ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 777
ตอนที่ 777 ท่านเซียวที่ไม่ทันคาดคิด
เช้าวันใหม่ พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ไป๋เวยถูกปลุกด้วยแรงสั่นสะเทือนและเสียงเรียกเข้าที่รุนแรงในมือของเธอ
เธอพลิกตัวอย่างเงอะงะควานหาโทรศัพท์มือถือและหรี่ตาในขณะที่จ้องมองดู “เฮ้ย เพิ่งตีห้าเอง ใครกันที่มารบกวนความฝันคนอื่น!”
กู้เยนเซินพลิกตัวแล้วห่อศีรษะด้วยผ้านวมและนอนต่อ “ปิดเครื่อง”
ไป๋เวยเหล่ตาเหลือบมองโทรศัพท์ครึ่งหนึ่ง “ เฮ้ย! ฉันยังไม่ได้พ้นจากตำแหน่งประธานบริษัทฉู่ซื่อนะ!”
กู้เยนเซินหันกลับมาแล้วมองข้ามไหล่ของไป๋เวยไปที่โทรศัพท์ “เฮ้ย พวกคนชั่วพวกนี้ รอให้บริษัทฉู่ซื่อชนะเสียก่อนฉันจะเล่นงานพวกมันทีละคนเลย”
ความง่วงของไป๋เวยหายไปกว่าครึ่ง คาดว่าคงนอนไม่หลับแล้วจึงได้ดึงผ้านวมลง “การประชุมคณะกรรมการผู้บริหารวันนี้หลงถิงคงมาแน่นอน จากหุ้นในมือเขา เกรงว่าการประชุมคณะกรรมการผู้บริหารคงไปได้ไม่ดีแล้ว”
กู้เยนเซินโอบแขนไว้รอบคอของเธอและเอาหัวมาไว้ที่หน้าอกจากด้านล่างแล้วพูดข้างๆ ศีรษะของเธอ “ภรรยาครับ *ตั๊กแตนจับจักจั่น คุณชายหลงอยู่ข้างหลัง เด็กดี นอนต่อเถอะ เมื่อคืนผมเหนื่อยจะตาย พวกเราหลับต่ออีกนิดเถอะ”
ไป๋เวยวางโทรศัพท์และเตะขาของเขาด้วยเท้าของเธอ “คุณชายของนาย! เงียบไปเลย!”
กู้เยนเซินโก่งตัวอย่างอ้อยอิ่ง โอบร่างบางของไป๋เวยไว้ในอ้อมแขนและกอดเธอไว้แน่น ผิวของคนทั้งสองแนบชิดกันและดูเหมือนว่าจะยังรู้สึกได้ถึงหยาดเหงื่อและลมหายใจจากเมื่อคืน “ผมหุบปาก ๆ ภรรยาครับ หอมจัง…”
เขาพูดจบด้วยความงัวเงียและหลับไปอีกครั้ง
ไป๋เวยหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาอีกครั้งและเธอก็เห็นข้อความจากเสิ่นเหลียวที่แฝงอยู่ในข้อความล้อเลียนมากมาย
“คนเลว ครั้งนี้มากไปแล้ว อยากจะกลับมาหาฉัน ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง”
แม่งโคตรกาก! ฉันจะกลับมาฆ่าแกแน่!
ไป๋เวยโทรศัพท์ทิ้งอย่างหงุดหงิด และแอบอิงอยู่ในอ้อมแขนของกู้เยนเซินและนอนหลับสบายอีกครั้ง
คฤหาสน์ตระกูลหลง
หยวนชูเฟินนอนไม่ค่อยพอและตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า เธอเปิดประตูและเห็นหลงถิงก็ตื่นแล้วและกำลังเดินลงมาจากชั้นสอง ในระหว่างที่เดินนั้นก็จัดการกับชุดสูทให้เข้าที่
เมื่อหลงถิงเห็นหยวนชูเฟิน ใบหน้าเย็นชาของเขาก็ยิ้มออกมา “ทำไมไม่นอนต่ออีกนิดล่ะ?”
