ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 655
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 655 ไม่อวดสามีได้ไหม
ผ่านไปกว่าหนึ่งนาทีเต็ม หลินเหว่ยเย่มองมายังหลงถิง แววตาของเขานั้นแดงก่ำคล้ายกับสายเลือด
“หลงเซียวเป็นลูกชายของมู่เส้าเอิน? เป็นไปได้ยังไง! ลูกพี่เข้าใจผิดไปหรือเปล่า?”
หลินเหว่ยเย่ยังตกใจไม่หาย
ท่าทางของหลงถิงจริงจังมาก เขาพูดว่า “เป็นเรื่องจริงแน่แท้ไม่ผิดเพี้ยน คุณเคยเห็นรูปภาพของหลวงเซียวใช่ไหม เขาหน้าตาคล้ายกับมู่เส้าเอินไม่มีผิดเพี้ยนเลย”
หลินเหว่ยเย่คล้ายกับถูกสายฟ้าฟาด ความรู้สึกยินดีที่ได้ถ้วยไก่มาครองเมื่อสักครู่หายไปในพริบตา เขาตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น และพยายามนึกถึงหน้าตาของมู่เส้าเอิน……
จริงเสียด้วย ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าทั้งสองหน้าตาคล้ายกัน ลักษณะท่าทางของพวกเขารวมทั้งดวงตานั่นเหมือนมากจริงๆ
หลงถิงพูดกับเขาว่า “การที่ผมมาให้คุณช่วยนั้นไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือตัวผมเอง อีกทั้งยังช่วยเหลือพวกเราทุกคน คิดว่าคนอย่างหลงเซียวนั้นหากต้องการแก้แค้นเขาจะไว้ชีวิตพวกคุณอย่างนั้นหรือ? หลงเซียวเป็นคนที่เด็ดขาด ลองนึกถึงพวกที่เคยทำให้เขาโกรธแค้นสิ ดูสภาพของโม่ล่างคุนสิ เพียงข้ามคืนเขาสูญเสียทั้งตระกูลไป อีกครั้งซุนปิงเหวินที่ขาพิการไปทั้งสองข้าง เขาไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่”
หลินเหว่ยเย่คล้ายกับถูกมัดตัวไว้ที่เก้าอี้ เขาไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้
“นี่……นี่มัน……”
หลงถิงพูดต่อไปว่า “ผมรู้ดีว่าตอนนี้ชีวิตของคุณสงบสุขมาก มีภรรยาที่รักและครอบครัวที่มีความสุขอีกทั้งลูกสาวแสนสวย”
ลูกสาวงั้นเหรอ?
หลินเหว่ยเย่มองหลงถิงแล้วพูดว่า “ถ้าลูกพี่กล้าลงมือกับเหวินเหวิน ผมคงต้องแลกด้วยชีวิต”
หลงถิงหัวเราะออกมาว่า “ฮ่าๆๆ อย่าคิดมากไปเอง ลูกสะใภ้พี่น่ารักขนาดนั้นผมจะจัดการได้ยังไง?”
“ลูกสะใภ้อย่างนั้นหรือ?” หลินเหว่ยเย่งุนงงมาก ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรอยู่
หลงถิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดรูปภาพให้เขาดู “เหวินเหวินก็จริงๆเลย เขาคบกับเสี่ยวจื๋ออยู่ แต่ไม่กล้าให้พวกคุณรู้อย่างนั้นเหรอ หรือกลัวว่าคุณจะไม่เห็นด้วย?”
หลินเหว่ยเย่คล้ายกับกำลังลอยอยู่ในอากาศ เมื่อเขาเห็นภาพที่หลินซีเหวินกับหลงจื๋อซบกันนั้น ดวงตาแทบจะทะลักออกมา นี่มันเหวินเหวิน! เธออยู่กับหลงจื๋อได้ยังไง?”
