ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 736
ตอนที่ 736 ลงมือจัดการให้เหมือนที่ทำกับพี่น้องแท้ๆ
ณ อาคารของบริษัทMBK ในห้องทำงานท่านประธาน
หลงจื๋อเอาแต่คิ้วขมวดตั้งแต่นั่งลงจนดื่มกาแฟหมดไปหนึ่งแก้ว ภาพในหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยน หลงเซิ่งที่เมาไม่เป็นท่าก็โบกมือไปมา พร้อมกับร้องตะโกนโหวกเหวกด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
ตัวอักษรที่อยู่ข้างๆ ก็คือเนื้อหาที่เขาร้องตะโกนออกมา
หลงจื๋อจิ้มที่หัวคิ้ว“พี่ พี่มาหาผม เพื่อเตรียมที่จะมาขอโทษ? หรือจะมาชี้แจงการเข้าใจผิดในตอนนี้?”
หลงยี่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขายิ้มอย่างอึดอัด“เสี่ยวจื๋อ……อ้อ ไม่สิ ท่านประธาน พ่อของฉันคงจะดื่มเยอะไปหน่อย ดื่มเยอะไปก็เลยพูดมั่วซั่วไปหลายประโยค ใครจะไปรู้ว่าจะถูกคนหลอกใช้ แล้วก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะเป็นปัญหาถึงขั้นนี้ด้วย เสี่ยวจื๋อ นายเชื่อฉัน ฉันไม่มีเจตนาอื่นจริงๆ คนพวกนี้มีเจตนาที่ไม่ดี เพื่อความสามัคคีกลมเกลียวกันของตระกูลเรา จะต้องลากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้นะ!”
หลงยี่พูดอย่างโกรธแค้นขุ่นเคืองใจ กำมัดแน่นแสดงถึงว่าจะต่อกรกับการกระทำชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังอย่างถึงที่สุด
แต่หลงจื๋อเพียงแค่ยิ้มๆอย่างหมดเรี่ยวแรง เขาพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า“พี่นี่ช่างพูดจริงๆนะ ลุงเมาแล้วก็เลยพูดออกมาโดยไม่คิดงั้นเหรอ? พี่พูดออกมาได้อย่างง่ายๆเลยเนอะ!เห็นข่าวของวันนี้แล้วยัง?”
หลงยี่ก้มหัวลงด้วยความรู้สึกอึดอัด น้ำเสียงก็เล็กลงไปเยอะ“ฉัน……ฉันดูแล้ว แต่ตอนนี้ข่าวก็ถูกปิดลงไปแล้ว ไม่ ไม่มีทางส่งกระทบอะไรมากมายหรอก แถมวันนี้ก็เปิดตลาดหุ้นด้วย หุ้นของMBKก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
หลงจื๋อเคาะแก้วกาแฟด้วยความหงุดหงิด“พ่อของผมให้พวกพี่ออกไปจากบ้านชั่วคราว ดูเหมือนว่าพี่กับลุงคงจะไม่พอใจนะ”
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ แน่นอนว่าไม่ใช่ พวกเราอาศัยอยู่ข้างนอกสบายดีมาก แถมพ่อของนายให้พวกเราไปอยู่ข้างนอก ก็เพื่อให้ป้ารองได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สงบรักษาอาการป่วย พวกเราเข้าใจดี เสี่ยวจื๋อนายอย่าเข้าใจผิดสิ อย่าเอาคำพูดยุยงสองสามคำของคนภายนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไร มา มาส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของตระกูลพวกเราสิ”
ในใจของหลงจื๋อเยือกเย็น เขามองหลงยี่ที่เล่นลิ้นพูดไหลไปเรื่อย เทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำในอดีตที่ผ่านมา ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าคนพวกนี้จะเป็นญาติพี่น้องของตัวเอง!
ญาติพี่น้องแท้ๆที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขแน่นแฟ้น!