“ตื่นแล้ว ไม่อยากนอนต่อแล้วค่ะ”
หยวนชูเฟินเดินไปที่ห้องรับแขกอย่างเอื่อยเฉื่อย คนรับใช้ยื่นแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยให้เธอด้วยสายตาเฉียบคม เธอหยิบขึ้นมาจิบ
หลงถิงนั่งลง คนรับใช้ยื่นหนังสือพิมพ์ประจำวันมาให้เขา เขาเปิดหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวในหน้าหนึ่งคือข่าวของบริษัทฉู่ซื่อ เขาเหลือบไปมองและรีบพลิกมันแล้วกดพาดหัว
“ช่วงนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า?” หลงถิงถามขึ้นด้วยความกังวล
หยวนชูเฟินดื่มน้ำไปครึ่งแก้วเอนกายบนโซฟาดูเหนื่อยเล็กน้อย “ไม่ปวดหัวแล้ว มีเพียงช่วงนี้ความจำยังไม่ดี วางของไว้หันไปก็ลืมแล้ว เมื่อมองย้อนกลับไปฉันถามหมอว่ายาที่ฉันกินอยู่มีผลข้างเคียงหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลงถิงใช้นิ้วบีบหนังสือพิมพ์แน่นและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมถามหมอแล้วอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้คุณกินยาตลอด จึงต้องมีผลข้างเคียงบ้าง ไม่ต้องเป็นกังวลพอทานยาหมดแล้วคุณก็น่าจะไม่เป็นไรแล้ว”
หยวนชูเฟินยิ้มกว้างใบหน้าของเธอยังคงเย็นชา “อาจจะ ใช่แล้ว คุณตื่นเช้าขนาดนี้ มีธุระเหรอ?”
หลงถิงพูด “ไม่มีอะไรหรอก งานที่บริษัทน่ะ”
หยวนชูเฟินยิ้มให้เขาอย่างคาดไม่ถึง “เรื่องของบริษัทยุ่งอยู่ตลอด คุณเองก็ต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพด้วย”
ประโยคที่ดูเหมือนธรรมดาเช่นนี้ทำให้หูของหลงถิงฟังเหมือนดอกไม้ไฟเป็นประกายและดอกไม้ที่เบ่งบานอีกครั้งซึ่งทำให้เขามีความสุขจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
เขารู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของตนเองนั้นสั่นเครือและพูดซ้ำ ๆ “ได้…ได้ ผมจะใส่ใจ ผมต้องใส่ใจแน่นอน”
หยวนชูเฟินก้มดูข่าวในหนังสือพิมพ์ “เขียนอะไร? คุณดูอะไรอยู่ตั้งนานแล้ว?”
หลงถิงวางหนังสือพิมพ์ลงและพูดอย่างผ่อนคลาย “ไม่มีอะไร นักข่าวชอบเขียนข่าวมั่วซั่ว”
หลงจื๋อเปิดประตูและได้ยินคำพูดของหลงถิงและยิ้มเยาะที่มุมปาก พ่อกล้าให้แม่รู้ความจริงรึเปล่า? ถ้าหากว่าแม่รู้ว่าพ่อแย่งชิงบริษัทของลูกชายเธอ เธอจะต้องเกลียดพ่อเข้ากระดูกดำแน่!
ทั้งสามคนทานอาหารเช้าด้วยความคิดของตัวเอง หลังมื้ออาหารคนรับใช้พาหยวนชูเฟินไปเดินเล่น หลงถิงเปลี่ยนจากท่าทีอบอุ่นเมื่อครู่ และพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “เสี่ยวจื๋อ เรื่องภายนอกอย่างเอามาพูดในบ้านเป็นเด็ดขาด อย่าให้มันส่งผลกระทบต่ออาการเจ็บป่วยของแม่”
หลงจื๋อขยับเนกไทแน่น “พ่อวางใจเถอะ เรื่องบางเรื่องพ่อให้ผมพูดผมยังไม่กล้าเปิดปากเลย!”
หลงถิงเหล่มองเขา “อย่าพูดจาตีวัวกระทบคราด ฉันทำอย่างนี้ก็เพื่อแก เพื่อตระกูลหลง!”
“สำคัญคือเพื่อตัวเองสินะ!”
