ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 720
ตอนที่ 720 เพศของลูก
เป็นอย่างที่คิดไว้……
เมื่อได้ยินผลลัพธ์นี้แล้ว ปฏิกิริยาจากด้านล่างพอที่จะพูดได้ว่าแต่ละคนต่างมีดีเฉพาะตัว มีพยักหน้า ไม่พอใจ อิจฉาริษยา ไม่ยอม
เสิ่นเหลียวจงใจมองไปยังด้านของหลงเซียว มุมปากยิ้มเยาะเหมือนกับงูพิษกำลังคืบคลาน เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งแถมยังโหดเหี้ยม “เหอะเหอะ ทำไปหลายเรื่องขนาดนั้น ผลสุดท้ายก็ยังคงแพ้ เมื่อกี้ตอนอยู่บนเวทีไม่ใช่ว่ามีความมั่นใจมากหรอกเหรอ?! หลงเซียว นายมันก็โอหังได้ไม่กี่วัน!”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ก็ยังยิ้มเยาะอีกว่า “ประธานเสิ่น โครงการในครั้งนี้ถูกMBKเอาไปก็ถือว่าคู่ควรแล้ว ถึงอย่างไรเสียท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันมากมาย ถ้าจะให้พูดถึงศักยภาพและชื่อเสียงในสังคม ไม่ว่าใครก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของMBK ดังนั้นพวกเราแพ้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร”
ในมือของเสิ่นเหลียวค้ำไม้เท้าเอาไว้อยู่ พูดจาเสียดสีถากถางอย่างเย็นชา “ฉันอยากจะเห็น หลงเซียวยกตนสูงขนาดนั้น เขาจะลงมาจากเวทียังไงกัน! เชี่ย ปีนขึ้นไปสูง คราวนี้แหละจะตกลงมากตาย!”
และอีกด้าน กู้เยนเซินเมื่อฟังผลแล้ว ท่าทางวุ่นวายพลางด่า “เชี่ย คิดว่าต้องเป็นพวกเขา แต่ฉันไม่ยอม MBK อาศัยความโดดเด่นที่ต่อมีมาตลอด นับภาษาอะไรกัน”
ไป๋เวยกำหมัดแน่น เอ่ยเขาเอ่ยอย่างเคียดแค้นและรู้สึกไม่เป็นธรรม “พวกเราใช้กำลังกายและสติปัญญาไปมากมายเพื่อโครงการนี้ ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถ้าหักเรื่องชื่อเสียงของตระกูลฉู่ออก ตามความเป็นธรรมแบบแผนของพวกเราถือได้ว่าดีที่สุด เหมาะสมที่สุดในการใช้ดำเนินโครงการ เสียดายที่ก็เพียงแต่……”
ไป๋เวยเหลือบมองทางด้านMBKอย่างโกรธแค้น ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าสถานที่แสดงสินค้าของพวกเราจะเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นอย่างกะทันหัน
ต่อมาเธอหันสายตากลับมาก็เห็นเข้ากับเสิ่นเหลียว พอดีกับที่เสิ่นเหลียวก็มองมาทางนี้เช่นกัน เลยทำให้สายตาของทั้งสองคนประสานกันในอากาศเกิดประกายไฟขึ้นอย่างฉับพลัน
เสิ่นเหลียวเชิดหน้าใส่เธอ ยิ่งหลงระเริงลำพองใจมากยิ่งขึ้น
“สัตว์เดรัจฉาน!” ไป๋เวยพูดลอดไรฟันออกมาสี่คำ แต่ละคำกลายเป็นมีดทิ่มแทงไปยังเสิ่นเหลียว
กู้เยนเซินจับมือของเธอเอาไว้ พบว่าเธอเย็นยะเยือกเหมือนกับหยกขาว “เวยเวย อย่าไปทะเลาะกับพวกคนกากเดนที่มีความรู้ต่ำกว่าเลย ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวเขาก็ตาย!”
