ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 621
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 621 หาเงินไม่สิ้นสุด ชีวิตมีเพียงชีวิตเดียว
วิลล่าตระกูลหลง
หลงถิงเปิดประตูห้องหนังสือเดินขึ้นไปที่รั้วกั้นชั้นสองแล้วก้มลงมองที่ห้องโถง หลงจื๋อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก
มองจากชั้นสอง หลงถิงเห็นเขาถือหนังสือ 《สงครามเงินตรา》ต้นฉบับ ภาษาอังกฤษพร้อมรอยยิ้มพึงใจเล็กน้อย
“เสี่ยวจื๋อ ขึ้นมานี่หน่อย”
หลงจื๋อละสายตาจากหนังสือและเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “พ่อครับ มีอะไร?”
ในขณะที่พูด โจวหยู่เช่นเดินถือจานผลไม้ที่ปอกเสร็จแล้วเข้ามา จานผลไม้คริสทัลขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มีผลไม้สดทั้งแก้วมังกร แอปเปิล มะม่วง ผลไม้หลากหลายสีสันสดใส
“เสี่ยวจื๋อ เอาจานผลไม้ขึ้นไปสิ เอาไปกินกับพ่อ เพิ่งปอกเสร็จใหม่ ๆ” โจวหยู่เช่นยิ้มหวานและยื่นจานให้หลงจื๋อ
โจวหยู่เช่นสวมเสื้อคอวีคว้านลึกเมื่อก้มหน้าต่ำลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นร่องลึกที่ทอดยาวไปตามผิวขาวและเนินอก
หลงจื๋อยกมุมปากยิ้มโดยไม่มีความอ่อนโยนแต่อย่างใด ถึงขั้นพวกรอยยิ้มเย้ยหยันขณะที่เผชิญหน้ากับเธอ “พี่ทำอะไรด้วยความตั้งใจจังนะครับ อุตส่าห์ปอกผลไม้มาเองเลย!”
แต่งตัวซะขนาดนี้! แต่งมาให้ใครดูน่ะ!
โจวหยู่เช่นยังคงยิ้มนิด ๆ “สุดสัปดาห์นะ ยากที่พวกคุณจะได้อยู่บ้านกัน กลางวันฉันลงมือเข้าครัวเองเลยนะคะ เธอชอบกินอาหารทะเลไม่ใช่เหรอ? ฉันจะทำเป๋าฮื้อออสเตรเลียให้กินนะ”
หลงจื๋อวางหนังสือลงแล้วรับจานผลไม้มา “พี่ใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลียมาหลายปี เรียนทำอาหารมาใช่ไหมล่ะ!”
ฟังออกว่าประชดประชันแต่โจวหยู่เช่นก็ยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิมราวกับไม่รู้สึกถึงความเสียดสีที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา “ฮิ ๆ เธอชอบกินก็ดีแล้ว งั้น…เธอขึ้นไปก่อนเถอะ ฉันจะไปเตรียมทำอาหารก่อน”
หลงจื๋อคิดในใจ ใครจะไปทำอาหารก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด!
เขาไม่ได้พูดอะไร หลงจื๋อเดินขึ้นไปชั้นสองและไม่ได้สนใจจานใส่ผลไม้นั่นสักนิด
เมื่อหลงจื๋อเดินเข้าห้องหนังสือไป โจวหยู่เช่นกำมือแน่นแล้วกัดริมฝีปากแน่น “หยิ่งยโสนักนะ คิดว่าตัวเองเป็นคนตระกูลหลงจริง ๆ อย่างนั้นสิ ถ้าพี่ชายแกอยู่คงไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้ขนาดนี้หรอก ก็แค่ไก่อ่อน สำคัญตัวเองเกินไปแล้วล่ะย่ะ!”
“ที่รักเป็นอะไรไปจ๊ะ?” หลงยี่เดินมาจากระเบียงชั้นหนึ่ง เมื่อเห็นใบหน้าโมโหของโจวหยู่เช่นแล้วเดินเข้าไปโอบเอวเธอ
โจวหยู่เช่นรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที เง้างอดเข้ากอดหลงยี่ และพูดจาออดอ้อน “สามีขา พวกเราอยู่ที่นี่ช่างน่าอับอาย เมื่อก่อนจะทำอะไรก็ต้องคอยดูสีหน้าของหลงเซียว ไม่ง่ายเลยกว่าหลงเซียวจะไป ตอนนี้หลงจื๋อก็ชักกำเริบ ไม่มีใครอยู่ในสายตา!”
