ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 706
ตอนที่ 706 ทำไมถึงรู้สึกแค่ว่าอยากจะหัวเราะ
เป็นเพียงวันแรกของในเมืองเจียงเฉิง ไป๋เวยก็ตกตะลึงกับข่าวแต่ละข่าวที่เข้ามา ไม่คาดคิดว่าตอนนี้จะได้ยินเรื่องเสิ่นเหลียวถูกฉู่ซีหรานสวมหมวกเขียวขนาดใหญ่โดยบังเอิญ และเธอรู้สึกมีความสุขมากจนบอกไม่ถูก!
เสิ่นเหลียวไอ้แก่เหี้ยนี้ ทั้งชีวิตนี้หลอกผู้หญิงมามากมาย และสุดท้ายคุณก็โดนผู้หญิงแกล้ง ช่างน่ายินดีนัก!
มีความสุขมาก!
ไป๋เวยได้ยินเนื้อหาหลักส่วนใหญ่ และเรื่องอื่นๆจะรู้โครงร่างหลังจากการระดมความคิดแค่เล็กน้อย
สายตาที่เหลือสังเกตเห็นการแสดงออกของชายตรงข้ามกับฉู่ซีหรานหลังจากเห็นผลรายงานการตรวจ DNA เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นช็อตกับไม้ที่เคาะที่หน้าผากของเขา
เงียบไปพักหนึ่ง “แล้วยังไง?”
ไป๋เวยหัวเราะอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะไม่ตื่นเต้น หรือกระตือรือร้นมากนัก เห็นได้ชัดว่าฉู่ซีหรานใช้ใบหน้าที่ร้อนผ่าวไปปะกับก้นที่เย็นเฉียบของเขา ฮ่าฮ่า!
ฉู่ซีหรานไม่รู้ว่าผิดหวังหรือกลัว แต่กับหัวเราะ “ดังนั้น คุณกับฉันจะร่วมมือกัน ถือโอกาสตอนนี้ที่เสิ่นเหลียววุ่นวายอยู่ เรา………..”
ในคำพูดข้างหลังเสียงของฉู่ซีหรานก็พูดเบาลง และไป๋เวยไม่สามารถได้ยินชัดเจนไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
แต่โดยปกติแล้ว ฉู่ซีหรานก็จะร่วมมือกับแฟนเด็กของเธอโดยธรรมชาติ เพื่อแอบวางแผนอะไรบางอย่างต่อเสิ่นเหลียวในที่ลับ และเร่งการล้มละลายของเสิ่นเหลียว ตราบใดที่เสิ่นเหลียวสูญเสียการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด พวกเขาก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ และแบ่งทรัพย์สินของเสิ่นเหลียว จากนั้น ครอบครัวสามคนก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เห็นได้ชัดว่าแฟนเด็กของฉู่ซีหรานไม่ใช่คนรวยอะไร ตราบใดที่เขาได้รับเงินมากพอเป็นเหยื่อล่อ เขาก็จะยอมทำตามคำสั่งของฉู่ซีหรานอย่างแน่นอน
มุมปากของไป๋เวยยกขึ้น ค่อยๆเคี้ยวสเต็ก ชิมรสสลัด และอาหารเย็นมื้อนี้มันช่างมีรสชาติที่ดีมาก
ฉู่ซีหรานและแฟนเด็กของเธอไม่ค่อยได้กินอะไรมากนัก และหลังจากคุยกันเสร็จแล้วพวกเขาก็ออกจากร้านอาหารไปทีละคน ไป๋เวยเห็นชายคนนั้นเข้าไปในรถของฉู่ซีหรานผ่านหน้าต่าง และรถก็ออกจากสายตาของเธอไปอย่างรวดเร็ว
ฮ่าๆๆๆ ข่าวดีที่น่าตื่นเต้นขนาดนี้ เธอควรจะใช้มันอย่างไรดี?
ไป๋เวยเคี้ยวอาหารในปากอย่างช้าๆ และส่งข้อความผ่าน WeChat ไปยังกู้เยนเซิน
“ข่าวที่สามารถทำให้คุณตาบอดไปได้ อยากรู้หรือไม่?”