ญาติพี่น้องที่แอบแทงข้างหลังครั้งแล้วครั้งเล่า!
“ตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนต่างกดดันมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น ช่วงนี้พี่ก็ไม่ต้องออกไปร่วมกิจกรรมอะไรของบริษัทก่อนนะ การประชุมครั้งหน้าถ้าให้ดีพี่ก็เลี่ยงไปซะ”หลงจื๋อพูดสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจไว้แล้วออกมา สีหน้าเข้มงวด ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความยากลำบากที่ไม่เหมาะสมกับวัยของตัวเอง
“อะไร? ไม่ให้ฉันเข้าร่วม? เสี่ยวจื๋อ นี่มันไม่เหมาะสมเกินไปหรือเปล่า? ตอนบ่ายต้องประชุมกับกลุ่มโปรเจกต์นะ ฉันเป็นผู้รับผิดชอบโปรเจกต์ ลุงรองเป็นคนให้ฉันดูแลจัดการธุรกิจในเมืองหลวง ฉันต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุดสิ!”
หลงยี่พอได้ยินว่าจะให้เขาออกจากตำแหน่งหลัก ก็ตื่นตกใจทันที รีบเข้าไปร้องขอความเมตตา แต่มือของเขายังไม่ทันได้คว้ามือของหลงจื๋อไว้ หลงจื๋อก็หลบไปเสียก่อน
หลงจื๋อหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก จิ้มไปยังภาพที่อยู่บนนั้น ตัวอักษรสีเข้มที่อยู่ข้างบนดูสะดุดตา——“การประชุมรายไตรมาสของMBKเห็นถึงสัญญาณการไม่ลงรอยกันภายในตระกูล สองพ่อลูกหลงเซิ่งไม่ได้เข้าร่วมกันการประชุมกันทั้งคู่”
“ในเมื่อขนาดการประชุมรายไตรมาสของบริษัท พี่กับลุงยังหาเวลามาเข้าร่วมไม่ได้ การประชุมเล็กๆแบบนี้ในช่วงบ่ายก็คงจะไม่ไปรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกพี่แล้วกัน ส่วนเรื่องการวางแผนภาพรวมของโปรเจกต์ ผมจะให้ผู้จัดการเฉินมารับผิดชอบชั่วคราว พี่จะได้ถือโอกาสนี้ไปพักผ่อนสักสองสามวันด้วยเลย”
จริงๆอยากจะพูดออกไปว่าถือโอกาสพักผ่อนสักครึ่งปีไม่ก็หนึ่งปีไปเลยก็ได้นะ!
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลงยี่หยุดชะงักลง กล้ามเนื้อบนหน้าบิดเบี้ยวอยู่สักพักก่อนจะพูดยิ้มๆ“เสี่ยวจื๋อ นี่มัน……จะไม่ชัดเจนเกินไปเหรอ? ในข่าวมันก็คือข่าวลือ แล้วนายดันมาลงที่ฉันเนี่ยนะ เหอะๆ กลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน ได้นินทากันสนุกปากพอดีเลยน่ะสิ”
หลงจื๋อเอาข้อศอกมาค้ำบนโต๊ะ ครึ่งตัวบนที่สูงใหญ่โน้มเอียงมาข้างหน้า มุมปากพูดล้อเล่น“พี่ พี่ต้องมองให้ชัดเจนแจ่มแจ้งสิ ผมกำลังปกป้องพี่อยู่นะ ถ้าเกิดการที่พี่ไปเข้าร่วมแล้วส่งผลทำให้โปรเจกต์ทั้งสามของเมืองหลวงมีข้อบกพร่องขึ้นมา พี่จะรับผิดชอบยังไง? ตอนนี้เรื่องมันกดอยู่ที่ผม ถึงยังไงก็กันพี่ไว้ก่อน ถ้าเกิดถูกพ่อของผมรู้ขึ้นมา พี่คิดดูว่าจะเกิดผลอะไรตามมา?”
