ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 680
ตอนที่ 680 ปีนหลังคาแงะกระเบื้อง
“อ้อ…ใบมรณบัตรปลอมหรอ เหอะๆ!” ลั่วหานได้ฟังก็มีท่าทีตอบสนองส้งชิงเซวี๋ยนแปลกๆ
ส้งชิงเซวี๋ยนแปลกใจ “หัวเราะอะไร? ไม่คิดว่าจะมีปัญหาหรอ?”
ลั่วหานกะพริบตาที่เป็นประกาย “ลุงคะ ลุงคิดว่าหนูฉลาดมั้ย?”
เธอไม่ตอบแต่ถามแทน ซึ่งทำให้ส้งชิงเซวี๋ยนยิ่งรู้สึกโง่ยิ่งขึ้น “เสี่ยวลั่วลั่ว ตั้งแต่ที่เธอตั้งครรภ์นะไม่เพียงไม่ฉลาดแถมยังโง่กว่าเดิมอีกด้วย เมื่อกี้ฉันถามเธอว่าเกาหยิ่งจือมีแผนอะไรไม่ดีมั้ย แต่เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ?”
ลั่วหานยิ้ม “เปล่าๆ หนูกำลังชี้นำลุงอยู่นะ ลุงคะ ลุงคิดว่าคนแบบไหนปลอดภัยที่สุดคน? ทำตัวตามอำเภอใจไม่เกรงกลัวใครที่สด ไม่มีคนข้างหลังให้ห่วงที่สุด?”
สายตาของลั่วหานดูเจ้าเล่ห์แล้วมองส้งชิงเซวี๋ยนอย่างมีชีวิตชีวา
ส้งชิงเซวี๋ยนลูบหนวดแล้วกรุ่นคิด “คงต้องมีคนหนุนหลังที่มีอำนาจมากสิ? ฉันคิดว่าเธอมีคุณสมบัติข้อนี้พอนะ ตอนนี้เธอไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินอะไรทั้งนั้น แม้แต่ฉันก็ไม่กลัว”
ลั่วหานยกนิ้วขึ้นแล้วแกว่ง “ไม่ คนที่ปลอดภัยที่สุดคือคนตาย”
ส้งชิงเซวี๋ยนได้ยินก็เย็นวาบที่สันหลังไปหมด “เธอ…เธอหมายถึงว่าเกาหยิ่งจือกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่าง ถึงได้ต้องการลบชื่อตัวเองออกให้หมด เพื่อที่หลังจากนี้ทำอะไรก็จะได้สะดวกหรอ?”
ลั่วหานดีดนิ้ว “ใช่! แบบนั้นแหละ! เธอลำบากขอให้คุณออกหลักฐาน เพราะเห็นว่าลุงมีอำนาจ ไม่ว่าลุงจะพูดอะไรคนทั่วไปจะไม่ขอพิสูจน์หลักฐาน นอกจากนี้เธอยังเป็นมะเร็งจริงๆ การตายนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นบ่อยมากๆ แต่เกาหยิ่งจือไม่ได้โง่และอัตราการรักษามะเร็งเต้านมไม่ต่ำ เธอจึงมีความหวังในการมีชีวิตรอดอย่างมาก เธอต้องการทำงานดีๆหลังจากผ่าตัด”
ตาของลั่วหานเปล่งประกายเหมือนฝังด้วยไข่มุกราตรีสองเม็ด
ส้งชิงเซวี๋ยนหรี่ตา เปลือกตาหย่อนลงมาเล็กน้อย “หรือเกาหยิ่งจืออยากจะแก้แค้นเธอ? จะว่าไปศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาหยิ่งจือดูเหมือนจะเป็นเธอนะ”
ลั่วหานหัวเราะเบา “ลุง นี่ฉันโง่หรือลุงโง่เนี่ย? เกาหยิ่งจือจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของเราเลยหรอ? ในเมื่อเธอกล้าที่จะบอกลุง จุดประสงค์คือให้ลุงมาบอกหนู ดังนั้นคนที่เธอต้องการจัดการไม่ใช่หนู”
ส้งชิงเซวี๋ยนรู้สึกสับสน “ไม่ใช่เธอ นอกจากเธอแล้วยังจะแก้แค้นใครอีก? ยังมีศัตรูคนอื่นด้วยหรอ? ใครกัน?”
ลั่วหานเอามือกุมแก้มไม่ทุบหลังให้ส้งชิงเซวี๋ยนอีกต่อไป “เรื่องนี้…เท่าที่รู้ พ่อแม่ของเกาหยิ่งจือถูกโม่ล่างคุนทำร้ายจนตาย อาจเป็นคนที่ต้องการแก้แค้นก็ได้”
ส้งชิงเซวี๋ยนลากเสียงอ๋อ “สมเหตุสมผล แต่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าเธอจะไม่ถือโอกาสรังแกเธอไปด้วย ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถรับปากเธอได้”
ลั่วหานไม่ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หลับพูดด้วยรอยยิ้ม “ลุง หนูกับหลงเซียวหย่ากันแล้วนะ ตอนนี้หลงเซียวออกจากตระกูลหลงแล้ว จากนี้ไปลูกของเราควรใช้นามสกุลไหนถึงจะเหมาะ?”
“ลูกของเรา แน่นอนว่าต้องใช้นามสกุลฉัน”
ไม่นานเสียงของหลงเซียวก็ดังเข้ามาได้จังหวะพอดี เสียงเขานุ่มนวลน่าฟังเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานนับสิบลี้
ลั่วหานอ้าแขนเงยหน้าขึ้นมองชายที่กำลังเดินมาบนพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้ที่ร่วงหล่น พอได้ยินเสียงเขา ได้เห็นเขา อารมณ์ก็ดีขึ้นอย่างมาก
“เฮ้ อดีตสามี” ลั่วหานจงใจแกล้งเขา ดวงตาโค้งด้วยรอยยิ้ม ขนตาที่งอนแผ่แก ตอนที่ต้องกับแสงอาทิตย์ ผมฟูๆก็ดูอ่อนลง
ใบหน้าที่หล่อเหลาของหลงเซียวเข้มขึ้นทันที “ลั่วลั่ว เธอไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำทุกครั้ง”
“มีอะไรรึเปล่า? ดูไม่ค่อยสบายใจเลย?” ลั่วหานรวบผมด้วยท่าทางที่ดาราฮ่องกงเคยทำในยุค 80
เมื่อรู้ว่าช่วงนี้หลงเซียวอารมณ์ไม่ดีนัก ลั่วหานก็อยากจะทำบรรยากาศให้ผ่อนคลาย ทำให้เขามีความสุข
หลงเซียวยิ้มอย่างขมขื่น “แค่กลายเป็นอดีตสามีก็รู้สึกแย่มากแล้ว นี่ยังต้องมาได้ยินจากปากภรรยาอีก ฉันจะสบายใจได้หรอ?”
“ไม่สบายตรงไหน? เดี๋ยวจะช่วยวินิจฉัยให้” ลั่วหานยังคงพูดติดตลก
หลงเซียวบีบที่ระหว่างคิ้ว “หัวใจ”
“งั้นพอดีเลย ฉันเป็นแพทย์โรคหัวใจพอดี”
ส้งชิงเซวี๋ยนไอ “เซียวเอ๋อ สะใภ้นายคนนี้ต้องดูแลดีๆ อย่าปล่อยให้เธอเอาแต่ใจแล้วเที่ยวไปปีนหลังคาแงะกระเบื้องล่ะ!”
ลั่วหานพูดแก้ “ลุงส้ง อาคารที่นี่แงะกระเบื้องไม่ได้หรอก ทำได้แค่แงะพื้นคอนกรีตเท่านั้น หนูทำขนาดนั้นไม่ได้หรอก”
ส้งชิงเซวี๋ยนทำหน้ามุ่ย “เห็นมั้ยล่ะ นับวันยิ่งไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”
หลงเซียวนั่งลงข้างๆลั่วหาน ทันทีที่ร่างสูงนั่งลงเก้าอี้ก็เต็ม ดังนั้นลั่วหานกับหลงเซียวจึงใกล้กันมาก ขาเธอแนบชิดเขาแล้วความร้อนก็เพิ่มสูงขึ้น
หลงเซียวจับมือของลั่วหานแล้วพูดอย่างทุกข์ใจ “เธอรู้ผลเสียของการหย่าที่มีต่อตัวเองอยู่แล้วใช่มั้ย?”
ลั่วหานเม้มปาก “ฉันไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าฉันได้พิจารณาผลที่ตามมาทั้งหมดแล้ว และฉันมั่นใจว่าจะสามารถรับกับมันได้ ดังนั้นคุณหลงไม่ต้องกังวลเลย ปล่อยวางแล้วไปทำในสิ่งที่ต้องทำเถอะ”
กระแสไออุ่นไหลลงสู่ถึงส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ
“ลั่วลั่ว ลำบากเธอเลย ฉันจะรีบแต่งงานอีกครั้งให้เร็วที่สุด” เขาลูบผมเธอแล้วพันเส้นผมไว้ในมือ แต่เธอดึงออก
“การแต่งงานใหม่อีกรอบจะรีบไม่ได้ ตอนนี้หลงถึงจะต้องตรวจสอบการหย่าของเราอยู่แน่ๆ หากเราแต่งงานใหม่เร็วจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้แน่ รอให้เรื่องนี้เงียบไปก่อน ยังไงซะกว่าลูกจะคลอดก็อีกหลายเดือน”
“ช่วงนี้อย่าไปทำงานนะ พักผ่อนอยู่บ้าน ฉันไม่อยากให้เธอได้ยินข่าวลือข้างนอกนั่น” หลงเซียวถอยหลังหนึ่งก้าวแต่ก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว
ลั่วหานพูดพร้อมกับยิ้มอย่างปลิ้นปล้อน “ไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องซุบซิบ ทำไมถึงต้องกลัวที่จะได้ยินด้วย? อีกอย่างพวกพูดใส่ฉัน ถ้าฉันไม่ฟัง ก็ใจร้ายกับความตั้งใจของคนอื่นสิ ใช้ชีวิตไปแบบเดิม ทำงานต่อไปแบบเดิม ถ้าฉันยิ่งฉันหนีก็ยิ่งน่าสงสัยมากขึ้น ยิ่งฉันไม่สนใจไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะสนใจเรื่องใหม่แล้ว”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ลั่วลั่ว เธอโอ้อวดเกินไปแล้ว”
“ไม่ ฉันไม่ได้โอ้อวด ฉันจะพิสูจน์ว่าฉันแข็งแกร่งจริงๆ” เธอมองเขาด้วยรอยยิ้ม สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข
ส้งชิงเซวี๋ยนไอ “ฉันไม่เป็นก้างขวางคอรอดูแล้ว ฉันจะไปดูอานอาน ช่วงนี้เขาฟื้นตัวได้ดี”
เมื่อพูดถึงอานอาน ลั่วหานกับหลงเซียวมองหน้ากัน “ช่างนี้จ้าวฟางฟางดูเหมือนว่าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร คงจะไม่ถูกเสิ่นคั่วทำร้ายอีกใช่มั้ย?”
หลงเซียวคลี่ยิ้ม “ฉันกลัวว่าเป้าหมายของความรุนแรงในครอบครัว ไม่ใช่จ้าวฟางฟาง แต่เป็นคนอื่นน่ะสิ”
ลั่วหานหัวเราะเหอะๆ “นายจะลงมือหรอ?”
“ถ้าตอนนี้ไม่ทำแล้วจะต้องรอถึงเมื่อไร?” หลงเซียวลูบหัวเธอเบาๆ
“ถ้างั้น…” ลั่วหานอยากจะพูดว่าฟางหลิงหยู้ก็โชคร้ายน่ะสิ แต่พูดได้ครึ่งเดียวก็ถูกหลงเซียวขัด จึงได้แต่กลืนครึ่งหลังประโยคลงไป
“คุณภรรยาครับ อ่านได้ แต่อย่าพูด” เขายิ้มอย่างสบายๆ
“ผิด ไม่ใช่ภรรยา แต่เป็นอดีตภรรยา” ลั่วหานยิ้มเยาะ
หลงเซียว “…” ไมเกรนจะขึ้น
หลังจากพูดเสร็จทั้งสองก็ไปเยี่ยมหยวนชูเฟินที่ห้องพักผู้ป่วยด้วยกัน สวนดอกไม้เล็กๆก็หลับมาเงียบลงอีกครั้ง
…
หลังจากเยี่ยมหยวนชูเฟินเสร็จ หลงเซียวได้รับสายจากจี้ตงหมิงให้กลับไปที่บริษัทเพื่อจัดการเรื่องยุ่งบางอย่าง
หยังเซินมารับเขาที่โรงพยาบาลล่วงหน้า เขาเปิดประตูรถแล้วพูดว่า “ท่านประธานครับนักข่าวทุกคนมารอแน่นหน้าประตูบริษัทเลยครับ ถ้าเราไปกันตอนนี้ไม่ค่อยปลอดภัย”
หลงเซียวเข้าไปนั่งที่เบาะหลังด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ “ให้รปภ.ไล่ออกไป ถ้าไม่ได้ก็แจ้งสถานีตำรวจ ว่าการคุกคามนี้ส่งผลกระทบต่อสำนักงานของเราสามารถจับกุมได้ตามกฎหมาย”
หยังเซินได้รับคำสั่ง ยังไม่ทันได้ขึ้นรถก็ติดต่อสถานีตำรวจทันที ตอนนี้เฉินเจาอยู่ที่สถานีตำรวจบอกว่าเขาจะติดต่อตำรวจที่อยู่ใกล้กับบริษัทฉู่ซื่อไปรักษาความสงบเรียบร้อยให้
หยังเซินกำชับเป็นพิเศษ “หัวหน้าเฉินครับ สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก ควรจะจัดการอย่างไรคุณคงรู้ดี”
เฉินเจาพยักหน้าทางอีกฝั่งสายแสดงออกว่าเข้าใจ “ให้คุณหลงวางใจได้ว่า เราจะปกป้องความปลอดภัยส่วนบุคคลและทรัพย์สินของประชาชนอย่างแน่นอน”
เฉินเจารับสาย สายตามองไปที่จอคอมพิวเตอร์ของโจวจั่นที่เต็มไปด้วยข่าวของตระกูลหลง ข่าวบันเทิง การเงิน การใช้ชีวิตของผู้คน สังคม ฯลฯ ทั้งหมดรายงานวิเคราะห์การแบ่งทรัพย์สินของตระกูลหลงรวมไปถึงการที่หลงเซียวหย่าสายฟ้าแลบ
พอวางสาย เฉินเจาก็โทรหาตำรวจต่อทันที เมื่อถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ก็มาเกาะหลังเก้าอี้ของโจวจั่น “ช่วงนี้ตระกูลหลงมีข่าวไม่น้อยเลย มีเรื่องออกมาถี่มาก นี่เป็นสัญญาณว่าอำนาจกำลังจะหมด”
โจวจั่นถอนหายใจ “อูฐผอมโซยังตัวใหญ่กว่าม้า นับประสาอะไรกับหลงเซียว แม้จะไม่ใช่คนตระกูลหลง แต่โชคดีที่มีหลงจื๋อกับหลงยี่ นี่แหละที่เรียกว่าหากรากลึกต้นไม้ก็จะไม่ล้ม ป่าเขียวชอุ่มก็มีน้ำไหล ตระกูลหลงไม่ล้มง่ายขนาดนั้นหรอก?”
เฉินเจาหัวเราะเยาะ “นายจะไปรู้อะไร! ดูให้ชัดๆ หลงเซียวเพิ่งออกจากตระกูลหลง คนจำนวนมากก็เริ่มลังเล รอดูกันยาวๆไปเถอะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่”
โจวจั่นเบ้ปาก “ไปสนใจโลกคนที่ร่ำรวยแบบเขาทำไม ฉันควบคุมไม่ได้หรอก ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน แต่…” โจวจั่นชี้ไปที่เจิ้งซิ่วหยาที่อยู่ตรงกัน แล้วกระซิบว่า “หัวหน้า ใกล้จะเริ่มปฏิบัติการลับแล้ว ฉันเป็นห่วงเธอที่สุด”
เมื่อกี้เจิ้งซิ่วหยาดูข่าวของตระกูลหลง ทุกๆเบราว์เซอร์ต่างดันข่าวขึ้นมา จึงยากที่จะไม่อ่าน พอดูก็หยุดดูไม่ได้ ข่าวเสียหาย ข่าวซุบซิบ ความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ พวกขุดข้อมูลมืดๆแล้วยังเรื่องที่เป็นเรื่องไร้สาระล้วนๆอีก
เมื่อเห็นใครต่อใครต่างรุมด่าฉู่ลั่วหานว่าเป็นผู้หญิงที่เนรคุณ เนื้อหาที่ด่านั้นมันมากเกินไปจนแทบดูไม่ได้ บางคนถึงกับบอกว่าก่อนแต่งงานฉู่ลั่วหานใช้ชีวิตที่มั่วมาก หลังจากที่ไปอเมริกาก็อาศัยอยู่กับใครบางคนมาก่อนเพราะทำแท้ง ดังนั้นหลังจากแต่งงานกับท่านเซียวมานานฉันจึงไม่ท้อง อาจเพราะคงไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป
ให้ตายเถอะ นี่มันข้อมูลบ้าบออะไรกันเนี่ย!
เจิ้งซิ่วหยาโกรธมากจึงได้ลงทะเบียนเพื่อร่วมด่ากับชาวเน็ต “ปากมีไว้กินข้าวไม่ใช่กินขี้! ว่างกันนักหรอ! ไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพ่นขี้ออกมา!”
เฉินเจาตบหลังเก้าอี้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “เสี่ยวเจิ้ง มาดูนี่ที”
“ค่ะ หัวหน้า”
เจิ้งซิ่วหยาปิดหน้าจอ
ห้องทำงานประธานบริษัทฉู่ซื่อ
ทั้งจี้ตงหมิงกับแอนดี้ดูมีสีหน้าเคร่งทั้งคู่ ทั้งสองเอาราคาที่เปลี่ยนของหุ้นกับเอกสารการยุติโครงการบางอย่างให้หลงเซียว ทั้งคู่ไม่กล้าไม่ส่งเสียงใดๆออกมา
หลงเซียวเปิดเอกสารอ่านอีกครั้ง “บริษัทยิงต๋าต้องการยกเลิกสัญญาหรอ? เหตุผลล่ะ?”
จี้ตงหมิงพูดอย่างระมัดระวังว่า “เหตุผลหลักต้องเป็นเพราะตอนนี้นายไม่ใช่ คุณชายใหญ่ของตระกูลหลงแล้วครับ ส่วนเหตุผลที่เป็นรูปธรรมพวกเขาให้เหตุผลว่าราคาวัตถุดิบของบริษัทฉู่ซื่อนั้นราคาสูงครับ”
หลงเซียวปิดเอกสารโดยไม่เซ็นชื่อ
“บริษัทหมิงรุ่ยก็เหตุผลเดียวกันหรือ?”
“ใช่ครับ…เนื่องจากวันนี้ราคาหุ้นของบริษัทฉู่ซื่อลดลงถึงขีดสุด ดังนั้นดีลเลอร์จำนวนมากจึงโทรมาถามเกี่ยวกับสถานการณ์ มีหลายคนที่ต้องการยกเลิกสัญญา ฝ่ายการตลาดและฝ่ายประชาสัมพันธ์กำลังจัดการอยู่ครับ”
หลงเซียวรวบรวมเอกสารทั้งหมดเข้าด้วยกัน “ช่วงนี้พวกเขากำลังเจรจากับใคร? เตรียมจะไปทำงานกับบริษัทไหน?”
“ส่วนใหญ่เป็นบริษัทซุนซื่อและบริษัทอึนเคอครับ ทางด้านบริษัทซุนซื่อ ซุนปิงเหวินประเมินสถานการณ์ให้ราคาที่ต่ำแก่พวกเขาเพื่อดึงลูกค้าไปก่อน ทางด้านบริษัทอึนเคอ…คุณเกาจิ่งอานได้กล่าวว่า หากใครที่ไม่ร่วมงานกับบริษัทซุนซื่อจะไม่ขอร่วมงานด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่หายไปแล้วย้ายไปที่บริษัทซุนซื่อแทน และยังบางส่วนก็ย้ายไปที่บริษัทอื่น”
หลงเซียวหมุนแหวน “ซุนปิงเหวินน่าจะคอยจับผิดได้ คนแบบนี้ทำการใหญ่ได้ยาก”
“งั้นเราจะทำยังไงดีครับ? คงไม่ปล่อยลูกค้าให้คนอื่นใช่มั้ย?” จี้ตงหมิงเสียดาย
“แน่นอนว่าไม่”