ฝั่งกู้เยนเซินที่อเมริกาเป็นช่วงเวลาตอนเช้า กู้เยนเซินที่อยู่ในช่วงพักร้อนกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย เขาถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนัก เขาแตะโทรศัพท์ด้วยความงุนงง และเห็นว่าเป็นข้อความของไป๋เวย ทันใดนั้นอารมณ์ที่ไม่ดีก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
“มีข่าวอะไรเหรอ? คุณท้องแล้วเหรอ?”
ไป๋เวยด่าว่าจะบ้าเหรอ “ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด ให้คุณดูรูปภาพก่อน”
ส่งรูปภาพที่แอบถ่ายให้กู้เยนเซิน และแนบคำถามว่า “รู้ไหมว่าเป็นใคร?”
กู้เยนเซินซูมรูปภาพเข้ามา และมองดูอย่างละเอียดหลายๆรอบ “เชี่ย มีแค่ข้างหลัง คุณจะให้ผมดูอะไร? นี่ใคร?”
ไป๋เวยเช็ดมุมปากของเธอ สบายมากที่กินอิ่มแล้ว แต่เธออิ่มแล้ว กระโปรงรัดรูปของเธอก็แน่นขึ้น เธอแค่หายใจเข้าลึกๆ และดูเหมือนจะรู้สึกว่าสายรัดรอบเอวของเธอขาดแล้ว
ไอ้บ้าเอ้ย! ต้องลดน้ำหนักแล้วจริงๆ!
“ผู้หญิงคนนี้คือฉู่ซีหราน และผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามคือแฟนเด็กของเธอ แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญก็คือ ลูกชายของฉู่ซีหรานและเสิ่นเหลียว จริงๆแล้วไม่ใช่ของเสิ่นเหลียว แต่เป็นของผู้ชายคนนี้ ฮ่าๆ!”
ไอ้เหี้ย!
กู้เยนเซินเปิดผ้านวมและกระโดดลงจากเตียงนอน เขากระทืบเท้าเปล่าลงบนพรมนุ่มๆหลายครั้ง “ผมก็ว่าแล้วเสิ่นเหลียวชายชราผู้แสนเลวคนนี้จะมีลูกชายได้ยังไง! แท้จริงแล้ว ฉู่ซีหรานไปยืมสายพันธุ์ของคนอื่นมานั่นเอง เธอให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งเพื่อที่จะรักษาความมั่นคงของตำแหน่งของเธอในตระกูลเสิ่นเท่านั้น หากเสิ่นเหลียวรู้ความจริงแล้วก็……..ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมแม่งอยากจะหัวเราะจริงๆ!”
ในความเป็นจริง กู้เยนเซินยืนอยู่ต่อหน้าหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานและหัวเราะดัง และมีฉากนับไม่ถ้วนที่ฉู่ซีหรานถูกทารุณกรรมฉายผ่านหัวของเขาอย่างรวดเร็ว และแค่นำมันออกมาอันใดอันหนึ่งที่อยู่ในนั้นก็สนุกมากแล้ว
ไป๋เวยเดินออกไปข้างนอก เพราะกินจนอิ่มเกินไป จึงตัดสินใจจะเดินกลับไปเพื่อย่อยอาหารหน่อย “ข่าวนี้ควรจะบอกกับท่านเซียวและลั่วหานหรือไม่? ฉู่ซีหรานเคยกลั่นแกล้งลั่วลั่วก่อนหน้านี้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว”
กู้เยนเซินแตะคางของเขาและใช้ความคิด “ภรรยา สามารถเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ การปล่อยให้ฉู่ซีหรานและเสิ่นเหลียวตีกันเอง หากจัดการกับฉู่ซีหรานโดยตรงมันเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร และปล่อยให้เสิ่นเหลียวเลี้ยงดูลูกชายให้ฉู่ซีหราน ฉู่ซีหรานแอบเจาะเอาเงินทองของเสิ่นเหลียว โอ้ย แค่คิดๆแล้วมันก็เยี่ยมมากแล้ว”
ไป๋เวยมองตามคำพูดของเขา และลูบแขนของเธอ เยี่ยมเหรอ? เยี่ยมป้าแกสิ ถ้ารู้ว่าเสิ่นเหลียวปฏิบัติต่อเธออย่างไรมาก่อนหน้านี้ ดูสิว่าคุณจะยังคงจะรู้สึกเยี่ยมอีกไหม
แต่ว่า………
สิ่งนั้นมันผ่านไปหมดแล้ว และกลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว และจะไม่คุกคามความสุขของเธออีกต่อไป
มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่เต็มไปด้วยดวงดาว กระจุกของเนบิวลาจักรวาลที่ชัดเจนและสว่างไสว ช่างเป็นคืนฤดูใบไม้ร่วงที่ดีจริงๆ!
