ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 719
ตอนที่ 719 ปีหน้าให้คุณได้ฉลองวันแม่
บอกว่าอย่าใจร้อน แต่ห้องประชุมกว้างขวาง ทันใดบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียด ทุกบริษัทที่เข้าร่วมล้วนเฝ้ารอผลที่จะออกมา
มองจากมุมของเจิ้งเฉิงหลินและเฉินว่านเหนียนลงมา ท่าทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนต่างพากันคิดคำนวณอยู่ในใจ ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ สามารถเข้ามาอยู่ในห้องประชุมนี้ได้ ก็สามารถเอาไปโอ้อวดได้แล้ว
แต่ก็ยังมีบางคนที่มีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น อย่างเช่นเสิ่นเหลียว อย่างงเช่น MBK อย่างเช่นหลงไป๋เวยและกู้เยนเซินที่นั่งอยู่ข้างหลงเซียว
สำหรับหลงเซียวนั้น….
เจิ้งเฉิงหลินไม่ได้สนใจสายตารอบข้าง เขามองท่าทีของหลงเซียว แต่แปลกใจมาก เขามองไม่เห็นการเฝ้ารอ และไม่เห็นความร้อนรน
เย้ยหยันอยู่ในใจ แน่นอนว่าจิตใจเขาเข้มแข็งกว่าทุกคน ในสนามที่ใหญ่ขนาดนี้ยังแสดงออกได้ถึงความนิ่งเงียบมั่นคง
เพียงแต่…
เจิ้งเฉิงหลินมองไปยังเฉินว่านเหนียนเล็กน้อย เฉินว่านเหนียนเปิดฝาแก้วถ้วยชาออก เป่าเล็กน้อย ดื่มชาเข้าไป ใบชาเคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวของแก้ว เถี่ยกวนอิมชื่นฉ่ำ
เฉินว่านเหนียนสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมายังเขา แต่เขายังทำเป็นไม่รู้ อ่านเอกสารต่อไป
“ต่อไป ตัวแทนทุกท่านจะมีเวลาคนละสิบนาที สรุปแผนการ แนวทางของตนเองอย่างรวดเร็วครับ” พิธีกรประกาศลำดับพิธีการด้วยรอยยิ้ม
กู้เยนเซินเบ้ปาก “ว้าว ยังต้องอธิบายอีก เชี่ย เวลาห้าวันในเจียงเฉิง ก็น่าจะแยกออกชัดเจนแล้ว ยังต้องมาสรุปอธิบายอะไรอีก”
ไป๋เวยไปทันได้เตรียมตัว รีบคว้าขาเขาเอาไว้ จากนั้นบิดแรงๆ “หุบปาก นี่เป็นไปตามการเมือง การร่วมมือ คุณคิดว่ากำลังซื้อผักในตลาดอยู่หรือไง พูดอะไรไร้สาระ นั่งลง แล้วฟังก่อน”
กู้เยนเซินยื่นมือไปจับมือขาวเนียนของไป๋เวย กุมไว้ในมือของตนเอง ดูเหมือนเป็นสามีที่ดี “ก็ได้ก็ได้ คำพูดของภรรยาเป็นใหญ่ คำพูดของภรรยามีเหตุผล”
ไป๋เวยไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ยู่ปาก บอก “ช่างพูดจริง”
ตามลำดับของตนเอง หลงเซียวอยู่อันดับที่หก กว่าจะถึงเขาก็รออีกเกือบหนึ่งชั่วโมง นั่งนั้นไม่รีบร้อน
ความจริงการสรุปสิบนาที เป็นเพียงการเพิ่มปัญหา ทดสอบทักษะความเป็นผู้นำของแต่ละบริษัทในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยิ่งได้อยู่ด้านหลังยิ่งได้เปรียบ สามารถเตรียมตัวได้เต็มที่
คนที่อยู่ก่อนได้อธิบายอย่างฉะฉานไม่นานก็ผ่านไปสามคนแล้ว
กู้เยนเซินและไป๋เวยนั่งแขวะอยู่ตรงนั้น ทุกครั้งที่ถึงจุดตลกหรือจุดไม่ดีก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ หูของหลงเซียวมีแต่เสียงของพวกเขา