สุดท้ายทั้งสองคนก็ให้ความสนทั้งหมดกับหลงเซียว เขานั่งอยู่ตรงนั้น มองไปข้างหน้าอย่างไม่ทุกข์ไม่สุข มองไม่เห็นความสิ้นหวัง
“คุณชายหลง คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลงเซียวส่ายหน้า “แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติของนักการทหาร ใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีก็พอแล้ว ยิ่งกว่านั้นการมอบโครงการให้กับMBK ดีกว่ามอบให้ตระกูลเสิ่น ฉันยังต้องมีปัญหาอะไร? ให้อาหมิงจองตั๋วเครื่องบิน จะได้กลับบ้านล่วงหน้าไปหาภรรยา”
กู้เยนเซิน “……”
ไป๋เวย “……”
นี่……ถูกทำให้สะเทือนจิตใจร้ายแรงเกินไปหรือเปล่า หรือสะเทือนจิตใจจนเซ่อ?
สารภาพตามตรง ผิดหวังไหม? เสียใจไหม?
มีบ้าง
นี่คือโอกาสดีที่จะทำให้ตระกูลฉู่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น ,มีโครงการแหล่งพลังงานใหม่ครั้งที่แล้วในระดับแนวหน้า และยังมีโครงการคุ้มกันเส้นทางการเดินเรืออันนี้เพิ่มมาอีกด้วย ในปีหน้าหุ้นของตระกูลฉู่สามารถเพิ่มขึ้นเท่าตัว มากจนกระทั่งสามารถพึ่งพาวิธีนี้ก้าวกระโดดขึ้นเป็นบริษัทแถวหน้าของเมืองหลวง
แน่นอนถ้าหากได้มันก็ดี แต่เถ้าเสียไปก็ไม่จำเป็นต้องผิดหวังมาก ยังมีทางอื่นที่จะสามารถพัฒนาได้
หลงเซียวไม่ได้สนใจวาระการประชุมข้างหลัง จัดชุดสูทให้เป็นระเบียบเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ฉันออกไปก่อนนะ”
เขายังไม่ทันได้ลุกขึ้น เจิ้งเฉิงหลินที่อยู่ด้านบนเวทีก็เอ่ยขึ้นมาช้าๆ หยุดพูดระหว่างนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที เขาเพลิดเพลินไปกับการแสดงสดที่ยอดเยี่ยม
“ทุกคนต่างทราบกันดีว่า MBKคือบริษัท……” ด้วยเหตุนี้ จึงเอ่ยยกย่องMBK ที่จริงแล้วมันล้วนเป็นคำพูดเก่าเกลื่อนที่สามารถหาได้ในสารานุกรมไป่ตู้ แต่พูดมันออกมาในที่นี้เวลานี้ น่าหงุดหงิดจริงๆ
“แต่……” จู่ๆ เจิ้งเฉิงหลินก็เอ่ยเปลี่ยนทิศทาง ผู้คนในสถานที่แสดงสินค้าก็ค่อยๆ ใจจดใจจ่อ หรือว่ามีการเปลี่ยนแปลง? ดวงตาของหลงเซียวหนักแน่นเล็กน้อย เขาไม่รีบร้อนออกไป
เจิ้งเฉิงหลินเอ่ย “โดยรวมเรื่องศักยภาพ MBKถือว่าเป็นที่หนึ่งไม่มีที่ติ แต่ว่าเกี่ยวกับโครงการในครั้งนี้ มีบริษัทหนึ่งที่เสนอแบบแผนได้ละเอียดรอบคอบไร้ที่ติ”
มีบริษัทหนึ่ง?
ใคร?
บริษัทไหน?
สถานที่ประชุมที่เงียบสงบไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ ก่อให้เกิดการกระสับกระส่าย เสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ได้ ปกคลุมความเงียบอีกครั้ง
มุมปากเสิ่นเหลียวกระตุก สายตาแหลมคม
กู้เยนเซินกลับยิ้มร้าย “ว้าว นี่มันหมายความว่ายังไงกันนะ เปลี่ยนผลกะทันหันหรอ เล่นแบบนี้ได้ด้วย”
เจิ้งเฉิงหลินยกสองมือขึ้นโบก บอกใบ้ให้เงียบก่อน เขาหยิบเอกสารที่จัดเก็บเรียบร้อยออกมาหนึ่งชุด “นี่เป็นแบบที่บริษัทฉู่ซื่อส่งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความมืออาชีพหรือการดำเนินงาน ล้วนเหมาะสมต่อความต้องการของโครงการ”
อะไรนะ บริษัทเล็กๆอย่างฉู่ซื่อสามารถล้มMBKได้หรอ
มันกะทันหัน น่าแปลกใจ ไม่สมเหตุสมผลเลย
เจิ้งเฉิงหลินยิ้ม “ดังนั้นเราถึงได้ตกลงกันว่า การฟื้นฟูเขตเมืองเก่าในครั้งนี้ จะรับผิดชอบโดย MBKและ บริษัทฉู่ซื่อ MBKมีฝีมือ เครื่องมือ และทรัพยากรบุคคล แต่บริษัทฉู่ซื่อมีหลงเซียวคอยดูแล ยิ่งมีคนที่มีนักออกแบบที่มีความสามารถ ผมเชื่อว่า กำลังของMBKบวกกับการตัดสินใจของฉู่ซื่อ จะทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงได้ ขอแสดงความยินดีกลับMBKและฉู่ซื่อด้วยนะครับ และขอให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดีครับ”
MBKและฉู่ซื่อร่วมมือกันงั้นหรอ
ไข่แดงสองลูกปรากฏพร้อมกันในโครงการ น่าแปลก น่าประหลาดใจ
แปะ แปะ แปะ
ตอนนี้มีคำถามและความสงสัยมากมายเกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ยังไว้หน้าปรบมือแสดงความยินดี บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมา
มุมปากของหลงเซียวเผยรอยยิ้มบางๆ รอยยิ้มนี้ ไม่ใช่เพราะได้รับผิดชอบโครงการ แต่เพราะเฉินว่านเหนียนที่เริ่มทำเป็นไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่บนเวทีนั่นต่างหาก
ถ้าตามเงื่อนไขเดิม โครงการเดียวไม่สามารถให้สองบริษัทรับร่วมกัน เวลาจัดการขึ้นมามันวุ่นวาย และคนจีนทำงานชอบกระทบกระทั่งกัน ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
ดังนั้นหลงเซียวมั่นใจได้เลยว่า เฉินว่านเหนียนมีบทบาทสำคัญในการสร้างกระบวนการไข่แดงสองลูกในครั้งนี้
กู้เยนเซินปรบมืออย่างหนัก สองมือปรบกระทบกันแรงไม่กลัวเจ็บ “คุณชายหลง น่าแปลกมาก ดีใจมาก ไม่คิดว่าบริษัทฉู่ซื่อจะแบ่งเนื้อมาได้ครึ่งหนึ่ง ฮ่าๆ คืนนี้ต้องได้ฉลองดีๆแล้วล่ะ”
พูดถึงฉลอง หลังจากสิ้นสุดการประมูล มีบริษัทท้องที่มากมายเข้ามาแสดงความยินดีเป็นมิตร ต่างคนต่างหวังว่าจะได้เลี้ยงหลงเซียว
ตามข้อเสนอของพวกเขา อาหารของหลงเซียวอย่างน้อยถูกจัดอันดับไว้จนถึงหนึ่งเดือนให้หลัง หนึ่งเดือนไม่ซ้ำเลย
แต่หลงเซียวก็ปฏิเสธแล้ว
ไป๋เวยถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านประธาน คุณปฏิเสธไปหมดแบบนี้ ไม่ค่อยถูกต้องหรือเปล่า งานฉลองคืนนี้ก็ไม่ไปหรอ คณะกรรมการเขตเมืองเก่าจัดงานเลี้ยงรับรองตัวแทนจากMBKและฉู่ซื่อ”
หลงเซียวเหลือบไปเห็นเฉินว่านเหนียนที่ถือถ้วยแก้วของเขาออกไป ดวงตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณเป็นตัวแทนของฉู่ซื่อไปก็พอแล้ว ผมมีคนสำคัญกว่าต้องไปเยี่ยม”
กู้เยนเซินมองตามสายตาของเขา เขาเองก็มองเห็นเฉินว่านเหนียน “อ้อ จริงสิ จริงด้วย ควรไปเยี่ยมเขาหน่อย เป็นคนดีจริงๆ เดี๋ยวกลับไปผมมอบรถให้เขาสักคันดีไหม ไม่ไม่ไม่ คันเดียวไม่เพียงพอสำหรับการขอบคุณของผม ให้บ้านหนึ่งชุดไปเลย”
ไป๋เวยยิ้มเย็น “ยังจะให้รถให้บ้าน คุณอยากส่งเขาไปเข้าคุกเพื่อเปิดห้องเดี่ยวไหม”
“กู้เยนเซิน “……..”
