ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 795
ตอนที่ 795 ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อคุณร้องไห้
นี่คือมาการองรสมัทฉะที่เธอโปรดปราน
นี่คือผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด
นี่คือช่วงบ่ายที่แสนสบายและอบอุ่น
แต่ว่ารสชาติในปากของลั่วหานได้เปลี่ยนจากความหวานเป็นความขมขื่นที่ไม่สามารถขจัดออกไปได้ เธอถือมาการองที่ยังกินไม่เสร็จเอาไว้ในมือ เมื่อเธอเงยหน้าน้ำตาของเธอก็ร่วงหล่น
เมื่อเห็นลั่วหานร้องไห้ หลงเซียวก็แทบจะทนไม่ได้ เขารีบเช็ดน้ำตาของเธอด้วยมือของเขาเอง แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ดูเหมือนเขื่อนที่พึ่งทลายลงมา เขาต้องการจะเช็ดน้ำตาเธอก็ยิ่งร้องไห้ออกมาหนักขึ้น
“ลั่วลั่ว ไม่ร้องไห้นะครับดีไหม?”
เธอก็ไม่อยากร้องไห้ เธอไม่อยากทำให้เขากลัว แต่หัวใจของเธอตอนนี้เจ็บปวดและอึดอัดเหลือเกิน เธอไม่รู้จะทำอะไรได้อีกนอกจากร้องไห้ เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะแตกสลายและร่างของเธอกำลังจะพังทลาย
“ทำไมกัน?”
“พ่อของถังจิ้นเหยียนคือ……ศัตรูที่ฆ่าพ่อของคุณ คุณจะทำยังไง เขาจะทำยังไง แล้วฉันจะทำยังไง?”
ลั่วหานวางขนมหวานลง เธอกอดตัวเองแล้วซบหน้าลงบนโต๊ะร้องไห้ เสียงร้องไห้ของเธอต่ำทุ้ม เสียงนั้นช่างหดหู่อ่อนแอ เธอซ่อนความเจ็บปวดทั้งหมดไว้ในลำคอ แต่ยิ่งเธอต้องการควบคุมมันมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งเสียงดังออกมาทำให้คนอื่นตกใจ
หลงเซียวกอดเธอไว้ แล้วโอบศีรษะของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “จะต้องมีวิธีแน่ จะต้องมีทางจัดการครับ”
ร่างกายของผู้หญิงในอ้อมแขนเขาตอนนี้สั่นเทา หัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาทำได้เพียงแค่ปลอบประโลมเธอเบาๆ
“หลงเซียว ตอนนี้ถังจงรุ่ยอยู่ในขีดอันตราย สภาพของเขาแย่มากและอาจไม่รอด” ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาด้วยน้ำตานองหน้า
“ผมรู้ครับ ผมจึงไม่ตัดสินใจทำอะไรเขาตอนนี้”
“คุณมีหลักฐานไหม?” ลั่วหานเม้มริมฝีปากของเธอแล้วถามเขาทั้งน้ำตา
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมโดยตรง ทุกอย่างถูกลอบวางเพลิงเผาไหม้หมดแล้ว เหลือเพียงการคาดเดาเท่านั้น ข้อมูลที่ผมมีไม่ต่างกับทางตำรวจเมื่อ 30 ปีก่อนที่รับรู้ เพียงแต่ผมมีเป้าหมายผู้ต้องสงสัยที่ชัดเจน”
ลั่วหานไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกของเธออย่างไรดี การที่เธอร้องไห้ออกมานั้นไม่เพียงเพราะถังจงรุ่ยเป็นหนึ่งในห้าคนนั้น แต่เป็นเพราะเธอรู้จากฟางหลิงหยู้ว่าการที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตก็เกี่ยวข้องกับถังจงรุ่ยด้วย
ถ้าหากนี่เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นตระกูลถังตระกูลฉู่ และตระกูลมู่ก็มีความแค้นกันทางสายเลือด
ต่อจากนี้พวกเขาจะทำอย่างไร?