คลืน คลืน
โทรศัพท์ของหลงเซียวดังขึ้น เขากำลังฟังบ้าง หยิบโทรศัพท์ออกมา เป็นข้อความจากเกาจิ่งอาน
“พี่ใหญ่ ผมอยากขอบคุณพี่จากใจ จากใจจริงๆ ขอบคุณพี่สะใภ้ที่ช่วยพี่สาวผม พี่ใหญ่ พี่ต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ กลยุทธ์ทางจิตวิทยาของพี่สะใภ้ร้ายกาจจริงๆ ผมนับถือจากใจเลย กราบลงตรงนี้ อยากไหว้เป็นลูกศิษย์”
หลงเซียวขมวดคิ้ว เกาจิ่งอานบ้าไปแล้วหรอ ลั่วหานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกซะหน่อย โรคของเกาหยิ่งจือไม่ใช่หน้าที่ของเธอ
“อืม”
อ่านแล้วหลงเซียวก็ตอบกลับไปสั้นๆคำเดียว บ่งบอกว่าเขารับรู้แล้ว กลับไปค่อยคุยก็ได้
แต่ว่า เวลาว่างนี้ เขาสามารถส่งข้อความไปหาลั่วหาน ยุ่งมาตลอดสามวัน ตอนนี้จะได้กลับไปแล้ว บอกเธอก่อนล่วงหน้า ถ้ารอผลออกมา เกรงว่าเขาจะไม่ว่างขนาดนั้น
“คุณภรรยาครับ ทำอะไรอยู่” ส่งข้อความไปแล้ว หลงเซียววางโทรศัพท์ไว้บนหน้าขา ทำเหมือนปกติรอข้อความตอบกลับจากลั่วหานในไม่กี่นาที
แต่ครั้งนี้เขารอหลายสิบนาทีแล้ว คนบนเวลาก็เปลี่ยนคนแล้ว เขาไม่ทันได้รอจนถึงข้อความของลั่วหาน
กู้เยนเซินไม่ได้แขวะกับไป๋เวยแล้ว หันหน้ามาดูหลงเซียว “คุณชายหลง เดี๋ยวก็ถึงคิวคุณแล้ว คุณไม่เตรียมตัวหน่อยหรอ เมื่อสักครู่คนของMBKยังเตรียมบัตรคำอยู่เลย ผมเห็นแล้ว”
หลงเซียวคิดว่าลั่วหานน่าจะกำลังยุ่ง ยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า “เตรียมตัวอะไร ขั้นตอนต่างๆมันอยู่ในหัวของผมหมดแล้ว เลือกมาสักหัวข้อก็พอแล้ว”
กู้เยนเซินหันมายกนิ้วให้ “จริงสิ ผมละเลยจุดสำคัญไป คุณคือหลงเซียวนี่นา ไม่ใช่ปีศาจร้ายทั่วไปซะหน่อย”
——
ลั่วหานนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงานของสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา แจ้งอาการของตนอย่างละเอียด และแจ้งถึงผลการตรวจที่ผ่านมาอย่างละเอียด
“ผลตรวจของฉันดีมาตลอด การเจริญเติบโตก็ปกติ ทำไมถึงได้เจ็บขึ้นมากะทันหันคะ แถมยังเจ็บรุนแรงมากด้วย” ใบหน้าของลั่วหานไม่สามารถสงบนิ่งได้อีกแล้ว เธอนั่งรอผลด้วยความร้อนใจ เข้าใจความรู้สึกของคนไข้เหล่านั้นที่อยู่ในห้องตรวจของเธอ
ผู้อำนวยการแผนกสูติ-นรีเวชเป็นหญิงวัยใกล้ห้าสิบ ศาสตราจารย์อาวุโสสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา เธอมีชื่อเสียงในด้านนี้ และไม่กล้าละเลยอาการของลั่วหานแม้แต่น้อย เธอตรวจดูอย่างละเอียดทุกครั้ง
เมื่อดูหมดแล้ว ผู้อำนวยการเองก็มึนงงและสงสัยเช่นกัน “ไม่ใช่สิ ดูจากผล ครรภ์มีพัฒนาการที่ดีมาก ตำแหน่งหัวใจล้วนปกติ คุณและสามีก็ไม่ได้มีประวัติการป่วยหนักอะไรใช่ไหม”
ลั่วหานส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ ฉันตรวจร่างกายผ่านทุกครั้งเลย สามีของฉัน…..”ลั่วหานหยุดไปพักหนึ่ง หัวใจของหลงเซียวเพราะอุบัติเหตุจึงต้องรับการผ่าตัด แต่ก็ไม่ได้เป็นโรคหัวใจอะไร เพียงแค่แผลภายนอก ดังนั้นไม่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
