤหาสน์ที่อันเงียบสงบเข้ามา
หลงเซียวอุ้มลั่วหานลงจากรถ เสียงคำรามในหูดึงดูดความสนใจของคนทั้งสองคน พวกเขาก็มองกลับไปในเวลาเดียวกัน มองไปก็เห็นคนสองคนนั่งอยู่ในรถเปิดประทุน
กู้เยนเซินกับไป๋เวย
ทั้งสองสวมแว่นกันแดดไว้ แต่งตัวสไตล์พังค์ กู้เยนเซินถอดแว่นกันแดดออก และโบกมือ“ไฮ้ คุณชายหลง! หมอฉู่! บังเอิญจริงๆเลย!
ไป๋เวยผลักประตูและกระโดดออกจากรถ เห็นลั่วหานที่กำลังอินจอยกับการถูกอุ้มแบบเจ้าหญิงอยู่ “ลั่วหาน เธอก็มาเหรอ ไม่น่าเชื่อ เซอร์ไพรส์จริงๆ!”
ลั่วหานผลักหลงเซียว “ปล่อยฉันลงมาก่อน”
หลงเซียวไม่ได้ทำท่าที่จะปล่อยลั่วหานลงมา อุ้มอยู่อย่างนี้แหละ “ชายกู้ พวกนายออกเดินทางกี่โมง ขับรถสปอร์ตแต่เพิ่งถึงตอนนี้?”
กู้เยนเซินใช้นิ้วมือหนึ่งที่จะแว่นกันแดดยู่เกาหัว “อันนี้ ฉันไม่คุ้นกับทาง เลยเลี้ยวผิดทาง ฉันมารีสอร์ทของนายครั้งแรก โทษฉันไม่ได้”
ไป๋เวยพูดแทรกเขาขึ้นมาด้วยความโกรธ “ใช่ใช่ใช่ โทษนายไม่ได้ ฉันเตือนนายแล้วว่าอย่าเพิ่งเลี้ยว นายก็ไม่ฟัง ตามหลังคนแก่หมาไม่กัด”
ลั่วหานแทรกขึ้นมา “ไม่ใช่คนแก่ แต่เป็นภรรยาหรือเปล่า?”
กู้เยนเซินเอาปกเสื้อหนังขึ้นอย่างภูมิใจและกอดคอของไป๋เวย“ คุณภรรยา ครั้งต่อไปแน่นอนฉันฟังเธอแน่นอน!”
ทั้งคู่สวมชุดคู่รัก คนหนึ่งสูงๆผอมๆ อีกคนสูงผอมกำลังดี เหมาะสมกันแล้ว
หยังเซินเอาสัมภาระลงจากรถ ส่งไปที่เรือ “ท่านประธาน ขึ้นเรือได้แล้วครับ”
กู้เยนเซินจ้องไปที่กระเป๋าเดินทาง “เชี่ย คุณชายหลง สองวันหนึ่งคืน นายทำอะไรเนี่ย ย้ายบ้านเหรอ กระเป๋าใยใหญ่ขนาดนี้ คงไม่เอาสมบัติทั้งบ้านมาใช่ไหม”
ไป๋เวยพูด “ท่านเซียวก็ไม่ค่อยถืออะไรหรอก ส่วนสมบัติของบ้าน? ฉันคิดว่าที่เขาอุ้มไว้ก็คือสมบัติทั้งหมดของที่บ้านแล้ว”
ลั่วหานหัวเราะเฮอเฮอ “เธอบอกฉันหนักหรืออ้วน?”
“ว่าเธอหนักนะสิ คุณหญิงใหญ่พันล้าน” ไป๋เวยขำออกมาอย่างไม่เกรง
หลงเซียวอุ้มลั่วหานขึ้นเรือไปก่อน กู้เยนเซินเขาก็เดินจับมือตามหลัง
“ถึงเวลากินอาหารเที่ยงแล้วหรือเปล่า?” ฉันหิวแล้ว เพิ่งขึ้นเรือกู้เยนเซินก็หาของกิน ไม่มีอะไรจะพูดเขาเลยจริงๆ
หลงเซียวไม่สนใจเขา กลับกอดไหล่ของลั่วหานแล้วถามว่า “หิวยัง? อาหารเที่ยงเตรียมเสร็จแล้ว เดี๋ยวขึ้นไปก็กินได้แล้ว”
กู้เยนเซินมองบน “คุณชายหลง ทำกันแตกต่างแบบนี้ไม่ได้นะ”
ลั่วหานพิงอยู่ที่อ้อมกอดหลงเซียว โชว์ความรักออกมามากมาย “ชายกู้อยากกินอะไร? กินปลา? กินกุ้ง? ในแม่น้ำนี่สดๆทั้งนั้นเลย เอาหรือเปล่า?”