หลงจื๋อคว้ากุญแจรถที่โถงทางเดินและก้าวออกไปที่ประตูโดยไม่หันกลับมามอง
เก้าโมงเช้าที่บริษัทฉู่ซื่อ
ไป๋เวยถอนหายใจและเดินเข้าไปในห้องประชุม ด้านในเต็มไปด้วยสมาชิกของคณะกรรมการอย่างเป็นระเบียบคนทั้งหมดที่มีคะแนนเสียงในบริษัทฉู่ซื่อ เพียงแค่กวาดตามองทุกคนต่างมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง
ไป๋เวยลากเก้าอี้และนั่งลง เธอยิ้มเล็กน้อย “คณะกรรมการทุกท่าน พวกเราเริ่มกันเถอะค่ะ”
กรรมการที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่สองทางขวามือยิ้มและพูด “ประธานไป๋ การประชุมในวันนี้สำคัญมาก เกรงว่าคุณคงจะไม่สามารถเป็นประธานการประชุมได้?”
เมื่อเขาพูดจบหนึ่งในกรรมการชายวัยกลางคนที่สวมแว่นสายตาก็พูดขึ้น “ประธานไป๋ ท่านประธานอยู่ไหนเหรอ? การประชุมในวันนี้ เกรงว่าจะต้องเชิญเขามาสักครั้ง หุ้นของบริษัทตกไปถึงขนาดนี้แล้วอย่างน้อยก็ควรต้องให้คำอธิบายกับพวกเราบ้างสิ?”
ชายในชุดสูทสีดำพูดขึ้น “ท่านประธานกรรมการทิ้งบริษัทไปเป็นเวลานานเช่นนี้ เปรียบเสมือนฝูงมังกรที่ไร้ผู้นำ ซึ่งถือเป็นข้อห้ามร้ายแรงสำหรับการพัฒนาองค์กร รบกวนประธานไป๋ช่วยติดต่อท่านประธานกรรมการ ให้พวกเราได้พบเขาด้วย”
เมื่อเขาพูดจบทุกคนด้านล่างต่างพากันกระซิบกระซาบ ใช่แล้ว ๆ จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นแม้หน้าของท่านประธานกรรมการ จะให้เชื่อว่าสุขภาพเขาไม่มีปัญหา ก็ยากเกินไปแล้ว!
หางตาของไป๋เวยมองดูที่นั่งประธานกรรมการที่ว่างเปล่าและยิ้มออกมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ “ทุกท่าน สุขภาพของท่านประธานยังไม่เอื้ออำนวย แต่ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อเขียนไว้อย่างเกินจริงเช่นนั้น อีกไม่กี่วันประธานจะมาที่บริษัทเพื่อดูแลสถานการณ์โดยรวมทันทีที่เขาปรับตัวได้ดังนั้นโปรดใจเย็น ๆ”
กู้เยนเซินเหลือบมองเวลาแล้วกระแอมในลำคอ “ถ้าอย่างนั้น พวกเราเริ่มกันเถอะครับ!”
“ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทไม่อยู่ เริ่มตอนนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ!”
เมื่อสิ้นเสียงกู้เยนเซิน จู่ ๆ ก็มีเสียงชายวัยกลางคนดังเข้ามาในห้องประชุม ประตูไม้เปิดบานคู่ของห้องประชุมถูกกระแทกเปิดจากด้านนอก!
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของคุณคือเหลียงจ้งซุน หลงถิงพร้อมบอดี้การ์ดในชุดดำและกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ติดตามพวกเขา กลุ่มคนจำนวนมากจับจองพื้นที่ทางเดินอันกว้างขวางด้วยพละกำลังอันยิ่งใหญ่แสงไฟวิบวับที่ทำให้ต้องเวียนหัว
ไป๋เวยลุกพรวดและยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณหลง นี่หมายความว่ายังไงคะ?”
เหลียงจ้งซุนหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและมอบให้ไป๋เวยอย่างหยิ่งผยอง “คุณไป๋ ในเมื่อหุ้นของบริษัทฉู่ซื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ คุณไม่รู้เลยเหรอ? ตอนนี้ใครคือผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฉู่ซื่อ ในฐานะซีอีโอ ผมคิดว่าคุณควรจะเข้าใจทั้งหมดถึงจะถูก!”