“ฉัน……”หลงยี่อยากที่จะพูดชี้แจงด้วยความลำบากใจ อยากที่จะพูดเถียงอะไรสักหน่อย แต่รอยยิ้มของหลงจื๋อแฝงไปด้วยแรงอำมหิต เขาจึงพูดอะไรไม่ออก
สุดท้ายก็ทำได้แค่พยักหน้าด้วยความคับแค้นใจ“ก็ตามนั้นแล้วกัน ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนก็แล้วกัน แต่ว่า……”
“พี่ ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ พี่จัดการเรื่องต่างๆทั้งนอกทั้งในลำบากมากแล้วจริงๆ แทบจะไม่มีเวลาได้ไปผ่อนคลายกับพี่สะใภ้เลย ผมให้เลขาจองตั๋วไปมัลดีฟส์สองใบให้กับพวกพี่แล้ว โรงแรมก็จองไว้เรียบร้อยแล้ว ปล่อยวางเรื่องงานไปผ่อนคลายสักหน่อยสิ อ้อ……พี่สะใภ้พูดอยู่ตลอดเลยนี่ว่าอยากได้ลูกสักคนไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้พวกพี่ก็ควรจะมีลูกได้แล้วนะ ก็ถือโอกาสนี้ไปมีลูกด้วยกันซะเลยมันก็ดีมากไม่ใช่หรือไง?”
หลงจื๋อพูดตัดบทแรงต่อสู้ดิ้นรนสุดท้ายของหลงยี่ แถมยังชักตั๋วเครื่องบินสองใบออกมาจากแฟ้มเอกสารด้วย ในตั๋วเครื่องบินแนบบัตรห้องของโรงแรมไว้หนึ่งใบ ยื่นให้กับหลงยี่
หลงยี่มองของในมือด้วยความมึนงงไม่เข้าใจ ในใจรู้สึกกระวนกระวาย“เสี่ยวจื๋อ……ไม่ต้องหรอก”
“เหอะๆ ทำไมถึงไม่ต้องล่ะ? แม้แต่พนักงานที่ทำงานดีเด่นยังมีตั๋วเครื่องบินไปกลับเกาะไซปันให้เลย นับประสาอะไรกับพี่ที่เป็นถึงผู้จัดการ รับไปเถอะ พอถึงโรงแรมอย่างปลอดภัยแล้วก็บอกผมสักหน่อยแล้วกัน ใช่แล้ว ผมติดต่อทางโรงแรมไปแล้ว ว่าให้บริการกับพวกพี่เหมือนเป็นผมเอง ช่วงเวลาที่จำเป็นผมจะตรวจคุณภาพงานของพวกเขา หวังว่าพี่กับพี่สะใภ้จะพักผ่อนอย่างมีความสุขนะครับ”
หลงจื๋อพูดซัดมาประโยคแล้วประโยคเล่า มัดมือชกหลงยี่ไว้อย่างสิ้นเชิง!
มองหลงยี่ออกไปจากห้องทำงานอย่างเงื่องหงอย หลงจื๋อก็ขมวดคิ้วสูดหายใจลึกๆหนึ่งที ด่อยจะโทรศัพท์ออกไป
โทรศัพท์ของท่านประธานที่อยู่ชั้นบนดังขึ้น
หลงถิงส่งสัญญาณบอกผู้ช่วยว่าให้หยุดรายงานชั่วคราว ก่อนจะรับสาย“เสี่ยวจื๋อ เป็นยังไงบ้าง?”
หลงจื๋อยิ้มเจื่อนๆด้วยความรู้สึกหดหู่“ดำเนินการตามคำสั่งของพ่อสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เที่ยวบินของเขาคือวันนี้ตอนค่ำ”
เป็นการประชดประชันจริงๆ!
