ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 638
ตอนที่ 638 ไม่มีคนถามฉัน
ห้องผู้ป่วยมีแสงสว่างเพียงพอ แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบบนใบหน้าขาวซีดไร้เลือดฝาดของเกาหยิ่งจือ เดิมทีเธอก็มีสีหน้าขาวซีดอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกแสงอาทิตย์สาดส่องยิ่งเผยสีหน้าเหี่ยวแห้งอย่างชัดเจน
ริมฝีปากขาวซีด แถมยังปากแห้งแตกด้วย
คิ้วที่เคยทำอย่างประณีตที่ร้านเสริมสวย แต่ตอนนี้กลับรกรุงรังแล้ว และทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นทรงสวยอีกแล้ว
เธอหลับตาลงทั้งสองข้าง ซึ่งใต้ตามีรอยเขียวช้ำอย่างชัดเจนด้วย เห็นได้ชัดเจนว่าคุณภาพการนอนของเธอย่ำแย่มาก อีกอย่างบนแก้มของเธอยังมีรอยจุดด่างดำจางๆอยู่ไม่น้อย เพราะไม่มีครีมบำรุงผิว และไม่มีเครื่องสำอางแต่งหน้า ใบหน้าของเธอเลยเหมือนกับป่ารกร้างที่มีพืชหญ้าเติบโตขึ้น
เกาจิ่งอานยืนอยู่ตรงนั้น และจ้องมองสภาพของพี่สาวของตัวเองในตอนนี้อย่างชัดเจนด้วยสายตาเป็นห่วง
ตำรวจที่คอยเฝ้าอยู่ด้านข้างพูดเบาๆขึ้นว่า “คุณเก๋ครับ เดียวคุณหมอมาหานะครับ”
เกาจิ่งอานมีสีหน้าเย็นชา และยังมีดวงตาทั้งสองดวงที่เยือกเย็นด้วย จนแทบไม่เห็นความอ่อนโยนเลย เขายืนนิ่งไม่ขยับ และไม่หันหน้ามองด้วย แต่พูดขึ้นว่า “คุณออกไปก่อนได้ไหมครับ? ให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ”
ตำรวจไม่ปฏิเสธ “ได้ครับ คนของเรากระจายไปทั่วโรงพยาบาลแล้วครับ ดังนั้นหวังว่าคุณเกาคงไม่มีความคิดอย่างอื่นนะครับ”
อย่างเช่นการหลบหนี
สายตาของเกาจิ่งอานเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง “เชิญครับ”
จากนั้นตำรวจก็เดินจากไป ปิดประตู และยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกประตู
เกาจิ่งอานไปซักผ้าขนหนูสะอาดผืนหนึ่ง และเดินมานั่งบนเก้าอี้ แล้วเช็ดบนริมฝีปากแห้งของเกาหยิ่งจือทีละนิด จนทำให้ริมฝีปากแห้งที่ใกล้จะแตกเริ่มชุ่มชื้นกลับมาอีกครั้ง
หลังจากเช็ดริมฝีปากเสร็จ เกาจิ่งอานก็ช่วยเธอเช็ดแก้มให้สะอาด แล้วช่วยเธอใช้ผ้าขนหนูที่จุ่มน้ำอุ่นเช็ดทั่วใบหน้าของเธอจนสะอาดหมดจด
ขณะที่เช็ดอยู่นั้น มือของเกาจิ่งอานก็สั่นเทาเล็กน้อย เขาทนดูคนเบื้องหน้าใกล้เกินไม่ไหว ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเป็นผู้หญิงที่ใครต่างเคารพนับถือ และเธอเป็นผู้หญิงแกร่งและมีความสามารถที่ถูกอบรมสั่งสอนจากตระกูลใหญ่
ผู้หญิงที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขที่ได้รับใบรับเข้าศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในตอนนั้น ไปไหนแล้วหรอ?
นางฟ้าการแพทย์ที่ถือใบประกาศนีบัตรและถ้วยรางวัลของคณะการแพทย์ และวีดีโอคอลแบ่งปันความสำเร็จกับเขา ไปไหนแล้วหรอ?
สาวสวยที่โดดเด่นและมักมีท่าทางสูงส่งภายในกลุ่มในตอนนั้น ไปไหนแล้วหรอ?