“นี่มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? พวกเราเองก็เคยเป็นพรรคพวกที่ดีต่อกัน มาตอนนี้ลูกของเราทั้งสองคนก็กำลังคบหาดูใจกันอยู่ ต่อไปเราก็คงได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”
หลินเหว่ยเย่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด “เจ้าเด็กนี่ไม่เคยพูดกับผมมาก่อนเลย ผมไม่เคยรู้ว่าเธอมีแฟน มิน่าล่ะช่วงนี้เธอถึงได้แปลกไป”
เรื่องที่หลินซีเหวินมีแฟนนั้นเธอบอกกับแม่คนเดียวเท่านั้น แต่แม่เธอไม่กล้าบอกกับหลินเหว่ยเย่
หลงถิงพูดว่า “รอให้หลงจื๋อสืบทอด MBK เหวินหวินก็คือคุณนายของประธาน MBK พูดตามตรงว่าพวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว
และร่วมผ่านทุกผ่านสุขมาด้วยกัน”
เมื่อได้ยินคำว่าลงเรือลำเดียวกัน เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับวงการธุรกิจเหล่านั้น และสัมผัสได้ว่าตัวตนของเขาที่เก็บซ่อนมากว่า 30 ปีจะต้องถูกเปิดเผยออก เขาสัมผัสได้ว่าชีวิตอันแสนสุขนั้นใกล้จะจบลงแล้ว
เดิมทีเขาได้เปลี่ยนแปลงกระทั่งชื่อและหน้าตาก็เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นวันนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะยังเป็นเช่นนี้ได้
หลงถิงพูดต่อไปว่า “แก้วนี้คุณเอาไว้เถอะ ถือว่าเป็นของขวัญให้ว่าที่พ่อสามีของลูกสาวผมแล้วกัน ส่วนเรื่องความร่วมมือนั้นคุณลองคิดทบทวนดู”
……
เช้าวันต่อมา ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
การผ่าตัดที่ยาวนานกว่า 5 ชั่วโมงได้สิ้นสุดลง หลินซีเหวินเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“คุณหมอหวาคะ ฉันจะไปหาคุณหมอฉู่สักหน่อย คุณช่วยไปตรวจผู้ป่วยหน่อยนะ”
หวาเทียนดึงหน้ากากอนามัยออกและหยิบแฟ้มผู้ป่วยมาจากผู้ช่วยเปิดดูด้านในแล้วพูดว่า “เพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จก็จะไปอวดแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ไปอวดที่ไหนกันเล่า!ฉันมีธุระจะไปคุยกับเธอ เชอะ! เป็นเรื่องดีก็แล้วกัน”
หวาเทียนได้ปากแล้วพูดว่า “คนอย่างคุณจะมีเรื่องอะไรกัน!”
พูดยังไม่ทันขาดคำโทรศัพท์ของหวาเทียนก็ดังขึ้นเป็นสายของลู่ซวงซวง
“ซวงซวงครับ เมื่อสักครู่ผมผ่าตัดอยู่เลยไม่ได้รับโทรศัพท์” หวาเทียนเดินไปยังห้องผู้ป่วยและรับสาย
ลู่ซวงซวงหัวเราะแล้วพูดว่า “ที่รักคะคืนนี้ว่างหรือเปล่า?กินข้าวเย็นด้วยกันไหม?”
หวาเทียนมองดูสิ่งที่ต้องทำในวันนี้แล้วพูดว่า “ตอนกลางคืนไม่มีธุระอะไรครับ ที่ไหนเมื่อไหร่ดี?”
จากวันและเวลาที่ผ่านมา หวาเทียนคิดว่าถึงเวลาอันควรแล้ว
หวาเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ พยาบาลที่อยู่ข้างๆมองอย่างตกตะลึง
พระเจ้า!คุณหมอหวาตอนยิ้มนี่หล่อจริงๆ!
