ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 713
ตอนที่ 713 ผู้หญิงบนเตียง
เมืองหลวง
ความมืดปกคลุมเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรือง
โม่หรูเฟยเดินออกจากลิฟต์ ก้มหน้า ใช้เส้นผมบังไปครึ่งใบหน้า รองเท้าส้นสูงสาวเท้าสะเปะสะปะรวดเร็ว วิ่งไปขึ้นรถราวกับหนีเอาตัวรอดก็ไม่ปาน
ปึก!
เธอรีบปิดประตูรถแรงๆ ความโกรธแค้นที่มีถูกปลดปล่อยออกมาราวกับน้ำท่วมในยามที่ไม่มีใครควบคุม
เธอรีบสตาร์ทรถ ตั้งใจเหยียบเต็มแรงนำพาเฟอรารี่สีชมพูพุ่งออกไป ยังไม่พ้นเขตเมืองก็เหยียบเกินหนึ่งร้อยแล้ว รถวิ่งรูดไปตามถนนด้วยความรวดเร็วไม่คิดชีวิต ผ่าไฟแดงติดต่อกันไปสองครั้งรวด ขึ้นทางด่วนไป รถวิ่งเร็วออกไปร้องคำรามราวกับการแย่งชิงครั้งสุดท้ายก่อนตาย
ในที่สุด รถมาถึงโค้งสุดท้ายบนทางด่วน เมื่อลงจากทางด่วนมา ตรงหน้าเป็นเขตก่อสร้าง การก่อสร้างที่นี่เป็นเขตที่พักอาศัยด้านนอกของแผ่นกั้นกันฝุ่นเขียนสะดุดตา “MBK”
โม่หรูเฟยกัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำคล้ายจะมีเลือดพุ่งออกมา
เธอจำได้ว่าพื้นที่เขตนี้หลงเซียวเป็นคนเอามันมาได้ ตอนนั้นหลายบริษัทต่างพากันทำเต็มที่เพื่อให้ได้พื้นที่นี้มา เพราะที่นี่ตั้งอยู่บนเส้นทางมุ่งตรงไปยังสนามบิน เหล่าคณะกรรมการเมืองวางแผนจะสร้างรถไฟใต้ดินสาย 18 ตรงนี้ด้วย เพียงริเริ่ม ราคาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
เหอะ สายตาของเขามองไปไกลถึงอนาคตเลยปีเลยทีเดียว
โม่หรูเฟยยิ้มเย็น “หลงเซียว……หึหึหึ หลงเซียว”
ใครๆก็บอกว่าคุณเป็นนักรบแห่งชัยชนะ ใครๆก็บอกว่าคุณเป็นคนยอดแห่งธุรกิจ ใครๆก็บอกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ใครเห็นใครก็รัก แต่ว่าคุณ……
เป็นเพียงปีศาจตนหนึ่งก็เท่านั้น
“ฮ่าๆ” โม่หรูเฟยเผยเสียงหัวเราะเย็นออกมา รอยยิ้มปลอมๆประดับอยู่บนใบหน้า คล้ายกับออกมาจากผิวหนังที่แห้งผากแตกออกมาเป็นชั้นๆ ร้ายกาจเป็นพิเศษ
ยังมีแก
ฉู่ลั่วหาน
“เธอก็เป็นปีศาจ เธอมันจิ้งจอกที่แสร้งเป็นคนดี”
โม่หรูเฟยยืนอยู่จุดพื้นที่ก่อสร้าง ตะโกนด่าด้วยความดังจนสุดเสียงไปหนึ่งครั้ง เส้นผมถูกลมพัดพันกันยุ่ง ม้วนพันกันอยู่บนลำคอของเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา หลั่งรินลงมาเป็นสาย แพขนตาเปียกชื้น เครื่องสำอางปนเปกลายเป็นน้ำตาสีดำ ลมพัดเส้นผม ปัดป่ายกวาดไปบนใบหน้า ใบหน้าสวยกลายเป็นถาดสีก็ไม่ปาน
โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเตือนไม่หยุด วีแชท เว่ยป๋อ ข่าว ข้อความ ราวกับจะให้โทรศัพท์เอะอะโวยวายไม่หยุดหย่อน
โม่หรูเฟยด่าจบ จึงใช้มือเช็ดดวงตา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เธอเดาได้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร แต่เมื่อตัวเองได้เห็นมันจริงๆ ก็ยังคงโดยตัวอักษรพวกนั้นทิ่มแทงดวงตาอยู่ดี
