ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 738
ตอนที่ 738 นายขาดความรักมากเลยเหรอ?
ก็อบแกร็บ
จางหย่งกัดลูกอมหนึ่งเม็ดในปากจนแตกละเอียด เสียงที่ดังชัดเจนทำลายความคิดของหลงเซียว เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังนอกหน้าต่าง เมฆที่อึมครึมแพร่กระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า
“ฉันรู้แล้ว จับตาดู จับตาดูหลินเหว่ยเย่ไว้ อย่าเคลื่อนไหวลงมือทำอะไรก่อนสักพัก ตรวจดูท่าทีของเขา โดยเฉพาะระหว่างเขากับหลงถิง……”ลูกกระเดือกของหลงเซียวเคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด“นอกจากเรื่องแต่งงานของเสี่ยวจื๋อกับหลินซีเหวินแล้ว ยังมีคอนแทกต์อื่นอีกใช่ไหม”
จางหย่งอมลูกอมไว้ไม่กล้ากัดอีก“ได้ครับบอส ผมจะจับตาดูไว้”
แม่เจ้า ตกใจหมด ตะกี้เผลอลืมตัวกัดลูกอมไปซะได้ เกือบจะก่อเรื่องใหญ่แล้วสิ
“แล้วก็ กินพวกลูกอม ของหวานให้มันน้อยๆหน่อย”หลงเซียวขมวดคิ้วพูดเตือนจางหย่ง
จางหย่งไอกระแอม“บอส ความชอบเล็กๆน้อยๆของผมนี้ คุณอย่ามากีดกันได้ไหม? ไม่ให้ผมกินพวกลูกอม ผมก็ไม่มีแรงทำงานน่ะสิ บอส คุณรู้ไหม ของหวานทำให้คนตื่นเต้นดีใจได้ ทำให้คนมีความสุข จริงๆนะ!”
หลงเซียวพูดตัดบท“ให้ความสุขงั้นเหรอ? นายขาดความรักมากเลยหรือไง?”
จางหย่งแทบจะกระอักเลือดออกมา“บอส……ตัวคุณมีความสุขแล้วจะมาโจมตีคนโสดแบบพวกผมไม่ได้นะ การเป็นผู้ชายติดบ้านถึงระดับที่ลึกซึ้งแล้ว การที่ไม่ออกจากบ้าน นอกจากจะกินลูกอมเพื่อเป็นการปลอบใจตัวเองแล้ว ผมก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วล่ะครับ”
หลงเซียวเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะนั่งลง“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปเดินๆข้างนอกบ้างสิ อย่าเอาแต่หมกอยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวัน อาหมิงมีแฟนไปแล้ว แถมยังเตรียมจะขอแต่งงานอีก นายก็ควรจะเอาเยี่ยงอย่างบ้างสิ”
ลูกอมในปากของจางหย่งดังก็อบแกร็บขึ้นอีกครั้ง“จริงเหรอครับ? อาหมิงจะขอแต่งงานแล้ว? รอเดี๋ยวนะๆ ถ้าผมแอบไปบอกกับแอนดี้บ้าง คงจะไม่รับปากแน่นอน ต้องยืดเยื้อเวลาๆแน่ๆเลย”
หลงเซียวขยับเมาส์ ให้หน้าจอสว่างขึ้น ข้างบนเป็นแผนภูมิรายงานโปรเจกต์ที่เป็นตารางและข้อมูลแนวตั้งแนวนอน เขาเริ่มดูตั้งแต่ทางซ้าย“ก็ต้องดูความสามารถของนายแล้วล่ะ แต่นายควบคุมตัวเองไว้จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าอาหมิงฆ่านายอย่างทารุณขึ้นมาอย่ามาร้องขอความช่วยเหลือจากฉันก็แล้วกัน”
เอ่อ……
อาหมิงไอแค่กแค่ก“แสดงว่า มีแนวโน้มจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว? แล้ว……บอส คุณมีพนักงานผู้หญิงที่เหมาะๆจะแนะนำให้ผมรู้จักสักคนไหม?”
