ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 661
ตอนที่ 661 ขนาดฉันก็เป็นของเธอ
หลงเซียวนั้นเหมือนได้เสียศูนย์ล้มลงไปนั่งลงกับพื้น ไม่ได้ใจร้อนอีกต่อไป แต่เป็นการเปลี่ยนท่านั่งให้ตัวเองนั้นนั่งได้สบายตรงพื้น
เดิมทีวินาทีก่อนนี้นั้นยังได้หมดหวัง ใจร้อนมากๆ เขานั้นได้มีวิธีที่จะทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น ได้แสดงออกมาว่าสบายและขี้เกียจ
เขาได้ยื่นมือออกไป แล้วก็ได้ไปกอดเอวของลั่วหานอย่างเป็นธรรมชาติ ระดับสายตาที่ตรงท้องน้อยของเธอนั้นก็ได้มองไปที่ใบหน้าที่ขาวสะอาดของเธอ “ลั่วลั่ว หูของผมมีปัญหาแล้วหรือเปล่า? คุณจะตรวจอาการให้ผมหน่อยไหม ผมจำที่คุณพูดได้ว่า คุณเป็นอายุรแพทย์”
คนนี้นี่!
สุดๆเลย!
ลั่วหานขยับตัว ตอนที่ตัวเองนั้นได้ก้มหัวนั้น คอเสื้อก็ได้ห้อยลงมาตามกลายเป็นช่องที่กว้าง เผยให้เห็นสีขาวอมชมพู “หูของคุณไม่เป็นอะไร แต่ว่าฉันจะเตือนคุณในฐานะของหมอหน่อยนะ ถ้าเตือนเก็บกดตัวเองไปนานๆ แบบนี้ อย่างอื่นอาจจะเป็นปัญหาจริงๆ ก็ได้”
หลงเซียวได้กลืนน้ำลาย “ตอนนี้คุณกำลัง……”
ลั่วหานนั้นค่อยๆ เล่นเนกไทของเขา ได้หมุนเนกไทให้พันกับมือ ค่อยๆ ลาก ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็ได้เบิกตาโตกว่าเดิม “คุณสุภาพบุรุษคนนี้ คืนนี้ฉันนั้นจะร่วมมือช่วยคุณปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบของคุณ ดีไหมคะ?”
เอื้อก!
หลงเซียวได้กลืนน้ำลายอย่างไม่อาจที่จะหักห้ามใจได้อีกครั้ง ความร้อนนั้นก็ได้พุ่งสูงขึ้นไปอีก ราวกับว่ากำลังจะล้มล้างสติของเขาไป มืออุ่นของเขานั้นได้จับไปที่ต้นคอของเธอ อ้อมไปหลังคอสวยระหงของเธอแล้วก็กอดเข้ามาให้อ้อมกอดของตัวเอง “ไม่กลัวเหรอ?”
“กลัวอะไร?”
ลมหายใจของเธอนั้นก็ได้อยู่บนปลายจมูกของเขา ลมหายใจของทั้งสองนั้นก็ได้ประสานกันแบบนี้ สลับไปมา ราวกับต้นไม้ในป่านั้นได้พัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ร่างกายของหลงเซียวได้สั่น ได้ใช้แขนที่แข็งแรงกอดเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแน่น ความกระหายนั้นได้ตีกับสติสุดท้าย เขาพยายามที่จะห้ามตัวเองไว้ น้ำเสียงได้แหบราวกับสัตว์ร้ายที่หิว “ลั่วลั่ว คุณกำลังหลอกล่อผมให้ทำผิดอยู่นะ เดิมผมอยู่ต่อหน้าคุณก็ห้ามตัวเองไม่อยู่ๆ แล้ว”
ไม่รู้ทำไม ลั่วหานได้ยินที่เขาสารภาพมาแบบนี้ อยากจะหัวเราะและอยากจะร้องไห้ ในใจได้อบอุ่น ร้อนๆ เพราะงั้นก็ได้กอดเขาแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ “ไม่ต้องตื่นเต้นไป สามเดือนที่อันรายนั้นได้ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เบาหน่อยก็พอ”
หลงเซียวได้จับที่ใบหน้าของเธอ มองเธอราวกับของที่น่าหลงใหล มันชื้นราวกับบทกวีเหมือนแม่น้ำที่ไหลทางตอนใต้ของเมืองเจียงหนาน เป็นอะไรที่ทำให้คนนั้นได้มอมเมาไปกับมัน แค่สายตาเพียงสายตาเดียวก็ทำให้เขาตกหลุมพรางได้
“ครับ เอาที่คุณว่า” ปากของเขานั้นได้ยิ้มอ่อนๆ ร้ายกาจแต่อ่อนโยน
ลั่วหานหัวเราะ “ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก? ไปอาบน้ำก่อน”
“ครับ เอาที่คุณว่า” เขานั้นได้ทำตามที่เธอว่าอย่างว่าง่าย ได้ประคองตัวเองลุกขึ้นจะพื้น ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาได้บังร่างกายที่บางของเธอ
สองแขนของลั่วหานนั้นได้โอบไปที่ต้นคอของเขา ได้ถอดเนกไทของเขาออกแล้วก็โยนไปที่โซฟา แล้วก็ได้ไปแตะที่ริมฝีปากของเขา “ที่รัก อาบน้ำให้ฉันหน่อย ฉันเหนื่อยแล้ว อาบไม่ไหว”
ครืน!