หลงยี่พ่นเสียงอย่างเย็นชา มือใหญ่โอบเอวโจวหยู่เช่นตลอดทางส่วนเว้าส่วนโค้งเต็มไม้เต็มมือ “ที่รักจะรีบไปไหนจ๊ะ? บ้านนี้ช้าเร็วจะต้องเป็นของเรา อีกหน่อยพ่อจะให้หลงจื๋อเป็นคนคุม เหอ ๆ ด้วยความคิดและประสบการณ์ของหลงจื๋อ อีกหน่อยก็ต้องให้พ่อคอยประคบประหงมเหรอ?”
โจวหยู่เช่นตีหน้าโกรธ “หึ งั้นต้องรอถึงเมื่อไหร่ล่ะ? คุณดูนะตอนนี้หลงจื๋อไม่มีใครอยู่ในสายตาเลย ฉันปอกผลไม้ให้เขาจนเจ็บมือไปหมด แม้แต่ขอบคุณสักคำเขาก็ไม่มี กลางวันจะให้ฉันทำเป๋าฮื้อออสเตรเลียให้เขากินอีก!”
“ที่รัก มือเจ็บเหรอ? ให้ฉันลูบสิ เรื่องพวกนี้ต่อไปให้คนใช้ทำ เธอไม่ต้องไปยุ่ง ภรรยาเหนื่อยสามีปวดใจ” หลงยี่จับมือโจวหยู่เช่นขึ้นมาลูบเบา ๆ
โจวหยู่เช่นทอดถอนใจ “แค่พูดว่าปวดใจจะมีประโยชน์อะไร? มันสู้การกระทำไม่ได้หรอก เมื่อวานเพื่อนฉันพูดถึงรถ Mercedes Benz คูเป้ สมรรถนะดีมาก ยิ่งกว่านั้นยังเหมาะกับผู้ขับที่เป็นผู้หญิง…”
“ซื้อ! วันนี้ฉันพาเธอไปซื้อเลย” หลงยี่ดึงโจวหยู่เช่นเข้ามาไว้ในอ้อมกอดชื่นชมทรวดทรงองเอวของเธอมือใหญ่โอบเอวแน่นและเลื่อนขึ้นไปข้างบน
“อืม…” โจวหยู่เช่นร้องออกมาเบา ๆ อย่างสุขสม สะบัดมือใหญ่ของเขาออกมาอย่างอ่อนช้อย “คนใช้มาเห็นมันจะไม่งาม!”
หลงยี่น้ำลายไหลไม่หยุด “งั้นเรากลับห้องกันเถอะ!”
“ตายแล้ว น่าเกลียด!”
…
“พ่อ ให้ผมขึ้นมา มีอะไรครับ?” หลงจื๋อยื่นจานผลไม้ให้หลงถิงที่ตัวเองไม่คิดแม้แต่จะเหลียวมองเป็นครั้งที่สอง
หลงถิงชี้ไปที่เก้าอี้ให้เขานั่งลง “เสี่ยวจื๋อ หลายวันมานี้พ่อเห็นในสิ่งที่แกทำ แกทำได้ดีมาก อีกทั้งยังขยันขันแข็ง พ่อแอบชื่นชมแกอยู่ในใจ พ่อมั่นใจว่าแกจะต้องยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง”
หลงจื๋อนั่งลงและเล่นลูกโลกจำล่องลอยได้อย่างไม่ใส่ใจ เขาตวัดนิ้วให้ลูกโลกหมุน “พ่อพูดจาสวยหรูมาตั้งนานสองนาน พ่อมีอะไรจะสั่งผมรึเปล่า?”