“โม่หรูเฟยหนีออกไปจากประเทศจีนซะ”
“ออกไป”
“แพศยา ครั้งก่อนฉันน่าจะเอาเรื่องมาทำร้ายเธอเผยแพร่ให้หมดเลย คนแบบนี้ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“นังแพศยา ไปตายซะ”
นักข่าวพากันโทรเข้ามาจนโทรศัพท์แทบระเบิด เกือบจะร้อยกว่าข้อความที่ส่งมาด่าเธอ รวมแม้กระทั่งเพื่อนรักที่ไปทำเล็บด้วยกัน ตอนนี้ก็เข้าร่วมกลุ่มมาทิ้งระเบิดเธอ
โม่หรูเฟยยิ้มหยัน อยากหัวเราะตัวงอ คนพวกนี้ สมควรตายทั้งหมด สมควรตาย
ในสายที่ไม่ได้รับ มีสายจากตระกูลซุน และมีตระกูลโม่ ในนั้นมากที่สุดก็เป็นสายที่มาจากพ่อแม่เธอ
โม่หรูเฟยหลับตาลง โยนโทรศัพท์ทิ้งไปอีกฝั่ง มือสองข้างยกขึ้นปิดหน้า แม้แต่ดวงดาวก็ยังหัวเราะเยาะเย้ยเธอ เหยียดหยันเธอ
โทรศัพท์มีสายเข้ามาอีกครั้ง เป็นสายจากโม่ล่างคุน
โม่หรูเฟยกดรับสาย ร้องไห้เสียงดังออกมา “พ่อคะ หนูไม่อยากอยู่แล้ว”
“เฟยเฟย ลูกอยู่ที่ไหน อย่าคิดอะไรบ้าๆนะ เดี๋ยวพ่อจะรับตอนนี้เลย ลูกอย่าทำอะไรวู่วาม เด็กดี เชื่อพ่อนะ เดี๋ยวพ่อจะหาวิธีช่วยลูกแก้ไขมันเอง เฟยเฟย ลูกอย่าทำให้พ่อตกใจสิ”
ในที่สุดก็ต่อสายหาลูกสาวได้แล้ว โม่ล่างคุนอยากพูดออกมาในอึดใจเดียว
โม่หรูเฟยร้องไห้ “พ่อคะ นังแพศยาฉู่ลั่วหาน เธอตั้งใจ เธอให้ซุนปิงเหวินข่มขู่หนู เธอบอกว่าถ้าหนูไม่ทำแบบนี้ เธอจะทำให้ซุนปิงเหวินล้มละลาย ยังจะให้ซุนปิงเหวินเข้าคุก ถึงตอนนั้นหนูต้องแบกรับหนี้สินทุกอย่างของบริษัทซุนซื่อ หนูไม่กล้าฟังคำพูดของเธอ ฮือ พ่อคะ”
ความดันของโม่ล่างคุนแทบระเบิด “เฟยเฟย พ่อรู้แล้ว ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง ข่าวครั้งก่อนที่เป็นข่าวดังก็ถูกกลบมิดแล้วไม่ใช่หรอ ครั้งนี้ก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
โม่หรูเฟยสิ้นหวังแล้วจริงๆ ความเชื่อมั่นก็สลายไปตาม “ครั้งนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้วค่ะพ่อ ครั้งก่อนเราปิดปากนักข่าวไว้ไม่ให้มันกระจายออกไป แต่ครั้งนี้มันเป็นถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ต เขารู้กันไปหมดแล้ว ฉู่ลั่วหานปล่อยหนูแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีครั้งที่สองแล้วค่ะ”
เมื่อนึกถึงครั้งก่อน ใบหน้าของโม่หรูเฟยเผยความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อน ฉู่ลั่วหานลงมือไม่ทันได้ตั้งตัว ยังดีที่ตอนนั้นคนอยู่ในเหตุการณ์ไม่เยอะมาก นักข่าวถูกตระกูลโม่ซื้อตัวไว้บ้าง เรื่องราวแดงขึ้นมาไม่นานก็หายไป เธอก็ได้ชดเชยไปบ้าง ใช้เงินมากมายไปกับสังคมสงเคราะห์ ไม่งั้นเธอก็คงไม่มีที่ให้ฝังศพแล้ว
แต่ว่าครั้งนี้……..
