ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 792
ตอนที่ 792 ลุงถัง เชิญชวนฉันอยู่เหรอคะ
ณ โรงพยาบาลนิวยอร์ก
เจิ้งซิ่วหยาเดินถือนมร้อนเข้ามาให้ถังจิ้นเหยียนแล้วนั่งลงข้างๆเขา “คุณป้าตื่นแล้ว ฉันให้พยาบาลดูแลเธออยู่ไม่ต้องกังวลนะคะ”
ถังจิ้นเหยียนรับนมอุ่นเข้ามาไว้ในมือแต่ไม่ได้ดื่มมัน “ขอโทษนะครับเจิ้งซิ่วหยา ผมไม่คิดมาก่อนว่าครั้งแรกที่คุณได้เจอกับพ่อแม่ผมจะเป็นสถานการณ์แบบนี้”
เจิ้งซิ่วหยาบีบนวดไหล่ของเขาให้คลายความกังวลลง “คุณไม่เห็นต้องพูดอะไรแบบนี้เลยค่ะ โบราณว่ากันว่าถ้าไม่ถึงคราวยากก็ไม่เห็นมิตรแท้ จิ้นเหยียน ตอนนี้คุณเห็นถึงรักแท้ของฉันหรือยัง แล้วคุณคิดว่าฉันมีค่าพอที่จะแต่งงานเป็นภรรยาของคุณไหม?”
ดวงตาที่อยู่ด้านหลังเลนส์แว่นของถังจิ้นเหยียนหลบตาเธอ ความอบอุ่นและกระตือรือร้นของเจิ้งซิ่วหยาไม่ว่าจะเป็นคนที่ใจแข็งขนาดไหนก็คงต้องละลายลง นับประสาอะไรกับเขา?
“ครับ คุ้มค่ามากจริงๆ”
เจิ้งซิ่วหยาก้มหน้าลงไปมองที่แววตาคู่นั้นของเขา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองพูดว่า “ลุงถังคะ สองวันมานี้คุณดูผันผวนมาก แม้ว่าฉันจะค่อนข้างชอบความงดงามแบบนี้ก็เถอะ แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดีนัก ดังนั้นคุณรีบปรับตัวให้เร็วที่สุดแล้วกลับมาเป็นลุงถังผู้มีเสน่ห์เหมือนเดิมเถอะนะคะ”
ถังจิ้นเหยียนให้ความร่วมมือกับเธอ เขาดื่มนมเข้าไป “แบบนี้เหรอ?”
เจิ้งซิ่วหยาเห็นว่ายังมีนมอีกเยอะในแก้วเธอจึงบอกว่า “ดื่มให้หมด”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “นมแก้วนี้น่าจะเกือบ300MLได้ ถ้าผมดื่มมันหมดจะมีกระเพาะเหลือให้กินข้าวเหรอ?”
หาอะไรนะ?
“คุณจะกินข้าวเหรอคะ? ok! ดีมากถ้างั้นคุณไม่ต้องดื่มแล้ว พวกเราไปกินข้าวกัน ไปกินข้าวกันค่ะ!”
เจิ้งซิ่วหยารีบแย่งแก้วไปจากในมือของเขา จากนั้นเธอใช้ริมฝีปากของเธอประกบไปตรงที่เขาดื่มเมื่อสักครู่ แล้วกลืนนมเข้าไปอึกหนึ่ง
ถังจิ้นเหยียนคว้าเสื้อคลุมของเธอและของเขาจากนั้นถามขึ้นว่า “คุณอยากกินอะไรครับ?”