อารมณ์ที่หลงเซียวพยายามทำให้สงบไปเมื่อกี้นั้นก็ได้กลับมาอีกครั้ง ตอนที่นิ้วได้ไปสัมผัสกับผิวของเธอนั้น ก็เหมือนกับโดนไฟลวก จริงๆ ด้วย……ห้าม ความอยากมานานเกินไป อยู่ๆ โดนรุกหนักแบบนี้ ต่อให้เป็นท่านเซียวก็เริ่มที่จะต่อต้านไม่อยู่แล้ว
“ครับ เอาที่คุณว่า!”
เขาพึ่งพูดจบ สองแขนก็ได้อุ้มลั่วหานขึ้น ได้เตะรองเท้าออกไปอย่างแรง แล้วก็ถีบประตูห้องน้ำให้เปิดออก
ในห้องน้ำนั้นเต็มไปด้วยควัน โอบล้อมร่างของทั้งสองไว้ ในไอร้อนนั้นได้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่
เท้าของลั่วหานนั้นได้เหยียบไปบนเท้าของหลงเซียว “ที่รัก กระดาษที่พับเป็นนกกระเรียน……” ไม่เอาออกมาเหรอ?
หลงเซียวได้เชยคางของเธอขึ้น แล้วก็ได้จูบลงไปอย่างหักห้ามใจไม่ได้ ตอนที่ปากนั้นได้ห่างกัน เขาได้พูดตอบเธออย่างยั่วยวนว่า “ขนาดผมนั้นก็เป็นของคุณ นับอะไรกับกระดาษที่พับเป็นนกกระเรียน?”
——
เมืองเจียงเฉิง ห้องอาหารในร้านอาหารหรู
เจิ้งซินก็ได้นั่งไขว่ห้างนั่งอยู่ที่นั่งใกล้หน้าต่าง ได้ค่อยๆ เขย่าไวน์แดงในมือตลอด ไวน์แดงครึ่งแก้วได้สะท้อนแสงไฟด้านนอก เงาที่สะท้อนบนแก้วไวน์นั้นขยับไปมา เหมือนกับผู้หญิงที่ได้แต่งหน้าแล้ว
มุมปากของเธอนั้นได้ยิ้มขึ้น แต่ว่าเย็นชา
เสิ่นเหลียวได้นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ในมือก็ได้ถือแก้วไวน์ใบหนึ่ง แก้วนั้นได้เอียง เขาดื่มไปอึกใหญ่ ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณเจิ้ง ข่าวคราวนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน คุณเชื่อใจผมเถอะ ขอแค่พวกเรานั้นร่วมมือกัน ต้องสามารถที่จะสร้างโอกาสที่จะชนะทั้งสองฝ่ายแน่!”
เจิ้งซินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการประชด “เชื่อใจคุณ? คุณเสิ่นคงจะลืมไปแล้วใช่ไหมว่า การปรับปรุงของเขตเมืองเก่านั้น เป็นโปรเจคขนาดใหญ่ที่สำนักก่อสร้างเมืองกับกระทรวงที่ดินและทรัพยากร ได้ร่วมมือกัน ไม่ได้มีแค่พ่อฉัน รัฐมนตรีเฉินก็อยู่ในนั้นนะ”
เสิ่นเหลียวหัวเราะอย่างเกรงใจ หางตานั้นได้เต็มไปด้วยตีนกา พอเขาหัวเราะก็ได้ชัดกว่าเดิม “คุณเจิ้ง ผมเข้าใจความหมายของคุณ คุณอยากจะเอาโปรเจคงานการปรับปรุงเขตเมืองเก่า ให้หลงเซียวใช่ไหม?”
เขาได้ยิ้มลองใจเธอ ในตามีแต่คำว่า “คุณและผมเป็นคนพูดอะไรง่ายๆ” เป็นการบอกใบ้
เจิ้งซินได้เบะปากอย่างไม่แคร์ ได้ค่อยๆ เขย่าแก้วไวน์ต่อ “ฉันบอกไปตอนไหน? ใครที่สามารถคว้างโปรเจคนี้มาได้นั้น ต้องดูที่ฝีมือ ดูที่กำลัง คุณนั้นดูว่าฉันสำคัญมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
เสิ่นเหลียวเริ่มร้อนใจ พูดต่อไปว่า “คุณดูคุณสิ คุณพูดเกรงใจกับผมขนาดนี้ทำไม? พวกเราอะไรกับอะไรจริงไหม? พวกเราตระกูลเสิ่นกับพ่อของคุณนั้นเป็น อะไรกัน? อันนั้นคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? ตีกระดูกให้หักก็ยังมีเอ็นเชื่อมอยู่นะ คนบ้านเดียวกันพูดเหมือนอยู่คนล่ะบ้านได้ยังไง จริงไหม?”
การสมรู้ร่วมคิดระหว่างนักธุรกิจกับข้าราชการ นั้นเป็นความลับที่คนมากมายนั้นได้รู้
เป็น ข้าราชการนั้นมีอำนาจ แต่ไม่มีเงิน ข้าราชการที่ซื่อสัตย์มักจบลงด้วยชื่อเสียงที่ดี แต่ว่าเพราะสังคมวัตถุนิยม ใครอยากจะดื่มลมไปใช้ชีวิตไป?
เพราะงั้น ขอแค่ในมือนั้นมีอำนาจ ก็อยากจะโกยผลประโยชน์ ตำแหน่งเล็กก็โลภนิดหน่อย ตำแหน่งใหญ่ๆ ก็โลภมาก ถ้าได้ทำงานที่หน่วยงานหลักๆ ล่ะก็ ก็จะโลภมากแบบไม่มีที่สิ้นสุด!
พวกข้าราชการและนักธุรกิจเมืองเจียงเฉิง นั้นได้มีปัญหาจำพวกการร่วมมือระหว่างข้าราชการและนักธุรกิจแบบนี้หนักมาก!
พ่อของเจิ้งซินเจิ้งเฉิงหลิน ในด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นคนที่นักธุรกิจมากมายมาค่อยประจบ ในนั้นก็มีตระกูลเสิ่นที่ได้สร้างความสัมพันธ์กับเขาไว้มาก
มือที่เจิ้งซินได้จับแก้วนั้นได้ออกแรงขึ้นนิดหน่อย ราวกับว่าจะบีบขาแก้วที่เรียวเล็กนั้นแตก “คุณเสิ่น ประชาชนคือประชาชน หน่วยงานรัฐคือหน่วยงานรัฐ อะไรคือคนบ้านเดียวกัน? คุณพูดอะไรให้ดูสถานการณ์ด้วย”
เสิ่นเหลียวได้หรี่ตาลง เขาคิดไม่ถึงว่าไม้นี้จะใช้กับเจิ้งซินไม่ได้ผล!
เมื่อก่อนเขาก็แค่ออกเงิน โปรเจคก็ในเมืองเจียงเฉิงก็จะตกอยู่ในมือของเขาแน่นอน แต่ว่าตอนนี้เหมือนว่าจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
“เหอะๆ ซินซิน เธอตกใจขนาดนี้ทำไม? ฉันก็กำลังจะเจรจากับเธอไงไม่ใช่เหรอ? ฉันนั้นได้ข่าวคราวที่แน่นอนมาแล้ว ในมือของหลงเซียวนั้นได้มีงบประมาณไม่พอ เขานั้นเอาโปรเจคของเมืองเจียงเฉิงมาไม่ได้หรอก”
สายตาของเจิ้งซินนั้นได้มองเขาอย่างเย็นชา “อ้อ? ไปได้ข่าวพวกนี้มาจากไหน?”