“กินอาหารตะวันตกเป็นยังไงคะ ฉันเอาบัตร VIP จากร้านมิชลินของลั่วลั่วมา ไม่ต้องนัดล่วงหน้า” ซวงซวงพูดแล้วยิ้มขึ้น
“ครับ เดี๋ยวตอนกลางคืนผมไปรับนะ”
“ตกลงค่ะ งั้นเอาตามนี้นะคะ จุ๊บๆ!”
ในขณะเดียวกันหลินซีเหวินก็เดินมาที่ห้องทำงานของลั่วหาน “พี่ลั่วคะ คืนนี้ว่างหรือเปล่า?เป็นยังไงบ้าง?วันนี้ฉันกับหลงจื๋อไปกินข้าวที่บ้านได้ไหม?”
ลั่วหานเองก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ จึงตอบไปว่า “แน่นอน! ชอบกินอาหารอะไรล่ะเดี๋ยวจะให้คนที่บ้านเตรียมไว้ให้”
“สุดยอดไปเลย! ฉันกินอะไรก็ได้ไม่เรื่องมากค่ะ”
ลั่วหานบีบที่แก้มของเธออย่างทะนุถนอมแล้วพูดว่า “ดูสิช่วงนี้มีเคสผ่าตัดมากเหลือเกิน ผอมหมดแล้วเรา ตอนกลางคืนกินเยอะๆหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหลงจื๋อจะหาว่าพี่แกล้งเราได้”
“แน่นอนค่ะ หนูจะกินเยอะๆเลย” หลินซีเหวินพูดด้วยท่าทางหิวโหย
“อย่าลืมโทรบอกเสี่ยวจื๋อล่ะ ตอนนี้เขางานยุ่งมาก” ลั่วหานพูดเตือน
หลินซีเหวินถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ตอนนี้เขาวุ่นมากจริงๆ ไม่สนุกเลย อิจฉาคุณจริงๆ แฟนเป็นผู้บริหารเหมือนกันแต่เขายังมีเวลามารับมาส่งคุณทำงาน ไปพักผ่อนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นี่ฉันกับหลงจื๋อคิดว่าอยู่กันคนละจังหวัดด้วยซ้ำ”
ลั่วหานอย่างภาคภูมิใจว่า “อืม นั่นสิ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน ดังนั้นนะถ้าจะหาสามีสักคนต้องเลือกให้ดีแล้วค่อยลงมือเข้าใจไหม?”
“เอิ่ม……ไม่อวดสามีได้ไหมคะ!”
“ฮ่าๆๆ เอาล่ะรีบกลับไปพักผ่อนเร็วเข้า เพิ่งทำการผ่าตัดเสร็จนี่”
หลินซีเหวินพยักหน้า โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เมื่อเธอมองเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็เบะปากทำหน้าบูดบึ้ง
ลั่วหานถามว่า “เป็นอะไร? ใครเหรอ?”
หลินซีเหวินยักไหล่แล้วพูดว่า “คุณพ่อโทรมานะค่ะ”
เธอเดินออกไปจากห้องทำงาน รับสายแล้วพูดว่า”คุณพ่อคะ มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่า”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นดังเดิม แล้วถามว่า “ลูกสาวพ่อตอนนี้ไม่กลับบ้านเลยนะ ยังจำได้หรือเปล่าว่ามีพ่อแก่ๆคนนี้รออยู่”
หลินซีเหวินหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “พ่อคะ ดูพูดเข้าสิทำเป็นน่าสงสารไปได้ หนูให้เวลาพ่อกับแม่ได้สวีทกันสองคนไม่ดีเหรอคะ หนูไม่อยู่บ้านก็จะได้ไม่มีกว้างขวางคอไง”
หลินเหว่ยเย่ได้ยินเสียงของลูกสาว ทำให้ความกดดันในใจของเขาน้อยลงไม่ใช่น้อย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ถึงวัตถุประสงค์ที่โทรมาจึงได้ถามขึ้นว่า “ลูกสาวพ่อคบกับคุณชายรองบ้านตระกูลหลงอยู่อย่างนั้นหรือ?”
เอ่อ……
พ่อเธอไม่รู้เหรอ?