หลงถิงพูด “ในที่สุดแกก็ฉลาด พ่อมีเรื่องจะคุยกับแก ตอนนี้ด้วยคุณสมบัติและประสบการณ์ยังไม่เพียงพออย่างจริงจัง แต่ลุงของแกมีประสบการณ์มากมายในโลกธุรกิจ ลุงเขาอยากจะสอนแกด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการธุรกิจ การเงินการลงทุน การรวมตลาด เขาสามารถให้คำปรึกษาแกได้เป็นอย่างดี”
หลงจื๋อเงยหน้าและพูดอย่างไม่รีบร้อน “คุณลุงเหรอ? ถ้าหากเขาเก่งขนาดนั้น งั้นทำไมธุรกิจตัวเองถึงล้มละลายล่ะ? เขาถึงได้ซมซานกลับมาพึ่งใบบุญของพ่อน่ะ”
“เสี่ยวจื๋อ ทำไมถึงพูดอย่างนั้น? ถึงแม้ว่าบริษัทของลุงของแกจะล้มละลาย แต่เขาก็มากด้วยประสบการณ์ ยิ่งไปกว่านั้นอย่างที่พูดไป ลูกศิษย์ฝึกงานได้เหนืออาจารย์ พ่อเชื่อว่าแกจะได้เรียนรู้มากมายจากลุงของแก”
หลงจื๋อพิงเก้าอี้แล้วยกมือขึ้น ยกเปลือกตาขึ้นแล้วหัวเราะ “พ่อ คุณลุงให้อะไรพ่อเยอะแยะขนาดนั้น พ่อถึงได้ช่วยคุณลุงพูดขนาดนี้? อ่อ ผมคิดออกแล้ว คุณลุงให้เงินทุนมาก้อนหนึ่ง จำนวนไม่น้อย เพราะอย่างนี้เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงจื๋อที่ยิ่งพูดยิ่งเกินไป หลงถิงเบิกตาโพลง และแพรเสียงออกมาอย่างหมดความอดทน “เสี่ยวจื๋อ! แกอย่าให้มันเกินไปนักนะ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นลุงของแก!”
หลงจื๋อยืนขึ้นท้วงดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของหลงถิงและพูดทีละคำ “ลุงแล้วยังไง? ตอนนี้ผมเชื่อใจใครได้บ้าง? พี่ใหญ่ พ่อผม แม่ผม หึ ๆ ไหนจะยังมีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลุงอีก พ่อบอกผมสิ ผมยังจะเชื่อใครได้อีก? !”
“หลงจื๋อ ใครอนุญาตให้แกทำตามอำเภอใจที่นี่? ! ฉันจะบอกแกให้ MBK ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ใช่ว่าจะขาดแกไม่ได้ แต่ถ้าแกทำตามข้อเรียกร้องของฉันไม่ได้ วันนี้แกได้เสียทุกอย่างที่มีไปแน่!”
หลงจื๋อกำมือแน่น ด้วยแรงที่บีบจนซีดขาว ปากสั่นและไม่พูดอะไร
หลงถิงพูดด้วยน้ำเสียงสงบและตบไหล่ของเขา “เอาละ พ่อลูกไม่แค้นเคืองข้ามคืน พ่อโมโหมากแค่นั้น ต่อไปลูกก็อยู่กับลุงของลูก ถือเป็นอันตกลง”
หลงจื๋อหัวเราะอย่างประชดประชัน “แล้วแต่พ่อแล้วกัน”
เขาเดินออกมาจากห้องหนังสือด้วยความกลัดกลุ้มในใจ หลงจื๋อบังเอิญเห็นหลงเซิ่งที่ห้องโถงชั้นหนึ่งและพลิกดูหนังสือที่เขาเพิ่งอ่าน
“เสี่ยวจื๋อ หนังสือเล่มนี้นายคิดว่ายังไงบ้าง? อ่านแล้วได้อะไรไหม?” หลงเซิ่งยิ้มด้วยอย่างอารมณ์ดีสุด ๆ
หลงจื๋อที่เดินเอามือล้วงกระเป๋าลงมาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ได้อะไร? หาเงินไม่สิ้นสุด ชีวิตมีเพียงชีวิตเดียว”
หลงเซิ่ง: “…”
—
รีสอร์ทส่วยหวินเจียน
หลงเซียว ลั่วหานและคนอื่น ๆ ขึ้นฝั่งทิวทัศน์ที่สวยงามและฝูงชนที่เต็มไปด้วยรูปลักษณ์ก็ยิ่งสวยงาม และเมื่อเดินเข้าไปเท่าไหร่ทิวทัศน์ก็ยิ่งสวยงามและต้นไม้เขียวชอุ่มมากขึ้นราวกับว่าคุณอยู่ในโลกที่โดดเดี่ยว ดินแดนมหัศจรรย์
“สวยมาก สมแล้วที่เป็นส่วยหวินเจียน!” ไป๋เวยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“สวยอยู่แล้วล่ะ สำหรับรีสอร์ตแห่งนี้เจ้าของได้เชิญทีมนักออกแบบ Ben ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติมาออกแบบไม่เพียง แต่ตกแต่งด้วยองค์ประกอบแบบจีนโบราณเท่านั้น แต่ยังมีสไตล์โกธิคและบาร็อคอีกด้วยเป็นฉากที่สวยงามน่าประหลาดใจ”
จี้ตงหมิงเดินออกมาต้อนรับจากด้านใน ส่วนหยังเซินคนเดียวกำลังดึงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
กู้เยนเซินเห็นด้วย “สไตล์คุณชายหลงเป็นแบบนี้เสมอ ทำอะไรก็ต้องดูที่สุด”
อย่างไรก็ตามจี้ตงหมิงก็มีคำถามของตัวเองเช่นกัน “เจ้านาย เมื่อก่อนที่นี่มีชื่อว่ารีสอร์ทกุยหลายทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นรีสอร์ทส่วยหวินเจียนล่ะ?”