ไป๋เวยเปิดเอกสารและหน้าซีดเผือด “นี่…คุณหลงคุณ…”
เหลียงจ้งซุนพูดขึ้น “อย่างที่คุณเห็น ตอนนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฉู่ซื่อคือคุณหลง ดังนั้น เก้าอี้ประธานกรรมการตัวนี้ ต่อไปจะต้องเป็นของท่านประธานของMBK”
ทันทีที่เขาพูดจบคณะกรรมการด้านล่างก็เกิดความฮือฮา
รูปการณ์นั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้ หลงถิงกลายเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฉู่ซื่อ ถ้าอย่างนั้น…อย่างนั้นเขาก็สามารถแย่งงานของหลงเซียวได้แล้วสิ!
ไป๋เวยปิดเอกสาร “คุณหลงคะ ด้วยความเคารพ การเปลี่ยนประธานกรรมการนั้นกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการส่งมอบตามขั้นตอนปกติ จู่ ๆ คุณก็ต้องการจะเข้ามาจัดการบริษัทฉู่ซื่อ เกรงว่าจะไม่เหมาะนะคะ?”
กลุ่มนักข่าวเล็งกล้องไปที่คนไม่กี่คนในกลุ่มคนนั้นเพื่อจับทุกความเปลี่ยนแปลงของพวกเขา บันทึกคำพูดของพวกเขาในทุก ๆ บทสนทนา ข่าวนี้สามารถนำไปเล่นได้ถึงสิบวันหรือครึ่งเดือนเลย
บริษัทฉู่ซื่อเปลี่ยนมือ หลงถิงยึดตำแหน่ง หลงเซียวถูกเอาเปรียบแต่ไม่ปรากฏตัว ช่างเป็นข่าวที่แปลกจริง ๆ!
หลงถิงปรายตาอย่างเย็นชาราวน้ำค้างแข็งแต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มอ่อนโยน “คุณไป๋ ตามที่ผมรู้ ประธานบริษัทฉู่ซื่อไม่ปรากฏตัวมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ว่ากันว่าประเทศนั้นไม่อาจไร้ซึ่งผู้ปกครอง แล้วในฐานะ บริษัท จดทะเบียนขนาดใหญ่อย่างฉู่ซื่อจำเป็นต้องมีผู้นำหรือไม่?”
ต่อหน้าผู้สื่อข่าวและคณะกรรมการมากกว่า 20 คน สิ่งที่หลงถิงมันสมเหตุสมผล ยิ่งไปกว่านั้นในแวดวงธุรกิจหลงถิงมีสถานะเช่นไร? เพียงการจามครั้งเดียวก็ทำให้วงการอสังหาฯเป็นหวัดได้ MBK ที่อยู่เบื้องหลังเขานั้นแทบจะสามารถส่งผลกระทบต่อทิศทางกว่าครึ่งของวงการอสังหาฯ ได้
ไม่มีใครกล้ายั่วโมโหเขา ไม่มีใครกล้าแตะเขา
ไป๋เวยพยายามรักษาความสงบในที่ประชุมและพูดขึ้นอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตน “คุณหลง ฉันเป็นเพียงซีอีโอของบริษัทฉู่ซื่อ ไม่มีอำนาจในการเลือกประธานกรรมการ คงจะต้องรบกวนให้คุณรอก่อน”
เหลียงจ้งซุนลุกขึ้นยืนและพูดอย่างเข้มแข็ง “คนที่ถือหุ้นบริษัทมากที่สุดก็คือประธานกรรมการของบริษัท เรื่องนี้เป็นความรู้พื้นฐาน โดยไม่สนว่าประธานกรรมการคนก่อนจะอยู่ในที่ประชุมหรือไม่ ก็สามารถดำรงตำแหน่งประธานที่น่าเชื่อถือได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการโหวตของเพื่อนร่วมงาน คุณไป๋ ตอนนี้คุณกำลังออกหน้าแทนคนที่ไม่สามารถแสดงตัวได้ ช่างดูไม่น่าเชื่อถือจริง ๆ!”