เกาจิ่งอานรู้สึกตัวว่าสายตาของเขาเริ่มพร่ามัวแล้ว เขาขยี้ตาเล็กน้อยเพื่อปรับสายตา จากนั้นก็ช่วยเช็ดมือให้กับเกาหยิ่งจือ
บนข้อมือของเธอยังคงมีรอยแผลที่ฆ่าตัวตายครั้งก่อนอยู่ เป็นรอยแผลอันน่าอัปลักษณ์ที่สลักบนข้อมือผอมซูบอันขาวเนียนของเธอ
“จิ่งอาน”
ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงเรียกขานชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนแอขึ้น
เกาจิ่งอานพยักหน้าเล็กน้อย “ผมมาแล้วครับ พี่สาว”
เกาหยิ่งจือฝืนยิ้มออกมา เธอยิ้มเหมือนกับเปลืองแรง และยังคงยิ้มค้างอยู่สักพัก เพราะเหมือนกับไม่มีเรี่ยวแรงเก็บรอยยิ้ม “จิ่งอาน นายมาได้ยังไงหรอ? ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
เกาจิ่งอานไม่ได้ระเบิดอารมณ์ ท่าทางของครั้งนี้และครั้งก่อนไม่เหมือนกันเลย “ผมได้รับสายจากเรือนจำครับ บอกว่าพี่เป็นลมหมดสติ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
เกาหยิ่งจือส่ายหน้าเล็กน้อย “พี่ไม่เป็นอะไร เห็นไหมว่าสบายดี?
“อยู่ต่อหน้าผมไม่ต้องแสร้งหรอกครับ หากไม่สบายตรงไหนก็บอกผมมาตรงๆ หากไม่โอเคกับโรงพยาบาลนี้ เราเปลี่ยนก็ได้ หากโรงพยาบาลในประเทศไม่โอเค เดียวผมจะยื่นเรื่องขอรักษาต่างประเทศให้กับพี่” เกาจิ่งอานเผยสีหน้ากลุ้มใจขึ้น เพราะรู้สึกเป็นห่วงมาก เลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวแบบไหนถึงจะดี”
เกาหยิ่งจือจับมือของเกาจิ่งอานไว้ และพูดขึ้นว่า “จิ่งอาน ฉันเป็นนักโทษ ไปต่างประเทศอะไรกันหรอ? ฉันสามารถออกมาข้างนอกก็ถือว่าดีมากแล้ว เดียวพอฉันอาการดีขึ้นก็ต้องกลับไปแล้ว”
ยังต้องกลับไปอีก….ถือเป็นประโยคที่ทิ่มแทงหัวใจมาก
เกาจิ่งอานรู้สึกขืนข่มใจ “หิวหรือยังครับ? อยากกินอะไรไหมครับ?”
เกาหยิ่งจือยิ้มแย้ม “ยังจำบัวลอยที่พวกเราสองคนชอบกินตอนเด็กได้ไหม?”
“อืม จำได้ครับ” เกาจิ่งอานพยักหน้าเล็กน้อย “พี่กินบัวลอยที่ไม่มีไส้ แต่ผมชอบกินบัวลอยที่มีไส้”
เหมือนกับเกาหยิ่งจือนึกถึงเรื่องที่มีความสุขบางอย่างขึ้น เลยหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้น “ใช่ นายชอบกินไส้งาดำที่สุด อีกอย่างต้องไปร้านเจ้าเก่าที่ถนนเซี่ยเหอด้วย ทุกครั้งต้องกินจานใหญ่ ทั้งที่รู้ว่าขนมแบบนี้ย่อยอาหารไม่ค่อยดีก็ไม่เชื่อฟัง สุดท้ายท้องอืด จนต้องให้ฉันช่วยนวดบรรเทาให้กับนาย”
ใช่ เขาก็ยังจำได้
อายุประมาณแปดขวบ เขาเป็นคนกินเก่ง แต่ระบบย่อยอาหารไม่ดี ทุกครั้งที่กินต้องให้พี่สาวช่วยนวดหน้าท้องตลอด จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังจำได้ เพียงแต่ไม่ค่อยหวนนึกถึงเท่านั้น
“อยากกินตอนนี้ไหมครับ? เดียวผมไปซื้อมาให้” เกาจิ่งอานพูดขึ้น
เกาจิ่งอานยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “ไม่รีบร้อน รอให้ฉันหิวก่อน เดียวนายค่อยกินเป็นเพื่อนฉัน”
“ครับ” ขณะที่พูดครับ เกาจิ่งอานก็ส่งข้อความหาผู้ช่วยให้เขาไปซื้อมาให้
“เดียวผมไปรินน้ำให้พี่ พี่รอสักครู่นะครับ” เกาจิ่งอานหาข้ออ้างเดินจากไป ตอนที่รินน้ำ เขารีบปรับอารมณ์ของตัวเองให้สงบลงอย่างรวดเร็ว พยายามไม่ให้ตัวเองเผยสีหน้าโศกเศร้าเสียใจต่อหน้าพี่สาว
แต่อารมณ์บางอย่างดูเหมือนกับตั้งใจตอบสนองตามธรรมชาติ เพราะยิ่งเก็บซ่อนก็ยิ่งเผยออกมาอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ทุกเส้นเลือดฝอยแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและหัวใจ สุดท้ายก็ทำให้ตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่
จากนั้นก็ปรับเตียงยกสูงขึ้น แล้วป้อนน้ำให้เก๋ฝาหยิ่งจือดื่ม
“จิ่งอาน ผู้หญิงคนก่อนล่ะ? พวกเธอสองคนเป็นยังไงแล้ว?” เกาหยิ่งจือซักถามขึ้น
“พวกเราดีครับ”
“อ่อ….แล้ววางแผนจะแต่งงานกับเธอไหม?”
“ครับ มีวางแผนไว้ครับ แต่ยังไม่ถึงเวลาครับ” เกาจิ่งอานวางแก้วลง แล้วนึกถึงสร้อยคอที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้น จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เกาหยิ่งจือยิ้มแย้ม “ถ้าหากรู้ว่าเหมาะสมก็อยู่ด้วยกันเถอะ ชีวิตคนเรามันสั้น และการตามหาผู้หญิงที่รักเราจากใจจริงหายาก ดังนั้นเมื่อพบแล้วก็อย่างได้ปล่อยมืออย่างง่ายดาย”
เหมือนกับเธอมองโลกนี้อย่างกระจ่าง เธอใช้ประสบการณ์ชีวิตของตัวเองแบ่งปันหลักการชีวิตที่มีความสุขกับเกาจิ่งอาน
เกาจิ่งอานพยักหน้าเล็กน้อย “ครับ”
ไม่นาน คุณหมอก็เข้ามาตรวจร่างกายให้กับเกาหยิ่งจือ แต่เมื่อเห็นมีญาติมาเยี่ยมก็เชิญเกาจิ่งอานให้ไปกรอกข้อมูลที่ห้องทำงาน
และรายละเอียดอาการของคนไข้ก็บอกผ่านเกาจิ่งอานแทน
……
“คุณเกาครับ นี่เป็นผลการตรวจร่างกายของพี่สาวคุณครับ พวกเราต้องขออภัยด้วย”
คุณหมอมอบผลการตรวจให้เกาจิ่งอานด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ พร้อมกับเผยสีหน้าหนักใจ
จนทำให้เกาจิ่งอานรู้สึกกลุ้มใจตามไปด้วย!
“หมายความว่าอะไรครับ! เป็นไปได้ยังไงครับ!” หลังจากที่เกาจิ่งอานอ่านใบผลการตรวจเสร็จ ก็ขว้างใบผลการตรวจลงบนโต๊ะด้วยท่าทางโมโห จนสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะสั่นสะเทือนตามไปด้วย
คุณหมอยกมือปรับแว่นตาเล็กน้อย แล้วเผยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น และพูดว่า “คุณเกาครับ เพราะคนไข้มีอาการเครียดทางอารมณ์มานาน ทำให้อารมณ์มีความผิดปกติ ดังนั้นเลยก่อให้เกิดก้อนเต้านมขึ้นในทางการแพทย์ สาเหตุหลักมาจากความผิดปกติทางเต้านม ถ้าหากผู้หญิงตกอยู่ในสภาวะอารมณ์ซึมเศร้า โศกเศร้า กลุ้มใจเป็นเวลานานมักก่อให้เกิดเรื่องประเภทนี้ อีกอย่างคนไข้เป็นมานานมากแล้ว รวมถึงอารมณ์เครียดที่สะสม…..ตอนนี้ร้ายแรงจนกลายเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว”
มะเร็ง….