“ไม่มี”
ตอบได้อย่างเด็ดขาดเฉียบคม
จางหย่งถูกโจมตีเข้าอย่างจัง แต่ยังคงดิ้นรนต่อไป“ทำไมล่ะ? ถึงยังไงผมก็เป็นคนหล่อเหลาอยู่เหมือนกันนะ ไม่ใช่เด็กเนิร์ดน่าสมเพชด้วย ผมให้รูปเซลฟี่ล่าสุดกับคุณสักสองสามรูปแล้วกัน รับรองว่าหล่อเหลาเอาการอย่างแน่นอน!”
“สาวๆไม่ชอบผู้ชายที่ชอบกินลูกอม”หลงเซียวพูดแทงใจที่แตกละเอียดของจางหย่งไปอีกหนึ่งที
“อึก!ทำไมล่ะครับ?!”
“กินลูกอม ล่อพวกแมลง”หลงเซียวดูทางซ้ายเสร็จก็มาดูทางขวา คลิ๊กเมาส์เปลี่ยนตัวเลขสองสามตัว แล้วกดเซฟ
จางหย่งอึ้งตะลึงไป มองลูกอม ลูกกวาด อมยิ้ม สายไหมที่ว่างอยู่บนโต๊ะ……ตรงหน้ามีฝูงแมลงบินลงมาราวกับความฝัน
ไม่ๆๆๆ ไม่มีทาง!
“ถ้าอย่างนั้นผมก็โสดต่อไปดีกว่า ผมโสดผมภูมิใจ กินลูกอมกระโดดโลดเต้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย!”จางหย่งพูดพลางร้องเพลงออกมา
หลงเซียวพูดด้วยความเจ็บใจที่ความปรารถนาดีไม่สำเร็จ“ได้ แล้วแต่นายแล้วกัน”
วางสายลง จางหย่งฉีกถุงกระดาษลูกอมออก มองผ่านกระจกออกไปข้างนอก ลูบๆคาง ครุ่นคิดถึงชีวิตของคนเรา
ถ้าให้เลือกระหว่างกินลูกกับมีแฟนล่ะก็……
เขายัดลูกอมเข้าไปในปาก หรี่ตาอย่างพออกพอใจเลียริมฝีปากอย่างสุขสม“อื้อ……ฉันเลือกกินลูกอมแล้วกัน!”
——
กรมตำรวจ เมืองหลวง
เจิ้งซิ่วหยารีบกลับมาที่กรมตำรวจ สายตาของเธอมีทั้งความรู้สึกลึกซึ้ง เป็นห่วง นินทา แปลกใจ อบอุ่นตลอดทั้งทาง……
ที่เยอะๆเลยก็คืออยากรู้อยากเห็น
เจิ้งซิ่วหยาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เอามือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์อย่างลวกๆ“มีอะไรเหรอ? ไม่รู้จักกันแล้ว? มองอะไร?”
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งหัวเราะแหะๆ“ซิ่วหยา ทำภารกิจเมื่อวานสำเร็จได้อย่างไม่เลวเลย ตอนสุดท้ายยังถูกฮีโร่รูปหล่อช่วยชีวิตไว้อีก ไม่กลับมาทั้งคืน เกิดอะไรขึ้นกันงั้นเหรอ?”
เพื่อนร่วมงานอีกคนก็หัวเราะคิๆๆ“ผู้ชายรูปหล่ออะไรกันล่ะ เขาเป็นแฟนของซิ่วหยาต่างหากล่ะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหัวใจของโรงพยาบาลหวาเซี่ย สุดยอดเลยล่ะ ก่อนหน้าในโทรทัศน์ก็มีการสัมภาษณ์เขาด้วยนะ อ้อ ใช่ ตอนนี้ก็ยังหาวีดิโอสัมภาษณ์เจออยู่นะ หล่อมากๆเลย!”
“ฉันคิดออกแล้ว หมอถังที่หน้าตาดีแห่งโรงพยาบาลหวาเซี่ยนั่นเอง!ใช่ๆๆ ฉันจำรายการของเขาได้ แต่ว่าน่าเสียดายจัง รายการนั้นทำแค่สี่อีพีเท่านั้น ถ้าเกิดมีซีซั่นสองก็ดีน่ะสิ!หมองถังหล่อมากจริงๆหล่อมากๆ!”
เจิ้งซิ่วหยาที่เดินผ่านไปแล้ว พอได้ยินประโยคนี้ก็หันเดินกลับมา สะกิดๆบัตรตำรวจของเพื่อนร่วมงาน หรี่ตาพร้อมกับยิ้มอย่างน่ากลัว“หมอถังที่เธอพูดถึงเมื่อตะกี้ตอนนี้เป็นของส่วนตัวของฉัน อย่าคิดให้มันเยอะไปหน่อยเลย”
เพื่อนร่วมงานแลบๆลิ้นอย่างล้อเล่นกับเธอ“พูดตามจริงนะซิ่วหยา เมื่อคืนพวกเธอทำอะไรกัน? เมื่อวานคลับปิดนะเธอรู้ไหม? แต่ว่านะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครไปติดต่ออะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า พวกเขาถึงให้พวกเธอพักได้หนึ่งคืน จุ๊ๆๆ”
มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? เจิ้งซิ่วหยากลับไม่รู้เลยสักนิด
“เกิดอะไรขึ้น? เหอะๆ ลองคิดๆ พยายามมโนภาพดูสิ รับรองว่าดีงามกว่าที่เธอคิดไว้แน่นอน!”เจิ้งซิ่วหยาเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
ตำรวจหญิงสองสามคนพูดกระซิบกระซาบกัน“ให้ตายสิ ดูจากนิสัยของซิ่วหยาแล้ว เมื่อคืนจะต้องจับหมอถังกินแล้วแน่ๆ!”
ตำรวจหญิงคนหนึ่งเอามือปิดปากหัวเราะ“กิน กินแล้วแน่นอน ฮ่าๆ!”
คนพวกนี้คิดไตร่ตรองคำพูดของเธอกันอยู่สักพัก ก่อนจะพากันขำออกมายกใหญ่“ให้ตายสิ เธอลามกมาก!ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วนี่น่ากลัวจัง!”
เจิ้งซิ่วหยาเดินกลับห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี เฉินเจากับโจวจั่นก็อยู่ ดูแล้วเหมือนกับกำลังรอเธอโดยเฉพาะ
โจวจั่นลากเก้าอี้กออก เสี่ยวอู๋รินน้ำให้กับเจิ้งซิ่วหยา ทั้งสองโก้งโค้งก้มหัวให้กัน“หัวหน้า ลำบากคุณแล้ว เชิญนั่ง ดื่มน้ำสักหน่อย ใส่มะนาวสักหน่อยไหม? ไม่สิๆๆ เอาดอกกุหลาบไหม?”
เจิ้งซิ่วหยาเม้มๆปาก ยื่นมือไปรับชามา“พอได้แล้ว ประจบสอพลอขนาดนี้เชียว ไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
โจวจั่นอ้าขายาวๆ คารวะ ยิ้มยิงฟันหลังจากทำสามอย่างนี้จบแล้วก็พูดขึ้น“หัวหน้า เบื้องบนทราบถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมของคุณแล้ว ต่างพูดชื่นชมคุณทั้งนั้น พูดยกย่องความเสียสละของคุณยกใหญ่ แถมยอมรับเครดิตของคุณด้วยนะ!”
เจิ้งซิ่วหยาดื่มชาไปหนึ่งคำ ก่อนจะมองไปยังเฉินเจา“หัวหน้า ตอนนี้ฉันถือว่าใช้เครดิตเพื่อชดเชยความผิดได้แล้วใช่ไหม?”
เฉินเจาดึงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน คาบไว้ที่ปาก พยักหน้า“ใช่ ดีที่จับคนมาดำเนินคดีได้ ผมเคยเอาเรื่องคดีไปรายงานกับเบื้องบนแล้ว แต่คุณเป็นบุคคลหลักที่ทำคดีนี้ แรงกำลังหลักในการแก้ไขคดีขึ้นอยู่ที่ตัวคุณ คุณงามความดียกให้เป็นของคุณ คุณเขียนเรียบเรียงรายงานคดีความอย่างละเอียดมาให้ผมแล้วกัน”
เจิ้งซิ่วหยาพอได้ยินคำว่าเขียนรายงานหัวสมองก็บวมทันที“หัวหน้า คุณปล่อยฉันไปดีกว่าไหม ฉันไม่เอาคุณงามความดีอะไรแล้ว อย่าให้ฉันเขียนรายงานเลยนะ ฉันกลัวที่สุดคือการจับด้ามปากกา ผ่านไปครึ่งคืนฉันก็เขียนออกมาไม่ได้สักตัว คุณเขียนเถอะ ฉันไม่สนคุณงามความดีอะไรนี่หรอก”
เฉินเจาจุดบุหรี่สูบไปหนึ่งที“ไม่เอาจริงๆเหรอ?”
เจิ้งซิ่วหยาประสานมืออ้อนวอนขอร้อง“ไม่เอา!ฉันไม่ต้องการจริงๆ!ต้องเขียนรายงานห้าพันหกพันตัว ฉันต้องเขียนกันตายแน่ๆ”
เฉินเจาพยักหน้า“ก็ได้ ถึงยังไงคุณก็ไม่สนที่จะได้เลื่อนเป็นพนักงานประจำอยู่แล้ว ในเมื่อใจใหญ่ใจขนาดนี้ ผมก็ไม่เกรงใจแล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อน!เกี่ยวอะไรกับได้เลื่อนเป็นพนักงานประจำ?”เจิ้งซิ่วหยาพอได้ยินว่าเลื่อนเป็นพนักงานประจำก็ตื่นตัวขึ้นมา กระทืบเท้าลุกขึ้นยืนทันที
เฉินเจาพูดขึ้นอย่างมีเหตุมีผลไม่เร่งไม่รีบเกินไป“วันเวลาฝึกงานของคุณใกล้จะมาถึงแล้ว ต่อให้ผมอยากเลื่อนขั้นให้คุณเป็นพนักงานประจำ อย่างน้อยผมก็ต้องให้เหตุผลสักข้อกับทางเบื้องบนใช่ไหมล่ะ? คดีนี้คุณทำออกมาได้ไม่เลวเลย สามารถใช้เป็นข้อมูลรับรองในการย้ายเข้ามาในสำนักงานย่อยของเมืองหลวงได้เลย”
“ฉันเขียน!ก็แค่รายงานเอง เรื่องเล็กๆน้อยๆ!ฉันเขียนค่ะ!”เจิ้งซิ่วหยาโบกมือ ตอบรับอย่างร่าเริง
โจวจั่นกับเสี่ยวอู๋หัวเราะอยู่ข้างๆ หัวหน้าเอาเธออยู่ในหมัดเดียวจริงๆ!ยอมแล้ว!
เฉินเจากลับตอบสนองกลับมาอย่างไม่แปลกใจอะไร พูดขึ้นอย่างนิ่งเฉยมาก“รายงานสรุปหนึ่งหมื่นตัว ส่งมาให้ผมภายในหนึ่งอาทิตย์ เกินเวลาไม่รับ”
“อะไร!หัวหน้าอยู่ๆคุณก็มากำหนดเองตามใจชอบแบบนี้เนี่ยนะ ปกติแล้วรายงานเขียนกันห้าพันหกพันตัว แล้วมาให้ฉันเขียนหมื่นตัวได้ยังไง!เรื่องนี้ต่อให้เขียนชี้แจงอย่างละเอียดยิบแค่ไหนก็ไม่ถึงหนึ่งหมื่นตัว คุณจะให้ฉันเขียนนิยายหรือไง!”เจิ้งซิ่วหยารู้สึกตกใจกับคำว่าหนึ่งหมื่นตัวจริงๆ เธอกลัวที่สุดคือการเขียนรายงาน สู้ให้เธอไปบุกป่าฝ่าดงยังดีเสียกว่า
เฉินเจาพูดขึ้น“ยังอยากจะเลื่อนเป็นพนักงานประจำอยู่ไหม?”
เจิ้งซิ่วหยาพยักหน้า กัดฟันตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้แต่ก็หมดหนทาง“อยาก”
“อยากก็เขียนซะ จะพูดเยอะแยะเพื่ออะไร”
เจิ้งซิ่วหยาลูบๆกำปั้น กัดฟันกรอดแทบอยากจะซัดคนเหลือเกิน!
“ทราบค่ะ!หัวหน้า!”
เฉินเจาพูดจบก็ออกไป ยังต้องไปสอบปากคำคนร้ายอีก มีธุระอีกตั้งมากมาย
พอเขาจากไป โจวจั่นกับเสี่ยวอู๋แล้วก็พวกเพื่อนร่วมงานอีกสองสามคนพากันหัวเราะจนปวดท้อง“ฮ่าๆ สหายอาหยา หัวหน้าโหดเหี้ยมอย่างที่คิดไว้จริงๆ ก่อนที่เธอจะมาพวกเราก็พนันกันไว้แล้ว ว่าเธอจะเขียนรายงานฉบับนี้หรือเปล่า พวกเราต่างบอกกันว่าเธอไม่เขียน หัวหน้ากัดฟันยืนยันอย่างแน่นอนว่าเธอต้องเขียน คิดไม่ถึงจริงๆ จุ๊ๆๆ เงินตั้งร้อยนึงของฉัน!”
โจวจั่นก็จับหน้าอกด้วยความเจ็บปวดใจเช่นกัน“ฉันพนันไปตั้งสองร้อย หมูสามชั้นผัดซอสแดงของฉัน ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานของฉัน เจ็บปวดใจ!”
เจิ้งซิ่วหยาเตะขาออกไป เก้าอี้ของโจวจั่นหมุนอยู่กับที่หนึ่งรอบ“คิดไม่ถึงว่าจะเอาฉันไปพนัน!ไสหัวออกไปเลยนะ!”
โจวจั่นกระตุกคิ้ว ทำหน้าเท่ๆอย่างชั่วร้าย“พวกเรายังพนันอีกหนึ่งอย่างด้วยนะ ทั้งในทีมปฏิบัติการก็มาร่วมด้วยกับการพนันนี้กันทุกคนเลยล่ะ แหะๆ ที่พวกเราพนันกันไว้ก็คือ สรุปแล้วเธอกับหมอถังได้อะแฮ่มๆกันแล้วยัง!”
เจิ้งซิ่วหยายกขาขึ้นข้างหนึ่ง แกว่งๆขาพร้อมกับพูดขึ้น“แล้วผลที่ได้ล่ะ?”
เสี่ยวอู๋พูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ“ผลที่ได้ชัดเจนมากเลยน่ะสิ เห็นสีหน้าอารมณ์ที่อิ่มหนำสำราญของเธอตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ แสดงว่าจัดการหมอถังผู้ที่แสนสุภาพอ่อนโยนของพวกเราไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆ”
เจิ้งซิ่วหยาโค้งมุมปาก“เหอะๆ!เอาเงินมา!”
หลังล้อเล่นผ่านไปแล้ว เจิ้งซิ่วหยาก็ขูดรีดเงินสองร้อยจากโจวจั่นและเสี่ยวอู๋ คิดไม่ถึงว่าจะเอาเรื่องของเธอไปพนันซะได้ วอนโดนไม้จริงๆ!
เจิ้งซิ่วหยาเปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่ในไดร์ฟD ชื่อไฟล์ว่า“การเปลี่ยนแปลงของตระกูล”
ดับเบิ้ลคลิ๊กไฟล์ประกอบอันแรก สีหน้าชิลๆสบายๆเมื่อตะกี้ของเจิ้งซิ่วหยาก็เลือนหายไปโดยสิ้นเชิง กลายเป็นสีหน้าหนักแน่นและกังวลมาแทนที่
คดีของผู้ค้ามนุษย์จัดการได้อย่างสะอาดหมดจด บ่งบอกได้ว่าเธอโฟกัสและตั้งใจตรวจสอบหยวนชูเฟินกับคดีในตอนนั้นมากจริงๆ
เจิ้งซิ่วหยาเอนหัวมาเคาะๆคอมพิวเตอร์ของโจวจั่น“ช่วงนี้หยวนชูเฟินเป็นยังไงบ้าง? โรงพยาบาลส่งความคืบหน้าของอาการมาแล้วยัง?”
