ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 644
ตอนที่ 644 หมอถัง ฉันคิดถึงคุณ
สายเยอะแยะมากมายพันอยู่บนตัวเธอ ข้างบนมีรอยซ้ำเขียวม่วงเป็นจุดๆ ดูเหมือนไม่เพียงแค่ด้านในที่มีปัญหา ด้านนอกก็หนีไม่พ้น
อีกอย่าง เนื้อนุ่มนั้นเต็มไปด้วยรอยข่วนรอยเลือด เหมือนรอยจากเล็บขีดข่วน ด้านบนยังเห็นเลือดชัดเจน ดูแล้วชั่งน่ากลัว
รอยที่ลึกที่สุดเริ่มเป็นสะเก็ด ดูแล้วน่าจะเป็นสักระยะแล้ว
รอยไม่ลึกก็ยังเห็นรอยเลือดอยู่ น่าจะเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
ลั่วหานขมวดคิ้วแน่น ดึงเสื้อขึ้นปิดให้เกาหยิ่งจือ ช่วยเธอห่มผ้าเรียบร้อย
ตลอดเวลา เกาหยิ่งจือเหมือนปลาที่รอเชือด ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ไม่ได้คัดค้าน สีหน้าของเธอเหมือนคนสิ้นหวัง
หมอท่านหนึ่งยื่นมือเรียกลั่วหานไปพูด ทั้งสองเดินไปที่ระเบียงข้างๆ
ลั่วหานพูด “คุณพูดเถอะ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ฉันรู้แค่นิดหน่อย คุณบอกฉันหน่อยว่ามันเป็นยังไงตอนนี้”
หมอชายอายุประมาณสี่สิบกว่าปีสูดหายใจเข้าลึกๆ ดันแว่นสายตาขึ้น “ผู้ป่วยเป็นเนื้องอกหลัก เวลาปวดขึ้นมาจะทำให้ปวดจนทนไม่ได้ จึงอยากใช้ความเจ็บปวดด้านนอกเมื่อลดความปวดข้างใน”
ลั่วหานถอนหายใจ รู้สึกขนหัวลุก “แค่นี้เหรอ?”
หมออธิบายต่อ “ผู้ป่วยอยู่ในคุก……ความอนามัยไม่ค่อยดี เคยเป็นผดผื่น จึงทำให้มีรอยแดงพวกนั้น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับอาการป่วย”
ลั่วหานหันกลับไปมองเกาหยิ่งจือที่หลับตาพักผ่อน พยักหน้า “ก็ใช่ สถานที่แบบนั้นจะไปดีได้ยังไง”
หมอผู้ชายถอนหายใจ “ตอนนี้ปัญหาหลักคือ ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้า แรงต่อสู้ที่อยากอยู่ต่อก็มีน้อย โรคแบบนี้เกิดจากอาการทางจิตใจเป็นหลัก อารมณ์ไม่ดี ผลการรักษาก็ไม่ค่อยดี ต้องทำวิธีให้ผู้ป่วยขึ้นมาสู้ อยากที่จะมีชีวิตต่อ”
ลั่วหานเห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่จะทำยังไงให้เธอมีความสุขขึ้นมา?
ความหวังที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ของเกาหยิ่งจือก็คือได้อยู่กับถังจิ้นเหยียน เธอคงทำให้ถังจิ้นเหยียนมารักกับเธอไม่ได้มั้ง?
God
“ฉันจะหาวิธีดู สำหรับแผนการรักษา พวกคุณก็ดำเนินการเลย ไม่ว่าต้องการยาอะไร อุปกรณ์อะไร ก็เอาจากโรงพยาบาลได้เลย ถ้าในโรงพยาบาลไม่มีก็สั่งจากต่างประเทศ ชีวิตคนนี้ ต้องรักษาไว้ให้ได้”
“ครับ หมอฉู่วางใจ พวกเราจะพยายามถึงที่สุด”
……
นอกห้องผู้ป่วย เกาจิ่งอานพิงอยู่ข้างเสา หันหน้าไปข้างนอก มองดูผู้คนเดินไปเดินมาด้านล่าง “พี่คงมีคำถามมากมายอยากถามผมตอนนี้ใช่ไหม?”
หลงเซียวยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา มือข้างหนึ่งใส่ในกระเป๋ากางเกง พิงอยู่ข้างเสา “นายอยากให้ฉันรู้ ก็บอกฉันเอง นายไม่อยากให้ฉันรู้ ถามไปนายก็ไม่ตอบ”
เกาจิ่งอานปากสั่น จากนั้นก็หัวเราะ “พี่ใหญ่เป็นคนฉลาด ปิดปังอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
หลงเซียวเอียงปากไปทางซ้าย “แล้วยังไงต่อ?”
เกาจิ่งอานหันตัวกลับมา มองหลงเซียว พูดตรงๆ “พี่สาวผมเป็นญาติคนเดียวของผมแล้ว อีกอย่างเธอป่วยหนัก ผมหวังว่า……หวังว่าเธอจะออกมารักษาตัว”
หลงเซียวพยักหน้า ให้เขาพูดต่อ
เกาจิ่งอานคิดแล้ว พูดต่อ “พี่สาวผมทำเรื่องไม่ดีไว้มากมาย ถ้าตามหลักกฎหมายแล้ว เธอยังต้องกลับไปรับโทษต่อ แต่ผมหวังว่า…..หวังว่าพี่จะช่วยเธอหน่อย”
เกาจิ่งอานพูดอย่างเกรงใจ จากที่เขารู้จักหลงเซียว เขาไม่มีวันปล่อยคนที่ทำให้ภรรยาตัวเองเกือบตายไปหรอก เพราะฉะนั้นพูดจบแล้ว ก็หัวเราะตัวเอง
หลงเซียวดูสภาพของเกาจิ่งอานแล้ว ในใจก็หวั่นไหวไปชั่วขณะ ความรู้สึกมันแปลกมา แต่ชัดเจน
ครั้งหนึ่งก็เคยมีเสี้ยววินาทีแบบนั้น เขาก็เคยสิ้นหวัง เขาก็เคยต้องการความช่วยเหลือ
แต่เสียดาย เขาต้องลุกขึ้นมาเองด้วยความสามารถของตัวเอง
สะบัดเรื่องราวในอดีตทิ้ง เขากลับมานิ่งเหมือนเดิม
“ฉันจะช่วยเธอ”
หลงเซียวให้คำตอบเขาอย่างหนักแน่น
เกาจิ่งอานตะลึงอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
“ไม่ต้องตะลึงขนาดนั้น ฉันช่วยพี่สาวนาย ยอมให้ลั่วลั่วมาดูเธอ ก็แสดงว่าฉันไม่นิ่งดูดายอยู่แล้ว ทางด้านเรือนจำฉันจะให้คนช่วย ให้พี่สาวนายตั้งใจรักษาอาการป่วยก็พอ”
“พี่ใหญ่ ขอบคุณมากพี่ นอกจากคำว่าขอบคุณผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี อีกหน่อยถ้าพี่มีอะไรให้ผมช่วย ผมต้องช่วยเต็มที่แน่นอน พี่ใหญ่ ขอบคุณมาก”
เกาจิ่งอานดีใจจนไม่รู้ควรพูดอะไร จับมือหลงเซียวไว้แน่น
แรงเขาหนักมาก จนหลงเซียวขมวดคิ้ว ยิ้มพูด “นายฝึกฝนกับกองทัพนกอินทรีได้ไม่เลวนะ แรงเยอะขนาดนี้ บีบกระดูกคนหักได้แล้ว”
“หา?” เกาจิ่งอานก้มหน้า จะไม่ใช่ได้ยังไง เขาบีบมือของหลงเซียวจนข้อนิ้วขาวซีดแล้ว รีบปล่อยมือเขา หัวเราะพูดขึ้น “ผมดีใจเกินไป พี่อย่าถือสานะครับ”
หลงเซียวสะบัดมือ “ตอนนี้ยังไม่มีงานอะไรให้นาย ดูแลพี่สาวนายดีๆ งานในมาเก๊าฉันจะให้จางหย่งจัดการก่อน”
เกาจิ่งอานไม่ได้คัดค้าน และไม่ได้จะเอางานมาทำเอง “ครับ ขอบคุณพี่ใหญ่ ใช่แล้ว จางหย่งดูแล้วจงรักภักดีกับพี่ใหญ่มาก เขาเป็นพนักงาน หรือเป็นเพื่อนพี่?”
พนักงานที่ทุ่มเทชีวิตขนาดนี้ เกรงจะไม่ใช่เรื่องที่เงินทองซื้อได้?
“เขาไม่ใช่พนักงาน ฉันเคยช่วยชีวิตเขา ไม่เพียงแค่เขา ยังมีจี้ตงหมิง สองคนนี้ไม่ใช่ความสัมพันธ์เรื่องเงินทอง เพราะฉะนั้น……” หลงเซียวยิ้มอย่างความหมายลึกซึ้ง “พวกเขาถึงยอมทุ่มเทชีวิตเพื่อฉัน”
เกาจิ่งอานกะพริบตา พี่ใหญ่เป็นคนที่มีนิทานตำนานจริง
“พี่ช่วยพวกเขายังไง?”
หลงเซียวมองเขา “ครั้งเดียวรู้เยอะเกินไป เดี๋ยวจะย่อยไม่ทัน”
“……”
ก็ได้ เกาจิ่งอานเลือกที่จะอั้นไว้ เดี๋ยวค่อยๆถามก็ได้
คิดแล้วมันก็ถูก จางหย่งวิชาต่อสู้เก่งขนาดนี้ หัวสมองก็ฉลาด ถ้าทำเองก็คงได้เป็นหัวหน้าพรรคแน่นอน ทำไมต้องมาทำงานให้พี่ใหญ่? ที่แท้แบบนี้ที่เอง……ดูแล้วต้องมีอะไรสักอย่าง
เกาจิ่งอานรู้แล้ว อีกหน่อยก็ไม่กล้าหาเรื่องจางหย่งกับจี้ตงหมิงแล้ว
“สินค้าทางด้านมาเก๊าจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลียงหยู้คุนพลิกแผ่นดินหาก็ไม่มีวันหาสินค้าพวกนี้เจอ พี่ใหญ่วางใจได้” เกาจิ่งอานดูห้องผู้ป่วย ประตูยังไม่เปิด
“ฉันรู้ จางหย่งรายงานแล้ว เรื่องนี้นายอย่าเข้าไปยุ่ง นายเป็นคนเบื้องหน้า พวกเขาอยู่ข้างหลังไม่ต้องกลัวอะไร นายค่อยๆออกจากสายตาพวกเขา ดูแลบริษัทอึนเคอดีๆ”
คนอย่างเหลียงหยู้คุนเรื่องอะไรก็ทำออกมาได้ เกิดหันมาเอาเรื่องอึนเคอ ก็พอที่จะให้เกาจิ่งอานปวดหัวได้
เกาจิ่งอานก็คิดถึงจุดนี้ “ครับ ผมไม่เข้าไปยุ่ง”
หลงเซียวมองนาฬิกาข้อมือ เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
เกาจิ่งอานก็คิดในใจ คนที่พี่สาวให้เขาติดต่อ เขาจะติดต่อยังไง? พูดยังไง?
ไม่นาน ลั่วหานก็เดินออกมา
“อาการยังคงที่อยู่ คุณวางใจได้ ถึงการรักษาไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องรักษาสภาพจิตใจที่ดี ทำได้ไหม?”
ลั่วหานพูดกับเกาจิ่งอาน
เกาจิ่งอานปลอบผู้หญิงฝีมือก็ใช้ได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามคือพี่สาวตัวเอง เขาไม่รู้จะลงมือยังไง “พี่สะใภ้มีวิธีอะไรแนะนำหน่อยไหมครับ? ผมจะได้เอาเป็นตัวอย่าง”
ลั่วหานหันไปมองหลงเซียว “ที่รัก ไม่อย่างนั้น คุณสอนวิธีเอาใจผู้หญิงให้เขาหน่อย?”
หลงเซียวจัดเสื้อให้ลั่วหาน แล้วดึงเธอมากอดไว้ “วิธีเอาใจผู้หญิง แต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนมากก็เฉพาะคน แต่ละคนก็แต่ละวิธี สืบทอดกันไม่ได้ มันใช้กับคนอื่นไม่ได้”
ความหมายก็คือ วิธีที่เขาเอาใจเมีย ใช้ได้กับเธอเท่านั้น
เกาจิ่งอาน “……”
เวลาแบบนี้ก็ปวดใจพออยู่แล้ว ยังมาหวานกันต่อหน้าอีก
……
เจิ้งซิ่วหยากัดปากกา เสียงกดปากกาเข้าๆออกๆ “แม่งเอ้ย ช่วงมันอะไรกันนักหนา เรื่องเดิมยังไม่จบก็มาอีกเรื่องละ กล้ามาทำถึงที่นี่ กล้ามาค้ายาถึงเมืองหลง ไอ้บ้าเอ้ย ให้ตายซิ”
โจวจั่นยื่นกาแฟstarbucksให้เธออย่างประจบประแจง “หัวหน้า กาแฟน้ำเชื่อม ของหวาน อย่าโมโห”
เจิ้งซิ่วหยาเหล่มองกาแฟแก้วใหญ่ ขึงตาใส่ “กาแฟแก้วใหญ่ขนาดนี้ ตั้งกี่แคลอลี่? นายอยากให้ฉันอ้วนเป็นหมูรึไง?”
โจวจั่นทำท่าน้อยใจ เขาใช้เงินไปตั้งหลายสิบหยวนซื้อแก้วใหญ่ “ไม่อ้วน ไม่อ้วน หัวหน้าหุ่นดีมาตรฐาน อีกอย่าง ผู้หญิงต้องมีความสุขเพื่อตัวเอง ใช่ไหม? วางใจกิน วางใจดื่มเลย”
เจิ้งซิ่วหยาถูกโจวจั่นพูดจนโมโห ด่าสายฟ้าแลบ “โจวจั่น ไอ้บ้า นายพูดจาไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด พูดไม่เป็นก็หุบปากซะ”
โจวจั่นทำท่ารูดซิปปาก ยิ้มจนตาหยี พูดเสียงในลำคอไม่ชัดเจน “ผมไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
เจิ้งซิ่วหยากัดฟัน “กลับมา ไปบอกหัวหน้า ช่วงนี้มีแก๊งค้ายาในเมืองหลวง ให้ทีมจับยาเสพติดรีบทำการตรวจสอบ ถ้าพบอะไรกับทำการล้อมจับ”
เจิ้งซิ่วหยาโยนปากกาไปบนโต๊ะ ยกกาแฟที่ยังร้อนอยู่ ดื่มไปคำใหญ่ รสชาติที่ค่อนข้างหวาน ค่อยๆลงไปถึงกระเพาะ และในช่องปาก
โจวจั่นทำท่าโค้งคำนับเหมือนขันที “ขอรับ ลูกพี่” เขาจับที่คาง “ลูกพี่ ยังมีเค้กชาเขียว อย่าลืมกินนะครับ กินของหวานอารมณ์ดี”
พูดจบก็วิ่งออกไปเลย”
เจิ้งซิ่วหยายกกาแฟ “เหอะๆ คนที่ทำให้ตัวเองมีความสุข? ไม่รู้ว่าหมอถังที่รักอยู่ฝั่งโน้นเป็นยังไงบ้าง คงสบายดีนะ?”
หยิบมือถือขึ้นมา เปิดข้อความครั้งสุดท้ายของทั้งสองออกมาดู ยังอยู่วันที่ถังจิ้นเหยียนจากไป แล้วก็ไม่มีข้อความอีกเลย
เขาชั่งใจแข็งจริง ไม่เคยติดต่อเธอสักครั้ง
เขาว่ากันว่า ถ้ารักใครจริงสักคน จะเย็นชากับเธอได้ไม่เกินสามวัน ไม่ว่าใช้วิธีไหน ต้องหาเธอให้เจอ
เจิ้งซิ่วหยาพิมพ์ตัวหนังสือ “เฮ้ สบายดีไหม?”
คิดแล้ว ก็ลบทิ้ง
แล้วพิมพ์อีกครั้ง “หมอถัง ฉันไม่สบาย รักษายังไง?”
คิดแล้ว ดัดจริตเกินไป ลบทิ้ง
เจิ้งซิ่วหยาเอามือค้ำคาง คิดหนัก ถอนหายใจ “ถังจิ้นเหยียน ฉันคิดถึงคุณ”
เธอนั่งมองชื่อในมือถือ นิ้วมือหยุดตรงคำว่าส่งข้อความ ไม่รู้ทำยังไงดี
เขาไม่หาเธอเลย เธอกลับหาเขาเองก่อนแบบนี้ มันแรดเกินไปไหม?
“เอ้ย เหี้ย”
ด้วยความไม่ได้ตั้งใจ นิ้วไปกดคำว่าส่งข้อความแล้ว
ติ๊ด ข้อความถูกส่งเรียบร้อย
“กลับมา กลับมาเดี๋ยวนี้เลย