อันที่จริงคำถามนี้เมื่อครู่ลั่วหานก็คิดอยู่เหมือนกัน
หลงเซียวพูดขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก “แค่ชื่อเท่านั้น คิดได้ชื่อใหม่เดี๋ยวก็เปลี่ยนอีก คุ้มที่จะต้องตกใจขนาดนี้ไหม?”
ทุกคน: “…”
ไม่ใช่มั้ง? ในใจทุกคนต่างพากันคาดเดา เขายังจะมีที่ชอบมากกว่านี้อีกเหรอ?
เอาแต่ใจจริง ๆ
แต่ลั่วลั่วกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น จากบุคลิกของหลงเซียวแล้ว เขาจะเปลี่ยนชื่ออย่างไม่มีที่มาที่ไปได้อย่างไร?
ทุกคนถูกทิวทัศน์ที่สวยงามดึงดูด และไม่ได้สนใจอะไรกับชื่ออีก สนใจแต่กับอาหารกลางวันสีเขียวบริสุทธิ์จากธรรมชาติในตำนาน
หลังจากมื้ออาหาร ทุกคนมีเวลาพักผ่อนประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า
หลงเซียวกับลั่วหานไปที่ห้องในวิลล่าก่อน พวกเขาอาศัยอยู่ในห้องนอนบนชั้นสองของวิลล่าหลัก ห้องมีขนาดสองร้อยตารางเมตร หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานบนผนังด้านหนึ่งช่วยให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้กว้างไกล
เมื่อหายใจเข้าลึก ๆ อากาศบริสุทธิ์จากข้างนอกมีกลิ่นหอมเข้มลอยมา
หลังหลับไปครึ่งชั่วโมง ลั่วหานลุกขึ้นมาเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองสบาย ๆ เสื้อโค้ททรงหลวมพอดีตัวสีน้ำตาลอ่อน กางเกงขากว้างเอวต่ำสีดำ
รองเท้าลำลองส้นเตี้ย มันดูสบาย ๆ และสามารถปกปิดหน้าท้องได้ ดูไม่ออกสักนิดว่าท้องอยู่
หลงเซียวเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน สเวตเตอร์ตัวบางคอวีสีน้ำตาลอ่อน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าลำลองสีขาว เป็นความเอื่อยเฉื่อยที่ดูหรูหรา สะอาดและอบอุ่น
ไม่มีความเย็นชาและจริงจังของชุดสูทและความใจดีที่ผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้นซึ่งไร้ที่ติภายใต้การควบคุมของเขา
“ตายแล้ว คุณใส่ชุดแบบนี้ เพื่อนร่วมงานสาว ๆ ต้องบ้าแน่ ๆ!”
ลั่วหานแกล้งทำหน้าแฟนคลับสาวที่ดูเกินจริง
หลงเซียวโอบเอวของเธอแล้วทั้งสองคนก็ลงไปชั้นล่าง “ไม่มีตัวอื่น?”
ตัวอื่น?