คิดแล้ว ลั่วหานก็ส่ายหน้า “สามีของฉันก็ไม่มีค่ะ”
ผู้อำนวยการไม่กล้าละเลย ถามต่อไป “งั้น พ่อแม่ของคุณละ และพ่อแม่ของสามีคุณด้วย คุณเป็นหมอ น่าจะรู้เข้าใจเรื่องการถ่ายทอดทางพันธุกรรมนะ”
ประโยคนั้นของผู้อำนวยการ พูดอย่างระมัดระวัง ชั่วขณะก็ทำให้หัวใจของลั่วหานเต้นกระหน่ำ
ประโยคที่ราวกับฟ้าผ่าลงมาในหัวของลั่วหานแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตอนนั้นเธอฝั่งตัวเองลงกับเก้าอี้ ร่างทั้งร่างถูกสูบพลังไป สมองขาวโพลน การเว้นช่วงพันธุกรรม
การเว้นช่วงพันธุกรรม
หยวนชูเฟินก็กำลังรักษาโรคมะเร็งอยู่ในตอนนี้ พ่อของเธอเองก็ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ดังนั้น…..ดังนั้นทั้งบรรพบุรุษของเธอและหลงเซียวล้วนตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บ
อีกอย่าง มะเร็งมีแนวโน้มเกิดขึ้นกับครอบครัวที่มีประวัติ
ให้ตายสิ ตอนเธอตรวจคนไข้ยังนึกถึงการซักประวัติครอบครัว เมื่อเจอผู้ป่วยโรคหัวใจต้องสอบถามสามรุ่นก่อนของคนไข้ เมื่อมาถึงตนเอง ทำไมถึงได้เลอะเลือนนะ
สีหน้าของลั่วหานซีดเซียว สองมือเกาะแน่นที่พนักเก้าอี้ เหงื่อซึมเปียกชื้นทั่วแผ่นหลัง
ผู้อำนวยการเห็นปฏิกิริยาของลั่วหาน รีบลุกขึ้นไปประคองด้วยความตกใจ “คุณหมอฉู่ คุณเป็นยังไงบ้างคะ ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ลั่วหานมองไปที่สายตาคู่นั้นที่ราวกับแม่ด้วยความกลัว เธอรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงเธอสั่นเทา “ถ้ามี….จะเป็นยังไงคะ”
ฉู่ลั่วหานได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงได้อย่างชัดเจน ความกังวล ความกลัว ไม่สงบนิ่ง เฝ้ารอ ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นไม่สามารถควบคุมได้
ผู้อำนวยการปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ถ้าบอกตอนนี้ก็คือมี ตอนนี้ยังบอกไม่ได้หรอก หากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งผลต่อความผิดปกติของครรภ์จริง เราก็จะดำเนินการตามขั้นตอน แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการเตือนที่พลาดไปเท่านั้น คุณหมอฉู่ คุณไม่ต้องกลัวนะคะ จากความสามารถของคุณหลง ต้องหาทางออกได้แน่นอน”
ดวงตาของลั่วหานจับจ้องที่ใบหน้าของผู้อำนวยการ บอกทีละคำ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าเด็กคนนี้จะมีโรคหรือไม่ ฉันจะต้องเก็บเขาไว้ ต้องเก็บเขาไว้”
ความเข้มแข็งของแม่นั้น ทำให้เสียงของลั่วหานเต็มไปด้วยพละกำลัง ด้วยความเป็นแม่ เธอยอมแลกทุกอย่างเพื่อเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ ยอมแลกทุกอย่าง ผู้อำนวยการกลับถูกเธอทำให้หัวเราะ “คุณหมอฉู่ คุณเป็นแม่ครั้งแรก ตื่นเต้นนั้นพอเข้าใจ แต่อย่ากลัวเกินไป นี่ผลยังไม่ออกไม่ใช่หรอ อย่ากลัวเลย อย่ากลัว วันแม่ปีหน้า ต้องให้คุณได้รับดอกคาร์เนชั่นดีไหม”