อืม นั่นสินะ ก็เธอไม่เคยบอกกับพ่อนี่นา
“ค่ะพ่อ หนูตัดสินใจแล้วว่าเป็นเขา ไม่ว่าแม่กับพ่อจะเห็นด้วยหรือไม่หนูก็จะไม่แยกจากเขาเด็ดขาด”
หลินซีเหวินตอบอย่างแน่วแน่มั่นคง
ที่จริงหลินเหว่ยเย่ได้ปรึกษากับภรรยาแล้วและภรรยาเขาก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไงกับลูกสาวตัวแสบนี่ดี
หลินเหว่ยเย่หัวเราะแล้วพูดว่า “นี่ลูกสาวพ่อ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ พ่อยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ก็แค่อยากจะถามว่าเรากลับหลงจื๋อคิดยังไงกัน?”
“พวกเราตัดสินใจจะแต่งงานกันค่ะ”
หลินเหว่ยเย่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“พ่อคะ ที่ผ่านมาเราเป็นพวกเดียวกันตลอด พวกเราต้องร่วมกันต่อต้านแม่นะคะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเดียวกันต้องไม่หักหลังกันใช่ไหมคะ พ่อคะครั้งนี้พ่อต้องเข้าข้างหนูนะคะ!”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอย่างหมดเรี่ยวแรง เขาไม่อาจจะมองเห็นลูกสาวตัวเองต้องผิดหวังจึงได้พูดอย่างอ่อนโยนว่า “แน่นอน พ่อจะสนับสนุนลูกรักของพ่อและไม่หักหลังพวกเดียวกัน”
“หนูรักพ่อจังเลยค่ะ พ่อใจดีที่สุดเลย! พ่อคะช่วงนี้แม่ได้รังแกพ่อหรือเปล่า ถ้ามีพ่อต้องบอกหนูนะหนูจะช่วยพ่อเอง”
การที่หลินเหว่ยเย่กลัวภรรยานั้น หลินซีเหวินมักหยิบมาล้อเขาบ่อยๆ
“ช่วงนี้คนที่รังแกพ่อมีอีกคนหนึ่ง……”
หืม?
“คุณหมอหลินคะ มีเคสผ่าตัดที่ต้องเซ็นค่ะ” พยาบาลนำแฟ้มประวัติคนไข้มาให้หลินซีเหวิน ได้เอ่ยลากับหลินเหว่ยเย่
บัดนี้หลินเหว่ยเย่นั่งอยู่ที่บนโซฟา สายตาของเขามองออกไปยังแสงแดดที่นอกหน้าต่าง ในใจของเขายังรู้สึกว่าไม่สามารถปิดบังความทุกข์ไปได้
ณ ห้องทำงานของประธานบริษัทฉู่ซื่อ
หลงเซียวนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องทำงาน ตรงข้ามเขาคือจี้ตงหมิงและไป๋เวย ทั้งสามคนกำลังปรึกษาหารือกันเรื่องโครงการของเมืองเจียงเฉิง
จี้ตงหมิงพูดว่า “เจ้านายครับ ถ้าครั้งนี้เราได้จำนวนผู้สนับสนุนมาก ก็จะสามารถช่วยให้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้รับเงินไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งถ้าหากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปสร้างโรงงานที่เมืองเจียงเฉิงแล้วละก็ สามารถจัดส่งสินค้าไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ง่ายดาย”
ไป๋เวยไม่คุ้นเคยกับการทำงานที่เมืองเจียงเฉิงเท่าไหร่นัก พูดตามตรงว่าเธอเองค่อนข้างที่จะรังเกียจตระกูลเสิ่น
เธอรังเกียจพวกเขามากจริงๆ!
หลงเซียวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้โครงการเดิมที่มีอยู่ได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะสร้างโครงการใหม่ เงินก้อนใหญ่มาถึงบ้านขนาดนี้ถ้าปฏิเสธคงจะไม่เหมาะสม……”
จี้ตงหมิงเอามือกุมหน้าผากแล้วพูดว่า “แต่ว่าถ้าเจ้านายไปด้วยตัวเอง การเดินทางครั้งหนึ่งใช้เวลานานถึง 7 วัน ไม่นานเกินไปเหรอครับ? ถ้าหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่เมืองเจียงเฉิงจะทำยังไง?”
ไป๋เวยรีบพูดแทรกเข้ามาว่า “ท่านประธานคะ ตระกูลเสิ่นเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาจิ้งจอก ฉันว่าคุณอย่าไปดีกว่า!”
เมืองเจียงเฉิง เขาจะต้องไปให้ได้!
“ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือไหม?”
ไป๋เวยนำมือกำกระโปรงชาแนลของเธอเอาไว้แน่น “แต่ว่า……”
หลงเซียวเหลือบมองไปดูเวลาแล้วพูดแทรกเข้ามาว่า “เอาล่ะ เอาตามนี้แล้วกัน ส่วนเรื่องแผนการดำเนินงาน อาทิตย์หน้าผมไปเมืองเจียงเฉิง ไป่เวยคุณไปกับผม”
ไป๋เวยหน้าซีดเผือด เธอถามขึ้นว่า”ฉันเหรอคะ?”
หลงเซียวมองไปที่เธอแล้วพูดว่า “การเสนอราคาในครั้งนี้ การค้าขายบริษัทฉู่ซื่อมีศัตรูคือตระกูลเสิ่น เสิ่นเหลียวเป็นศัตรูของคุณ คุณไม่อยากเห็นเขาพ่ายแพ้ต่อหน้าคุณเหรอ? นี่เป็นโอกาสดีไม่ใช่หรือไง!”
จี้ตงหมิงเห็นด้วยกับความคิดของเขาแล้วถามขึ้นว่า “คุณชายกู้ล่ะครับ? ทำไมไม่เห็นเขาตั้งหลายวันแล้ว ให้คุณชายกู้ไปด้วยดีไหม?”
หลงเซียวพูดว่า “เขาอยู่ต่างประเทศ”
ตอนนี้ก็เวลาบ่ายสี่โมงครึ่งแล้ว เขาน่าจะถึงสวิตเซอร์แลนด์แล้ว และหลงเซียวกำลังรอดูข่าวดีจากคุณชายกู้อยู่
ตืดๆๆ
โทรศัพท์ของหลงเซียวสั่นขึ้น
หน้าจอของเขาปรากฏชื่อว่าฟางหลิงหยู้ส่งข้อความมา
“หลงเซียว ฉันได้ทำตามคำพูดของคุณและได้นำข่าวนี้ไปบอกเสิ่นเหลียวแล้ว เขาเชื่ออย่างสนิทใจ ต่อไปควรทำอย่างไร?”
หลงเซียวเผยอมุมปากและค่อยๆยิ้มอย่างเยือกเย็น
“รอ”
เขาส่งกลับไปเพียงคำเดียว จากนั้นหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋าพูดกับจี้ตงหมิงว่า “2-3 วันนี้ หุ้นของตระกูลเสิ่นจะมีความเคลื่อนไหว สร้างกระแสให้พวกเขาหน่อยนะ”
สร้างกระแสให้บ้านตระกูลเสิ่น? เพื่ออะไรกัน! จี้ตงหมิงไม่เข้าใจความคิดของเจ้านายเขาจริงๆ
หลงเซียวมองดูไป๋เวยแล้วพูดว่า “คุณรู้จักเสิ่นเหลียวดีกว่าใคร หาหัวข้อประเด็นร้อนของเขาไม่น่าจะยากใช่ไหม?”
ไป๋เวยพูดว่า “ข่าวที่คุณว่าคือ……ข่าวอย่างว่าเหรอคะ?”
หลงเซียวยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ดีจนเห็นฟันสีขาวสะอาด เขาพูดว่า “คุณว่าไงล่ะ?”