“อาเซิน กลับมาเถอะ”
ไป๋เวยส่งคำนี้ไป และใส่อิโมจิจุ๊บไปด้วย
กู้เยนเซินตกตะลึง นี่คือข้อความที่ทำให้ตาบอด อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากจะตอบตกลงไปทันทีจริงๆ แต่ว่า ไอ้บ้าหลงเซียวคนนั้นบอกว่าไม่ให้เขากลับไปไม่ใช่เหรอ?
หึ ไม่ใช่! ไม่ใช่! ไม่ใช่!
หัวของกู้เยนเซินหมุนไปรอบๆ และกระพริบ “เชี่ย! ภรรยาคุณอยู่ในเมืองเจียงเฉิงเหรอ!”
ความประหลาดใจของกู้เยนเซิน ไปถึงหูของไป๋เวยผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก
ไป๋เวยจับหน้าผาก ไอบ้าเอ้ย เมื่อกี้นี้เธอตื่นเต้นมากเกินไป เลยลืมข้อมูลสำคัญไป แม่งเอ้ย! !
หวุ๊ดๆๆๆ!
โทรศัพท์ของกู้เยนเซินโทรตรงเข้ามา และเป็นการโทรแบบอนุกรมที่บ้าคลั่ง ไป๋เวยหน้าเจื่อน และรับสาย
“ภรรยา คุณเป็นอย่างไร? ทำไมคุณถึงอยู่ในเมืองเจียงเฉิง? คุณคนเดียวเหรอ? คุณไปทำอะไรในเมืองเจียงเฉิง? แม่งเอ้ย เสิ่นเหลียวหาเรื่องของคุณเหรอ? ไม่ๆๆๆ แล้วคุณชายหลงล่ะ? พวกคุณอยู่ด้วยกันหรือไม่?”
ไป๋เวยคิ้วขมวด “ฉันว่าท่านประธานกู้ คุณถามฉันหลายคำถามในครั้งเดียว ให้ฉันตอบอันไหนก่อน?”
กู้เยนเซินหยุดถามคำถามทันที หัวเราะและพูดว่า “คิดถึงผมบ้างไหม?”
ไป๋เวย “……..”