“เชี้ย!”
พูดถึงกุ้ง ปลาในน้ำแล้ว ทุกคนมองวิวผ่านหน้าต่างไปแล้ว นี่สวยงามมากจริงๆ!
พระอาทิตย์ในเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาไม่ร้อนไม่แห้ง ลมก็พัดคลื่นพราวราวกับเพชรที่แตกกระจายกระจัดกระจายเต็มไปหมด ในแสงนี้มองลงไปเห็นปลาได้ด้วย
มองไปไม่ไกลบนบกมีต้นหลิวปลูกอยู่ และต้นกล้วย ร้องไห้ต้นไม้ใบกว้างและแกลดิโอลัสที่อยู่ริม แม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่ต้นไม้ใบกว้างก็ยังคงเป็นสีเขียว สะท้อนบนผืนน้ำมีเป็นคลื่นระลอก ๆ สวยงามจนสดชื่น
ชาวประมงกล่าวอย่างชอบใจและเคารพว่า “คุณหลง มีอาหารปลาบนเรือ คุณจะให้อาหารปลาไหม?”
หลงเซียวถามลั่วหาน “เอาไหม?”
“เอาสิ! ให้อาหารบนเรือ ฉันยังไม่เคยลองเลย”
“ได้”
หลงเซียวรับอาหารปลาไปมา แบ่งให้ลั่วหานกำหนึ่ง ทั้งสองพิงอยู่ตรงหน้าต่างและโปรยอาหารปลาลงไปหนึ่งกำมือ ปลาหลากสีในแม่น้ำต่างว่ายมาจากทั้งสี่ทิศเมื่อได้กลิ่นของอาหาร ทำให้สีของแม่น้ำเปลี่ยนไปมีสีสันที่สวยงามในชั่วขณะ
“สวยจังเลย ดูปลาพวกนี้สิสวยจริง คุณสามี!”
มือข้างหนึ่งหลงเซียวให้อาหารปลา ข้างหนึ่งกอดลั่วหานไว้ไม่ปล่อย “ถ้าชอบแล้วก็ เราเลี้ยงไว้ที่บ้านไว้สักหน่อย เธอชอบสีไหน?”
“ไม่ต้องแล้ว พื้นที่เลี้ยงปลาในบ้านเล็กเกิน ให้มันมีชีวิตที่นี่แหละดีแล้ว” ลั่วหานกำอาหารปลาออกมาอีกกำหนึ่ง เดินไปด้วย โปรยลงไปด้วยทั้งทาง ปลาพวกนั้นว่ายตามเรือมา ทำให้ด้านข้างของเรือเต็มไปด้วยสีสันของลายปลา
ผืนน้ำสะท้อนใบหน้าสองคนที่แนบชิดกันออกมา เคลื่อนไหวไปมากับสายน้ำ
ไป๋เวยมองจนอิจฉา ขออาหารปลามาให้ตรงข้ามเหมือนกัน ดึงดูดปลาฝูงหนึ่งไปอย่างจริงๆด้วย “กู้เยนเซิน นายดู! นายดู!”
“เชี้ย! เธอไปฝึกทำท่าทางแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไปไกลๆ!”
กู้เยนเซินกำอาหารปลาโปรยลงไปผืนน้ำ แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าจะสนุกตรงไหน ให้อาหารปลาแบบเฉื่อยๆไปด้วยถามไปด้วย ชายหลง ทำไมที่นายตรงนี้ถึงเรียกว่า รีสอร์ทส่วยหวินเจียน? สไตล์การตกแต่งข้างในก็ไม่ค่อยย้อนยุค ก็สไตล์ยุโรปเป็นส่วนใหญ่”
“นายทายดูสิ”
“เชรด ภาษาของฉันไม่ดี ทายไม่โดน”
ไป๋เวยพูดว่า“ เพราะว่าที่นี่มีแม่น้ำสายหนึ่ง? เลยเรียกว่ารีสอร์ทส่วยหวินเจียน?”
หลงเซียวส่ายหัว “ทายต่อ”
จู่ๆลั่วหานก็คิดถึงตอนสมัยเด็กเคยเห็นภาพวาดภาพหนึ่งในห้องสมุดของพ่อ ความหมายของภาพนั้นพูดถึงทิวทัศน์ของจีน บนภาพวาดมีกลอนอยู่สองท่อน
“ถ้าในใจคือสวนซากุระ ทุกที่ย่อมเป็นรีสอร์ทส่วยหวินเจียน…… สวนซากุระเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคนสมัยก่อน แต่ตอนนี้ นายกลับมีแค่รีสอร์ทส่วยหวินเจียนใช่แบบนี้หรือเปล่า? ”
เฮอเฮอ!
หลงเซียวยิ้มแล้ว