เสิ่นเหลียวนั้นได้ขยับเขามาใกล้อย่างมีพิรุธนิดหน่อย พูดเสียงเบาว่า “แม่ของคนรักของฉันฟางหลิงหยู้ เธอนั้นได้ข่าวมาจากฉู่ลั่วหาน ว่างบประมาณของหลงเซียวนั้นได้ไปลงกับโปรเจคแหล่งพลังงานใหม่ในเมืองหลวง ไม่มีงบประมาณเหลือที่เอาออกมาได้ เขาก็แค่มาร่วมสนุกก็เท่านั้น อาศัยโอกาสนี้ปั่นการตลาดของเมืองเจียงเฉิงก็เท่านั้น! อีกอย่าง ฉันสามารถพูดกับเธออย่างมีความรับผิดชอบได้เลยว่า ครั้งก่อนที่ฉันนั้นประมูลมาได้ ก็เพราะมีฟางหลิงหยู้ค่อยบอกข่าวคราวให้ บอกฉันว่าหลงเซียวนั้นเสนอราคาได้เท่าไหร่ ฉันถึงกล้าที่จะแข่งจนถึงที่สุด เพราะงั้นคราวนี้ฉันรับรองได้เลยว่าหลงเซียวนั้นไม่มีงบประมาณเหลือแล้ว”
เจิ้งซินไม่ได้พูดขัดในทันที แต่เป็นการเงยหน้าดื่มไวน์ไปอึก มุมปากชี้ขึ้นแล้วก็มองไปดูวิวยามค่ำคืนนอกหน้าต่าง ไฟทั้งสองข้างของริมฝั่งแม่น้ำได้สว่าง ทั้งเมืองนั้นก็ได้อยู่ในเพลงของความสุข
“พูดแบบนี้ ในมือหลงเซียวนั้นไม่มีเงิน?”
“ไม่มีเงินอยู่แล้ว ถ้าเขามีเงิน โปรเจคก่อนเขาจะวางมือไปเหรอ? ราคาที่ผมประมูลนั้นสูงกว่าเขาเจ็ดสิบล้าน แค่เจ็ดสิบล้านเขาก็ไม่ยอมที่จะออก เธอคิดว่าเขามีเงินเยอะเหรอ?”
สายตาที่เจ้าเล่ห์ของเสิ่นเหลียวนั้น ได้ระเบิดเผ็ดร้อนและมืดมนออกมา
เจิ้งซินวางแก้วไวน์ คิดไปสักพัก “คุณอยากจะทำอะไร? เอาโปรเจคนี้?”
เสิ่นเหลียวนั้นได้เทไวน์ให้เจิ้งซินเอง “พ่อของเธอตอนนี้นั้นได้ถือธงขนาดใหญ่ของเมืองหลวงไว้ ขอแค่เขากับรัฐมนตรีเฉินพยักหน้าทั้งคู่ โปรเจคนี้ผมนั้นได้มาแน่ๆ ผมรับรองเลยว่า มีเนื้อของผม ก็ต้องมีแกงของพวกคุณแน่นอน ไม่ใช่สิ พวกเรากินเนื้อด้วยกัน!”
เขานั้นได้เอาแก้วไวน์ยัดไปในมือของเจิ้งซิน แล้วก็ยกของตัวเองขึ้น ไปชนเบาๆ “เป็นไง?”
เจิ้งซินค่อยๆ เงยหน้า ทั้งสองได้สบตากัน “คุณเสิ่น คุณเจ้าเล่ห์จริงๆ!”
“ที่ไหนกัน ก็แค่เพื่อที่จะหาข้าวกิน”
เจิ้งซินก้มหน้ามองไวน์แดงในแก้ว นัยน์ตานั้นก็ได้ส่องความร้ายกาจออกมา
ในมือเสิ่นเหลียวนั้นมีข้อมูลของหลงเซียวมากขนาดนี้ ดูแล้วก็ไม่ได้เป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ไปซะทีเดียว
แต่ว่า ถ้าเกิดหลงเซียวคว้าโปรเจคมาไม่ได้ จะฉีกหน้ากับเธอไหม? ถ้าเกิดเขาเบื่อแล้วเอาหลักฐานที่พ่อของเธอติดสินบนไปส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น……ตระกูลเจิ้งนั้นหมดแน่ๆ
เจิ้งซินได้จับนิ้วแน่น ชั่งการ
“ซินซิน คุณรับอันนี้ไป ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณ คุณอย่าปฏิเสธ คิดซะว่าขอโทษกับคำพูดเมื่อกี้ก็แล้วกัน” เสิ่นเหลียวนั้นได้เอากล่องใบเล็กๆ ให้เจิ้งซินอย่างสุภาพ
เจิ้งซินมองอย่างคาดเดา “อะไร?”