“ดีมาก ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกจะต้องทำสำเร็จ พ่อมองคนไม่ผิดจริงๆ”หลงถิงพูดชื่นชม ยิ้มจนริ้วรอยที่หางตาดูลึกลงไปไม่น้อย
หลงจื๋อกลับรู้สึกว่าทั้งโลกใบนี้สกปรกขึ้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว มันต่างกับที่ตัวเองคิดราวฟ้ากับเหว!
“พ่อ คำพูดเหล่านั้นที่ลุงพูด มันจริงใช่ไหม? พ่อไปให้อะไรกับเขาจริงๆใช่ไหม?”คำว่าส่งผู้หญิงให้คำนี้ หลงจื๋อพูดไม่ออกจริงๆ
หลงถิงจ้องข่าวที่อยู่ในมือ พาดหัวเขียนไว้ว่า“การจัดการเงินทุนสามขนาดของบริษัทฉู่ซื่อล้วนประสบความสำเร็จ รอคอย……”
“เสี่ยวจื๋อ บางครั้งเวลาจะทำอะไรไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจกับกระบวนการตลอดก็ได้นะ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจวิธีการด้วย ที่พวกเราต้องการคือผลลัพธ์ ไม่ใช่หรือไง?”หลงถิงยิ้มเล็กๆน้อยๆด้วยความเป็นพ่อ ฟังจากในสายแล้วเหมือนกับกำลังลูบหัวของลูกชายอย่างเบาๆอยู่
เหอะๆ!
เหอะๆๆ!
ประชดจริงๆ!ประชดประชันสุดๆ!โคตรของโคตรประชดเลย!
“ผมทราบแล้วครับ เดี๋ยวผมต้องเข้าประชุมแล้ว แค่นี้ก่อนแล้วกัน”จู่ๆหลงจื๋อก็รู้สึกสะอิดสะเอียน อยากจะอ้วกขึ้นมา!เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมาย ยอมทำทุกวิถีทางจริงๆ สามารถหลอกใช้แม้กระทั่งญาติพี่น้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ลงคอ!
โลกใบนี้นี่มันสกปรกขนาดนี้แล้วจริงๆ!
หลงถิงรู้สึกได้ถึงการขับไสไล่ส่งของลูกชาย จึงพูดขึ้นอย่างอดทน“เสี่ยวจื๋อ ถ้าใจอ่อนเกินไปก็อย่าไปสั่งการกองทัพ ถ้าขี้เห็นใจเกินไปก็อย่าตัดสินใจ ถ้าชอบธรรมเกินไปก็อย่าไปบริหารจัดการเงิน ถ้าใจบุญเกินไปก็อย่าไปรับราชการ จนถึงตอนนี้แกยังไม่เรียนรู้เรื่องพวกนี้อีกเหรอ?”
นิ้วมือเรียวยาวของหลงจื๋อขยำกระดาษ จากเอกสารขาวๆเรียบๆกลายเป็นเป็นก้อนยับยู่ยี่ไปหมด ไอ้ที่ขี้เห็นใจเกินไปก็อย่าไปตัดสินใจ ถ้าชอบธรรมเกินไปก็อย่าไปบริหารจัดการเงิน!ถ้าใจอ่อนเกินไปก็อย่าไปสั่งการกองทัพ ถ้าใจบุญเกินไปก็อย่าไปรับราชการ!ทำอะไรไม่สนหลักในเกณฑ์! ก็เป็นไอ้ศาสตร์แห่งความหน้าด้านใจดำดีๆนี่เองนั่นแหละ!
“สิ่งที่ผมอยากเรียนยังมีอีกเยอะมาก ไม่มีเวลามาคิดวิเคราะห์ตำรายุทธพิชัยสงครามอะไรหรอก ต้องไปประชุมแล้ว”หลงจื๋อกำมือแน่นหลังมือขาวซีด!