โม่หรูเฟยรู้สึกอับอาย ร่างกายก็อ่อนยวบลงไป ล้มนั่งไปบนพื้น สะอื้นอย่างรุนแรง
“เฟยเฟย ไม่ว่ายังไง ลูกต้องเข้มแข็ง ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหนก็ต้องนิ่งไว้ ยุคนี้เป็นยุคของข่าวสาร ทุกวันมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น ไม่มีใครพูดไปตลอดหรอก”
“เดี๋ยวพ่อจะติดต่อกับสำนักข่าวใหญ่ๆ ให้ข่าวคราวของดาราสักคน เรื่องคราวของดาราปิดเรื่องแบบนี้ได้ดีที่สุดแล้ว”
“เฟยเฟย นี่แม่เองนะ เด็กดี ลูกอยู่ที่ไหน เฟยเฟย ลูกอย่าทำให้แม่ตกใจสิ แม่มีลูกคนเดียวนะ ข้างนอกจะว่ายังไงแม่ไม่สน แต่แม่จะอยู่เคียงข้างลูกแน่นอน”
โม่หรูเฟยร่ำร้องด้วยความทุกข์ “แม่คะ หนูเกลียดพวกเขา หนูจะฆ่าพวกเขา กรี๊ด”
เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งดังขึ้น ทำลายความเงียบยามค่ำคืน ทำให้เกิดช่องว่างในค่ำคืนมืดมิด
“กลับมาเถอะ เราค่อยมาปรึกษากัน”
“เฟยเฟย แม่ไม่มีวันยอมให้ลูกถูกฉู่ลั่วหานรังแกแน่นอน”
——
เมืองเจียงเฉิง ณ ชั้นบนสุดโรงแรมห้าดาว
ประตูห้องถูกเปิดออก ลมพัดเข้ามาในห้อง พัดผ้าม่านตรงหน้าต่างปลิวไสว เผยให้เห็นค่ำคืนมืดมิดไร้ขอบเขตด้านนอก แสงจันทร์สาดส่องมายังเตียงคิงไซต์ขนาดใหญ่ ทอดผ่านไปยังรูปร่างที่สง่างาม
เสิ่นเหลียวล็อกประตูห้อง ไม้เท้าในมือกระแทกลงบนพื้น ก้าวช้าๆเข้าไปหาเตียง
รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าอย่างเยือกเย็น
“เธอไม่ใช่เก่งหนักหรือไง อยากเหยียบฉันให้จมลงดิน เธอกล้ามากนะ ตอนนี้ทำต่อสิ ดีดีนะ แสดงความสามารถของเธอออกมา คืนนี้ ฉันจะทำให้เธอต้องร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่ได้”
เพล้ง!
เสิ่นเหลียวโยนไม้เท้าทิ้ง แสงนวลทำให้มองเห็นคนที่หดตัวอยู่บนเตียงไม่ชัดเจน ผมยาวปกคลุมบนใบหน้า เพราะความมืด ทำให้มองเห็นหน้าเธอไม่ชัด แต่รูปร่างสง่างามผอมบาง โดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอม กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของโจมาโลน ทำให้เสิ่นเหลียวนึกถึงไป๋เวยขึ้นมา…..เขาทนไม่ไหวพุ่งเข้าไป กดเธอลงให้อ้อมกอดของตนเอง
เขาเคยมีทั้งผู้หญิงสวย เซ็กซี่ งดงามมากมายแต่ว่าผู้หญิงคนนี้ กลับถูกใจเขาที่สุด เขาไม่มีวันลืมได้ ทุกครั้งของการปลดปล่อยและดื่มด่ำ
……
ไป๋เวยอ่านเนื้อหาในโทรศัพท์ ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้ม คล้ายกับมีทะเลดอกป๊อปปี้เบ่งบานขึ้นบนริมฝีปากของเธอ น่าหลงใหล
“ท่านประธาน จะให้เสิ่นเหลียวสมหวังไหมคะ” ไป๋เวยเอ่ยถามผ่านหูฟังขนาดเล็ก
“ไม่ต้อง”
“รับทราบค่ะ”
ไป๋เวยอยู่ในชุดราตรีแต่กลับคล่องแคล่วว่องไว เดินมาจากห้องชุดข้างๆ หยิบปืนพกออกมา “ปัง” กระสุนหนึ่งนัดยิงทะลุกลอนประตู
“เพล้ง”
ไป๋เวยถีบประตูออกด้วยเท้าเดียว ยกมือขึ้นเปิดสวิตช์ไฟข้างผนัง ต่อจากนั้นมีเสียงพรึบตามมา ชั่วพริบตาห้องทั้งห้องก็ขาวโล่
ดวงตาไม่สามารถปรับให้ชินกับแสงสว่างอยู่ชั่วขณะ
“ใคร”
ภายในห้อง มีเสียงที่ถูกส่งมาด้วยความโกรธตามมา ผสมไปด้วยความโกรธและรู้สึกหงุดหงิด
ไป๋เวยเดินอย่างไม่รีบร้อนเข้าไปในห้อง ปืนในมือเล็งไปที่ศีรษะของเสิ่นเหลียว
เสิ่นเหลียวมองเห็นไป๋เวยรู้สึกราวกับเห็นผี มึนงงไปชั่วขณะ หันกลับไปมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียง
อะไรกัน
ทำไมเป็นเธอล่ะ
หัวใจของเสิ่นเหลียวเย็นวาบราวกับถูกยิงเข้าไป ได้แต่นิ่งงัน
ไป๋เวยยกยิ้มมุมปาก “เสิ่นเหลียว กระทั่งลูกสาวของผู้อำนวยการคุณก็กล้านอนด้วย จุ๊จุ๊จุ๊ ฉันนับถือคุณจริงๆ นับถือจริงๆ”
เสิ่นเหลียวพลันนึกได้ว่าตนเองถูกใส่ความ ยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ ทว่าไป๋เวยไวกว่า ใช้เท้าเตะโทรศัพท์ออกไป เพล้ง โทรศัพท์กระทบกับผนัง เครื่องแตกละเอียด
“คุณจะทำอะไร เมื่อวานผมส่งวิดีโอให้คุณแล้วไง”
นำปลายกระบอกปืนจ่อไปที่ศีรษะของเสิ่นเหลียว ไป๋เวยยิ้มร้าย “ใช่ ของคุณ
เอาให้คุณแล้ว ดังนั้นในมือฉันไม่มีอะไรแล้ว ทำอันใหม่เพิ่มอีกสักอัน ไม่ใช่สมเหตุสมผลนะว่าไหม”
เสิ่นเหลียวมองไป๋เวยด้วยความกลัว ลืมแม้กระทั่งจะใช้ผ้าห่มปิดบังส่วนที่น่าอายของตนเอง เอ่ยลนลาน “ไป๋เวย คุณกล้าใส่ร้ายผมหรอ”
ไป๋เวยขำ “พูดไม่น่าฟังเลย ใส่ร้ายหรอ เสิ่นเหลียว ถ้าฉันดื่มเหล้าที่คุณเอาให้ ตอนนี้คนที่นอนอยู่บนเตียงนั่นคงเป็นฉัน คุณอยากจัดการฉันขนาดนั้นเลยหรอ”
สมองของเสิ่นเหลียวมึนงง “คุณ…..รู้ได้ยังไง”
ปลายกระบอกปืนของไป๋เวยยังเล็งไปที่ศีรษะของเสิ่นเหลียว “คำถามโง่ขนาดนี้ ฉันขอปฏิเสธที่จะตอบ”