“ฉันลำบากใจจริงๆค่ะ……”
ลั่วหานกำคอเสื้อของตัวเองไว้แน่น นิ้วของเธอเริ่มเป็นสีแดง เธอใช้กำลังอย่างสุดแรง
หลงเซียวกอดเธอแน่นขึ้น “ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าทุกสิ่งจะมาถึงจุดนี้”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ตอนนี้ฉันคิดว่าถ้าถังจิ้นเหยียนรู้ความจริงเข้าเขาจะเป็นอย่างไร นิสัยอย่างเขาฉันกลัวว่าเขาจะทำอะไรโง่ๆไป”
“เขา……อาจจะไม่”
บอกตามตรงว่าหลงเซียวเองก็เดาไม่ออกว่าถ้าหากถังจิ้นเหยียนรู้ถึงอดีตพ่อของเขาเข้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ในตอนนี้เขาเองไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ สิ่งที่เขารับรู้อย่างเดียวก็คือตอนนี้ภรรยาของเขาเสียใจมาก แต่เขากลับไม่อาจช่วยเธอได้เลย
ผ่านไปสักพักลั่วหานจึงหยุดร้องไห้
“หลงเซียวคะ ถ้าหากว่าถังจงรุ่ยเป็นหนึ่งในฆาตกรจริงๆ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ตอนนี้พวกเราไม่สามารถเปิดช่องว่างของหลงถิงได้ แต่เราอาจจะรู้บางอย่างจากถังจงรุ่ยได้ ถังจิ้นเหยียนเคยบอกว่าถังจงรุ่ยพ่อของเขานั้นเป็นคนดี หลายปีมานี้เขาอุทิศตนให้กับหน้าที่การงาน ซึ่งหมายความว่าเขามีจิตใจดีไม่ใช่เหรอ?”
หลงเซียวลูบผมที่ติดอยู่บนใบหน้าของเธอพร้อมกับเช็ดน้ำตา เขานำผมไปทัดที่หลังหูของเธอ “ใช่ครับ แต่นั่นอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี”
ตาของลั่วหานมืดมนลงอีกครั้ง “แต่ว่าตอนนี้ถังจงรุ่ยยังไม่ได้สติ”
ตื้ด ตื้ด มือถือของลั่วหานและหลงเซียวดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
เป็นข้อความ
หลงเซียวได้รับข่าวสารจากผู้เชี่ยวชาญที่อเมริกา
ส่วนลั่วหานได้รับข้อความจากถังจิ้นเหยียน
เนื้อหาของข้อความที่ทั้งสองได้รับตรงกันนั่นคือ ถังจงรุ่ยอาการทรุดลง
ความหวังอันเร่าร้อนของลั่วหาน ถูกสายฝนโปรยปรายดับลง
หลงเซียวกลัวว่าเธอจะร้องไห้ขึ้นมาอีก ดังนั้นจึงเอาโทรศัพท์มือถือของเธอมาใส่ไว้ในกระเป๋าตัวเอง “เรากินข้าวกันต่อเถอะครับ เรื่องอย่างอื่นไม่สำคัญกินเสร็จแล้วพวกเรากลับบ้านกัน”
ลั่วหานจะมีอารมณ์ที่ไหนกินข้าว “คุณว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ถังจงรุ่ยพบเป็นอุบัติเหตุจริงๆเหรอคะ ทำไมฉันรู้สึกว่านับวันยิ่งไม่เหมือน?”
“ไม่สามารถตัดข้อสงสัยว่ามีคนเจตนาทำร้ายเขาได้ แต่หลักฐานทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นแล้วว่าเป็นการอุบัติเหตุ คนขับรถให้ปากคำและไม่มีข้อบกพร่องใดๆ คดีการฆาตกรรมจึงถูกตัดออก” หลงเซียวป้อนเค้กคำเล็กๆส่งใส่ปากให้ลั่วหาน
“แต่ว่า……” เมื่อลั่วหานอ้าปาก หลงเซียวก็นำเค้กใส่เข้าไปในปากเธอเพื่อไม่ให้เธอพูด
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ รอให้ความจริงปรากฏเสียก่อน การตรวจสอบเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ การทำให้คุณอิ่มถึงจะเป็นหน้าที่หลักของผม แล้วก็ตอนนี้คุณคือแม่ของลูกผม จะมัวคิดถึงผู้ชายคนอื่นมากเกินไปไม่ได้นะครับ!”