เขาโง่จริงๆ ไม่คิดว่าจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ยอมเป็นเป้าให้กับพ่อแท้ๆที่ให้กำเนิดตัวเองอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ถูกเขาหลอกใช้ ไล่พี่ออกไปกับมือของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาควรจะไป ควรจะไสหัวออกไปจากMBKก็ตาม แต่วิธีการแบบนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกกลัวจนตัวสั่นไปไม่น้อยเหมือนกัน!
หลงถิงกลับพูดอย่างไม่แยแส“เอาล่ะ แกจะมาปะทะคารมอะไรกับฉันอีก? คืนนี้มีเวลา ก็รีบเลิกงานกลับบ้าน พาซีเหวินไปทานข้าวเย็นที่บ้าน ตั้งแต่ที่ไปที่ตระกูลหลินครั้งที่แล้ว ก็ไม่เจอซีเหวินมาหลายวันแล้ว”
หลงจื๋อหลับตาลงด้วยความรู้สึกเสียใจ ซีเหวิน……เธอเป็นคนที่เกลียดคนชั่วช่างคนเลวขนาดนั้น ถ้าเกิดเข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อึมครึมเต็มไปด้วยความชั่วร้ายของตระกูลหลงล่ะก็ จะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายแน่นอน
“วันนี้เธอเข้ากะดึก ไม่มีเวลา วันหลังแล้วกันครับ”
รีบวางสายลงอย่างไว หลงจื๋อสองมือค้ำหน้าผากที่หนักอึ้ง ในหัวสับสนมึนงงไปหมด
……
หลงยี่นั่งบนรถทันที ชักบุหรี่ออกมาจุดหนึ่งมวนด้วยความโมโห แล้วกดโทรศัพท์ไปหาพ่อ
“พ่อ พ่อไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยจะดื่มเหล้าทำไม? พ่อดูสิว่าพ่อพูดอะไรออกไป!”
หลงเซิ่งจ้องหนังสือพิมพ์อย่างเหม่อๆ เขาไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง“ฉันไม่รู้ ฉันดื่มเยอะไปแล้ว หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แต่คำพูดพวกนี้ยังไงฉันก็พูดไม่เป็นหรอก พวกเราทนแบกภาระมานานขนาดนี้ ฉันจะพูดคำพูดแบบนี้ออกไปได้ยังไง!”
หลงยี่หรี่ตา“หมายความว่า พ่อไม่ได้พูด?”
“ฉันไม่รู้!แต่เรื่องแบบนี้ฉันจะไปพูดมั่วซั่วได้ยังไง!ฉันใช้ชีวิตมาถึงทุกวันนี้อย่างระมัดระวังมาโดยตลอด เรื่องการพูดจาไหนควรไม่ควรคิดว่าฉันจะไม่รู้เลยหรือไง?!”
หลงยี่สูดควันเข้าไปอย่างแรง ทุบไปที่พวงมาลัย“ให้ตายสิ!ผมเข้าใจแล้ว พวกมันสองพ่อลูกร่วมมือกันเฉดหัวพวกเราออกมานี่เอง!”
หลงเซิ่งก็หัวเราะเหอะๆออกมาอย่างเย้ยหยัน“งานเลี้ยงเมื่อครั้งที่แล้วบวกกับเรื่องในครั้งนี้ ฉันก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว ถ้าอยากที่จะเล่นงานใครก็ย่อมหาข้ออ้างได้เสมอ!หลงถิงคิดที่จะไล่พวกเราออกไป”
“ผมไม่มีทางยอมให้มันทำได้อย่างที่ต้องการหรอก!ผมไม่มีทางปล่อยมือออกจากทรัพย์สินของMBKแน่นอน!”