เจิ้งซิ่วหยาไม่ได้อยากกินข้าวสักหน่อย เธอเพียงแค่กลัวว่าถังจิ้นเหยียนไม่กินไม่ดื่มอะไรแบบนี้จะทำให้ร่างกายทรุดลงได้ ดังนั้นเพียงแค่เขามีความต้องการจะกินข้าว กินอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“ฉันอยากกินไก่ทอด สลัด สเต๊ก ข้าวผัดไข่ ปลา หมู ปลารมควันสไตล์อเมริกา สปาเกตตี……”เธอพูดอาหารหลายอย่างทั้งแบบโบราณและโมเดิร์น คิดว่าคงจะมีสักอย่างที่ถังจิ้นเหยียนอยากกิน
“ถ้าอย่างนั้นเราไปร้านอาหารอิตาลีกินพาสต้ากันนะครับ” ถังจิ้นเหยียนวางเสื้อคลุมบนบ่าของเธอ เจิ้งซิ่วหยาสวมแขนเข้าไปด้านใน แล้วขยับตัวให้เสื้อผ้าเข้ารูป
“ค่ะ คุณพูดในสิ่งที่ฉันอยากกินอยู่พอดีเลย ลุงถังคะ ทำไมคุณถึงเก่งแบบนี้นะ เดาออกว่าฉันต้องการอะไร” รอยยิ้มของเจิ้งซิ่วหยาช่างอบอุ่นราวกับกองไฟในฤดูหนาวที่ทำให้อุ่นใจขึ้น
หัวใจของถังจิ้นเหยียนสั่นไหว สองวันมานี้เขาอยู่ในความเศร้าโศก ไม่มีเวลาไปดูแลเธอเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกของเธอ แต่เธอกลับไม่พูดอะไรออกมาและอยู่ข้างกายเขาเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงน้อย
ถังจิ้นเหยียนตระหนักดีว่า เจิ้งซิ่วหยาเองก็เป็นเหมือนกับเขา เธอไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืน เขาเจ็บปวดใจแล้วรู้สึกโทษตัวเอง “เดี๋ยวผมจะขับรถเอง คุณนอนหลับไปเถอะระหว่างทาง”
เจิ้งซิ่วหยามองดูเขาหัวเราะแล้วพูดว่า “แหมลุงถัง คุณท่าทางเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ขับรถจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนะคะ เดี๋ยวฉันขับเองคุณนอนหลับไปเถอะ”
“ไม่ได้ครับ!คุณเองก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน”
เจิ้งซิ่วหยาคว้ากุญแจรถไปจากเขาแล้วพูดว่า “ใครบอกกันคะ ฉันนอนแล้ว! รู้ไหมว่าบรรดาตำรวจมีความสามารถในการยืนหลับได้ เป็นทักษะที่โรงเรียนตำรวจฝึกมา”
ถังจิ้นเหยียน “……”
เขาไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เธอพูดจริงหรือเท็จ
เจิ้งซิ่วหยาขับรถโดยมีถังจิ้นเหยียนนั่งอยู่ข้างคนขับ เขาเหนื่อยมากจริงๆดังนั้นจึงได้เอนกายแล้วหลับไป
เมื่อมองเห็นชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เจิ้งซิ่วหยาก็ขับรถอย่างช้าๆ บริเวณที่ขับรถผ่านมีร้านอาหารอิตาเลียนอยู่หลายแห่ง แต่เธอก็ขับเลยมันไปเนื่องจากกลัวว่าถ้าจอดรถลงแล้วเขาจะตื่นขึ้น จึงได้อ้อมไปรอบๆเมือง
หลังจากขับไปประมาณ 1 ชั่วโมง ถังจิ้นเหยียนก็ตื่นขึ้น
“ยังไม่ถึงร้านอาหารอีกเหรอ?”
เจิ้งซิ่วหยายิ้มอย่าโง่เขลาแล้วตอบว่า “ฉันไม่ค่อยชินทางค่ะ เลยหาไม่เจอ แต่ฉันคิดว่าฉันใกล้จะเจอมันแล้ว”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มให้อยู่ครู่หนึ่ง
คงมีตำรวจไม่กี่คนที่จะไม่ค่อยรู้ทางอย่างนี้ใช่ไหม? เธอเคยศึกษาในโรงเรียนตำรวจที่อเมริกา เธอคุ้นเคยกับอเมริกามากกว่าเมืองหลวงเสียอีก
รถมาจอดยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากสั่งอาหารแล้วเจิ้งซิ่วหยาก็เดินไปที่ห้องน้ำ
เธอเปิดโทรศัพท์ขึ้น มีสายที่ไม่ได้รับและข้อความโผล่ออกมามากมาย
พระเจ้า!
ข้อความจากโจวจั่นมากที่สุด “ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้นกันทำไมติดต่อไม่ได้?”
“ลูกพี่ ไขคดีค้ายาเสพติดได้แล้ว หัวหน้าและทีมต่อต้านยาเสพติดกำลังจะมอบรางวัลพิเศษให้กับคุณ เมื่อไหร่จะกลับมา?”
เจิ้งซิ่วหยายืนพิงไปที่ประตูขมวดคิ้วแล้วฟังข้อความต่อไป
“คุณกำลังสืบสวนคดีฆาตกรรมอยู่เหรอ? ว่าแต่ว่าเห็นข่าวหรือยังเทพบุตรของเราเปิดเผยตัวตนของเขาต่อหน้าสาธารณชนในวันครบรอบ 1 เดือนของลูกสาว พ่อผู้ให้กำเนิดหลงเซียวคือมู่เส้าเอิน”
อะไรนะ?
เมื่อเจิ้งซิ่วหยาได้ยินประโยคนี้เธอก็มีปฏิกิริยาออกมา เธอไม่ได้เปิดฟังข้อความเสียงอีกต่อไป แต่กลับโทรหาโจวจั่น
โจวจั่นกำลังจะเดินออกจากสถานีตำรวจ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเจิ้งซิ่วหยาโทรมาเขาก็รีบรับแล้วถามขึ้นว่า
“ลูกพี่คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย?”
“อย่าเพิ่งถามอะไรฉันตอนนี้ ฉันขอถามหน่อยหลงเซียวนอกจากจะบอกว่ามู่เส้าเอินคือพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาแล้วยังพูดอะไรอีก?”
โจวจั่นก้าวขาขึ้นรถตำรวจปิดประตูลง พลขับขับรถออกไป จากนั้นได้ยินเสียงไฟของรถตำรวจดังขึ้น
“เมื่อ 30 ปีก่อนตระกูลมู่ถูกฆ่ายกครัว หลงเซียวประกาศว่าจะไม่ยุติเพียงเท่านี้ เขาจะต้องสืบหาผู้ลงมือมาให้ได้ เขาพูดแบบนี้ครับ”
เจิ้งซิ่วหยากำมือแน่นแล้วพูดว่า “โอเคในเมื่อเขาต้องการจะตรวจสอบ พวกเราจะได้ถามถึงเหตุการณ์จากเขา แล้วเข้ากระบวนการสอบสวน”
โจวจั่นเปลี่ยนมาถือโทรศัพท์ที่ข้างขวา “ลูกพี่ฝันกลางวันอยู่หรือไง?เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ 30 ปีก่อน อีกทั้งเกิดในประเทศอเมริกา อยู่ในขอบเขตการสอบสวนของตำรวจอเมริกา ตอนนี้ประเทศของเราไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับนิวยอร์ก การตรวจสอบเรื่องนี้เป็นไปได้ยาก”
“หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระ ฉันรู้ดีต้องให้แกมาสอนเหรอ? ฉันจะคิดหาวิธีติดต่อกับศิษย์เก่าสถาบันตำรวจที่อเมริกา คดีเมื่อ 30 ปีก่อนดูไม่เป็นธรรมจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน”
โจวจั่นแบมือออกเป็นความหมายว่า เอาที่คุณสบายใจเถอะ “อ้อใช่แล้ว ผมได้ยินมาว่าคุณพ่อของถังจิ้นเหยียนประสบอุบัติเหตุเหรอ?”
เมื่อพูดถึงถังจิ้นเหยียนก็คล้ายกับมีขวากหนามอยู่ในใจ
“ใช่ ผู้ต้องหามอบตัวแล้ว”
“ทำไมผมรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป คุณยังไม่ได้เข้าเว็บดูใช่ไหม นักเรียนของเขาเหมือนกับกำลังโต้แย้งบางอย่างอยู่”
“เหรอเดี๋ยวฉันจะดูนะ”
หลังจากวางสายลงเจิ้งซิ่วหยาก็เปิดดูข่าว เป็นไปตามนั้น คำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกัน คาดว่ามีคนบางกลุ่มกำลังหาทางไกล่เกลี่ย
ถังจิ้นเหยียนก็เปิดโทรศัพท์มือถือขึ้น เป็นไปดังคาด โทรศัพท์เขาแทบจะระเบิด
ก่อนอื่นเขาตอบข้อความของลั่วหาน “ตอนนี้ยังไม่ฟื้น อยู่ในอาการโคม่าแต่ไม่ได้อยู่ในภาวะสมองขาดเลือด ไม่มีอาการของฮอร์เนอร์”
ลั่วหานตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า “แล้วผล MRI ล่ะ?”
ถังจิ้นเหยียนเพิ่งจะพิมพ์ไปได้ตัวอักษรหนึ่ง เจิ้งซิ่วหยาก็เดินออกมา
“หิวจังเลยค่ะอาหารมาหรือยัง?”
“มาแล้วครับ รีบทานเถอะ”
หลังจากถังจิ้นเหยียนตอบข้อความเสร็จแล้ว เขาก็วางโทรศัพท์ลงแล้วร่วมรับประทานอาหารกับเธอ
“กินข้าวเสร็จแล้วกลับไปบ้านกับผมก่อนนะ”
เขาจะกลับไปเอาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนและของใช้ประจำวันของพ่อ
เจิ้งซิ่วหยากะพริบตาแล้วถามว่า “ลุงถัง คุณกำลังเชิญชวนฉันเหรอ?”
ส้อมของถังจิ้นเหยียนหยุดชะงักลงทันใด
เจิ้งซิ่วหยาสูดเส้นพาสต้าเข้าไปเส้นหนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันถือว่าคุณกำลังเชิญชวนฉันอยู่นะ โอเคฉันตกลง”
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย เมืองหลวง
“โชคดีที่สมองไม่ได้ขาดออกซิเจน” ลั่วหานพูดอย่างขมขื่นกับส้งชิงเซวี๋ยน
“อยู่ดีๆทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้น่าเสียดายจริงๆ”
“หวังว่าจะช่วยกลับมาได้นะคะ”
“เซียวเซียวได้เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทั้งหมดไปอยู่ที่นั่นแล้ว ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะอยู่รอดของเขาเองแล้วล่ะ”
ลั่วหานอยากจะถามส้งชิงเซวี๋ยนถึงรายละเอียดของถังจงรุ่ยว่าเขารู้หรือไม่ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกไป
“อีกครึ่งชั่วโมงจะมีการประชุมหารือเกี่ยวกับแผนการรักษา ดังนั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”
เธอไม่ได้หยุดอยู่ที่ห้องส้งชิงเซวี๋ยนนานมากนัก เธอจากไปทันทีที่พูดจบ
ส้งชิงเซวี๋ยนหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วเดินไปตรงบันได เขานั่งลงที่พื้นแล้วจุดไฟ
หลังจากที่ลังเลอยู่นาน ส้งชิงเซวี๋ยนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ควันสีขาวลอยปกคลุมเต็มหน้าจอทำให้เขาตาพร่ามัว เขาสูบบุหรี่และโทรไปยังหมายเลขหนึ่ง
……
ถังจิ้นเหยียนพาเจิ้งซิ่วหยากลับบ้าน ในตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครสักคนแต่เจิ้งซิ่วหยาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ที่แห่งนี้คือบ้านแม่สามีในอนาคตของเธอ พระเจ้านี่มันเหมือนฝันไป น่าตื่นเต้นจริงๆ!