โจวจั่นยื่นเอกสารฉบับหนึ่งมา“ส่งแล้ว โรคมะเร็งเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ แล้วมันจะยังไงได้อีกล่ะ?”
“แล้วเธอล่ะ? มีไปเยี่ยมบ้างไหม?”เจิ้งซิ่วหยาเปิดประวัติดู ขมวดคิ้ว เขียนอะไรต่อไม่รู้อะไร ดูไม่เข้าใจ
แต่ว่า……แหะๆๆ แต่ก็จะได้หาข้ออ้างไปเรียนรู้จากหมอถังเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นได้พอดีเลย
โจวจั่นพูดขึ้น“หยวนชูเฟินออกไปต่างประเทศแล้ว ลอนดอนประเทศอังกฤษ ตอนนี้น่าจะถึงแล้วนะ เธอสุดยอดมากๆเลย นั่งเครื่องบินของลูกชายไปเชียวนะ อำนาจของคุณนายตระกูลร่ำรวย!”
“ออกประเทศ?!คุณนายป่วยขนาดนั้นแต่ออกประเทศไปเนี่ยนะ? จากประเทศจีนไปลอนดอนต้องนั่งเครื่องอย่างน้อยสิบกว่าชั่วโมง คุณนายช่างใจกล้าไม่เบาจริงๆ!”
หลังจากที่เจิ้งซิ่วหยาฟังจบแล้วปฏิกิริยาแรกไม่ใช่หยวนชูเฟินนั่งเครื่องบินหนีไป แต่เป็นห่วงสุขภาพของเธอ ตัวเธอเองแปลกใจไม่น้อย
โจวจั่นยกไหล่“ที่พูดมันก็ถูกอยู่หรอก แต่เธอมีหมอประจำตัวแล้ว พาไปทั้งทีมแพทย์ พาไปขนาดนั้นต่อให้ผ่าตัดใหญ่บนเครื่องบินยังทำได้เลย พวกเราจะกังวลอะไร?”
เสี่ยวอู๋ตบๆเคสประวัติ พร้อมกับพูดขึ้นเชิงเกลียดคนรวย“มัวแต่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นก็มีแต่ปวดหัวปวดใจ แม้แต่เส้นเขตแดนกั้นประเทศฉันก็ยังไม่เคยไป คนเขาเหมาสายการบินนานาชาติแทบจะทุกนาที เห้อ ก้มหน้าทำงานต่อเถอะ”
เจิ้งซิ่วหยาจับคางครุ่นคิด“หยวนชูเฟินเสี่ยงอันตรายไปลอนดอน พวกเธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรือไง? ลอนดอนไม่มีญาติมิตรของเธอเลยไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอจะกลับไปทำไม?”
โจวจั่นกัดด้ามปากกาพร้อมกับยิ้มๆ“หัวหน้า คุณอย่าลืมสิ ว่าป้าหยวนชูเฟินในตอนนั้นเคยเป็นสาวเก่งมีความสามารถของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เธอกลับไปเยี่ยมสถาบันของตัวเองก็ไม่แปลกหรอกนะ”
เจิ้งซิ่วหยาไม่เห็นด้วย ส่ายหัวพูดขึ้น“ฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น จับตาดูการเคลื่อนไหวของทางนั้นไว้แล้วกัน”
“ค่ะ พวกเราจะพยายามจับตาดูเธอไว้ แต่ว่าข้ามประเทศมันก็ค่อนข้างยากอยู่ อย่าคาดหวังสูงเกินไปล่ะ”โจวจั่นพูดจบก็ก้มหัวเคาะแป้นพิมพ์ต่อ
เจิ้งซิ่วหยาก็ทำธุระของตัวเองต่อไป
ผ่านไปสักพัก โจวจั่นเอาลูกพลัมอบแห้งออกมาจากในลิ้นชักหนึ่งถุง ยัดเข้าไปในปากหนึ่งเม็ด ที่เหลือเอามาให้กับเจิ้งซิ่วหยา“หัวหน้า คุณกับหมอถัง เมื่อคืนจริงเหรอที่……”
เจิ้งซิ่วหยากลอกตา“ถามชัดเจนขนาดนี้ทำไม? หมายความว่ายังไง?”