ความอ่อนโยนของผู้อำนวยการช่วยปัดเป่าความกลัวในใจของลั่วหาน ทำให้เธอผ่อนคลายลงมาบ้าง ลูบไล้หน้าท้องของตนเองเบาๆ เผยรอยยิ้มสดใสออกมา บอกกับลูก “ไม่ว่าจะมีคาเนชั่นไหม ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีวันแม่ ฉันหวังแค่ว่าเขาจะสามารถคลอดออกมาด้วยสุขภาพที่แข็งแรง เด็กคนนี้ฉันรอมาตั้งเจ็ดปี ฉันจะไม่ทอดทิ้งเขาค่ะ”
“ฉันจะพาคุณไปตรวจก่อนนะคะ คุณอย่าพึ่งเครียด แต่ว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นสามีคุณมาด้วยล่ะคะ” ผู้อำนวยการพูดจบถึงนึกได้ว่าตนเองพลาดไป ข่าวเคยออกแล้ว พวกเขาหย่ากันแล้ว จึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก “ดูฉันสิ พูดมากจริง”
ลั่วหานลุกขึ้น “เขายุ่งๆค่ะ ไม่เกี่ยวอะไรกับหย่าไม่หย่าหรอก”
เขาเป็นสามีของเธอ เป็นพ่อของลูก ไม่เกี่ยวอะไรกับกระดาษแผ่นเดียวหรอก
——
คนของMBKสรุปจบเป็นคนสุดท้าย สมแล้วที่เป็นบริษัทใหญ่ ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังสามารถให้บทสรุปที่กระชับได้ในเวลาไม่กี่นาที ได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง
แต่เมื่อมาถึงเสิ่นเหลียว เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากด้านล่างอย่างเห็นได้ชัด เสิ่นเหลียวแบกรับคำต่อว่าจากข่าวในตอนนี้ ไม่น้อยคนเลยที่กำลังสงสัย เสิ่นเหลียวสามารถมาถึงจุดนี้ได้ ต้องเล่นตุกติกอย่างแน่นอน สำหรับอีกฝ่ายเป็นใคร คนทั้งเจียงเฉิงล้วนก็รู้ว่าเสิ่นเหลียวนั้นสนิทกับตระกูลเจิ้งที่สุด
ดังนั้นทุกคนจึงนึกขัน
ต่อมา หลงเซียวขึ้นเวที ย่างก้าวที่งดงาม พายุที่สงบนิ่ง มีคำอธิบายที่เป็นระเบียบมีแบบแผน มีการวิเคราะห์ที่สอดคล้องสมเหตุสมผล แม้ว่าเขาจะใช้เวลาเกินสิบนาทีไม่ได้ แต่เขาก็ใช้เวลาสิบนาทีที่ได้ผลราวกับร้อยนาที ทุกๆคำพูดเป็นสาระสำคัญกลายเป็นสุภาษิต
“การสรุปงานของผมก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกท่านครับ”
หลงเซียวพูดจบ ก็โค้งคำนับ
คนด้านล่างนิ่งอึ้ง แม้กระทั่งกู้เยนเซินก็อึ้งไปเช่นกัน
ว้าว นักพูดนี่นา เยี่ยมมาก นับถือ
หลังจากความเงียบ เสียงปรบมือก็ดังระห่ำขึ้น
ไม่นาน คนที่ดึงคะแนนโหวต ก็พูดจบครบทุกคน หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานก็ถึงเวลาเปิดคำตอบ
เพราะช่วงเวลาที่ยาวนานทำให้ความตื่นเต้นค่อยๆลดลง ดังนั้นตอนนี้จึงสงบเงียบ
ในมือของเจิ้งเฉิงหลินถือซองกระดาษ “ต่อไปผมจะประกาศบริษัทที่เข้ารอบนะครับ”
ไม่เสียเวลา ไม่มีความตึงเครียดแบบในโทรทัศน์ เจิ้งเฉิงหลินเปิดซองกระดาษ…….
“บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูเมืองเก่าได้แก่..บริษัทMBKกรุปครับ…..”