หลงเซียวป้อนเค้กเข้าไปให้เธออีกเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก
ลั่วหาน “……”
หลังกินข้าวเสร็จหลงเซียวก็ส่งข้อความไปให้เจิ้งซิ่วหยาว่า
“คุณตำรวจเจิ้ง คุณช่วยสืบหาข้อมูลด้วยตนเองในอเมริกาหน่อยได้ไหม อย่าให้ทางเจ้าหน้าที่รับรู้”
ณ หน้าสถานีตำรวจ เมืองนิวยอร์ก
เจิ้งซิ่วหยากัดฟันและกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ให้ตายสิฉันก็เป็นตำรวจนะ!”
แต่ต่อให้เป็นตำรวจก็ไร้ประโยชน์ เมื่ออยู่ในอเมริกาไม่มีใครสนใจเธอหรอก
เจิ้งซิ่วหยากำลังจะสบถออกมา ผู้ชายชาวจีนคนหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจิ้งซิ่วหยาเดินก้าวเข้ามา
เขาสวมชุดตำรวจอเมริกา เดินว่องไวเหมือนสายลม ความสูงประมาณ180เซนติเมตรได้
รอยยิ้มค่อนข้างสดใส “ซิ่วหยาครับ ผมพึ่งออกจากสถานีตำรวจเมื่อสักครู่ขอโทษด้วย”
“เอาเถอะค่ะไม่ต้องทำเป็นเกรงใจกับฉันหรอก ฉันอยากคุยกับคนขับรถบรรทุก แต่พวกเขาไม่ยอมให้ฉันเข้าไป บอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์ในการเยี่ยม ฉันแสดงใบอนุญาตทำงานให้พวกเขาดูแต่ก็ไม่มีใครให้หน้าฉันเลย”
จวงหยู่หัวเราะแล้วเอื้อมมือไปลูบผมของเธอ “คุณโง่หรือไง? ที่นี่คืออเมริกานะไม่ใช่ที่เมืองหลวง ต่อให้คุณแสดงบัตรกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก อีกทั้งคนอเมริกามีการปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างสมบูรณ์แบบ คุณไม่รู้เหรอ?”
เจิ้งซิ่วหยาเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ดังนั้นฉันจึงได้เรียกคุณมาไง!ช่วยหาวิธีให้ฉันหน่อย ฉันมีอะไรจะถามเขา”
จวงหยู่สีหน้าอึดอัดใจแล้วพูดว่า “ซิ่วหยา ผมเกรงว่าผมจะช่วยคุณไม่ได้นอกจาก……”
เจิ้งซิ่วหยาคว้าแขนของเขาแล้วกระโดดโลดเต้นขึ้น “นอกจากอะไร เงินเหรอ?เท่าไหร่ฉันมี!”
จวงหยู่ถุยน้ำลาย “เงินอะไรกันครับ ถ้าเป็นเพราะเงินผมต้องให้คุณควักด้วยตัวเองเหรอ?”
“เชอะ!แล้วอะไรกันเล่าวิธีที่คุณว่า ลองบอกมาสิ”
ในใจของเจิ้งซิ่วหยาเต็มไปด้วยลุงถังคนนั้น เธอจึงไม่อยากเสียเวลา
จวงหยู่มองไปที่ต้องซื้อยาอย่างช้าๆ “ผมไม่ได้เจอคุณนานขนาดนี้ สไตล์การแต่งตัวของคุณมันช่าง……แตกต่างจากเดิมมาก”
เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นชุดกระโปรงของเจิ้งซิ่วหยาเนื่องจากมันเป็นสีชมพูสะดุดตาเป็นพิเศษและมันช่างแตกต่างจากสไตล์การแต่งตัวของเธอก่อนหน้านี้มากเหลือเกินจะว่าอย่างไรดี เขาทั้งชื่นชอบและประหลาดใจ
“บ้า มองอะไรน่ะ! นี่พูดประเด็นมา” เจิ้งซิ่วหยาส่งเสียงพึมพำออกมา
จวงหยู่นำมือลูบไปที่หัวของเธออีกสองสามครั้ง “ให้ตายสิ! ต่อให้เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่นิสัยไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังป่าเถื่อนเหมือนเดิม เอาละ ผมไม่ล้อเล่นกับคุณแล้ว การที่คุณอยากจะพบเขาก็ได้ แต่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งสักหน่อยอย่างเช่น แฟนผม”
ป้าบ!
