ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 681
ตอนที่ 681 ดึงลงมาจากฟ้า
จี้ตงหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “ครับ ไม่สามารถเอาเปรียบซุนปิงเหวินได้ ดังนั้นเจ้านายมีแผนการรับมือยังไงบ้างครับ?”
ในเมื่อไม่สามารถ งั้นก็คงต้องใช้มาตรการคล้อยตามสถานกรณ์แล้วล่ะ
หลงเซียวยื่นมือหยิบปากกาขึ้น แล้วเซ็นชื่อลงบนเอกสารหนึ่งในจำนวนนั้น “ในเมื่อเขาชอบฉวยโอกาสทีเผลอ ผมคงต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับเขาแล้วล่ะ”
จี้ตงหมิงเผยสายตาเป็นประกาย ของขวัญชิ้นใหญ่คงสั่งสอนซุนปิงเหวินจนลาบจำแน่ เขารีบซักถามอย่างรีบร้อนใจว่า “เจ้านายมีแผนรับมือยังไงหรอครับ? ผมสามารถช่วยอะไรได้บ้างครับ?”
หลงเซียวยื่นเอกสารหนึ่งในจำนวนนั้นให้กับเขา ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ไม่กี่บริษัทต้องการยกเลิกสัญญา ซึ่งหลงเซียวเซ็นชื่อของตัวเองกำกับหมดเลย
เขายังไม่ทันตอบคำถามของจี้ตงหมิง แต่จู่ๆโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น และบนหน้าจอก็ปรากฏชื่อของเกาจิ่งอานขึ้น จากนั้นหลงเซียวก็รับสาย
“จิ่งอาน มีเรื่องอะไรหรอ?”
เกาจิ่งอานนั่งอยู่ในห้องทำงาน ซึ่งในมือถือหนังสือพิมพ์ที่เลขาเอามาให้ เขาอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้ามืดครึ้ม และมีสายตาขุ่นเคือง “พี่ใหญ่ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? ยังไม่ถึงครึ่งวันเลย สื่อข่าวของเมืองหลวงก็ก่อเรื่องแล้ว พี่ใหญ่ พี่กับพี่สะใภ้หย่ากันแล้วจริงหรอ? แล้วพี่ไม่ใช่คนของตระกูลหลงหรอ?”
ตอนแรกเกาจิ่งอานไม่กล้าถาม แต่ยิ่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่อยู่เบื้องหน้าอารมณ์ก็ยิ่งขึ้น เขานั่งไม่ติดแล้ว เลยต้องรีบโทรศัพท์มาหาหลงเซียวตอนนี้
“อืม ใช่ พวกเราสองคนได้เซ็นใบหย่าเรียบร้อยแล้ว ส่วนฐานะของฉันก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน” หลงเซียวตอบด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนกับทุกวัน แต่เกาจิ่งอานฟังแล้วกลับรู้สึกขัดใจมาก
“ห่ะ…..” เกาจิ่งอานตกใจช็อก พร้อมกับอุทานเสียงลากยาว และพูดด้วยสีหน้ามึนงงว่า “พี่ใหญ่ สถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทฉู่ซื่อไม่ค่อยราบรื่นใช่ไหมครับ? เพราะวันนี้ผมได้รับสายโทรศัพท์จากบริษัทจำนวนไม่น้อยเลยจากบริษัทที่ร่วมลงทุน ทั้งที่ตอนแรกพวกเขาอยากทำงานร่วมกับบริษัทฉู่ซื่อ แต่ตอนนี้กลับพากันอยากไปร่วมงานกับบริษัทอึนเคอแทนแล้ว ซึ่งผมได้ปฏิเสธหมดแล้วครับ”
สิ่งที่หลงเซียวอยากพูดตอนนี้ก็คือเรื่องนี้ “อาหมิงรายงานฉันแล้ว อันที่จริงนายสามารถทำตามความต้องการของพวกเขา อย่ามีปัญหาเพราะฉันเลย”