เฮ้ย คุณภรรยาพูดถูกที่สุดเลย
ไป๋เวยและกู้เยนเซินกลับไปแล้ว หวังเจี้ยนขับรถเข้ามารอรับแล้ว
“ท่านประธาน พวกเราไปไหนครับ”
หลงเซียวขึ้นรถ พิงพนักที่นั่งแล้วบอก “บ้านเฉินว่านเหนียน”
“ครับ”
รถเคลื่อนออกไปนิ่งๆ
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ออกมา เขาอยากแบ่งปันข่าวดีกับเจ้านายของเขา แต่หน้าจอโทรศัพท์ก็ยังไม่มีข้อความจากลั่วหานตอบกลับมา นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว
ไม่สมควรนะ
หลงเซียวไม่ส่งข้อความอีก แต่ต่อสายหาเบอร์ของลั่วหาน
สัญญาณถูกส่งไปยังเมืองหลวงที่ไกลออกไป สั่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ของลั่วหาน ลั่วหานกำลังตรวจร่างกายอยู่ เธอถอดเสื้อกาวน์วางไว้บนเก้าอี้ ไม่ได้ยินเสียง
การตรวจทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว ทุกขั้นตอนล้วนมีผู้อำนวยการดูแลเคียงข้างตลอด
ลั่วหานดึงเสื้อตัวในคลุมท้องน้อยที่เริ่มนูน รู้สึกประหม่าและกระวนกระวาย ลมหายใจและการเต้นของหัวใจเธอในตอนนี้ รู้สึกกลัดกลุ้ม เชื่องช้า ใจหายใจคว่ำ
ใบหน้าของผู้อำนวยการไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้าแล้ว เขาพยุงให้ลั่วหานนั่งลง ในมือถือผลตรวจเอาไว้ ความเศร้าเริ่มปกคลุมใบหน้าที่สดใสของเธอ
“คุณหมอฉู่คะ รอสามีคุณมาดีกว่าไหมคะ”
ได้ยินเธอบอกแบบนี้ ลั่วหานก็สัมผัสได้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณบอกกับฉันเลยก็ได้ ฉันเป็นหมอ การยอมรับดีกว่าบุคคลทั่วไปอยู่แล้ว”
ผู้อำนวยการไม่ได้พูดอะไรอีก ใส่แผ่นบลูอัลตร้าซาวด์ลงในแท่นโปร่งแสง ด้านบนมีรูปร่างเล็กๆอยู่ เป็นภาพเด็กทารกที่ขดตัวอยู่ในครรภ์ของมารดา
ดูแล้วสวยงาม สวยงามจนอยากร้องไห้
นี่คือลูกของเธอ
ผู้อำนวยการได้หยิบภาพการตรวจวัดหัวใจของทารกออกมา ชี้ไปที่หัวใจของทารก บอกด้วยเสียงอ่อนโยน “พัฒนาการโดยรวมของทารกในครรภ์ดีมากเลยนะคะ แต่ว่า หัวใจของทารกมีปัญหาเล็กน้อย”
เธอพูดอ้อมค้อมมีชั้นเชิง ทว่าสำหรับลั่วหานนั้นกลับเป็นการเตือน
พวกนี้เป็นความถนัดของลั่วหาน ดังนั้นผู้อำนวยการไม่ต้องพูดอะไรมาก เธอรู้ทุกอย่างแล้ว
ผู้อำนวยการบอก “คุณเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ฉันคงไม่ต้องอธิบายแล้ว แต่คุณก็เห็นแล้ว ความจริงมันไม่ได้เป็นปัญหาที่ใหม่มาก คุณแค่ต้องดูแลสภาพจิตใจให้มีความสุขไว้ ผ่อนคลาย จัดการดูแลให้ดีในช่วงตั้งครรภ์นี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต์สามารถจัดการได้ก่อนที่เด็กจะคลอดออกมา
หมอชอบพูดคลุมเครือสองแง่ให้คนวางใจ ลั่วหานเข้าใจอยู่แล้ว
มือลูบไปที่ท้อง ความอ่อนโยนในดวงตาของลั่วหานราวกับน้ำแร่ “ฉันทำได้ค่ะ ในระหว่างที่ท้องจะจัดการให้ได้ ฉันจะพยายามให้เต็มที่ ให้ลูกได้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและแข็งแรง”
ผู้อำนวยการกุมมือลั่วหานแล้วตบเบาๆ “จริงสิ ปัญหาแบบนี้ ถ้าครรภ์แรกมี ครรภ์ที่สองก็จะเลี่ยงได้แน่ พวกคุณมีอีกคนก็ได้นี่”
พูดจบ ผู้อำนวยการรู้ว่าตัวเองพลาดอีกแล้ว โอ๊ย เขาหย่ากันแล้ว จริงๆเลย
ลั่วหานยิ้มบางๆ “ข้อเสนอของผู้อำนวยการดีมากๆเลยค่ะ ฉันและสามีฉัน เรารักเด็กมากๆ ดังนั้นจะมีครรภ์ที่สองค่ะ”
ผู้อำนวยการนิ่งงัน ไม่ใช่หย่ากันแล้วหรอ
ลั่วหานสวมเสื้อกาวน์กลับคืน กล่าวขอบคุณแล้วกลับห้องทำงานที่งานศัลยกรรมหัวใจ
เมื่อจับโดนโทรศัพท์ จึงเปิดดู
“คุณภรรยา ทำอะไรอยู่ครับ?”