——
วันรุ่งขึ้น โครงการบูรณะเมืองเก่าของเมืองเจียงเฉิงได้เริ่มการตรวจสอบเป็นครั้งแรก และบริษัทที่เข้าร่วมทั้งหมดจะต้องยื่นเอกสาร
หลงเซียวและไป๋เวยเดินเข้าไปในศูนย์การประชุม ในขณะนี้ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ได้รวบรวมตัวแทนบริษัทจำนวนมากที่มาแย่งแบ่งปันโปรเจค
ไป๋เวยมองดูผู้คนจำนวนมากในสถานที่ด้วยสายตาผ่านๆ “ท่านประธานกรรมการ บริษัทในท้องถิ่นของเมืองเจียงเฉิงมีจำนวนมาก และบริษัทในเมืองเจียงเฉิงส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน มีหลายบริษัทที่อยู่เมืองหนิงไห่ และเมือง A ก็มีหลายบริษัท แรงกดดันการแข่งขันไม่น้อยนัก”
หลงเซียวพยักหน้า ไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆบนใบหน้าที่เย็นชาของเขา ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาดูเหมือนว่ากำลังมองอะไรอยู่ และก็เหมือนไม่ได้มองอะไรเลย ในบรรดาท่านประธานและผู้จัดการในวัยกลางคนและผู้สูงอายุกลุ่มใหญ่ ร่างสูงยาวของหลงเซียวโดดเด่นไปจากฝูงชน และรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลาของเขาทำให้เขาเป็นจุดโฟกัสที่ดึงดูดคู่ต่อสู้ได้ในพริบตา
แม้ว่าจะยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่มีเสียงดัง แต่ก็เหมือนมีสายัณห์จางๆอยู่รอบตัวของเขา ซึ่งทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ และไม่กล้าลบหลู่
ไป๋เวยยิ้มเล็กน้อย และตอบกลับด้วยท่าทีห่างเหินกับผู้หญิงที่จ้องมองด้วยสายตาอิจฉา เธอยิ้มและยิ้ม เธอก็เห็นเสิ่นเหลียวและฉู่ซีหราน
ฉู่ซีหรานจับแขนของเสิ่นเหลียวอยู่ และทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภาพถ่ายเลยสักนิด และก็ยังคงรักกันมากมาย
จุดประสงค์ของการพาภรรยามาร่วมงาน คือการสยบข่าวลือเรื่องความไม่ลงรอยกันระหว่างสามีภรรยางั้นหรือ? มันน่าขำจริงๆ!
เมื่อนึกถึงเรื่องลูกของฉู่ซีหรานไม่ใช่ลูกแท้ๆของเสิ่นเหลียว ไป๋เวยก็อยากจะเดินเข้าไปบอกเขา!
ทางหลงเซียวได้รวมผู้คนที่มาทักทายมากมาย หลงเซียวมีอาคารหัวชิวที่มีชื่อเสียงอยู่ในเมืองเจียงเฉิง มีผู้คนจำนวนมากที่รอคอยการสร้างสถานที่สำคัญนี้ให้เสร็จ พวกเขาก็อยากจะตีสนิทกับหลงเซียวโดยปกติ
ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการพื้นเมืองท้องถิ่น เสิ่นเหลียวก็มีพันธมิตรทางธุรกิจมากมายเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าสองกองทัพกำลังถูกก่อตั้งขึ้น
เสิ่นเหลียวเห็นร่างสูงและผอมในฝูงชน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อใดก็ตามร่างนั้นดูตื่นตามาก เขาอยากจะจัดการให้สะอาดไปด้วยการยิงเพียงครั้งเดียว!
ฉู่ซีหรานกัดริมฝีปากล่างของเธอ และมองไปที่หลงเซียว โดยไม่ต้องสงสัย เมื่อเทียบเสิ่นเหลียวและหลงเซียวเข้าด้วยกันแล้ว ความแตกต่างมันคมชัดเกินไป มันเป็นความแตกต่างที่เหมือนเมฆกับโคลนดิน
ฉู่ซีหรานลดสายตาลง และหัวเราะเยาะ ฉู่ลั่วหาน คุณนั้นโง่มากจริงๆ!
หลงเซียวไม่ได้หันไปมองที่เสิ่นเหลียวเลย ไม่มีความจำเป็น ยิ่งไม่มีอารมณ์
“ทุกท่าน ตอนนี้สามารถเข้าไปในสถานที่ได้แล้ว วันนี้หัวหน้าคณะกรรมการพรรคเทศบาลจะถ่ายทอดจิตวิญญาณหลักของการฟื้นฟูเมืองเก่านี้ และหวังว่าทุกคนจะตั้งใจฟัง” พนักงานหญิงต้อนรับแขกแจ้งทุกคน ทุกคนก็เข้าไปในสถานที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ไป๋เวยยิ้ม “ท่านประธานกรรมการ การประชุมในวันนี้ คงจะต้องหลับไปเยอะใช่ไหม?”