คำพยางค์นี้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคำว่าตาย ซึ่งทำให้เกาจิ่งอานมีสีหน้าคล้ำเครียดมาก!
อารมณ์เครียดที่สะสมเป็นเวลานาน….
กลุ้มใจ เครียด โศกเศร้า
ใช่….อยู่สถานที่แบบนั้นจะไม่ให้เครียดได้ยังไงกัน แล้วจะไม่ให้รู้สึกโศกเศร้าได้ยังไงด้วย!
เกาจิ่งอานก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ “มีวิธีการรักษาไหมครับ?”
คุณหมอพูดว่า “ตอนนี้เซลล์มะเร็งยังไม่ล่าม การรักษาที่ดีที่สุดคือการกำจัดออก”
“กำจัดออกหรอ?”
หากผู้หญิงคนหนึ่งไม่มีสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นผู้หญิงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงยังไง! สำหรับเธอแล้ว คงเป็นเรื่องโหดร้ายมาก!
คุณหมอมองออกว่า ในตอนนี้เขามีอารมณ์ โมโห เลยพูดปลอบใจว่า “โชคดีที่ตรวจพบเร็ว เพราะถ้าหากเซลล์มะเร็งล่าม ต่อให้กำจัดก็ไร้ประโยชน์ พวกเราหวังว่า คุณจะปรึกษากับคนไข้อย่างราบรื่นนะครับ”
เกาจิ่งอานจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองออกมาจากห้องทำงานของหมอยังไง เขารู้สึกเพียงโลกกำลังหมุนอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น
เกาจิ่งอานยืนอยู่ทางเดิน ขณะเดียวกันก็ยกมือซ้ายขึ้นมากุมขมับ เพราะตอนนี้เส้นเลือดบนหน้าผากปูดจนจะตายแล้ว
“ตึบ!” เขาต่อยใส่ผนังกำแพงอย่างแรงหนึ่งที!
ล้วนเป็นความผิดของเขา! ถ้าหากเขาหายโกรธเร็ว ให้อภัยเธอเร็วกว่านี้ และรีบบอกให้หลงเซียวให้โอกาสเธอเร็วกว่านี้ บางทีคงอาจจะไม่เกิดเรื่องเศร้าแบบนี้!
สมควรตาย! เกาจิ่งอานสมควรตาย!
เกาจิ่งอานใช้เวลาหลายนาทีปรับอารมณ์ตัวเองให้สงบลง แต่ก่อนที่จะเข้าห้องผู้ป่วย จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
หลงถิงเป็นคนโทรมา
ฮ่าฮ่า!
เหมือนกับกำลังประชดชีวิตของเขาเลย!
“คณะกรรมการบริหารหลงครับ ครั้งก่อนพวกเราทานข้าวกันยังไม่ราบรื่นก็ต้องจากลากันแล้ว ยังคิดอยากกินอีกสักมื้อไหมครับ?”
กินข้าวกับหลงถิงครั้งก่อน ตอนแรกเขาตีสนิทเพราะมีจุดประสงค์คิดอยากสืบสถานการณ์ แต่ต่อมากลับถูกอิทธิพลและแรงกดดันของหลงถิงทำให้เขาต้องลำบาก
หลงถิงนั่งในห้องทำงานที่คฤหาสน์ของตัวเอง “คุณเกา คุณอยู่มาเก๊าหนึ่งคืนมีความสุขดีไหมครับ?”
บ้าจริง!
“ฮ่าฮ่า คณะกรรมการบริหารหลงได้รับข่าวสารเร็วจริงๆเลยนะครับ รู้เกี่ยวกับผมทุกอย่าง ผมเริ่มสงสัยจริงๆแล้วสิครับว่า คณะกรรมการบริหารหลงติดตั้งเครื่องติดตามกับผมหรือเปล่า” เห็นได้ชัดเจนว่าเกาจิ่งอานไม่ค่อยมีอารมณ์มาพูดจาไร้สาระกับหลงถิง
หลงถิงเผยท่าทางพูดคุยง่ายขึ้น เขายิ้มแย้ม และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกที่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ “คุณเกาไปทำอะไรที่มาเก๊าหรอครับ ผมช่างรู้สึกเลื่อมใสจริงๆ! ที่คุณเกาถือปืนกระบองเดียวพิชิตศัตรูได้ ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
ห่ะ? คิดไม่ถึงว่าหลงถิงจะรู้ว่าสินค้าของเหลียงหยู้คุนถูกแย่งไป ถ้าเช่นนั้น….แสดงว่าเหลียงหยู้คุนติดต่อส่วนตัวกับหลงถิงหรอ? หรือว่าเหลียงหยู้คุนมาหาวิธีการเอาสินค้ากลับคืนจากหลงถิง?
ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์แบบไหน เกาจิ่งอานล้วนไม่สนใจทั้งนั้น!
“คณะกรรมการบริหารหลงมีสังคมกว้างขวาง ผมไม่อาจเทียบได้ครับ คุณให้เกียรติผมเกินไปแล้ว!” เกาจิ่งอานพูดขึ้น
หลงถิงไม่มีความอดทนอยากพูดไร้สาระอีก เลยพูดขึ้นว่า “มาเจรจากันเถอะ ฉันต้องการเพียงสินค้า”
ช่างโง่เขลาเสียจริง!
“คณะกรรมการบริหารหลง ผมเหมือนกับคนขาดแคลนเงินหรอครับ?”
พูดจบ เกาจิ่งอานก็วางสายทันที!
เมื่อเกาจิ่งอานเข้ามาก็พบว่าอาหารถูกผู้ช่วยจัดการให้แล้ว ซึ่งบนโต๊ะวางกล่องรักษาอุณหภูมิสองกล่องอยู่ กล่องหนึ่งเป็นก้อนบัวลอย ส่วนอีกกล่องหนึ่งเป็นน้ำเชื่อม
เกาจิ่งอานตักก้อนบัวลอย โดยใช้ช้อนซุปตักหนึ่งคำขึ้นมา แล้วเป่าเล็กน้อย ก่อนจะยื่นไปที่ริมฝีปากของเกาจิ่งอาน “ยังเป็นร้านเจ้าเก่าที่ถนนเซี่ยเหอรสชาติน่าจะไม่เปลี่ยน”
เกาหยิ่งจือพยักหน้าเล็กน้อย แล้วยิ้มอ้าปากกินหนึ่งคำ ก้อนบัวลอยที่ทั้งนุ่มทั้งเด้งสัมผัสกับลิ้นรับรู้ถึงรสชาติหวาน ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นหอมของเหล้าจางๆด้วย ยังคงเป็นรสชาติในความทรงจำ
“อืม อร่อยมาก”
เกาจิ่งอานเห็นเธอยิ้มก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย “ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆเลย ไม่ต้องลดน้ำหนักหรอก”
คงไม่จำเป็นแล้ว
เกาหยิ่งจือเม้มปากเคี้ยวเล็กน้อย “ไม่ลดน้ำหนักแล้ว ต่อไปฉันจะใช้ชีวิตอย่างที่ฉันชอบแล้ว”
ความรู้สึกขืนข่ม…..ที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจเกาจิ่งอานทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
“ต่อไปผมจะเอามาให้พี่ทุกวันเลย” เกาจิ่งอานมือสั่นเทาเล็กน้อย คำพูดของหมอเหมือนกับสายฟ้าที่ฝ่าลงกลางหัวใจของเขา ที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกย่ำแย่ลงเรื่อยๆ!
จู่ๆเกาหยิ่งจือก็นิ่งเงียบ เธอกลืนอาหารลงคอแล้ว เธอจ้องมองเกาจิ่งอานอย่างนิ่งด้วยน้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับยิ้มอย่างขืนข่ม
“จิ่งอาน ฉันจำไม่ได้แล้วว่า ฉันไม่ได้กินอาหารอร่อยแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว บัวลอยจานนี้ ฉันไม่รู้เลยว่าคิดถึงมันกี่ครั้งแล้ว….ช่วงเวลาที่ฉันอยู่ในเรือนจำ…..ทุกวันฉันคิดแต่คำพูดนี้”
เกาจิ่งอานใช้ช้อนข้นอาหารในจาน เพื่อฉวยโอกาสนี้ไม่ให้ตัวเองแสดงท่าทีกังวล “คำพูดอะไรครับ?”
“ไม่มีใครอยู่ชื่นชมพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อน ไม่มีใครถามฉันว่าโจ๊กนี้อุ่นหรือเปล่า”