ลั่วหานหันไปมองเขา แล้วหันกลับมามองตัวเอง ทั้งสองคนใส่เสื้อสีโทนเดียวกันแม้แบบไม่ค่อยเหมือนกัน แต่สีกลับเข้ากันอย่างกลมกลืนทั้งบนและล่าง
“เมื่อกี้ฉันหยิบอะไรได้ก็ใส่นะ” เธอสวมเสื้อผ้าอย่างสบาย ๆ จริง ๆ ไม่ได้คิดถึงชุดคู่รักเลย
“ฉันรู้ ก็เธอเปลี่ยนเสร็จแล้วฉันถึงเปลี่ยน”
ไม่อย่างนั้นเขาจะเอากระเป๋าใหญ่ขนาดนั้นมาทำไมกัน?
“บังเอิญจัง? ! คุณเอามาด้วยเหรอ?”
หลงเซียวหัวเราะ “ไม่บังเอิญนะ ฉันเอาเสื้อผ้ามาเยอะขนาดนี้ มีเสื้อนอกสีน้ำตาลตัวเดียว พรุ่งนี้เปลี่ยนสีนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เข้าชุดคู่รักแน่”
ลั่วหาน: “…”
ทั้งสองลงมาชั้นล่าง เดินไปตามเส้นทางที่ปูด้วยหินกรวด ห่างออกไปไม่ไกลนักคือเนินเขาเล็ก ๆ ที่มีเสียงหัวเราะลอยมาเป็นระลอก
“ผู้ช่วยจี้! อย่าล้อเล่นน่ะ! แพ้พนันก็ต้องยอมรับผลสิ!”
“ประธานไป๋ คุณซ่อนไพ่นี่! !”
“รีบเลย แปะกระดาษเลย! แปะที่จมูกเลยนะ! ฮ่า ๆ ๆ!”
หลายคนบนเนินเขากำลังเล่นโป๊กเกอร์อย่างมีความสุข
หลงเซียวจูงมือของลั่วหาน ทั้งสองเดินเล่นช้า ๆ ในสวน “เกี่ยวกับชื่อของรีสอร์ต ต้องมีเหตุผลอื่นแน่ใช่ไหมคะ?”
“อยากรู้จริงเหรอ?” ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปซึ่งเชื่อมกับศาลาหลังหนึ่ง เมื่อเดินขึ้นไปก็ยิ่งทำให้ลั่วหานยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
มันคือที่นี่…ตอนนั้นหลงเซียวเล่นหมากรุกกับถังจิ้นเหยียนอยู่ที่นี่ และเป็นที่พื้นต่างระดับนี้ หลงเซียวจูบเธออย่างดูดดื่ม
และตอนนี้ เขาจับมือเธอแน่นและเดินทีละก้าวอย่างระมัดระวัง
ช่วงเวลาช่างยอดเยี่ยม
“อือ ฉันอยากรู้ค่ะ”
จี้ตงหมิงตะโกนเสียงดัง “เจ้านาย คุณหมอฉู่ รอพวกคุณอยู่เลย!”
หลงเซียวไม่ได้สนใจที่จี้ตงหมิงพูดกับลั่วหาน “แต่ก่อนที่นี่มีชื่อว่า รีสอร์ทกุยหลายได้ชื่อมาจากการหวนกลับ มีความหมายแฝงถึงการกลับสู่ธรรมชาติ เสาะแสวงหาจิตใจบริสุทธิ์ เพียงแต่ว่าหลังจากนั้น เธอเกิดเรื่องขึ้นแล้วไม่กลับมาอีกเลย ฉันเข้าใจว่าเธอจากฉันไปและคงไม่กลับมาอีก ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็นรีสอร์ทส่วยหวินเจียน”
“ที่แท้…” ลั่วหานกระซิบพลางลดตาลงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
เมื่อเห็นเธอเป็นทุกข์ หลงเซียวลูบแก้มเธอแล้วพูดราวกับกำลังปลอบใจเด็กน้อย “จะร้องไห้แล้วเหรอ? ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ต่อไปเปลี่ยนชื่อกลับเป็นรีสอร์ทกุยหลายก็ได้ ขอเพียงเธอชอบ”
“ไม่เอา แบบนี้แหละ รีสอร์ทส่วยหวินเจียนสวยกว่า”
สวยกว่า…เหรอ?
ไม่เห็นสาวงามหวนคืน อยู่ลำพังระหว่างเส้นขอบฟ้า
หากจะถามว่าทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้ เหตุผลนั้นไม่ได้สวยงามแม้แต่น้อย
เพียงแต่เรื่องที่เหลือ หลงเซียวไม่ได้พูดกับลั่วหาน นอกจากเขาแล้วคงจะไม่มีใครรู้อีก