“ไม่เอาครับ! บริษัทร่วมลงทุนแบบนี้ผมไม่ต้องการ เห็นผลประโยชน์แล้วลืมคุณธรรม! ผมให้คนไปสืบมาแล้วครับ เป็นบริษัทซุนซื่อที่พยายามช่วงชิงบริษัทร่วมลงทุนกับพวกเขาอยู่ พี่ใหญ่ พี่ต้องระมัดระวังให้มาก ซุนปิงเหวินไม่ใช่คนดี ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เขาแย่งลูกค้าจากพวกเราจำนวนไม่น้อยเลย ถ้ารวมกันแล้วประมาณห้าหกบริษัทได้ เพื่อได้รับสัญญาทำงานร่วมกัน ซุนปิงเหวินยอมทำทุกวิถีทางแน่”
“อืม ฉันรู้แล้ว” หลงเซียวยกไหล่หนีบโทรศัพท์ขึ้น และเซ็นชื่อต่อ ลายเซ็นบนกระดาษขาวของเขามีความทรงพลังมาก
เกาจิ่งอานพูดต่อว่า “อีกอย่างโม่หรูเฟย เธอยิ่งไม่ใช่คนดี เพราะความรักทำให้ผู้หญิงคนนี้ริษยาจนน่าหวาดกลัวจริงๆ ตอนนี้บริษัทฉู่ซื่อประสบกับวิกฤติ บริษัทซุนซื่อคงฉวยโอกาสโค่นล้มบริษัทฉู่ซื่อแน่ พี่ใหญ่ต้องรีบลงมือก่อนที่ซุนปิงเหวินจะลงมือนะครับ หากพี่ต้องการความช่วยเหลือบอกผมได้เลยนะครับ”
หลังจากที่หลงเซียวเซ็นชื่อเสร็จก็วางปากกาลง ยิ้มและพูดว่า : “ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายหรอ? นายไม่กลัวบริษัทฉู่ซื่อโค่นล้มบริษัทอึนเคอบ้างหรอ? นายควรรู้ว่า บริษัทคู่แข่งของฉันคือบริษัท MBK บริษัทเสิ่นซื่อของเมืองเจียง และบริษัทหลันเทียนที่อเมริกา”
เกาจิ่งอานที่กำลังยกถ้วยกาแฟยังไม่ทันยกถึงปากก็ต้องหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นความจริง คู่แข่งของพี่ใหญ่ล้วนแข็งแกร่ง อย่าว่าแต่บริษัท MBK ที่แข็งแกร่งเลย แม้แต่บริษัทหลันเทียนกับบริษัทเสิ่นซื่อก็ไม่ใช่ย่อยเลย
บริษัทอึนเคอยังห่างไกลกับพวกเรามาก
“ผมยินดีร่วมสุขร่วมทุกข์กับพี่ใหญ่ครับ ต่อให้ต้องโค่นล้มบริษัทอึนเคอ ผมก็ไม่เสียดายครับ อีกอย่างผมเชื่อมั่นว่ายังไงพี่ใหญ่ก็ต้องเอาชนะพวกเขาได้แน่นอน อย่างซุนปิงเหวิน ไม่ใช่คู่แข่งของพี่ใหญ่เลย และต่อให้เป็นคนอื่นผมก็เชื่อมั่นว่าพี่ใหญ่สามารถเอาชนะได้เหมือนกัน!”
เกาจิ่งอานไม่รู้ตัวว่าเอาความกล้าหาญมาจากไหน จู่ๆสมองก็แล่นและพูดแทบไม่ทันคิด หลังจากพูดจบก็ดื่มกาแฟคำใหญ่ พร้อมกับเผยสีหน้าเก้อเขิน
เพียงแต่น่าเสียดาย หลงเซียวกลับไม่เห็นความกล้าหาญของเขา
หลังจากฟังจบ หลงเซียวก็พูดหยอกเล่นว่า “นายเชื่อฉัน แล้วถ้าหากฉันถูกเล่นงานล่ะ?”
จี้ตงหมิงฟังแล้วรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย เจ้านายถูกเล่นงานหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก? ต่อให้แผ่นดินถล่ม เจ้านายก็จะยังคงอมตะ ไม่สิ ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง!
เกาจิ่งอานกลืนน้ำกาแฟลง “เป็นไปไม่ได้ครับ! ความรู้คือพลัง!”