“ลั่วลั่ว ยังยุ่งอยู่เหรอ? ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์?”
“ลั่วลั่ว เห็นแล้วโทรกลับหาผมด้วย”
ข้อความสามข้อความ สามสายไม่ได้รับ ล้วนมาจากหลงเซียว
ลั่วหานสูดหายใจเข้าลึกๆ โทรกลับหาเขา
เสียงดังไม่นานสายก็ถูกกดรับ ในสายเป็นเสียงร้อนใจของหลงเซียว “ลั่วลั่ว ในที่สุดคุณก็โทรกลับ ถ้าไม่โทรกลับมาอีกผมก็คงบินตรงไปเมืองหลวงแล้วนะ”
ลั่วหานเบ้ปากขำเขา “ตรวจสอบฉันหรอ คุณสามีเก่า คุณอย่าผิดสถานะได้ไหม”
หลงเซียว “……ลั่วลั่ว คำถามนี้ คุณมั่นใจหรอว่าจะเถียงต่อ”
ลั่วลั่วกล่าวขออภัย “โอเค โอเค ฉันผิดไปแล้ว โครงการเป็นยังไงบ้างคะ”
หลงเซียวกล่าวเสียงเบากับเฉินว่านเหนียน “ผมขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ” เดินออกไป หยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง “ไม่ถามผมก่อนหรอว่าผมเป็นยังไง ห่วงแค่โครงการหรอ”
ลั่วหานยิ้มออกมา ความหนักอึ้งและกังวลเมื่อสักครู่มลายหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา “ฟังจากน้ำเสียงของคุณ คงจะมีข่าวดีแน่นอน ยินดีด้วยนะคะ”
หลงเซียวบอกช้าๆ “ผมช่วยเจ้านายแย่งโครงการใหญ่ได้ขนาดนี้ เจ้านายเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้ผมครับ” หลงเซียวพิงราวบันไดแล้วมองไกลออกไป การคุยโทรศัพท์กับลั่วหาน ทำให้เขาลืมว่าตัวเขาอยู่ที่เฉินว่านเหนียน
ลั่วหานเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ให้รางวัลให้กับคุณ คุณต้องชอบแน่ๆ”
“เอ๋ เงื่อนไขของผมสูงมาก คุณมั่นใจหรอ”
ลั่วหานจำนึกย้อนถึงแผ่นอัลตร้าซาวด์ที่ผู้อำนวยการเอาให้เธอดู ดวงตาเผยความอ่อนโยนออกมา “ตอบแทนคุณด้วยลูกสาวตัวน้อย จะน่ารัก ขี้อ้อน แถมยังจะฉี่ใส่คุณอีก”
หลงเซียวไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ คำพูดก่อนหน้า เขาอาจคิดว่าเป็นภรรยาของเขา แต่ฉันใส่เขานี่
หรือว่า??!!
ลั่วหานหัวเราะออกมา “หลงเซียว เมื่อสักครู่ฉันไปอัลตร้าซาวด์มา เพศของลูกยืนยันแล้ว เป็นผู้หญิง คุณเคยบอกว่าชอบลูกสาวมาก ดังนั้นให้คุณคนหนึ่ง วุ่นวายกับคุณไปตลอดชีวิต สะบัดก็สะบัดไปไม่ได้นะ