กู้เยนเซินยกข้อมือขึ้นดูเวลา เขายิ้มและพูดขึ้น “ผู้ที่ถือหุ้นมากที่สุดคือประธานกรรมการ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผู้ช่วยเหลียงนั้นช่างรู้เหตุรู้ผลตามคาด”
ไป๋เวยกัดริมฝีปาก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เชิญคุณหลงเข้ามานั่งเถอะค่ะ”
หลงถิงปิดบังใบหน้าที่มีความสุขที่ได้เหยียบย่ำหลงเซียว และเดินเข้าห้องประชุมอย่างสุภาพ เขาใช้มือรั้งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการ “กรรมการทุกท่าน ตั้งแต่วันนี้ไป ผมคือประธานคณะกรรมการของบริษัทฉู่ซื่อ หวังว่าทุกคนจะช่วยผมและเราจะแสวงหาการพัฒนาร่วมกัน!”
แปะ ๆ ๆ!
ผู้คนด้านล่างปรบมืออย่างกึกก้อง พวกเราพยายามจะประจบเพื่อทำให้หลงถิงพอใจ
เหลียงจ้งซุนลากเก้าอี้ “ท่านประธาน เชิญนั่งครับ”
กลุ่มนักข่าวเล็งกล้องไปที่หลงถิงอย่างดุเดือดและพวกเขาจับภาพการแสดงออกที่สิ้นหวังของไป๋เวยหลายครั้งและปล่อยข่าวมากมายเกี่ยวกับการที่บริษัทฉู่ซื่อถูกเหยียบย่ำ
ข่าวประเภทนี้นั้นแพร่สะพัดไปได้อย่างรวดเร็วมาก ทันทีที่หัวข้อข่าวและรูปภาพถูกแพร่ออกไปก็ถูกแชร์ทันทีและการเข้าชมก็เพิ่มสูงขึ้น!
สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็นก็คือประตูลิฟต์ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเปิดออกอย่างกะทันหันและร่างสีดำสว่างกำลังก้าวไปบนสายลมอย่างสงบพร้อมกับก้าวที่สงบและมีจิตวิญญาณที่สง่าผ่าเผย
ทันใดนั้นเสียงที่ทุ้มเย็นและน่าพอใจดังมาจากด้านหลังของกลุ่มนักข่าวที่กำลังพูดคุยกัน “พวกคุณ ช่วยหลีกทางให้ผมหน่อยได้ไหม?”
กลุ่มนักข่าวที่กำลังรวบรวมข่าวอย่างเมามันนั้น ไหนเลยจะสนใจคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ต่างคนต่างพยายามยื่นหน้าเข้าไปเพื่อฟังการอัปเดตในห้องประชุม
นักข่าวคนหนึ่งที่ถูกบีบอยู่รอบนอกวงพูดขึ้นด้วยความโมโห “คุณ…” คุณหลบไปก่อน!
เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ที่เหลือก็ถึงกับสะอึก!
หลงเซียว! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหลงเซียว! !
“คะ…คุณ…ชายหลง…คะ…คุณทำไม…”
นักข่าวตกตะลึง เมื่อเห็นหลงเซียวในระยะใกล้ราวกับเผลอบุกรุกพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ตั้งใจ คนตรงหน้าที่ดูตัวสูงและน่าเกรงขามโดยธรรมชาติ ทำให้เขากลัวจนไม่กล้าขยับและยิ่งไม่กล้าที่จะยื่นไมค์ไปสัมภาษณ์เสียด้วยซ้ำ!
หลงเซียวยกมุมปาก รอยยิ้มเล็ก ๆ กระจายบนใบหน้า “ขอยืมใช้หน่อย”
นักข่าวอึ้งไป…
เขายื่นมือออกไปหยิบไมโครโฟนของนักข่าว ทันใดนั้นเสียงที่นุ่มนวลและไพเราะก็ดังขึ้นหลายสิบเท่า กลบเสียงรบกวนภายนอกอย่างชัดเจนราวกับสายน้ำใสไหลรินเข้ามาในห้องประชุม
“การที่คุณหลงอยากจะนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริษัทฉู่ซื่อนั้น เกรงว่าคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย”