ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 648
ตอนที่ 648 เขาไม่มา ฉันจะกล้าตายได้ยังไง
ถังจิ้นเหยียนดูข้อความไปสองรอบ แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ดูผิด
เกาจิ่งอานส่งมา คำพูดหนักแน่นจริงใจ ไม่ได้ล้อเล่น
มีธุระ? หรือว่าเป็นเกาหยิ่งจือ?
นอกจากเธอ ก็ไม่มีคนที่สองแล้ว
นิ้วขาวเรียวยาวของถังจิ้นเหยียนจับมือถือสีดำ สีขาวดำต่างกันอย่างชัดเจน
“อีกสองชั่วโมงละกัน?”
คิดแล้ว อีกสองชั่วโมง ก็เป็นตีสี่ของเมืองจีนแล้ว รบกวนเวลาเขาเกินไป ก็เลยลบข้อความทิ้งเขียนใหม่
“พรุ่งนี้ ผมโทรหาคุณ”
ถังจิ้นเหยียนกับเกาจิ่งอานไม่สนิทกัน เพราะฉะนั้นข้อความก็ค่อนข้างเรียบง่าย
“ศาสตราจารย์ เวลาจะไม่ทันแล้วครับ” ผู้ช่วยเตือนอีกครั้ง
“ได้”
ถังจิ้นเหยียนปรับมือถือเป็นระบบสั่น เก็บในกระเป๋ากางเกง ยกขาลงบันได
……
เวลาในเมืองจีนเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ ท้องฟ้าในเมืองปกคลุมด้วยเมฆ พระจันทร์ส่องแสงกำลังจะลับไป มองดูแล้วช่างสวยงาม
แต่ ความรู้สึกของเกาจิ่งอานไม่สวยงามเลยสักนิด
เห็นข้อความของเขาแล้ว ก็คิดไปเอง หรือว่าถังจิ้นเหยียนไม่อยากติดต่อกับเขา เลยหาวิธีถ่วงเวลา?
เขาโทรไปเลยดีไหม? เสียมารยาทไปไหม?
ถังจิ้นเหยียนเป็นคนเรียบร้อย คนแบบนี้ ปกติดูเหมือนพูดง่าย แต่เวลาสำคัญระเบิดขึ้นมาก็น่ากลัวเหมือนกัน
ไม่โทรไป?ถ้าเขาไม่ติดต่อกลับจะทำยังไง?
แม่ง
เกาจิ่งอานไม่ค่อยลังเล แต่ครั้งนี้เขาลังเลมาก
พี่สาวไม่ติดต่อถังจิ้นเหยียนเอง แต่กลับเอาเรื่องยากแบบนี้ให้เขาทำ คงกลัวว่าถังจิ้นเหยียนรู้ว่าเป็นเธอ จะวางสายไม่สนใจเธอ?
พี่นะพี่…….
เกาจิ่งอานยืนอยู่ริมหน้าต่าง ลมพัดม่านหน้าต่างปลิว
“รักคนคนหนึ่งรักจนไม่มีศักดิ์ศรีแบบนี้ แต่ไม่ยอมปล่อยมือ ไม่รู้ว่ารักมากเกินไป หรือโง่เกินไป”
เขาพึมพำเอง หัวเราะอย่างเหนื่อยใจ
รักเกินไป ก็จะโง่ รักยิ่งถลำลึก ก็จะโง่ถึงที่สุด
เขาคิด ตอนนี้พี่สาวที่ป่วยหนักอยู่เหมาะกับคำว่า: คิดถึงจนป่วย ยาใดก็รักษามิได้
เกาจิ่งอานเอามือใส่ในกระเป๋ากางเกง มือจับโดนกล่องกำมะหยี่อันหนึ่ง มือหยุดอยู่บนนั้น เขาขมวดคิ้ว “ให้ตายซิ”
กล่องกำมะหยี่เตรียมเป็นของขวัญให้โจวโร่หลิน เขาลืมมันไปอย่างปริทิ้งเลย
ดึกมาแล้ว เกาจิ่งอานเก็บกล่องไว้ในลิ้นชัก ถอดเสื้อออกอย่างผิดหวัง อาบน้ำอย่างรวดเร็ว ห่อตัวออกมาด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว บนตัวยังมีหยดน้ำ หยดลงมาตามผิวหนังของเขา
เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกรอบ ไม่มีข้อความ
แต่คิดไม่ถึง ข้อความของข่าวก็เข้ามา logoสีแดง การแจ้งเตือนของข่าวช่องหนึ่ง
“เกาหยิ่งจือเข้าคุกโชคร้ายป่วยหนัก จากความเพียบพร้อมทุกอย่างกลายเป็นสูญเสียทุกอย่าง”
ถึงจะเป็นข่าวช่องดัง แต่หัวข้อก็ทำให้เกาจิ่งอานโมโห
“เหี้ยเอ้ย”
เกาจิ่งอานเปิดอ่าน เห็นเนื้อหาแล้วยิ่งทำให้เขาโกรธ เนื้อหาเขียนจนเกาจิ่งอานไม่เหลือชิ้นดี ใช้ตำแหน่งหน้าที่รังแกลูกน้อง เคยกดขี่ฉู่ลั่วหานยังไง……สุดท้ายหลงเซียวช่วย ได้หลักฐานมัดตัวจนส่งเข้าคุกไป
เกาจิ่งอานดูถึงตรงนี้ก็กำมือแน่น เคสโลหะเกือบถูกเขาบีบจนเสีย
พวกไร้สมอง
เกาจิ่งอานที่เหนื่อยล้าความง่วงหายไปหมด กัดฟันโทรหาผู้ช่วย โทรศัพท์ถูกรับขึ้นไม่กี่วินาที เห็นได้ชัดว่าฝั่งโน้นกำลังนอน
เห็นท่านประธานโทรมาด้วยตัวเอง ความง่วงของผู้ช่วยก็หายไปหมด “ท่านประธาน มีอะไรคะ?”
เกาจิ่งอานควันออกหู “ถามฉันว่าอะไร เรื่องข่าวมันอะไรกัน ใครมันกินขี้ใช่ไหม เขียนข่าวบ้าอะไร”
ผู้ช่วยงงไปเลย แสดงว่าตัวเองไม่รู้ ขยี้ตาตัวเอง ไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย รีบค้นหาข่าว หัวข้อข่าวแจ้งเตือนมีข่าวอยู่จริง
“ท่านประธาน ข่าวนี้มาจากบริษัทช่างต๋า จะรีบติดต่อพวกเขาเดี๋ยวนี้ ให้ลบข่าวออก” ผู้ช่วยจะกล้าล่าช้าได้อย่างไร เอาความรับผิดชอบมาอย่างเต็มร้อย นิ้วมือรีบค้นหาหัวหน้าของบริษัทช่างต๋า
“อีกสิบนาที ฉันต้องการให้ข่าวนี้หายไป อีกอย่าง ถ้ามีข่าวแบบนี้อีก ปิดให้หมด ใครกล้าใส่ร้ายลับหลัง ฉันเอามันตาย” เกาจิ่งอานกำมือแน่น เพราะความโกรธ กล้ามเนื้อบนร่างเห็นได้อย่างชัดเจน
“ค่ะ รับรองว่าพรุ่งนี้เช้าข่าวทุกอย่างต้องหายไป ข่าวที่ทำให้คุณหนูใหญ่เสียหายจะทำให้มันขาวสะอาดหมอ” ผู้ช่วยหาเบอร์บริษัทช่างต๋าจนเจอ “ท่านประธาน เดี๋ยวดิฉันจะติดต่อพวกเขา ท่านนอนเถอะ ช่วงนี้ท่านลำบากแล้ว”
“รู้ว่าฉันลำบากก็ช่วยละเอียดหน่อย ทำงานรอบคอบหน่อย”
“ค่ะ ค่ะ ท่านประธานพูดถูก” ผู้ช่วยรีบพยักหน้า บอสไม่อยู่ตรงหน้า ก็เหมือนอยู่ตรงหน้า
เกาจิ่งอานวางสายไปอย่างหงุดหงิด ใครจะไปรู้ต่อจากบริษัทช่างต๋า weibo tense ช่องข่าวออนไลน์หลายสำนักก็เริ่มออกข่าวนี้
เรื่องดีไม่ออกจากบ้าน เรื่องร้ายลือกันพันกิโลเมตร พวกนักข่าวจมูกเร็วกว่าหมา
เกาจิ่งอานปวดหัว ปิดข้าวทุกตัว คำคืนนี้ เขาก็ต้องเบิกตาถึงเช้า