ถังจิ้นเหยียนหยิบรองเท้าแตะคู่ใหม่จากตู้รองเท้าให้เธอแล้วพูดว่า รองเท้าแตะของผมเองยังใหม่อยู่ไม่เคยใส่ แต่อาจจะใหญ่ไปหน่อย”
เท้าเบอร์36ของเจิ้งซิ่วหยา มันใหญ่ไปจริงๆ รองเท้าของเขาใหญ่ราวกับเรือ แต่ว่าเนื่องจากเป็นรองเท้าของเขาเธอจึงสวมมันอย่างมีความสุข
“สไตล์การตกแต่งบ้านหลังนี้ค่อนข้างพิเศษเลยนะคะ ให้อารมณ์แบบนักวิชาการ ฉันชอบมันมาก”
ก็เป็นบ้านของนักวิชาการนี่ ที่กำแพงห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยหนังสือเรียงรายเต็มไปหมด หนังสือที่อยู่ตรงราวบันไดขึ้นไปก็มากมาย
นอกจากหนังสือแล้วยังมีตนไผ่กล้วยไม้ที่ได้รับการตัดแต่งอย่างดี
บุรุษผู้แข็งแกร่งราวต้นไผ่ คู่กับหญิงงามราวดอกไม้
พ่อและแม่ของถังจิ้นเหยียนน่าจะเป็นแบบนั้น……
เจิ้งซิ่วหยาให้คะแนนพ่อแม่สามีในอนาคตของเธอไว้สูงมาก
ถังจิ้นเหยียนนำผ้าขนหนูผืนใหม่ออกมาแล้วพูดว่า “ชอบก็ดีแล้วครับ ต่อไปที่บ้านของเราก็จะตกแต่งในรูปแบบนี้”
เขาหมายถึงบ้านหลังจากที่พวกเขาแต่งงาน
เจิ้งซิ่วหยากระโดดเข้าไปกอดผ้าขนหนูไว้อย่างมีความสุข “จริงเหรอคะ จริงเหรอคะ?พวกเราจะแต่งงานกันใช่ไหม!”
ถังจิ้นเหยียนลูบไปที่หัวเธอแล้วพูดว่า “ไปอาบน้ำก่อนเถอะ เสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนคุณใส่ของแม่ไปก่อนได้ไหมน่าจะยังมีชุดที่ยังไม่เคยใส่”
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ เสื้อของคุณแม่ฉันใส่ได้หมด!”
เจิ้งซิ่วหยา “……”
เจิ้งซิ่วหยายกย่องชื่นชมเขาอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ถังจิ้นเหยียนไม่รู้จะพูดอะไร
เจิ้งซิ่วหยาเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ ถังจิ้นเหยียนหยิบเสื้อผ้า 2-3 ชุดมาวางพับไว้
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ถังจิ้นเหยียนรับโทรศัพท์แล้วพูดว่า “Hello!”
ส้งชิงเซวี๋ยนถือบุหรี่อยู่ในมือ หลับตาลงแล้วพูดว่า “ฉันเอง”
เมื่อถังจิ้นเหยียนได้ยินว่าเป็นภาษาจีน เขาจึงได้มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ เป็นเบอร์โทรศัพท์จากประเทศจีนที่ไม่คุ้นเคย
“ไม่ทราบว่าใครกันครับ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนได้ยินเสียงพูดนั้น เขาแทบจะกระโดดลงมาจากบันได บุหรี่ในมือที่ถืออยู่ร่วงลงไปบนพื้น รองเท้าของเขามีแต่เขม่า
“ถังจิ้นเหยียน?”
ในทำนองเดียวกัน ถังจิ้นเหยียนจึงได้รู้ว่านี่คือเสียงของส้งชิงเซวี๋ยน เขาเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ศาสตราจารย์ส้ง คุณได้เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านผมมาจากไหนครับ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่รู้จะพูดอย่างไร เขายืนตัวแข็งอยู่ที่บันไดแล้วรู้สึกว่าเลือดในร่างกายเย็นไปหมดแล้ว เขาเบ้ปากแล้วพูดว่า “คุณ……”
“เกิดเรื่องขึ้นที่โรงพยาบาลเหรอครับ? ตอนนี้ผมอยู่ที่อเมริกามีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ ยังไม่สามารถกลับไปที่โรงพยาบาลได้”
ถังจิ้นเหยียนกำลังอธิบายเหตุผลของเขาอย่างอดทน แต่ว่าหูของส้งชิงเซวี๋ยนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
เฉียวจื้อ……
ถังจิ้นเหยียน…..
มันจะ……ทำไมถึงเป็นแบบนี้?