หลงเซียวอารมณ์ดีขึ้น “อย่ามาอวดเก่งกับฉัน เอาตัวเองให้รอดก่อน มีเรื่องอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีวางสายล่ะนะ”
“พี่ใหญ่อย่าเพิ่งวางสาย เรื่องพี่สะใภ้….ฮาโหล? ฮาโหล? พี่ใหญ่?” ขณะที่พูด จู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกวางสาย
เกาจิ่งอานอ่านหนังสือพิมพ์อย่างข้องใจ ขณะเดียวกันก็หันหน้าดูคำวิพากษ์วิจารณ์บนอินเตอร์เน็ตด้วยความหนักใจ
จากนั้นเขาก็ใช้โทรศัพท์ของบริษัทติดต่อหาผู้ช่วย เกาจิ่งอานพูดอย่างรีบร้อนใจว่า “ช่วยจัดหานักเลงคีย์บอร์ดให้ฉันหน่อย หากเจอคนวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงก็โต้ตอบกลับเลย อีกอย่างสั่งให้พนักงานไอทีไม่กี่คนของแผนกวิศวกรรมหยุดทำงานก่อน แต่ให้พวกเขาช่วยบล็อกบัญชีคนวิพากษ์วิจารณ์แทนด้วย”
ทางนี้
หลงเซียวพูดกับจี้ตงหมิงว่า “ตอนนี้บริษัทซุนซื่อมีการพัฒนาอย่างมั่นคง ซุนปิงเหวินเลียแข้งเลียขาคนอื่นอย่างเงียบๆ จนสามารถก่อตัวได้ขนาดนี้เลย ดูเหมือนว่าฉันต้องเตือนเขาสักหน่อยแล้ว”
จี้ตงหมิงถือเอกสารที่เซ็นชื่อเสร็จแล้วไว้ในมือ และพูดว่า “เจ้านายครับ คุณยินยอมให้พวกเขายกเลิกสัญญาหรอครับ? แล้วโครงการของพวกเราจะทำยังไงต่อ?”
หลงเซียวพูดขึ้นว่า “ออกคำสั่งให้พนักงานหยุดงานสามวันเพื่อให้พวกเขาพักผ่อน หลังจากสามวันทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
จี้ตงหมิง : “……”
หลงเซียววางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ “ช่วงนี้แผนกอุตสาหกรรมและพาณิชย์ดูเหมือนจะว่างงานมาก ติดต่อกับผู้อำนวยการหวังหน่อย ให้รายงานสถานการณ์หนีภาษีเลี่ยงภาษีของบริษัทซุนซื่อ ทำให้บริษัทซุนซื่อต้องประสบกับการตรวจสอบจนถูกตัดสินปิดกิจการ”
“ห่ะ?” จี้ตงหมิงตกใจนิ่งอึ้ง หลังจากดึงสติกลับมาได้ก็รีบยกนิ้วโป้งให้กับเจ้านายทันที
แผนการที่ร้ายกาจมาก!
ยอดเยี่ยม!
ถ้าหากได้รับการตรวจสอบ บริษัทซุนซื่อคงไม่สามารถทำงานตามปกติได้ อย่าว่าแต่เซ็นสัญญาทำงานร่วมกันเลย อีกอย่างเรื่องหนีภาษีเลี่ยงภาษีถือเป็นเรื่องน่าอับอาย ไม่ว่าจะสามารถตรวจสอบได้หรือเปล่า บริษัทก็แปดเปื้อนแล้ว
แอนดี้ยืนฟังอยู่ด้านข้างไม่พูดแทรก แต่ในใจกำลังคิดไตร่ตรองหาวิธีการทำอย่างไรที่จะทำหึคนที่หน้าไหว้หลังหลอกเหล่านี้อับอายขายขี้หน้า
หากเป็นแบบนั้นคงสนุกน่าดู เขาจะเฝ้ารอดูเลย
“ผมจะไปจัดการตอนนี้เลยครับ! แต่ข้อตกลงยกเลิกสัญญาทำงานร่วมเหล่านี้….”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “แอนดี้ นายรับผิดชอบเอาข้อตกลงยกเลิกสัญญาส่งให้กับบริษัทเหล่านั้นหน่อย ไม่เกินสามวัน เดียวพวกเขาก็จะกลับมาหาเราเอง”
“ครับ! เจ้านาย!”