—
วันถัดมา ลมพัดแต่เช้า อากาศไม่ค่อยดี
เป็นเวลาเดือนเก้าในปฏิทินจีนแล้ว อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ลมพัดมาก็เห็นใบไม้ผลิ
ใบไม้สีเหลืองปลิว ถูกรถเหยียบ กลายเป็นเศษชิ้นเล็ก ผมพัดมา
เกาหยิ่งจือยืนอยู่ข้างหน้าต่าง พิงอยู่ที่รั้วกันระเบียง ภาพที่เห็นก็เป็นเช่นนี้
ร่างผอมของเธอดูเหงาหงอย ชุดผู้ป่วยหลวม มองไม่เห็นรูปร่างของเธอ แขนที่ยื่นออกมาจากเสื้อ มีรอยเข็มฉีดยา รอยช้ำสองลาย
“คุณเกา ข้างนอกลมแรง คุณเข้ามานอนข้างในเถอะค่ะ” พยาบาลสาวเห็นเธอยืนอยู่ที่ระเบียง เตือนขึ้นอย่างระวัง เกาหยิ่งจือไม่ขยับ เธอยังคงมองวิวข้างนอก ความเงียบสงบที่มีแต่เสียงลม “คุณรู้ว่าความตายคืออะไรไหม?”
พยาบาลจะไปรู้เรื่องได้ยังไง “ความตาย? ก็คือชีวิตหยุดหมุน”
เกาหยิ่งจือหัวเราะ เป็นหมอ เธอจะไม่รู้เหรอว่าความหมายทางการแพทย์ที่เย็นชา? อีกอย่างเมื่อกี้เธอไม่ได้หมายความถึงศัพท์ทางการแพทย์
“ความตาย……บางทีคนเรากลัวความตาย เพราะว่าความตายไม่ได้ยุติแค่ความเจ็บปวด แต่ยุติความสุข แต่ว่า……” ปากของเธอยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าคนคนหนึ่งมีแต่ความทุกข์ ตายไม่ตายก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน”
พยาบาลฟังจนงง แจ้งเตือนเธออย่างตื่นเต้น “คือ……คุณลงมาเถอะค่ะ คุณเกาสั่งไว้ให้ดูแลคุณดีๆ”
เกาหยิ่งจือมองสวยของโรงพยาบาลหวาเซี่ย สวนดอกไม้กว้าง ในสวนมีแค่หินอ่อนชิ้นหนึ่ง ด้านบนมีกลอนที่หลงเซียวเขียนให้ลั่วหาน
ตอนนั้นหลงเซียวนึกว่าลั่วหานตายแล้ว เพราะฉะนั้นจึงสร้างโรงพยาบาลขึ้นมา เพื่อจารึกเธอ
เพราะฉะนั้น ตอนนั้นถึงลั่วหานตายจริง คนที่มาโรงพยาบาล ก็ต้องคิดถึงว่ามีคนคนนี้อยู่จริง ถูกผู้ชายคนหนึ่งทะนุถนอม
เธอดูฝ่ามือ ลายมือพันกันก็ไม่มีอะไรแล้ว
“ถ้าฉันตาย เธอคิดว่าทุกคนจะจำฉันได้ไหม?”
คิดไปแล้วก็น่าล้มเหลวเหลือเกิน คงไม่มีแม้แต่คนเดียว?
“นี่……คุณเกา คุณไม่ตายหรอกค่ะ เนื้องอกคุณเป็นเนื้องอกดี อีกอย่างได้หาหมอที่ดีที่สุดรักษาให้คุณแล้ว คุณก็แค่ดูแลสภาพจิตใจตัวเองดีๆ ต้องรักษาหายแน่นอน หรือไม่…..คุณดูหนังไหม? ฉันช่วยคุณหาหนังตลกมาให้”
“ไม่ต้องแล้ว ที่จริงหนังตลกทุกเรื่อง ล้วนเป็นหนังเศร้า” เกาหยิ่งจือออกจากระเบียง ร่างกายอุ่นแล้ว แต่ใจยังเย็นอยู่
“งั้น……คุณเกาอยากได้อะไร? เดี๋ยวพวกเราเตรียมให้ หรือว่าคุณอยากกินอะไร?
พยาบาลอุ้มเอกสารไว้ ข้างบนเขียนเวลาทำการรักษา ส่วนมากเธอก็กินแต่ของเดิม กินอะไรไปก็อาเจียนออกมา
คิดไปแล้วก็สงสาร
เกาหยิ่งจือไม่ได้กลับเตียง นั่งอยู่บนโซฟาดูข้างนอก “ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันรอแค่คนคนเดียว ถ้าเขาไม่มา ฉันจะตายได้ยังไง?”
น้ำเสียงและสายตาของเธอดูเศร้าโศก แต่ความเศร้านี้ถ้าไม่ได้เล่าให้คนเข้าใจฟัง ก็เหมือนกำปั้นชกไปที่สำลี ไม่มีแรงสักนิด
พยาบาลคิดถึงเนื้อเรื่องในละครเกาหลี เกาหยิ่งจือคงรักชายขายาวร่างสูง แล้วเขาก็จากไปโดยไม่มีเหตุผล จากนั้นทั้งสอง……
แต่งต่อไปไม่ไหวละ
“คุณเกา คุณอย่างเสียใจไปเลย คนที่ควรมา ยังไงก็ต้องมา”
แต่ คนที่ไม่ควรมา ส่วนมากจะมาก่อนเสมอ
เวลาเดียวกัน ประตูห้องถูกเคาะ
พยาบาลไม่แต่งนิยายต่อ หันไปเปิดประตู คนที่เดินมาในชุดดำ สีหน้าเหน็ดเหนื่อย ตาดำลึก เหมือนคนผ่านอะไรมาเยอะจนยากจะบรรยาย
พยาบาลเห็นโม่ล่างคุน ก็ก้มหน้าทักทาย “คุณโม่ มาเยี่ยมคุณเกาเหรอคะ?
โม่ล่างคุนพยักหน้า “อืม เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เกาหยิ่งจือที่นั่งอยู่บนโซฟา มองเอาอย่างขี้เกียจ มองแค่ทีเดียวก็หันกลับ พูดขึ้นอย่างเย็นชา “คุณลุง แขกพิเศษนะคะ มาได้ยังไง?”
โม่ล่างคุนยิ้มแห้ง ดอกไม้ในมือบังตัวเขา เดินเข้าไป “เสี่ยวหยิ่ง เป็นยังไงบ้าง?”
เกาหยิ่งจือยิ้มเย็นชา “หนูจะเป็นอะไรได้? คุณลุงก็เห็นแล้ว? หนูยังไม่ตาย”
สิ่งที่โม่ล่างคุนทำต่อพ่อแม่เธอ เธอไม่มีวันลืม
เธอไม่ได้ตัดขาดกับโม่หรูเฟย ไม่ได้หมายความว่าเธอจะคืนดีกับโม่ล่างคุน
โม่ล่างคุนฝืนยิ้ม นั่งลงอย่างเกรงใจ “เสี่ยวหยิ่ง ลุงรู้ว่าหลายปีก่อนเป็นความผิดของลุง แต่ก็ผ่านไปนานแล้ว หนูก็…..ปล่อยวางเถอะนะ”
คุณลุงใจกว้างนะคะ ปล่อยวาง คุณลุงบอกปล่อยก็ปล่อย?” เกาหยิ่งจือกัดฟันพูดทีละคำ
โม่ล่างคุนถ้าไม่ใช่เห็นแต่หุ้นส่วนในตัวเธอ ก็คงไม่มาแสดงความรักความขอโทษแบบนี้ “เสี่ยวหยิ่ง ตอนเธอเด็กๆ ก็เชื่องฟังป้าเธอนะ ยังบอกว่าเมื่อโตขึ้นมา……”
“คุณลุง ถ้ามาเพื่อช่วยหนูระลึกเรื่องราวตอนเด็ก ก็กลับไปเถอะค่ะ”
โม่ล่างคุนยืนดอกไม้ให้เธอ “เสี่ยวหยิ่ง ตอนนี้หนูโกรธไม่ดีต่อร่างกาย ทุกอย่างเป็นความผิดของลุงเอง หนูจะโทษก็โทษลุง”
เกาหยิ่งจือหัวเราะเย็นชา “คุณลุง น่าเกลียดไหม? อายุอานามแบบนี้มาขอโทษหนู คุณลุงไม่? แต่หนูขยะแขยง”