——
ลั่วหานไปหาหวังเค่ยที่ห้องCT แต่ในห้องCTกลับไม่มีคนแม้แต่คนเดียว
พอคิดว่าน่าจะทำเสร็จแล้ว ก็ยิ้มอย่างหมดหนทาง ก่อนจะหันเดินไปยังห้องทำงานของส้งชิงเซวี๋ยน
ส้งชิงเซวี๋ยนกำลังพูดอธิบายสภาพร่างกายในตอนนี้ของเถียนเถียนให้กับหวังเค่ยฟังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ พูดอย่างดีอกดีใจ อธิบายความรู้วิทยาศาสตร์ทั่วไปๆเกี่ยวกับอวัยวะภายในทั้งหมดของเด็กน้อยให้กับเขาฟังไปหนึ่งรอบ
หวังเค่ยที่ฟังอยู่ก็ทั้งรู้สึกตื่นเต้นทั้งรู้สึกอึดอัด“ศาสตราจารย์ส้ง ไม่ต้องเอาลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ให้ผมดูแล้วก็ได้นะครับ เอ่อ……ระบบทางเดินอาหารของเถียนเถียนดีมาก กินข้าวได้เยอะแล้ว”
ลั่วหานได้ยินมาถึงตรงนี้ก็หลุดขำออกมา ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เชิดคางขึ้นพร้อมกับพูดขึ้น“อาจารย์คะ ดูสิคุณทำเอาคนไข้ตกใจแย่แล้ว อย่าทำให้เขาตกใจจนวิ่งหนีไปอีกล่ะ”
หวังเค่ยลุกขึ้นยืน โก้งโค้งคำนับพร้อมกับพูดขึ้น“สวัสดีครับหมอฉู่”
ลั่วหานพยักหน้า ให้เขานั่งลงไปต่อ ก่อนจะเข้าไปดูแผ่นเอกซเรย์ที่วางอยู่บนถาดเรืองแสง“ฟื้นฟูได้อย่างไม่เลวเลยนี่นา หัวใจก็เติบโตขึ้นอย่างดีเลย ”
ส้งชิงเซวี๋ยนลูบเคราอย่างภูมิอกภูมิใจ“ใช่ไง!ก็ดูซะก่อนสิว่าใครเป็นหมอรักษาหลักของเธอ!”
ลั่วหานแบะปาก“แหมๆๆ กว่าจะถูกชมสักครั้งเนี่ย เชิดหน้าชูคอใหญ่เลยนะคะ!”
หวังเค่ยยิ้มๆ“แน่นอนว่าเป็นศาสตราจารย์ส้งที่ฝีมือยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ก็มันเป็นความจริงนี่นา”
ลั่วหานพลิกๆดูเคสประวัติของเถียนเถียน“คุณเลิกชมได้แล้ว เดี๋ยวถ้าเขาถูกชมจนตัวลอยไปแล้วจะไม่มีใครมารักษาเถียนเถียนนะ”พอดูจบแล้ว ลั่วหานก็มองไปรอบๆห้องผู้ป่วย
“เถียนเถียนล่ะ?”
หวังเค่ยตอบ“อ้อ!เธอไปห้องน้ำน่ะ เอ่อ……ลูกสาวโตแล้ว ไปห้องน้ำผู้หญิงผมก็เลยรู้สึกเกรงใจที่จะตามเข้าไปแล้ว เหะๆๆ ยังดีที่เธอคุ้นชินกับที่นี่ อีกสักพักก็กลับมาแล้วล่ะ”
ลั่วหานพยักหน้า วางเคสประวัติลง ไม่ทันได้ระวัง ทำกองเอกสารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะตกลงไปที่พื้น“ว้าย!”
ลั่วหานก้มลงไปเก็บ แต่กำลังตั้งท้องอยู่ก็เลยไม่สะดวกนัก ไม่รอให้เธอก้มลงไปเก็บ หวังเค่ยปฏิกิริยาฉับไวรับต่อทันที
“ผมเองๆ คุณนั่งพักลงก่อนเถอะ”
หวังเค่ยหยิบเอกสารขึ้นมาทีละฉบับๆ จู่ๆการกระทำก็หยุดลง เขาจ้องปกเอกสารที่เขียนเอาไว้ว่า“เสิ่นบ่าสนอาน”ไม่มีการตอบสนองอยู่สักพัก