โจวจั่นอมยิ้มอย่างดีใจพร้อมกับพูดขึ้น“ฉันจะหมายความว่ายังไงได้ล่ะ กินลูกพลัมหน่อยสิ”
เจิ้งซิ่วหยาชำเลืองมอง“ลูกพลัมอบแห้ง? เปรี้ยวไหม?”
โจวจั่นพูดจาสองแง่สองง่าม แววตาแฝงไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างสบายๆ“เปรี้ยว เปรี้ยวมากๆ จนเข็ดฟัน”
เจิ้งซิ่วหยาปอกหนึ่งอันใส่เข้าไปในปาก“ไม่เห็นเปรี้ยวเลยนี่นา”
โจวจั่นยิ้มอย่างหมดเรี่ยวแรง“อันที่เปรี้ยวน่ะอยู่ในปากของฉัน”
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ในช่วงบ่ายลั่วหานยังคงไม่มีธุระอะไร นอกจากดื่มชาแล้วก็อ่านหนังสือ ว่างจนไม่มีงานอะไรให้ทำจริงๆก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก ใช้ชีวิตหลังเกษียณ
ถังจิ้นเหยียนกำลังวิเคราะห์อาการต่อต้านของคนไข้ ผ่านเวลาช่วงเช้าบวกกับเวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว เขาได้ทำการบันทึกปฏิกิริยาทางกายภาพของร่างกายคนไข้อย่างละเอียดไว้แล้ว
เธอยิ่งดูยิ่งไม่ปกติ สุดท้ายก็หอบเอกสารหนึ่งกองไปหาลั่วหาน
ณ ร้านกาแฟที่อยู่ชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล ถังจิ้นเหยียนส่งรายงานผลการตรวจที่บันทึกไว้อย่างหนาแน่นให้กับลั่วหาน
ข้างในมีทั้งภาษาจีนภาษาอังกฤษ ลั่วหานดูไปหนึ่งรอบ คิ้วขมวดพันกัน“แอสเทมมีโซล……ทำไมในร่างกายของเขาถึงมียาประเภทนี้อยู่? ตอนนี้ไม่ใช้ยาตัวนี้กันแล้วนี่”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้า“ใช่ ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่ค่อยใช้กันแล้ว ดังนั้นแสดงว่าตัวยาแฝงอยู่ในตัวของคนไข้มาอย่างน้อยครึ่งเดือนแล้ว ตอนที่ทำการตรวจร่างกายก็ไม่ได้สังเกตเท่าไร”
ลั่วหานสีหน้าหนักแน่น พูดเสียงต่ำ“ถึงแม้ว่าแอสเทมมีโซลจะสามารถรักษาลมพิษได้ แต่ผลข้างเคียงของมันร้ายแรงมาก โดยเฉพาะต่อหัวใจ ในตัวยาแก้แพ้ ก่อนที่ยายุคสองแบบนี้จะถูกนำมาใช้กันต้องทำการทดลองอย่างละเอียดก่อน เขาใช้โดยที่ไม่ได้รับคำสั่งของแพทย์เหรอ?”
ถังจิ้นเหยียนดันๆแว่นตา ยิ้มอย่างหมดหนทาง“คำถามนี้ทำให้ผมอับจนหนทางเหมือนกัน ประวัติไปหาหมอก่อนหน้านี้ของเขา ไม่มีบันทึกการวินิจฉัยไว้ ผมก็ไม่รู้จะไปตรวจสอบจากตรงไหนเหมือนกัน”
ลั่วหานนวดๆคิ้วพร้อมกับพูดขึ้น“มิน่าล่ะจู่ๆเขาก็โรคกำเริบขึ้นมา คนไข้คนนี้ต้องดูแลให้ดีๆ จะประมาทไม่ได้ ตามจริงแล้วภูมิแพ้ธรรมดาทั่วไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เขาเพิ่งจะทำการผ่าตัดไปนี่น่ะสิ ถ้าเผลอไม่ทันระวังไปแค่นิดเดียวถึงแก่ชีวิตได้เลย”