ในครั้งนี้เจิ้งซิ่วหยาตบลงที่หัวของเขา “กินยาไม่เขย่าขวดหรือไง พูดดีๆ!”
จวงหยู่เจ้าอยู่ลูบหัวของตัวเอง “อะไรเนี่ย ผมพูดดีๆนะ! ในนี้มีพรรคพวกของผมอยู่ แต่ถ้าผมเพียงพาเพื่อนธรรมดาเข้าไปก็คงไม่ได้แน่”
หลังจากไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจิ้งซิ่วหยาทำได้เพียงกัดฟันและพูดว่า “ตกลง!คุณช่วยพาฉันไปพบเขาหน่อย ฉันจะเป็นแฟนให้หนึ่งชั่วโมง พวกเราไม่มีอะไรติดค้างกันนะ! ไม่สิฉันเสียเปรียบ ฉันเป็นเหมือนดอกไม้อันงดงาม ส่วนคุณมันปลาบู่ชนเขื่อน!”
จวงหยู่แทบกระอักเลือด “ปลาบู่ชนเขื่อนเหรอ? ผมเป็นตำรวจหน้าตาดีที่สถาบันตำรวจให้การยอมรับเชียวนะครับ ดูจากหน้าตาและท่าทางแล้วพวกเราก็เข้ากันได้ดีนะ คุณอย่าพูดเหมือนผมดูแย่แบบนั้นสิ!”
“พูดมากจริงๆจะไปไม่ไป?”
“อ่อนโยนกว่านี้หน่อยได้ไหม มา!”
หลังจากที่เขาพูดจบแล้วมือก็เอื้อมไปจับมือของเจิ้งซิ่วหยาเข้า เธอพยายามปัดเขาแต่ก็ไม่เป็นผล
จวงหยู่เดินผ่านท่านนายพลต่างๆ และเดินเข้าไปพบกับเพื่อนที่เป็นผู้คุม ทั้งสองเอ่ยทักทายกันอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็ทำการแนะนำเจิ้งซิ่วหยา
เจิ้งซิ่วหยาร่วมมือในการแสดง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “สวัสดีค่ะ”
จวงหยู่เพิ่งเคยเห็นเธอยิ้มเป็นครั้งแรกจึงทำให้ไม่เคยชินเท่าไหร่นัก ตอนที่เธออ่อนโยนแทบจะฆ่าคนได้เลย!
หลังจากเดินวนไปมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดเจิ้งซิ่วหยาก็พบกับคนที่เธอต้องการพบ
เป็นผู้ชายอายุประมาณ 50 ปี สัญชาติอเมริกัน ใบหน้าซีดเซียวริมฝีปากก็เช่นกัน เขากำลังนั่งหดตัวอยู่ที่มุมของห้องขัง ดวงตาดำโบ๋คล้ายกับป่วย
“สวัสดีค่ะคุณลุง” เจิ้งซิ่วหยาเดินเข้ามาใกล้ราวบันไดแล้วยิ้มให้ชายที่อยู่ข้างใน
ชายคนนั้นเหลือบมองเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร
เจิ้งซิ่วหยายังคงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณลุงคะฉันเป็นคนดี ไม่มีเจตนาร้ายอะไร เพียงแค่อยากจะเข้าใจถึงสถานการณ์บางอย่าง คุณลุงไม่ต้องกังวล”
จวงหยู่มองบน สมัยนี้แล้วผู้ร้ายล้วนแต่บอกว่าตัวเองเป็นคนดีทั้งนั้น!
ชายคนนั้นยังไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ เขาจ้องไปที่พื้นเรากับหูหนวกไม่ได้ยิน
“คุณลุงคะ ตอนนั้นรถของคุณลุง วิ่งไปชนฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร?” เจิ้งซิ่วหยาถามขึ้นอย่างเป็นทางการ
ชายคนนั้นนิ่งเงียบ
“ตอนนั้นรถของคุณถัง วิ่งมาจากฝั่งตรงข้าม คุณเบรกไม่ทันหรือเพราะกลัวอะไรและไม่รู้จะทำยังไง?”
ชายผู้นั้นยังคงนิ่งเงียบเหมือนเดิม
เจิ้งซิ่วหยาไม่ละความพยายาม เธอนั่งยองๆใกล้เขา ยิ้มอย่างอ่อนหวานและพูดว่า “คุณลุงคะ ตอนนี้คุณถังอาการดีขึ้นแล้วรู้หรือเปล่า?”
ชายคนนี้จึงได้เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความเหลือเชื่อ แต่คงยังไม่ได้พูดอะไร
เขามีปฏิกิริยาแล้ว ดีมาก!
เจิ้งซิ่วหยายังคงพูดชักจูงต่อไปว่า “ลูกชายของคุณถังเป็นหมอ เขามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นคุณถังจึงไม่เป็นอะไรมากอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ คุณไม่ต้องกลัว คุณไม่ได้ชนใครตายไม่ต้องติดคุกหรอก”
มุมปากของชายคนนั้นเริ่มขยับแต่ก็ยังไม่ได้พูด
เจิ้งซิ่วหยาพยายามอย่างหนัก “ยิ่งไปกว่านั้นคุณถังเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาเป็นคนดี ตราบใดที่คุณพูดจามีเหตุผลกับพวกเขา เขาคงไม่ให้คุณชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดแน่”
จวงหยู่ “……”
พูดไปเรื่อย แต่ว่าก็เข้าท่าเหมือนกัน
ชายคนนั้นสำรวจมองไปยังเธอ อีกทั้งมองไปที่ผู้ชายยืนอยู่ด้านหลังเธอจากนั้นก็ก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ
เจิ้งซิ่วหยาพูดต่ออีกว่า “ลูกชายของคุณถังได้แสดงความคิดเห็นของเขาแล้วว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ คุณไม่ควรถูกลงโทษอย่างรุนแรง ดังนั้นเขาจะเริ่มทำการถอนฟ้อง คุณสามารถเป็นอิสระแล้ว”
ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่คาดหวังใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ การแสดงออกของเขาช่างเย็นชา
เพื่อนของจวงหยู่ชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือเพื่อเตือนเขาว่าถึงเวลาแล้ว ถ้ายังไม่ไปท่าจะไม่ดี
จวงหยู่ดึงเจิ้งซิ่วหยาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะครับ เราจะหาวิธีอื่น”
เมื่อเดินออกจากสถานีตำรวจเจิ้งซิ่วหยาก็ถอนหายใจออกมา “คุณเห็นอะไรไหม?”
จวงหยู่ใช้นิ้ววนไปรอบๆพวงกุญแจ “เห็นแล้ว ผมพึ่งเห็นว่าคุณก็มีด้านอ่อนโยนเหมือนกัน!”
“ไปเลยนะ! ตอนนี้ฉันไม่ใช่แฟนคุณอีกแล้ว!”
จวงหยู่ทำหน้ามุ่ยแล้วถามว่า “คุณล่ะ เห็นอะไรไหม?”
เจิ้งซิ่วหยาตบไปที่บ่าของเขาแล้วพูดว่า “ลุงคนขับรถเหมือนมีบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ เห็นได้ชัดเจนว่าอุบัติเหตุร้ายแรงในครั้งนี้ เขาถูกคนบังคับมา ดังนั้นคดีนี้จึงต้องสอบสวน!”