เมื่อผู้นำพูดหรืออะไร ก็คงหลับไปเยอะแน่ๆ และคำพูดก็กลับไปกลับมาเดิมๆ ท่องจำได้หมดแล้วจริงๆ
มุมปากของหลงเซียวขยับ “นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินด้วย”
ไป๋เวยกล่าวว่า “ท่านประธานกรรมการจะหลับอย่างน่าเบื่อด้วยหรือเปล่า?”
หลงเซียวเดินไปข้างหน้า “ดื่มกาแฟมาล่วงหน้าสองแก้วแล้ว น่าจะไม่หลับ”
นึกไม่ถึงว่าเขาจะตอบอย่างจริงจัง ตอนนี้ไป๋เวยยิ่งรู้สึกอยากจะหัวเราะมาก ทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ถึงเต็มไปด้วยความตลกมากมาย?
ชื่อบริษัทและชื่อของบุคคลที่รับผิดชอบถูกติดไว้บนที่นั่ง เพียงแค่ทำตามคำแนะนำของพนักงานต้อนรับแล้วนั่งลง
ที่น่าแปลกก็คือ ไป๋เวยเห็น MBK
“ท่านประธานกรรมการ MBK ก็เข้าร่วมด้วยเหรอ! พวกเขาไม่เคยมีข่าวแจ้งมาก่อนเลย!” ไป๋เวยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่ คือตื่นเต้นมากๆ MBK เป็นบริษัทใหญ่แนวหน้าของในเมืองหลวง ถ้าพวกเขาเข้าร่วมด้วย คนอื่นๆก็จะไม่มีความหวังเลย
หลงเซียวถูนิ้วของเขา และมองด้วยสายตาที่สงบ “อืม นึกถึงแล้ว”
ตอนนี้หลงถิงกำลังพยายามโจมตีเขาอย่างเต็มที่ เมื่อรู้ว่าเสิ่นเหลียวหมดพลังแล้ว เขาก็คงต้องออกตัวด้วยตนเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ไป๋เวยกัดฟันแล้วพูดว่า “ท่านประธานกรรมการ MBK เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาก เผื่อว่าเรา……….”
หลงเซียวยื่นมือออกมาหยุดไว้ “รีบร้อนอะไร? รอดูสถานการณ์อย่างสงบ”
หลงถิงไม่ให้เสี่ยวจื๋อมาด้วย นั่นแสดงว่าเสี่ยวจื๋อยังไม่รู้สถานการณ์ หลงถิงนั้นมีความตั้งใจมากจริงๆ
“แต่ว่า……..งั้นก็โอเค รอดูสถานการณ์”
ไป๋เวยอย่าตื่นเต้นได้ไหม? ตั้งสติไว้ ตั้งสติไว้
ตัวแทนที่ MBK ส่งมาคือผู้จัดการของแผนกพัฒนาการตลาด เขายิ้มเมื่อเห็นหลงเซียว และหลงเซียวก็พยักหน้าเป็นการทักทายผ่านๆ
จากนั้น ผู้คนจากคณะกรรมการเมืองเจียงเฉิงก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีทีละคน โดยมีเจิ้งเฉิงหลินและเฉินว่านเหนียนอยู่บนเวทีด้วย
ไป๋เวยก็เกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง “ใช่ ท่านประธานกรรมการพูดถูก เรามีไม้เด็ด!”
หลงเซียวนั่งพับขายาว อยู่ใต้เวที เหมือนดั่งผู้เคารพบนบัลลังก์ เจิ้งเฉิงหลินเห็นเขาตั้งแต่แวบแรก และสายตาก็หลบผ่านร่างเขาไป
และปฏิกิริยาของเฉินว่านเหนียนค่อนข้างราบเรียบ และเขาไม่ได้ตั้งใจสังเกตใครเลย
ไป๋เวยกระซิบ “ท่านประธานกรรมการ คุณได้ไปทักทายกับเฉินว่านเหนียนล่วงหน้าหรือไม่?”
“ไม่มี”
ไป๋เวย “………”