เสิ่นเหลียวได้หัวเราะออกมา “ของเล็กๆ น้อยๆ เธอมองเข้าตาก็พอ”
เจิ้งซินนั้นได้เปิดกล่องออก ข้างในนั้นได้มีกุญแจรถ ข้างบนนั้นเป็นโลโก้ของBentley รถราคาสิบล้าน ของเล็กน้อย?
เหอะๆ
เจิ้งซินได้ปิดกล่องลง “คุณเสิ่น หมายความว่าอะไร?”
เสิ่นเหลียวโบกมือแล้วพูด “โห จะมีเป็นอะไรได้อีก? ผมก็แค่เห็นคุณขับรถคันนั้นมาตั้งนานแล้ว ก็อยากจะเปลี่ยนรถที่คุณนั้นขับอยู่ ก็แค่ตัวเครื่องทั่วๆ ไป ตอนที่ฉันผ่านร้าน4S นั้นก็ได้เห็นพอดี ก็เลยรู้สึกว่าเหมาะกับคุณดี อีกอย่างพี่สะใภ้ของคุณ……ไม่ใช่สิ ภรรยาของผมนั้นก็รู้สึกว่าเหมาะกับคุณ อันนั้นเธอเป็นคนให้ ถ้าคุณไม่รับ คุณก็ไปพูดกับเธอเอง ไม่อย่างนั้นกลับไปเธอต้องต่อว่าผมแน่ๆ ดีไม่ดีไม่ให้ผมไปนอนที่ห้องนอนจะทำยังไง? เหอะๆ คุณว่าจริงไหม? ”
นิ้วของเจิ้งซินนั้นได้เคาะไปที่กล่องเบาๆ นัยน์ตานั้นได้มีการคำนวณ “เหอะๆ ไม่ให้คุณนอนที่ห้องนอน……งั้นก็แย่แน่ๆ ยังไงซะค่ำคืนหนึ่งมีค่าหนึ่งพันเหรียญ”
“ใช่ ค่ำคืนหนึ่งมีค่าพันเหรียญ นี่มันแค่เท่าไหร่เอง? เพราะงั้น เพื่อความสุขของผม คุณอย่าปฏิเสธเลย”
เจิ้งซินหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้รับ
เสิ่นเหลียวมองเวลาแล้วก็ได้ลุกขึ้น “นี่ก็ไม่เช้าแล้ว ผมขอกลับก่อน คุณก็รีบกลับไปพักผ่อนนะครับ อ้อ รถนั้นได้อยู่ข้างล่าง คุณดื่มเหล้าไป ผมให้คนขับไปส่งคุณดีกว่า”
เขานั้นมองแล้วยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยน์ ได้เอาไม้เท้าที่อยู่ข้างๆ
เจิ้งซินนั้นไม่ได้ลุกขึ้น ก็ได้พูดไปว่า “ค่ะ คุณเสิ่นกลับบ้านปลอดภัย”
เสิ่นเหลียวได้หันหลัง ได้เอาเสื้อหนาวบนที่แขวนมาไว้บนมือ จับไม้เท้าแล้วก็เดินจากไป
เจิ้งซินนั้นได้เปิดกล่องที่ใส่กุญแจออกมาดูอีกครั้ง พูดออกมาอย่างน่าขำว่า “อยากจะได้โปรเจคปรับปรุงของเขตเมืองเก่า? เหอะๆ!”
ผ้าง เธอได้โยนกล่องนั้นไปที่โต๊ะอย่างแรง เอาโทรศัพท์ออกมา
เล็บที่ทำมาอย่างสวยนั้นก็ได้แตะไปที่หน้าจอ ไม่นานก็ได้เห็นหมายเลขที่ตัวเองนั้นอยากหา
กดลงไปที่ปุ่มสีเขียว เบอร์นั้นได้โชว์ขึ้น แล้วก็ได้มีเสียงร้องสายดังขึ้น