แอนดี้ยื่นมือรับเอกสารในมือของจี้ตงหมิง จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกไปพร้อมกัน
กริ่งกริ่ง
โทรศัพท์ของหลงเซียวดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นกู้เยนเซินโทรศัพท์มา หลงเซียวพอคาดเดาออกว่าเขาจะพูดอะไร เลยกดรับสาย แล้วกดเปิดลำโพงขึ้นด้วย
“ว้าว! คุณชายหลง….คุณลงมือเร็วเกินไปหรือเปล่า? คุณก้าวกระโดดมากเกินไปหรือเปล่า? ขนาดผมอยู่สวิสเซอร์แลนด์ยังสัมผัสถึงลมมรสุมที่พัดมาจากเมืองหลวงเลย นายโอเคใช่ไหม? ที่เกือบต้องโดนเหล่านักข่าวและเหล่าหุ้นส่วนกดดัน?”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “คุณชายกู้ คุณคงไม่ตั้งตารอดูผมขนาดนั้นหรอกมั้งครับ?”
“ผมเองก็อยากตั้งตารอดูเหมือนกัน แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ผมรู้สึกตกใจมากเลย คุณรู้ไหม? ผมคิดว่าผมควรกลับดีกว่า คงไม่พักร้อนอะไรแล้ว ผมลองนับนิ้วมือเล่นแล้ว ผมคิดว่าคุณต้องการผม!”
ในสายมีเสียงน้ำไหล ซึ่งไม่รู้เลยว่ากู้เยนเซินกำลังทำอะไรอยู่
“ผมต้องการให้คุณอย่าเพิ่งกลับมาเลย หยุดพักร้อนที่สวิตเซอร์แลนด์ต่อเถอะ ถ้าหากไม่อยากอยู่สวิตเซอร์แลนด์แล้ว ก็บินไปเยี่ยมพ่อแม่ของคุณที่อเมริกาเถอะ”
กู้เยนเซินว่ายน้ำไปริมขอบสระน้ำ แล้วยื่นมือหยิบผ้าขนหนูวางบนคอ “พ่อกับแม่ของผมสบายดีครับ แต่คุณ…คงไม่มั้งครับ”
“อยากช่วยผมจริงหรอ งั้นก็บินกลับอเมริกาสิ ฝากเยี่ยมพ่อตาแม่ยายของผมแทนด้วย ถึงแม้ผมกับลั่วลั่วหย่ากันเพราะมีเหตุผลบางอย่าง แต่ยังไงผมก็ต้องเยี่ยมพ่อแม่ของเธอบ้าง แต่ตอนนี้ผมยุ่งมาก รบกวนคุณไปแทนผมหน่อย”
กู้เยนเซินนิ่งอึ้ง “ว้าว คุณชายหลง ไม่เอาแบบนี้ คุณไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายเองครับ ผมไม่ไป”
“ถ้าเช่นนั้น ภารกิจที่ทางบริษัทให้ไปทำธุระที่แอฟริกาเหนือเป็นเวลาสามเดือน ผมมอบหมายให้ไป๋เวยเป็นคนรับผิดชอบล่ะกัน คุณว่าเป็นยังไง?” หลงเซียวพูดสะกิดจุดอ่อนของกู้เยนเซิน จนทำให้เขาพูดไม่ออกเลย
“ว้าว! คุณอย่าเพิ่งแก้แค้นส่วนตัวสิครับ!” กู้เยนเซินไม่มีท่าทางสงบนิ่งแล้ว แต่หยิบผ้าขนหนูเช็ดหัว และตั๋วเครื่องบินที่กำลังจะจองกลับประเทศก็ต้องหยุดชะงักลง
“ภารกิจให้ไปทำธุระได้ถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว เดิมทีควรให้ไป๋เวยเป็นคนรับผิดชอบ แต่เห็นแก่นาย ผมเลยกลับปฏิบัติอย่างมิชอบธรรม แต่ในเมื่อคุณไม่เห็นแก่มิตรภาพ ผมก็ไม่ถือสา…..”
“ไม่! ไม่ครับ! ผมเห็นแก่มิตรภาพ! คุณอย่าเอาใครไปแอฟริกาเหนือนะครับ! คุณชนะแล้ว ผมยอมแล้วครับ ผมจะบินไปนิวยอร์กวันนี้เลยครับ และผมขอรับประกันว่าผมจะไปเยี่ยมพ่อตาและแม่ยายของคุณด้วยตัวเองครับ”
“เช่นนั้นคงลำบากคุณแล้ว เอาล่ะ บัตรที่ผมให้คุณไปซื้อของขวัญให้พวกเขาครั้งก่อนมีจำนวนเงินเพียงพอให้คุณจัดการ ใช้อย่างไม่ต้องเกรงใจเลยครับ”
ว้าว!
กู้เยนเซินรู้สึกเศร้าหมองเล็กน้อย มีเพื่อนเจ้าเล่ห์เป็นภัยแก่ตัวจริงๆ!
เมืองเจียง บ้านตระกูลเสิ่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ช่างมีความสุขเหลือเกิน คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าตระกูลหลงจะมีเรื่องงามหน้าขนาดนี้ ลูกชายที่เลี้ยงดูมาสามสิบปีกลับไม่ใช่ลูกชายของตัวเอง! แล้วไอ้แก่หลงถิงจะกล้าสู้หน้าคนอื่นได้ยังไง?”
เสิ่นเหลียวและพ่อของเขาสองคนนั่งในห้องรับแขก และหัวเราะกันอย่างไร้ความกังวล โดยที่บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์หัวข้อข่าวเกี่ยวกับตระกูลหลงหลายสิบกว่าฉบับวางอยู่
“กลอุบายหลอกหย่าแบบนี้คงมีแค่หลงเซียวคนเดียวที่กล้าทำ” เสิ่นเหลียวขยี้รูปภาพบนหนังสือพิมพ์ จากนั้นรูปภาพรวมของหลงเซียวกับลั่วหานก็ยับยู่ยี่ขึ้น และยังมีฟาดหัวข้อข่าวไม่น่าอ่านด้วย
“เดิมทีเป็นสามีภรรยากัน แต่เมื่อเจอวิกฤตกลับทำให้สามีภรรยาต้องหย่าร้างกันด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว”
เป็นการประชดประชันที่ทิ่มแทงใจมาก
เสิ่นเหลียวหยิบซิการ์ม้วนหนึ่งขึ้น แล้วจุดไฟ จากนั้นก็สูบอย่างเสพสุข “ถึงแม้กลอุบายแบบนี้ไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงหลงเซียวก็สามารถเก็บรักษาทรัพย์สินของตัวเองได้ ในอนาคตอาจจะคืนดีกันก็ได้”
เสิ่นเหลียวไม่คิดแบบนั้น “แต่ชื่อเสียงที่สูญเสียไปแล้วไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ง่ายดายนะครับ เมื่อก่อนพวกคุณรักใคร่กันมากในสายตาผู้คนทั่วประเทศ ตอนนี้ล่ะ? กลับมาหย่าร้างกัน!”
ฉู่ซีหรานขยับร่างอันอรชรอ้อนแอ้นเข้ามา แล้วนั่งลงบนตักของเสิ่นเหลียว จากนั้นก็ยื่นมือลูบบนขาของเขาเบาๆ “ใช่ค่ะ ตอนนั้นยอมเสียเงินตั้งร้อยล้านกว่าสั่งทำแหวนที่มีเพียงวงในโลก ต่อมาโชว์หวานต่อหน้าคนอื่น แต่ตอนนี้เป็นไงล่ะ สะใจจริงๆ! พวกเขาสมน้ำหน้าแล้ว!”
ประโยคเหล่านี้เสิ่นเหลียวชอบใจมาก เขายกมือวางบนหลังมือของเธอ แล้วลูบไล้เล็กน้อย “ใช่เลย หลงเซียวกับลั่วหาน พวกเขาสมควรตายจริงๆ!”
เสิ่นเหลียวพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัท MBK กับบริษัทฉู่ซื่อยังไม่มั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสทองของพวกเราแล้ว”
เสิ่นเหลียวลูบมือของฉู่ซีหราน แล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ค่ะ! โครงการปรับแก้ของเมืองเจียงครั้งนี้ต้องเป็นของพวกเราเท่านั้น ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหลงเซียวจะมีความสามารถ ต่อให้เขามี ผมก็จะดึงเขาลงจากฟ้า!”